ตอนที่แล้วบทที่ 114 ขั้นหัวใจกระบี่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 116 อันตรายซุ่มซ่อน 

บทที่ 115 อย่าให้ข้าต้องรอนาน


“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าขอเริ่มเป็นคนแรกเลยแล้วกัน!”

เมื่อผู้อาวุโสเฉินซวนกล่าวจบ ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็กระโดดลงจากเรือไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าภาคภูมิ

ทันใดนั้น แสงลึกลับก็ส่องประกาย พร้อมกับปรากