บทที่ 390: คฤหาสน์ชิงหลินทำผิดกฎหมาย! เอกสารแก้ไขการทำผิดกฎหมาย!
เมื่อว่านกู่ซื้อกระเจี๊ยบเขียวเสร็จแล้วจากไป สถานการณ์ที่ศูนย์การขายของบ้านไร่ชิงหลินก็ถูกโพสต์ทางออนไลน์พอดี
บ้านไร่ชิงหลินขายผักที่เป็นยารักษาโรค
โดยสรรพคุณทางยาที่ได้ระบุไว้มีการโพสต์ลงโซเชียลออนไลน์และสร้างความฮือฮากันอย่างรุนแรง
ในสังคมยุคใหม่นี้ใคร ๆ ต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการไปโรงพยาบาล ไม่สิ จะว่าเป็นมานานแล้วก็ยังได้ ดังนั้นหากมีผักชนิดใดชนิดหนึ่งที่กินแล้วออกฤทธิ์เหมือนกินยาอยู่จริง ๆ ล่ะก็ทำไมยังต้องไปโรงพยาบาลอีกล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นคือกิมมิกนี้เล่นใหญ่มาก ๆ ผลคือทำให้คนแห่กันไปแย่งซื้อผักที่ศูนย์การขายกันอย่างล้นหลามจนทำให้ผักหมดแผงอย่างรวดเร็ว
ส่วนคนที่ซื้อผักก็ไม่ได้มีโรคที่เกี่ยวข้องอะไรเลย แค่ซื้อเพื่อร่วมสนุกเพราะควาทฮอตเท่านั้น
และต่อมาจะเห็นได้ว่ามีคลิปวิดีโอยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับผักเหล่านี้โผล่มาทีละคลิปสองคลิป
“ได้ผักใหม่จากบ้านไร่ชิงหลินมาแล้วจ้า!”
“นี่คือมะเขือยาวจากบ้านไร่ชิงหลินจ้า...!”
“ได้ยินมาว่านี่เป็นผักที่กินแล้วสามารถรักษาโรคได้!”
ในคลิปวิดีโอเหล่านี้จะเป็นการถ่ายใบเสร็จของศูนย์การขายของบ้านไร่ชิงหลิน จากนั้นระบบของแพลตฟอร์มจะนำเข้าสู่ทราฟิกที่เกี่ยวข้องกับบ้านไร่ชิงหลินและได้รับความนิยมไปโดยปริยายในทันที
............................................................................................
ที่ว่าการอำเภอโหยวเฉิง
นายอำเภอซุนได้ดูข่าวที่กำลังฮอตแล้วก็โทรตามเฉินหลี่มาถามทันที “อ่านข่าวล่าสุดของบ้านไร่ชิงหลินที่กำลังฮิต ๆ กันตอนนี้แล้วยัง”
เฉินหลี่พยักหน้า “ดูแล้วครับ ไม่นึกเหมือนกันว่าบ้านไร่ชิงหลินจะทำของแบบนี้ออกมาได้ด้วย”
นายอำเภอซุนพูดต่อว่า “ศาสตราจารย์หลี่ไข่ก็เก่งเกินไปจริง ๆ เรื่องพืชผลนี่อยากค้นคว้าอะไรก็ค้นคว้าได้สำเร็จหมด”
พวกเขาทั้งสองไม่ได้สงสัยในประสิทธิภาพของผักที่ระบุไว้เลย เพราะพวกเขารู้ดีกว่าใครว่าเถ้าแก่ฉินเป็นคนระมัดระวังแค่ไหน คนคนนั้นไม่มีทางโฆษณาข้อมูลปลอมเพื่อเรียกร้องความสนใจอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นบ้านไร่ชิงหลินไม่ต้องใช้อุบายแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจเลยแม้แต่น้อย
