บทที่ 153 ผลการสอบสวนของหลี่หวยจง
หนึ่งเค่อต่อมา(15นาที)
"…เว่ยกงจื่อ"
หลี่หวยจงลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเหมือนเมื่อตอนที่มา เขาสูดหายใจลึกๆ และจ้องเว่ยฉางเทียนอย่างไม่ละสายตา "หวังว่าท่านจะรักษาสัญญา"
"แน่นอน ข้าเป็นคนที่รักษาสัญญามาก..."
เว่ยฉางเทียนลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดช้าๆ "ตราบใดที่ท่านกงกงไม่ไปพูดอะไรเหลวไหลต่อหน้าฮ่องเต้ก็พอ"
"หึ!"
หลี่หวยจงหายใจอย่างหนัก สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาหันหลังเดินออกไปสองสามก้าว แต่แล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง
"เว่ยกงจื่อ ข้าจะถามท่านอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย...ท่านรู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับการบำเพ็ญของข้า?"
"หากท่านเต็มใจบอก ข้าจะบอกแผนการของตระกูลหลิวให้ท่านรู้เป็นการตอบแทน"
"หลี่กงกง ข้าพูดไปแล้ว"
เว่ยฉางเทียนส่ายหัว "ฟ้าไม่อาจเผยความลับได้ แต่..."
"แต่อะไร?"
"แต่ข้ามีวิธีช่วยท่านแก้ปัญหาการบำเพ็ญของท่านได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าการนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดิทุกวัน"
"หืม?"
หลี่หวยจงตาเป็นประกาย "วิธีอะไร? หากมันได้ผลจริง ข้าก็จะบอกแผนการของตระกูลหลิวให้ท่าน!"
"กงกงอาจจะเข้าใจผิด"
เว่ยฉางเทียนหัวเราะ "การบำเพ็ญของท่านตอนนี้ยังไม่ถึงตาย แต่ตระกูลหลิวสามารถเอาชีวิตข้าได้ทุกเมื่อ"
"เรามาทำแบบนี้ดีไหม กงกงบอกข้าเกี่ยวกับแผนการของตระกูลหลิวก่อน หากมันเป็นความจริง ข้าจะบอกวิธีการบำเพ็ญให้ท่าน"
"หึหึ..."
หลี่หวยจงหัวเราะอย่างเย็นชา "เว่ยกงจื่อคิดว่าข้าโง่หรือ?"
"ข้าไม่รู้ว่ากงกงจะโง่หรือไม่ แต่ข้าไม่โง่แน่ๆ"
เว่ยฉางเทียนไม่ถอย "กงกงไปคิดดูดีๆ เถอะ"
"...ดี! เว่ยกงจื่อ ท่านพูดได้เฉียบคมจริงๆ!"
หลี่หวยจงหายใจอย่างหนัก ตัดสินใจว่าจะไม่ถกเถียงกับเว่ยฉางเทียนอีก เขาทิ้งคำพูดหนึ่งไว้แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง
"กงจื่อ ลาก่อน เราคงได้พบกันอีก"
"ฮ่าฮ่าฮ่า กงกง ข้าไม่ส่งท่านแล้ว!"
เว่ยฉางเทียนหัวเราะอย่างดัง มองตามหลี่หวยจงที่เดินผ่านลานบ้านออกไปจนลับตา แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง หายใจหนักๆ หลายครั้ง
เหงื่อชุ่มหลังของเขา ลมเย็นพัดผ่านมา รู้สึกเย็นสบาย
ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงท่าทางสงบนิ่งตลอดเวลา แต่ความจริงคือระบบประสาทของเขาถูกตึงเครียดอย่างหนัก
ทั้งต้องข่มขู่หลี่หวยจง ทั้งไม่ให้เขาโกรธจนไม่สนผลที่จะตามมา
ทั้งต้องยื่นเงื่อนไขของตัวเองและลองเชิงหลี่หวยจง
ก้าวผิดหนึ่งก้าว ผลที่ตามมาไม่อาจคาดคิดได้
ความรู้สึกเหมือนกับการตัดสายระเบิดเวลานี้ทำให้เว่ยฉางเทียนนึกถึงผู้เชี่ยวชาญการเจรจาในอดีตชาติ
เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญการเจรจา เขามีไพ่ในมือมากกว่า แต่คู่ต่อสู้กลับอันตรายกว่า
เรื่องแบบนี้ขออย่าให้มีเป็นครั้งที่สอง
เขายกกาน้ำชาขึ้นมาเพื่อจะดื่มน้ำชาให้ใจเย็นลง แต่พบว่ากาน้ำชาหมดแล้ว
"หยวนเอ๋อร์ เติมน้ำชา!"
เขาตะโกนเรียก หยวนเอ๋อร์ก็ถือกาน้ำชาใบใหญ่เข้ามาในห้อง
เธอเติมน้ำชาใหม่และถามเบาๆ
"กงจื่อ คนที่มาเมื่อครู่เป็นขันทีหรือ?"
"ใช่ เป็นขันทีใหญ่ในวัง"
"ขันทีใหญ่? นั่นเป็นตำแหน่งใหญ่เลยหรือ?"
