บทที่ 115 อย่าให้ข้าต้องรอนาน
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าขอเริ่มเป็นคนแรกเลยแล้วกัน!”
เมื่อผู้อาวุโสเฉินซวนกล่าวจบ ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็กระโดดลงจากเรือไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าภาคภูมิ
ทันใดนั้น แสงลึกลับก็ส่องประกาย พร้อมกับปรากฏหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายดั่งมนุษย์ขึ้นเบื้องหลังเขา
“วิญญาณยุทธ์แปดดาว!”
เสียงอุทานสายหนึ่งพลันดังขึ้นจากเรือสำเภา และสายตาผู้คนโดยรอบก็ต่างเผยให้เห็นถึงความริษยา
ผู้อาวุโสเฉินซวนเองก็พยักหน้าเฉกเช่นเดียวกัน
วิญญาณยุทธ์ระดับแปดดาวถือเป็นอัจฉริยะในสำนักซวนหยวน ในอนาคต การที่เขาจะทะลวงผ่านขั้นเขตแดนลึกลับเข้าสู่ขั้นก่อเกิดชีพจรนั้น ย่อมไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
ต่อมาก็มีคนลงจากเรือสำเภาอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วเกือบสามสิบคนท่าจะได้
ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีจดหมายแนะนำ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับสูง
ฉินหยวนเฟิงและองค์หญิงฮัวเอง ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น
ถ้าว่าความแตกต่างของทั้งสองคือ ฉินหยวนเฟิงได้ปลุกวิญญาณยุทธ์เจ็ดดาว ส่วนองค์หญิงฮัวมีจดหมายแนะนำจากบุคคลสำคัญในราชวงศ์ของอาณาจักรต้าเยว่
หลัวเฉิงเองก็กำลังจะลงจากเรือ แต่ถัวป้าเลี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวว่า “หลัวเฉิงเจ้าเองก็จะลงจากเรือสำเภานี้ด้วยหรือ”
หลัวเฉิงพยักหน้า เนื่องจากเขามีป้ายหยกประจำตัวของอวิ๋นเหมิงลี่ ไหนเลยจะหลีกเลี่ยงไม่ใช้มัน
ถัวป้าเลี่ยเหยียดยิ้มกล่าวว่า “เอาไว้เราค่อยลงจากเรือสำเภาทีหลัง แล้วมาแข่งขันกันดีกว่า”
“แข่งขันงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงไม่เข้าใจเหตุผลของวาจานั้น
ถัวป้าเลี่ยชี้ไปยังหุบเขาหนึ่งซึ่งอยู่ในระยะไกลด้วยสีหน้าตื่นเต้น "เจ้าเห็นหุบเขานั่นหรือไม่ มันเป็นด่านทดสอบแรกในการเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวน ซึ่งถูกเรียกว่าหุบเขาเหลียนซิน!"
“มีข่าวลือว่ากษัตริย์องค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ที่นี่ โลหิตของพระองค์อาบทั่วทั้งหุบเขา และเจตจำนงของเขายังคงอยู่แม้จะผ่านมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ผ่านไปที่นั่น พวกเขาจะถูกแรงกดดันจากเจตจำนงขององค์กษัตริย์ แม้นมีพลังยุทธ์ล้ำเลิศหรือเคล็ดวิชาชั้นยอดก็ไร้ประโยชน์ การจะข้ามผ่านมันไปได้นั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และพลังใจตนเองเท่านั้น!”
“ในหนทางแห่งการฝึกปรือบำเพ็ญเพียร แม้วิญญาณยุทธ์จะนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสุด แต่ความเพียรทางจิตก็เป็นเรื่องสำคัญมิแพ้กัน”
ถัวป้าเลี่ยดูท่าจะคุ้นเคยกับการทดสอบของสำนักซวนหยวนมาก จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “หากเจ้าลงจากเรือสำเภาตอนนี้ แน่นอนว่าเจ้าสามารถหลบเลี่ยงการทดสอบแรกได้ แต่ทว่า มันจะไม่น่าเบื่อเกินไปงั้นหรือ มิสู้เรามาแข่งขันกันดีกว่า ว่าผู้ใดจะสามารถออกจากหุบเขาได้ก่อน เจ้าเห็นเป็นอย่างไรเล่า?”