นายอำเภอซุนถามว่า “แล้วผักพันธุ์ใหม่พวกนั้นสามารถส่งเสริมการปลูกในวงกว้างได้มั้ย”
เฉินหลี่อธิบายว่า “ทันทีที่มีข่าวออกมาผมก็โทรถามเถ้าแก่ฉินเลย ทางนั้นบอกว่ายังไม่มีแผนในตอนนี้และจะให้บ้านไร่ชิงหลินเท่านั้นที่มีน่ะครับ”
นายอำเภอซุนได้ยินก็พยักหน้าและไม่คิดจะถามต่อ
แม้ในใจจะอยากมากเหลือเกินให้เถ้าแก่ฉินส่งเสริมการปลูกในวงกว้างในอำเภอโหยวเฉิง แต่ก็ไม่ได้ดึงดัน อีกทั้งผลประโยชน์ที่ได้รับก่อนหน้านี้ก็มากมายพอแล้วสำหรับอำเภอนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่บริษัทชิงหลินได้จัดตั้งสวนอุตสาหกรรมในอำเภอโหยวเฉิง
ดังนั้นการดึงดันบีบบังคับจะดูไม่รู้จักพอเกินไปหน่อย อีกฝ่ายอาจจะรู้สึกแย่กับตนและอาจเปลี่ยนเป็นการทำลายความสัมพันธ์แทนก็เป็นได้
ผักชนิดใหม่นี้ได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก และผู้ที่มาเที่ยวบ้านไร่ชิงหลินต่างก็ให้ความสนใจกับผักเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา
เพียงแต่เมื่อคนมาทีหลังเห็นข่าวและไปหาซื้อที่ศูนย์การขายก็ต้องพบว่าผักพันธุ์ใหม่ขายหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอซื้อกันตั้งแต่ไก่โห่วันรุ่งขึ้น
ทว่าคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่พวกที่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องและมาแย่งซื้อเพื่อร่วมสนุกหรือเกาะกระแสหาชื่อเสียงอีกเหมือนเดิม
แต่ก็ใช่ว่านักท่องเที่ยวทุกคนเขาจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันหมด มีนักท่องเที่ยวบางรายที่มาเพื่อจะหาปัญหาซึ่งมีอยู่ตลอด
โซนห้องบ่าวสาว
สาว ๆ หลายคนกำลังเม้ามอยกันเรื่องผักพันธุ์ใหม่
“นี่ ๆ มะเขือยาวนี่กินแล้วลดไขมันในเลือดได้ด้วยแหละ!”
“ถ้าผักนี่กินแล้วรักษาโรคได้จริงล่ะก็ทั้งโรงบาลทั้งหมอก็ไม่ต้องมีมันแล้ว ยิ่งแผนตะวันตกนะรับรองว่าอยู่ยาก”
“จริงดิ? เมื่อปีกลายฉันพึ่งไปโรงบาลมา เป็นไขมันในเลือดสูงนี่แหละ โดนทั้งยากินยาฉีดบวกค่าหมอก็ปาไปเป็นพันอะ แต่ผลคือเป็นไงรู้ปะ แค่ประคองทรงไม่ให้อาการมันกำเริบแต่ไม่ช่วยให้ต้นตอหายขาด เพราะงั้นฉันเลยต้องควักกระเป๋าทีละเป็นพันเพื่อไปรักษาไอ้โรคบ้านี่อยู่บ่อย ๆ เลย”
...
