ตอนที่แล้วบทที่ 389: อะไรวะ! ผักเนี่ยนะเป็นยา?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 391: เชือดไก่ให้ลิงดู! จินตนาการของตัวเองนี่แหละน่ากลัวสุดแล้ว!

บทที่ 390: คฤหาสน์ชิงหลินทำผิดกฎหมาย! เอกสารแก้ไขการทำผิดกฎหมาย!


เมื่อว่านกู่ซื้อกระเจี๊ยบเขียวเสร็จแล้วจากไป  สถานการณ์ที่ศูนย์การขายของบ้านไร่ชิงหลินก็ถูกโพสต์ทางออนไลน์พอดี

บ้านไร่ชิงหลินขายผักที่เป็นยารักษาโรค

โดยสรรพคุณทางยาที่ได้ระบุไว้มีการโพสต์ลงโซเชียลออนไลน์และสร้างความฮือฮากันอย่างรุนแรง

ในสังคมยุคใหม่นี้ใคร ๆ ต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการไปโรงพยาบาล  ไม่สิ  จะว่าเป็นมานานแล้วก็ยังได้  ดังนั้นหากมีผักชนิดใดชนิดหนึ่งที่กินแล้วออกฤทธิ์เหมือนกินยาอยู่จริง ๆ ล่ะก็ทำไมยังต้องไปโรงพยาบาลอีกล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นคือกิมมิกนี้เล่นใหญ่มาก ๆ ผลคือทำให้คนแห่กันไปแย่งซื้อผักที่ศูนย์การขายกันอย่างล้นหลามจนทำให้ผักหมดแผงอย่างรวดเร็ว

ส่วนคนที่ซื้อผักก็ไม่ได้มีโรคที่เกี่ยวข้องอะไรเลย  แค่ซื้อเพื่อร่วมสนุกเพราะควาทฮอตเท่านั้น

และต่อมาจะเห็นได้ว่ามีคลิปวิดีโอยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับผักเหล่านี้โผล่มาทีละคลิปสองคลิป

“ได้ผักใหม่จากบ้านไร่ชิงหลินมาแล้วจ้า!”

“นี่คือมะเขือยาวจากบ้านไร่ชิงหลินจ้า...!”

“ได้ยินมาว่านี่เป็นผักที่กินแล้วสามารถรักษาโรคได้!”

ในคลิปวิดีโอเหล่านี้จะเป็นการถ่ายใบเสร็จของศูนย์การขายของบ้านไร่ชิงหลิน  จากนั้นระบบของแพลตฟอร์มจะนำเข้าสู่ทราฟิกที่เกี่ยวข้องกับบ้านไร่ชิงหลินและได้รับความนิยมไปโดยปริยายในทันที

............................................................................................

ที่ว่าการอำเภอโหยวเฉิง

นายอำเภอซุนได้ดูข่าวที่กำลังฮอตแล้วก็โทรตามเฉินหลี่มาถามทันที “อ่านข่าวล่าสุดของบ้านไร่ชิงหลินที่กำลังฮิต ๆ กันตอนนี้แล้วยัง”

เฉินหลี่พยักหน้า “ดูแล้วครับ  ไม่นึกเหมือนกันว่าบ้านไร่ชิงหลินจะทำของแบบนี้ออกมาได้ด้วย”

นายอำเภอซุนพูดต่อว่า “ศาสตราจารย์หลี่ไข่ก็เก่งเกินไปจริง ๆ เรื่องพืชผลนี่อยากค้นคว้าอะไรก็ค้นคว้าได้สำเร็จหมด”

พวกเขาทั้งสองไม่ได้สงสัยในประสิทธิภาพของผักที่ระบุไว้เลย  เพราะพวกเขารู้ดีกว่าใครว่าเถ้าแก่ฉินเป็นคนระมัดระวังแค่ไหน  คนคนนั้นไม่มีทางโฆษณาข้อมูลปลอมเพื่อเรียกร้องความสนใจอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นบ้านไร่ชิงหลินไม่ต้องใช้อุบายแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจเลยแม้แต่น้อย

นายอำเภอซุนถามว่า “แล้วผักพันธุ์ใหม่พวกนั้นสามารถส่งเสริมการปลูกในวงกว้างได้มั้ย”