“เจตจำนงของกษัตริย์ที่คงอยู่นานนับร้อยปี...”
หลัวเฉิงใคร่ครวญความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตกลง!”
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกสนใจเกี่ยวกับเจตจำนงของกษัตริย์ในหุบเขานี้อีกด้วย
ก็ยังนับว่าไม่สายนัก หากจะมอบป้ายหยกประจำตัวของอวิ๋นเหมิงลี่ หลังจากผ่านการทดสอบแรก
ในท้ายที่สุด ก็มีผู้ที่ลงจากเรือสำเภาไปทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน
ซึ่งในยี่สิบหกคนนั้นใช้จดหมายแนะนำตัว
ส่วนอีกสิบเอ็ดคนที่เหลือ ล้วนมีวิญญาณยุทธ์ระดับสูง!
โดยสองกลุ่มนี้ถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดคนได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูง และมีความสามารถที่โดดเด่น ดังนั้นเจ้าจึงสามารถได้รับการยกเว้นจากการทดสอบครั้งแรกของหุบเขาเหลียนซิน”
ผู้อาวุโสเฉินซวนแผดเสียงประกาศ จากนั้นเขาก็สั่งให้อีกยี่สิบหกคนที่เหลือแสดงป้ายหยกของตนทีละคน
ด้วยเหตุนี้ เป็นผลทำให้มีอีกแปดคนถูกสั่งให้กลับไปที่เรือสำเภา
ส่วนเงื่อนไขนั้นง่ายมาก เป็นเพราะผู้แนะนำแปดคนนี้มีสถานะในสำนักไม่สูงพอ
เมื่อเห็นฉากนี้ หลัวเฉิงก็ต้องนึกถึงอวิ๋นเหมิงลี่ทันที
ข้าไม่รู้ว่านางมีสถานะเช่นใดในสำนัก และคนเช่นข้าจะมีคุณสมบัติมากพอจะเข้าสำนักซวนหยวนหรือไม่
แน่นอนว่า ถึงแม้เขาจะมิอาจอาศัยป้ายหยกแนะนำได้ หลัวเฉิงก็หาได้กังวลแต่อย่างใด
เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งกับความแข็งแกร่งของตนเองในยามนี้ ไม่ว่าการทดสอบจะเป็นเช่นไร เขาต้องสามารถบรรลุมันไปได้อย่างแน่นอน
คนทั้งแปดกลับมาที่เรือพร้อมด้วยความโกรธบนใบหน้า ร่างของผู้อาวุโสเฉินซวนเหินขึ้นไปพลเรือสำเภาแล้วกล่าวว่า
“พวกเจ้าทุกคนรีบลงจากเรือสำเภา แล้วมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหลียนซินทันที นี่จะเป็นบททดสอบแรกของพวกเจ้า ผู้ที่ไม่สามารถผ่านหุบเขาเหลียนซินในเวลาหนึ่งก้านธูป จะถือว่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าสำนัก!”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ผู้อาวุโสเฉินซวนก็ฝืนร่างขึ้นสูงแล้วพุ่งหายเข้าไปในม่านหมอกของหุบเขาทันที
ทันใดนั้น ทั่วทั้งดาดฟ้าเรือก็ตกอยู่ในความโกลาหล
วิ่ง!
ทุกคนบนดาดฟ้าเรือสำเภาต่างโห่ร้องเสียงกึกก้องแล้วแย่งชิงกันลงจากเรือสำเภา พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังหุบเขาโดยกลัวว่าจะมีผู้อื่นไปถึงเสียก่อน
“เจ้าพวกโง่เอ้ย ต่อให้เจ้าจะวิ่งเร็วแค่ไหนในตอนนี้ สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เมื่อตอนที่พวกเจ้าบรรลุถึงหุบเขา ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ข้าสามารถแซงหน้าพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย”
ถัวป้าเลี่ยเหยียดริมฝีปากยิ้มอย่างเหยียดหยาม ก่อนหันกลับมายิ้มให้หลัวเฉิงแล้วกล่าวว่า “หลัวเฉิง ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เส้นชัย อย่าให้ข้าต้องรอนานเกินไปเล่า!”