การสนทนาเหล่านี้ทำให้ชายอีกคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปีกับชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีที่กำลังออกจากโซนห้องบ่าวสาวได้ยินแล้วไม่มีความสุขเลย
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ขมวดคิ้ว “ไอ้ห่าเอ๊ย ผักบ้านพ่อมึงสิกินแล้วรักษาโรคได้ ตอนแรกกูก็คิดว่าบ้านไร่ชิงหลินเป็นที่ที่ดีอยู่หรอก แต่ที่ไหนได้แม่งต้องสร้างเรื่องดึงดูดความสนใจคนแบบนี้”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “อาจารย์ครับ ผมว่าเรื่องนี่เราเมินไม่ได้นะ ช่วงนี้ชีวิตเรายิ่งลำบาก ๆ อยู่”
ที่ทั้งคู่ไม่มีความสุขนักส่วนหนึ่งก็เพราะว่าทั้งคู่อยู่ในอุตสาหกรรมยาแผนตะวันตก แถมยังเป็นหน่วยงานการวิจัยอีกด้วย
ฝ่ายชายชรามีชื่อเสียงมาก ชื่อว่าฟู่ซินหมิงเป็นศาสตราจารย์ด้านการวิจัยยาแผนตะวันตก
ช่วงนี้ชีวิตของฟู่ซินหมิงไม่มีความสุขเลย และเพราะความไม่มีความสุขนี่แหละที่ทำให้เจ้าตัวพาลูกศิษย์มาเที่ยวที่บ้านไร่ชิงหลิน
ส่วนสาเหตุที่ศิษย์อาจารย์คู่นี้งไม่มีความสุขก็ไม่ใช่เพราะความยากลำบากกับปัญหาที่แพทย์แผนตะวันตกต้องเผชิญ
แต่เพราะยาที่ทั้งคู่กำลังวิจัยอยู่นั้นเป็นยาที่เกี่ยวข้องกับภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งคู่ได้พัฒนายาสำหรับภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันแล้ว ส่วนโรคเส้นเลือดในสมองตีบเองก็กำลังวิจัยอยู่ซึ่งเป็นงานวิจัยที่สำคัญที่สุดที่ทีมงานของศิษย์อาจารย์คู่นี้รับผิดชอบมาโดยตลอด
ที่สำคัญคือมันเป็นแหล่งเงินทุนและสวัสดิการสำคัญสำหรับทีมวิจัยอีกด้วย
ซึ่งเงินทุนสนับสนุนนี้ก็เป็นเงินที่ทางรัฐบาลจัดให้มาโดยตลอด ด้วยเพราะความขาดแคลนยารักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบประกอบกับทีก่อนหน้านี้ตระกูลหลิ่วได้ให้ความสนใจยาประเภทเดียวกันนี้จนถึงขนาดผูกขาดยาดังกล่าวได้สำเร็จแล้วด้วยซ้ำ
เดิมทีเจ้าพวกนี้กะว่าจะเรียกร้องเอาเงินทุนวิจัยเพิ่มขึ้นอีกซะด้วยซ้ำ แต่ที่ไหนได้ใครมันจะนึกว่าจู่ ๆ ก็ดันมีสูตรยาแผนโบราณที่ใช้รักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบได้ออกมาซะงั้น ทำให้ทางรัฐบาลปิดจ็อบโครงการวิจัยโรคเส้นเลือดในสมองตีบลงได้ในทันทีซะงั้น
เดิมทีทีมวิจัยของศิษย์อาจารย์คู่นี้สามารถหาเลี้ยงชีพได้อย่างหรูหราโดยอาศัยเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ในตอนนี้เงินทุนดังกล่าวคือถูกตัดทิ้งไปแล้วเรียบร้อยจะเหลือก็แต่โครงการวิจัยภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเท่านั้น ซึ่งโครงการพวกนี้เมื่อเทียบกับอันก่อนแล้วถือว่าค่อนข้างจะด้อยกว่าประมาณหนึ่งถึงสองระดับเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวอีกว่าทางเบื้องบนจะให้การสนับสนุนโครงการวิจัยการแพทย์งและยาแผนโบราณ ซึ่งเงินทุนที่จะเอามาสนับสนุนในโครการวิจัยด้านการแพทย์แผนตะวันตกจะลดลงไปโดยปริยายด้วย
นี่คือสิ่งที่ทำให้นักวิจัยด้านการแพทย์ตะวันตกต่างพากันหดหู่ใจมาก นี่ไม่ต่างจากปิดกันหนทางในการใช้ชีวิตกันเลย
หลังจากพัฒนาด้านการแพทย์แผนตะวันตกมาหลายสิบปีเจ้าตัวก็ได้กลับจากเรียนจบนอก ทั้งยังได้เห็นการเจริญเติบโตของการแพทย์แผนตะวันตกด้วยตาของตัวเองมาโดยตลอด ได้เห็นการเอาชนะการแพทย์แผนโบราณที่แปลกประหลาดและไร้ซึ่งมูลความจริง ถึงขนาดเปิดโปงว่าส่วนใหญ่เป็นแค่ความรู้พื้นถิ่นและโกหกหลอกลวงก็ทำมาแล้วด้วยซ้ำ
เป็นยาแผนตะวันตกของพวกตนต่างหากที่รักษาความปลอดภัยจากโรคร้ายในประเทศนี้มานานหลายสิบปี และพวกตนก็มีส่วนร่วมเสมอมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยทุกคนจะได้รับผลประโยชน์
แล้วตอนนี้จู่ ๆ ทางเบื้องบนกลับจะหันไปสนับสนุนการแพทย์แผนโบราณแบบนี้แล้วใครมันจะไปยอมรับได้กันเล่า?