เฉินหลี่อธิบายว่า “ทันทีที่มีข่าวออกมาผมก็โทรถามเถ้าแก่ฉินเลย  ทางนั้นบอกว่ายังไม่มีแผนในตอนนี้และจะให้บ้านไร่ชิงหลินเท่านั้นที่มีน่ะครับ”

นายอำเภอซุนได้ยินก็พยักหน้าและไม่คิดจะถามต่อ

แม้ในใจจะอยากมากเหลือเกินให้เถ้าแก่ฉินส่งเสริมการปลูกในวงกว้างในอำเภอโหยวเฉิง  แต่ก็ไม่ได้ดึงดัน  อีกทั้งผลประโยชน์ที่ได้รับก่อนหน้านี้ก็มากมายพอแล้วสำหรับอำเภอนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่บริษัทชิงหลินได้จัดตั้งสวนอุตสาหกรรมในอำเภอโหยวเฉิง

ดังนั้นการดึงดันบีบบังคับจะดูไม่รู้จักพอเกินไปหน่อย  อีกฝ่ายอาจจะรู้สึกแย่กับตนและอาจเปลี่ยนเป็นการทำลายความสัมพันธ์แทนก็เป็นได้

ผักชนิดใหม่นี้ได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก  และผู้ที่มาเที่ยวบ้านไร่ชิงหลินต่างก็ให้ความสนใจกับผักเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา

เพียงแต่เมื่อคนมาทีหลังเห็นข่าวและไปหาซื้อที่ศูนย์การขายก็ต้องพบว่าผักพันธุ์ใหม่ขายหมดแล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอซื้อกันตั้งแต่ไก่โห่วันรุ่งขึ้น

ทว่าคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่พวกที่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องและมาแย่งซื้อเพื่อร่วมสนุกหรือเกาะกระแสหาชื่อเสียงอีกเหมือนเดิม

แต่ก็ใช่ว่านักท่องเที่ยวทุกคนเขาจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันหมด  มีนักท่องเที่ยวบางรายที่มาเพื่อจะหาปัญหาซึ่งมีอยู่ตลอด

โซนห้องบ่าวสาว

สาว ๆ หลายคนกำลังเม้ามอยกันเรื่องผักพันธุ์ใหม่

“นี่ ๆ มะเขือยาวนี่กินแล้วลดไขมันในเลือดได้ด้วยแหละ!”

“ถ้าผักนี่กินแล้วรักษาโรคได้จริงล่ะก็ทั้งโรงบาลทั้งหมอก็ไม่ต้องมีมันแล้ว  ยิ่งแผนตะวันตกนะรับรองว่าอยู่ยาก”

“จริงดิ?  เมื่อปีกลายฉันพึ่งไปโรงบาลมา  เป็นไขมันในเลือดสูงนี่แหละ  โดนทั้งยากินยาฉีดบวกค่าหมอก็ปาไปเป็นพันอะ  แต่ผลคือเป็นไงรู้ปะ  แค่ประคองทรงไม่ให้อาการมันกำเริบแต่ไม่ช่วยให้ต้นตอหายขาด  เพราะงั้นฉันเลยต้องควักกระเป๋าทีละเป็นพันเพื่อไปรักษาไอ้โรคบ้านี่อยู่บ่อย ๆ เลย”

...

การสนทนาเหล่านี้ทำให้ชายอีกคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปีกับชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีที่กำลังออกจากโซนห้องบ่าวสาวได้ยินแล้วไม่มีความสุขเลย

เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ขมวดคิ้ว “ไอ้ห่าเอ๊ย  ผักบ้านพ่อมึงสิกินแล้วรักษาโรคได้  ตอนแรกกูก็คิดว่าบ้านไร่ชิงหลินเป็นที่ที่ดีอยู่หรอก  แต่ที่ไหนได้แม่งต้องสร้างเรื่องดึงดูดความสนใจคนแบบนี้”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “อาจารย์ครับ  ผมว่าเรื่องนี่เราเมินไม่ได้นะ  ช่วงนี้ชีวิตเรายิ่งลำบาก ๆ อยู่”

ที่ทั้งคู่ไม่มีความสุขนักส่วนหนึ่งก็เพราะว่าทั้งคู่อยู่ในอุตสาหกรรมยาแผนตะวันตก  แถมยังเป็นหน่วยงานการวิจัยอีกด้วย