หยวนเอ๋อร์วางถ้วยชาใหม่ข้างๆ เว่ยฉางเทียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
"ตำแหน่งใหญ่แล้วจะทำไมนะ...ซู้ด~"
เว่ยฉางเทียนจิบชาเบาๆ บ่นพึมพำ "ก็แค่ขันที"
หยวนเอ๋อร์แม้จะไม่เก่งในการอ่านสีหน้าของคนอื่น แต่ตอนนี้ก็เห็นความหงุดหงิดของเว่ยฉางเทียน เธอหัวเราะเบาๆ "ทำไมล่ะกงจื่อ? ขันทีคนนั้นทำให้ท่านไม่พอใจหรือ?"
"เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถามมาก"
เว่ยฉางเทียนทำตาขวาง แล้วก็ลดเสียงลงเตือน "เรื่องขององค์หญิงรั่วอัน ไม่ต้องบอกใคร"
"ข้ารู้แล้ว ท่านวางใจได้"
หยวนเอ๋อร์พยักหน้า แล้วหันไปเก็บถ้วยน้ำชาของหลี่หวยจง แต่เมื่อมองดูโต๊ะกลับพบว่ามันว่างเปล่า
"อ้าว? ถ้วยน้ำชาของขันทีหายไปไหนแล้ว?"
"..."
เว่ยฉางเทียนนึกถึงถ้วยน้ำชาที่กลายเป็นผุยผงพร้อมกับน้ำชาแล้วถอนหายใจ "เขาชอบถ้วยชานี้ ข้าก็เลยให้เขาไป"
"ห๊ะ? มีคนชอบของแบบนี้ด้วย..."
หยวนเอ๋อร์ไม่เข้าใจ แต่ก็ถือกาน้ำชาออกจากห้อง
เว่ยฉางเทียนดื่มชาใหม่ พลางคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เขาและหลี่หวยจงกำลังใช้กันและกัน ความสัมพันธ์ไม่มั่นคงมาก
ถึงแม้ว่าหลี่หวยจงยังไม่รู้ว่าองค์หญิงอยู่กับเขา แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เว่ยฉางเทียนไม่ต้องการฝากชีวิตไว้กับขันทีคนนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังคิดวิธีแก้ไขไม่ได้
เดี๋ยวนะ...ทำไมต้องคิดเอง?
พูดถึงยังมีฉู่เซียนผิงอยู่ไม่ใช่หรือ?!
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ในห้องลับใต้ดิน ฉู่เซียนผิงในฐานะคนรู้เรื่ององค์หญิงคนที่สี่รองจากหยวนเอ๋อร์และจางซาน ได้พบกับองค์หญิงที่ถูกคนทั้งโลกด่าทอ และฟังเว่ยฉางเทียนเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างคร่าวๆ
บอกว่าไม่แปลกใจคงไม่ใช่เรื่องจริง แต่หลังจากความแปลกใจ ฉู่เซียนผิงคิดไม่นานก็เสนอแนะอย่างแรก
"กงจื่อ ตอนนี้เราต้องทำอย่างแรกคือหาทางออกให้ราชสำนักและฮ่องเต้"
"ทางออก?"
เว่ยฉางเทียนงง "จะให้ทางออกอย่างไร?"
"ง่ายมาก ส่งองค์หญิงไปให้พวกเขา ถ้าไม่ได้...ก็ส่งของปลอมไป"
"ของปลอม?"
เว่ยฉางเทียนงง "มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?"
ฉู่เซียนผิงสีหน้าไม่เปลี่ยน อธิบายเบาๆ
"กงจื่อ คนเป็นไม่สามารถหลอกได้ แต่คนตายที่พูดไม่ได้ล่ะ?"
"..."
ทางใต้ของเมืองซูโจว
ขณะที่เว่ยฉางเทียนและฉู่เซียนผิงกำลังวางแผนรับมือ หลี่หวยจงกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือกว้างๆ กำลังเขียนจดหมาย
เขามาเมืองซูโจวครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเว่ยฉางเทียนเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่นอีก ดังนั้นตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะกลับเมืองหลวง
แต่การรายงานต้องทำ
จดหมายไม่ยาว ประมาณร้อยคำ บอกผลการสอบสวนของเว่ยฉางเทียนโดยย่อ
ในตอนท้ายของจดหมาย หลี่หวยจงสรุปว่า
"เว่ยกงจื่อรู้เรื่องแผนการกบฏของชุนอ๋องมานานแล้ว แต่ไม่มีเจตนาจะเข้าร่วมกบฏ และไม่ทราบที่อยู่ขององค์หญิงรั่วอัน"
วางปากกา เก็บจดหมายใส่ซองจดหมายที่ออกแบบเป็นพิเศษ
หลี่หวยจงลุกขึ้นมายืนที่ข้างหน้าต่าง ใบหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เหมือนกำลังลังเลอะไรบางอย่าง
เขารู้ดีว่า เมื่อจดหมายนี้ถูกส่งออกไป จะไม่มีทางกลับมาอีก หมายความว่าในเรื่ององหญิงรั่วอัน เขาไม่มีโอกาสเปลี่ยนคำพูดอีกต่อไป
ครู่ต่อมา เสียงหวีดเบาๆ ดังขึ้น
"ฟุ่บ"
อินทรีทองตัวใหญ่กระพือปีกลงมาบนขอบหน้าต่าง ไม่นานก็บินออกไปทางทิศเหนือ
ในเวลานี้ เป็นเวลาบ่าย แสงแดดค่อนข้างจ้าและอบอุ่น
แต่เมื่อหลี่หวยจงมองจุดทองเล็กๆ ที่หายไปในท้องฟ้า ก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
"เว่ยกงจื่อ ท่านซ่อนตัวเก่งจริงๆ"