ทว่าเพราะเป็นการตัดสินใจของทางเบื้องบนทำให้คนพวกนี้ไม่สามารถคัดค้านต่อต้านหรือเล่นงานฝ่ายแพทย์แผนโบราณได้อย่างเปิดเผย
แต่ไอ้บ้านไร่ชิงหลินนี่มันเชี่ยไรวะ
เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวต๊อกต๋อยกล้ามาบอกว่าผักที่ตัวเองขายกินแล้วรักษาโรคได้ มะเขือยาวเนี่ยนะจะกินแล้วรักษาไขมันในเลือดสูง?
ถ้ากินมะเขือยาวแล้วไขมันในเลือดมันลดลงจริงล่ะก็ งั้นยาตะวันตกที่พวกกูค้นคว้ามาเป็นสิบปีเพื่อใช้ลดไขมันในเลือดคือเสียเวลาไปเปล่า ๆ งั้นสิ?
ทนไม่ไหวแล้วโว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...!
กูทำอะไรไอ้พวกหมอแผนโบราณไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่ากูจะลงโทษไอ้สถานที่ท่องเที่ยวโง่ ๆ ที่เล่นกลโง่ ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจไม่ได้นาโว่ย
“ฉวนเจีย ติดต่อประธานฉู่ของสมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิดซะ และบอกว่าฉันขอให้รายงานบ้านไร่ชิงหลินด้วยชื่อจริงของฉันเลย ฉันจะหาทนายความมาเขียนคำฟ้องและฟ้องร้องบ้านไร่ชิงหลินในข้อหาละเมิดกฎหมายส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ยาโดยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยาอันเป็นเท็จ!” ฟู่ซินหมิงหันกลับมาสั่งเฉินฉวนเจียที่เป็นลูกศิษย์
“ครับ!” เฉินฉวนเจียได้ยินคำสั่งของอาจารย์ก็หยิบมือถือขึ้นมาติดต่อตามนั้นไปทันที
อย่างไรก็ตาม ในการลงโทษบ้านไร่ชิงหลินหรือแม้แต่การดำเนินคดีกับบ้านไร่ชิงหลินจำเป็นต้องมีหลักฐาน
ซึ่งคลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์เหล่านั้นสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ก็จริง แต่การจะฟ้องร้องผู้ฟ้องต้องไปรวบรวมหลักฐานจากสถานที่จริงให้ครบถ้วนด้วย
ดังนั้นฟู่ซินหมิงกับเฉินฉวนเจียจึงตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น
ทั้งคู่ไปที่ศูนย์การขาย
แม้กระทั่งก่อนที่ประตูศูนย์การขายจะเปิดก็ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ด้านนอกรอแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องการซื้อผักพันธุ์ใหม่กันทั้งนั้น
“ได้ยินมาว่าผักพันธุ์ใหม่นี้กินแล้วรักษาโรคได้จริงด้วยล่ะ!”