ฝ่ายชายชรามีชื่อเสียงมาก  ชื่อว่าฟู่ซินหมิงเป็นศาสตราจารย์ด้านการวิจัยยาแผนตะวันตก

ช่วงนี้ชีวิตของฟู่ซินหมิงไม่มีความสุขเลย  และเพราะความไม่มีความสุขนี่แหละที่ทำให้เจ้าตัวพาลูกศิษย์มาเที่ยวที่บ้านไร่ชิงหลิน

ส่วนสาเหตุที่ศิษย์อาจารย์คู่นี้งไม่มีความสุขก็ไม่ใช่เพราะความยากลำบากกับปัญหาที่แพทย์แผนตะวันตกต้องเผชิญ

แต่เพราะยาที่ทั้งคู่กำลังวิจัยอยู่นั้นเป็นยาที่เกี่ยวข้องกับภาวะไขมันในเลือดสูง  โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน  และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ

ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งคู่ได้พัฒนายาสำหรับภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันแล้ว  ส่วนโรคเส้นเลือดในสมองตีบเองก็กำลังวิจัยอยู่ซึ่งเป็นงานวิจัยที่สำคัญที่สุดที่ทีมงานของศิษย์อาจารย์คู่นี้รับผิดชอบมาโดยตลอด

ที่สำคัญคือมันเป็นแหล่งเงินทุนและสวัสดิการสำคัญสำหรับทีมวิจัยอีกด้วย

ซึ่งเงินทุนสนับสนุนนี้ก็เป็นเงินที่ทางรัฐบาลจัดให้มาโดยตลอด  ด้วยเพราะความขาดแคลนยารักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบประกอบกับทีก่อนหน้านี้ตระกูลหลิ่วได้ให้ความสนใจยาประเภทเดียวกันนี้จนถึงขนาดผูกขาดยาดังกล่าวได้สำเร็จแล้วด้วยซ้ำ

เดิมทีเจ้าพวกนี้กะว่าจะเรียกร้องเอาเงินทุนวิจัยเพิ่มขึ้นอีกซะด้วยซ้ำ  แต่ที่ไหนได้ใครมันจะนึกว่าจู่ ๆ ก็ดันมีสูตรยาแผนโบราณที่ใช้รักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบได้ออกมาซะงั้น  ทำให้ทางรัฐบาลปิดจ็อบโครงการวิจัยโรคเส้นเลือดในสมองตีบลงได้ในทันทีซะงั้น

เดิมทีทีมวิจัยของศิษย์อาจารย์คู่นี้สามารถหาเลี้ยงชีพได้อย่างหรูหราโดยอาศัยเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล  แต่ในตอนนี้เงินทุนดังกล่าวคือถูกตัดทิ้งไปแล้วเรียบร้อยจะเหลือก็แต่โครงการวิจัยภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเท่านั้น  ซึ่งโครงการพวกนี้เมื่อเทียบกับอันก่อนแล้วถือว่าค่อนข้างจะด้อยกว่าประมาณหนึ่งถึงสองระดับเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวอีกว่าทางเบื้องบนจะให้การสนับสนุนโครงการวิจัยการแพทย์งและยาแผนโบราณ  ซึ่งเงินทุนที่จะเอามาสนับสนุนในโครการวิจัยด้านการแพทย์แผนตะวันตกจะลดลงไปโดยปริยายด้วย

นี่คือสิ่งที่ทำให้นักวิจัยด้านการแพทย์ตะวันตกต่างพากันหดหู่ใจมาก  นี่ไม่ต่างจากปิดกันหนทางในการใช้ชีวิตกันเลย

หลังจากพัฒนาด้านการแพทย์แผนตะวันตกมาหลายสิบปีเจ้าตัวก็ได้กลับจากเรียนจบนอก  ทั้งยังได้เห็นการเจริญเติบโตของการแพทย์แผนตะวันตกด้วยตาของตัวเองมาโดยตลอด  ได้เห็นการเอาชนะการแพทย์แผนโบราณที่แปลกประหลาดและไร้ซึ่งมูลความจริง  ถึงขนาดเปิดโปงว่าส่วนใหญ่เป็นแค่ความรู้พื้นถิ่นและโกหกหลอกลวงก็ทำมาแล้วด้วยซ้ำ

เป็นยาแผนตะวันตกของพวกตนต่างหากที่รักษาความปลอดภัยจากโรคร้ายในประเทศนี้มานานหลายสิบปี  และพวกตนก็มีส่วนร่วมเสมอมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยทุกคนจะได้รับผลประโยชน์

แล้วตอนนี้จู่ ๆ ทางเบื้องบนกลับจะหันไปสนับสนุนการแพทย์แผนโบราณแบบนี้แล้วใครมันจะไปยอมรับได้กันเล่า?