“ทางเราได้ยินจากเพื่อนมานะ เห็นบอกว่าซื้อมะเขือยาวไปกินแล้วไขมันในเลือดจากสูง ๆ นี่หายเลย”
“จริง เห็นว่าออกฤทธิ์เร็วมากด้วย หลังกินไปแค่ไม่กี่นาทีก็เห็นผลแล้ว ดีกว่ายาแคปซูลฟู่เซว่ที่กิน ๆ อยู่เยอะเลย แถมยานั่นยังเป็นยาที่ดีที่สุดในตลาดแล้วด้วยนะนั่น”
แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย เพราะถึงยังไงนี่ก็แค่ผักเลเวล 1 เท่านั้น ไม่ว่าฤทธิ์จะแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถส่งผลในเวลาแค่ไม่กี่นาทีเลยได้หรอก
แต่เพราะต้องการให้คำพูดตนมีแรงกระตุ้นให้คนเชื่อจึงทำให้บางคนอธิบายหรือพูดอะไรที่มันเกินจริงไปอยู่เสมอ
แน่นอนว่าฟู่ซินหมิงที่ได้ยินบทสนทนานั่นแล้วก็โกรธจัดกว่าเดิมอีก ใบหน้าตอนนี้นี่เหี้ยมเกรียมเหมือนอยากจะเอาตีนกระทืบบ้านไร่ชิงหลินแล้วขยี้ให้แหลกคาตีนนั่นเลยทีเดียว
เพราะยาแคปซูลฟู่เซว่นั่นคือยาที่ฟู่ซินหมิงเป็นผู้พัฒนาขึ้นนั่นเอง
แล้วไอ้พวกเวรนี่กล้ามาบอกว่าผักสดของบ้านไร่ชิงหลินดีกว่ายาที่กูพัฒนาขึ้นเนี่ยนะ พวกมึงจะมากเกินไปแล้วนาโว่ย ยังมาบอกอีกว่าผักนั่นกินไปแค่ไม่กีนาทีก็ออกฤทธิ์แล้ว พวกมึงไม่เรียกว่ายาวิเศษไปเลยล่ะวะ หา!
เรื่องนี้ทำให้เจ้าหมอนี่ยิ่งเพิ่มความตั้งใจในการบดขยี้บ้านไร่ชิงหลินให้แหลกคาตีนมากขึ้นไปอีก
แล้วไม่นานประตูศูนย์ขายก็เปิดออก เหล่านักท่องเที่ยวที่มาออกันอยู่หน้าประตูก็กรูกันเข้าไปและแน่นอนว่าต้องตรงไปยังโซนขายผักพันธุ์ใหม่
ฟู่ซินหมิงกับเฉินฉวนเจียก็ตามไปด้วย ทั้งคู่ไหลตามกระแสฝูงชนไปยังโซนผักพันธุ์ใหม่ทว่าไม่ได้ไปหาซื้อแต่ไปรวบรวมหลักฐาน
ดังนั้นทันทีที่ทั้งคู่เข้าประตูไปปุ๊บก็จัดการถ่ายรูปป้ายข้อมูลรายละเอียดของผักพันธุ์ใหม่กันปั๊บรวมถึงพวกที่กำลังโกยผักใส่ถุงด้วย
นี่คือการรวบรวมหลักฐานในสถานที่จริง ซึ่งพอที่จะใช้พิสูจน์ได้แล้วว่าบ้านไร่ชิงหลินทำผิดกฎหมายส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งราคาผักแพงกว่าผักชนิดเดียวกันในโซนอื่นมากซะด้วย
จากมะเขือยาวราคาปกติแค่จินละ 2 หยวน แต่ไอ้นี่ห่าอะไรจินละตั้ง 20 หยวน นี่มันไม่เห็นหัวกฎหมายชัด ๆ เป็นการแสวงหากำไรอย่างผิดกฎหมายเห็น ๆ
เพื่อเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากขึ้นฟู่ซินหมิงเลยให้เฉินฉวนเจียซื้อผักหลายชนิดและเอามาตรวจสอบกับใบเสร็จรับเงิน
นี่ยิ่งเป็นหลักฐานที่ชัดสุดยิ่งกว่า
แล้วฟู่ซินหมิงก็พาเฉินฉวนเจียไปเตรียมของทั้งหมดให้พร้อมแล้วค่อยออกจากศูนย์การขาย ทั้งคู่กลับไปทีห้องบ่าวสาวพร้อมกับความเยาะเย้ยบนใบหน้า จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ส่งอีเมลถึงนายกสมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิด
นายยกสมาคมฯคนนี้เป็นเพื่อนของฟู้ซิงหมิงเอง หลังจากส่งหลักฐานไปให้ดูแล้วก็ยังโทรหาอีกฝ่ายซ้ำอีก
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายฟู่ซินหมิงก็พูดทันที “ผมส่งข้อมูลให้แล้วนะประธานฉู่ ได้ดูแล้วยัง โฆษณาชวนเชื่อผิดกฎหมายแบบนี้ไม่อาจละเลยได้นะ”
ปลายสาย
ที่สมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิด ฉู่ซานเหอที่ได้ยินฟู่ซินหมิงพูดมาแบบนั้นก็ตอบกลับเสียงเครียด “ดูแล้วล่ะนะศาสตราจารย์ฟู่ เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่าผักพวกนั้นเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นเท็จรึเปล่าเนี่ยสิ เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็มีศาสตราจารย์หลี่ไข่ของห้องทดลองชิงหลินอยู่นะ”