ทว่าเพราะเป็นการตัดสินใจของทางเบื้องบนทำให้คนพวกนี้ไม่สามารถคัดค้านต่อต้านหรือเล่นงานฝ่ายแพทย์แผนโบราณได้อย่างเปิดเผย

แต่ไอ้บ้านไร่ชิงหลินนี่มันเชี่ยไรวะ

เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวต๊อกต๋อยกล้ามาบอกว่าผักที่ตัวเองขายกินแล้วรักษาโรคได้  มะเขือยาวเนี่ยนะจะกินแล้วรักษาไขมันในเลือดสูง?

ถ้ากินมะเขือยาวแล้วไขมันในเลือดมันลดลงจริงล่ะก็  งั้นยาตะวันตกที่พวกกูค้นคว้ามาเป็นสิบปีเพื่อใช้ลดไขมันในเลือดคือเสียเวลาไปเปล่า ๆ งั้นสิ?

ทนไม่ไหวแล้วโว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...!

กูทำอะไรไอ้พวกหมอแผนโบราณไม่ได้ก็จริง  แต่ไม่ได้แปลว่ากูจะลงโทษไอ้สถานที่ท่องเที่ยวโง่ ๆ ที่เล่นกลโง่ ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจไม่ได้นาโว่ย

“ฉวนเจีย  ติดต่อประธานฉู่ของสมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิดซะ  และบอกว่าฉันขอให้รายงานบ้านไร่ชิงหลินด้วยชื่อจริงของฉันเลย  ฉันจะหาทนายความมาเขียนคำฟ้องและฟ้องร้องบ้านไร่ชิงหลินในข้อหาละเมิดกฎหมายส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ยาโดยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยาอันเป็นเท็จ!” ฟู่ซินหมิงหันกลับมาสั่งเฉินฉวนเจียที่เป็นลูกศิษย์

“ครับ!” เฉินฉวนเจียได้ยินคำสั่งของอาจารย์ก็หยิบมือถือขึ้นมาติดต่อตามนั้นไปทันที

อย่างไรก็ตาม  ในการลงโทษบ้านไร่ชิงหลินหรือแม้แต่การดำเนินคดีกับบ้านไร่ชิงหลินจำเป็นต้องมีหลักฐาน

ซึ่งคลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์เหล่านั้นสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ก็จริง  แต่การจะฟ้องร้องผู้ฟ้องต้องไปรวบรวมหลักฐานจากสถานที่จริงให้ครบถ้วนด้วย

ดังนั้นฟู่ซินหมิงกับเฉินฉวนเจียจึงตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น

ทั้งคู่ไปที่ศูนย์การขาย

แม้กระทั่งก่อนที่ประตูศูนย์การขายจะเปิดก็ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ด้านนอกรอแล้ว  ทุกคนต่างก็ต้องการซื้อผักพันธุ์ใหม่กันทั้งนั้น

“ได้ยินมาว่าผักพันธุ์ใหม่นี้กินแล้วรักษาโรคได้จริงด้วยล่ะ!”

“ทางเราได้ยินจากเพื่อนมานะ  เห็นบอกว่าซื้อมะเขือยาวไปกินแล้วไขมันในเลือดจากสูง ๆ นี่หายเลย”

“จริง  เห็นว่าออกฤทธิ์เร็วมากด้วย  หลังกินไปแค่ไม่กี่นาทีก็เห็นผลแล้ว  ดีกว่ายาแคปซูลฟู่เซว่ที่กิน ๆ อยู่เยอะเลย  แถมยานั่นยังเป็นยาที่ดีที่สุดในตลาดแล้วด้วยนะนั่น”

แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย  เพราะถึงยังไงนี่ก็แค่ผักเลเวล 1 เท่านั้น  ไม่ว่าฤทธิ์จะแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถส่งผลในเวลาแค่ไม่กี่นาทีเลยได้หรอก

แต่เพราะต้องการให้คำพูดตนมีแรงกระตุ้นให้คนเชื่อจึงทำให้บางคนอธิบายหรือพูดอะไรที่มันเกินจริงไปอยู่เสมอ

แน่นอนว่าฟู่ซินหมิงที่ได้ยินบทสนทนานั่นแล้วก็โกรธจัดกว่าเดิมอีก  ใบหน้าตอนนี้นี่เหี้ยมเกรียมเหมือนอยากจะเอาตีนกระทืบบ้านไร่ชิงหลินแล้วขยี้ให้แหลกคาตีนนั่นเลยทีเดียว

เพราะยาแคปซูลฟู่เซว่นั่นคือยาที่ฟู่ซินหมิงเป็นผู้พัฒนาขึ้นนั่นเอง

แล้วไอ้พวกเวรนี่กล้ามาบอกว่าผักสดของบ้านไร่ชิงหลินดีกว่ายาที่กูพัฒนาขึ้นเนี่ยนะ  พวกมึงจะมากเกินไปแล้วนาโว่ย  ยังมาบอกอีกว่าผักนั่นกินไปแค่ไม่กีนาทีก็ออกฤทธิ์แล้ว  พวกมึงไม่เรียกว่ายาวิเศษไปเลยล่ะวะ  หา!

เรื่องนี้ทำให้เจ้าหมอนี่ยิ่งเพิ่มความตั้งใจในการบดขยี้บ้านไร่ชิงหลินให้แหลกคาตีนมากขึ้นไปอีก

แล้วไม่นานประตูศูนย์ขายก็เปิดออก  เหล่านักท่องเที่ยวที่มาออกันอยู่หน้าประตูก็กรูกันเข้าไปและแน่นอนว่าต้องตรงไปยังโซนขายผักพันธุ์ใหม่

ฟู่ซินหมิงกับเฉินฉวนเจียก็ตามไปด้วย  ทั้งคู่ไหลตามกระแสฝูงชนไปยังโซนผักพันธุ์ใหม่ทว่าไม่ได้ไปหาซื้อแต่ไปรวบรวมหลักฐาน

ดังนั้นทันทีที่ทั้งคู่เข้าประตูไปปุ๊บก็จัดการถ่ายรูปป้ายข้อมูลรายละเอียดของผักพันธุ์ใหม่กันปั๊บรวมถึงพวกที่กำลังโกยผักใส่ถุงด้วย

นี่คือการรวบรวมหลักฐานในสถานที่จริง  ซึ่งพอที่จะใช้พิสูจน์ได้แล้วว่าบ้านไร่ชิงหลินทำผิดกฎหมายส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ยา  ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งราคาผักแพงกว่าผักชนิดเดียวกันในโซนอื่นมากซะด้วย

จากมะเขือยาวราคาปกติแค่จินละ 2 หยวน  แต่ไอ้นี่ห่าอะไรจินละตั้ง 20 หยวน  นี่มันไม่เห็นหัวกฎหมายชัด ๆ เป็นการแสวงหากำไรอย่างผิดกฎหมายเห็น ๆ

เพื่อเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากขึ้นฟู่ซินหมิงเลยให้เฉินฉวนเจียซื้อผักหลายชนิดและเอามาตรวจสอบกับใบเสร็จรับเงิน

นี่ยิ่งเป็นหลักฐานที่ชัดสุดยิ่งกว่า

แล้วฟู่ซินหมิงก็พาเฉินฉวนเจียไปเตรียมของทั้งหมดให้พร้อมแล้วค่อยออกจากศูนย์การขาย  ทั้งคู่กลับไปทีห้องบ่าวสาวพร้อมกับความเยาะเย้ยบนใบหน้า  จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ส่งอีเมลถึงนายกสมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิด

นายยกสมาคมฯคนนี้เป็นเพื่อนของฟู้ซิงหมิงเอง  หลังจากส่งหลักฐานไปให้ดูแล้วก็ยังโทรหาอีกฝ่ายซ้ำอีก

ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายฟู่ซินหมิงก็พูดทันที “ผมส่งข้อมูลให้แล้วนะประธานฉู่  ได้ดูแล้วยัง  โฆษณาชวนเชื่อผิดกฎหมายแบบนี้ไม่อาจละเลยได้นะ”