ตอนนี้ฟู่ซินหมิงโกรธมากเนื่องจากมีคนกล้าดูหมิ่นยาที่ตนเองใช้เวลาศึกษามานานเป็นสิบปีว่าสู้มะเขือยาวไม่ได้
ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่เชื่อเรื่องนี้เลยและพูดกลับตรง ๆ “ประธานฉู่ ถ้าคุณลองคิดดูดี ๆ ยังไงก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ศาสตราจารย์หลี่ไข่จะเก่งแค่ไหนก็เป็นไปได้มากสุดแค่กระเจี๊ยบเขียวอย่างเดียวเท่านั้นแหละ แต่ผักอื่น ๆ ล่ะเป็นไปได้เหรอ แถมปริมาณยังเยอะมากด้วย ดูก็รู้แล้วว่าเป็นแค่เรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาน่ะ”
แล้วฉู่ซานเหอก็เลือกเชื่อฟู่ซินหมิงซึ่งศาสตราจารย์ทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เหตุสำคัญคงเป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกระมัง ดังนั้นเมื่อเชื่อไปแล้วก็ให้คำตอบว่า “งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวล ทางเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างแน่นอน”
หลังจากวางสายแล้วฉู่ซานเหอก็ดูหลักฐานที่ฟู่ซินหมิงส่งมาอีกครั้ง
อันที่จริงแล้วทางนี้เองก็ได้เห็นข่าวการประชาสัมพันธ์ของบ้านไร่ชิงหลินมาตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน
การโปรโมตว่าผักเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยานี่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายจริง ๆ นั่นแหละ และตอนนี้ในเมื่อศาสตราจารย์ฟู่ซินหมิงเป็นคนเอ่ยปากเองแบบนี้ก็มั่นใจเต็มเปี่ยมแล้วว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันจั๋งหนับ
ที่สำคัญกว่านั้นคือทางสมาคมฯของตนไม่มีเรื่องให้ต้องลงมือมานานแล้ว ก่อนหน้านี้เรื่องยารักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบของพวกตระกูลหลิ่วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย จนตอนนี้มีคนตั้งคำถามถึงศักดิ์ศรีของสมาคมฯกันแล้วด้วย
ดังนั้นฉู่ซานเหอจึงอยากที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ให้พวกลิงมันได้รู้บารมีซะบ้างจะได้เลิกปากพล่อยกันเสียที
ยิ่งไปกว่านั้นบ้านไร่ชิงหลินก็เป็นเป้าหมายที่เหมาะเหม็งพอดี เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะบ้านไร่ชิงหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมากพอยังไงเล่า!
เป็นธรรมดาที่ฉู่ซานเหอจะรู้ว่าสถานะของบ้านไร่ชิงหลินในตอนนี้และความแข็งแกร่งของเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังว่าเป็นยังไง และรู้ด้วยว่าหลาย ๆ คนไม่อยากที่จะไปมีเรื่องด้วยกับบริษัทนี้
แต่พวกตนนั้นไม่เหมือนกัน เพราะยิ่งสมาคมฯมีเรื่องให้คนอื่นต้องหัวร้อนมากเท่าไหร่ ชื่อเสียงของสมาคมฯก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้บริษัทชิงหลินมีชื่อเสียงที่ดีมากมาโดยตลอด ซึ่งหากตนไปเหยียบตีนซักทีสองทีล่ะก็ถือเป็นการแสดงอำนาจได้ยิ่งใหญ่อลังการเลยทีเดียว
เมื่อคิดได้ดังนี้ฉู่ซานเหอก็โทรออกและพูดใส่โทรศัพท์ว่า “ส่งเอกสารแก้ไขการทำผิดกฎหมายไปที่บ้านไร่ชิงหลินที”