ปลายสาย

ที่สมาคมป้องกันและควบคุมการใช้ยาในทางที่ผิด  ฉู่ซานเหอที่ได้ยินฟู่ซินหมิงพูดมาแบบนั้นก็ตอบกลับเสียงเครียด “ดูแล้วล่ะนะศาสตราจารย์ฟู่  เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่าผักพวกนั้นเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นเท็จรึเปล่าเนี่ยสิ  เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็มีศาสตราจารย์หลี่ไข่ของห้องทดลองชิงหลินอยู่นะ”

ตอนนี้ฟู่ซินหมิงโกรธมากเนื่องจากมีคนกล้าดูหมิ่นยาที่ตนเองใช้เวลาศึกษามานานเป็นสิบปีว่าสู้มะเขือยาวไม่ได้

ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่เชื่อเรื่องนี้เลยและพูดกลับตรง ๆ “ประธานฉู่  ถ้าคุณลองคิดดูดี ๆ ยังไงก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้  ต่อให้ศาสตราจารย์หลี่ไข่จะเก่งแค่ไหนก็เป็นไปได้มากสุดแค่กระเจี๊ยบเขียวอย่างเดียวเท่านั้นแหละ  แต่ผักอื่น ๆ ล่ะเป็นไปได้เหรอ  แถมปริมาณยังเยอะมากด้วย  ดูก็รู้แล้วว่าเป็นแค่เรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาน่ะ”

แล้วฉู่ซานเหอก็เลือกเชื่อฟู่ซินหมิงซึ่งศาสตราจารย์ทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้  เหตุสำคัญคงเป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกระมัง  ดังนั้นเมื่อเชื่อไปแล้วก็ให้คำตอบว่า “งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวล  ทางเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างแน่นอน”

หลังจากวางสายแล้วฉู่ซานเหอก็ดูหลักฐานที่ฟู่ซินหมิงส่งมาอีกครั้ง

อันที่จริงแล้วทางนี้เองก็ได้เห็นข่าวการประชาสัมพันธ์ของบ้านไร่ชิงหลินมาตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน

การโปรโมตว่าผักเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยานี่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายจริง ๆ นั่นแหละ  และตอนนี้ในเมื่อศาสตราจารย์ฟู่ซินหมิงเป็นคนเอ่ยปากเองแบบนี้ก็มั่นใจเต็มเปี่ยมแล้วว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันจั๋งหนับ

ที่สำคัญกว่านั้นคือทางสมาคมฯของตนไม่มีเรื่องให้ต้องลงมือมานานแล้ว  ก่อนหน้านี้เรื่องยารักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบของพวกตระกูลหลิ่วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย  จนตอนนี้มีคนตั้งคำถามถึงศักดิ์ศรีของสมาคมฯกันแล้วด้วย

ดังนั้นฉู่ซานเหอจึงอยากที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างมาโดยตลอด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู  ให้พวกลิงมันได้รู้บารมีซะบ้างจะได้เลิกปากพล่อยกันเสียที

ยิ่งไปกว่านั้นบ้านไร่ชิงหลินก็เป็นเป้าหมายที่เหมาะเหม็งพอดี  เพราะอะไรน่ะหรือ  ก็เพราะบ้านไร่ชิงหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมากพอยังไงเล่า!

เป็นธรรมดาที่ฉู่ซานเหอจะรู้ว่าสถานะของบ้านไร่ชิงหลินในตอนนี้และความแข็งแกร่งของเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังว่าเป็นยังไง  และรู้ด้วยว่าหลาย ๆ คนไม่อยากที่จะไปมีเรื่องด้วยกับบริษัทนี้

แต่พวกตนนั้นไม่เหมือนกัน  เพราะยิ่งสมาคมฯมีเรื่องให้คนอื่นต้องหัวร้อนมากเท่าไหร่  ชื่อเสียงของสมาคมฯก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนหน้านี้บริษัทชิงหลินมีชื่อเสียงที่ดีมากมาโดยตลอด  ซึ่งหากตนไปเหยียบตีนซักทีสองทีล่ะก็ถือเป็นการแสดงอำนาจได้ยิ่งใหญ่อลังการเลยทีเดียว

เมื่อคิดได้ดังนี้ฉู่ซานเหอก็โทรออกและพูดใส่โทรศัพท์ว่า “ส่งเอกสารแก้ไขการทำผิดกฎหมายไปที่บ้านไร่ชิงหลินที”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด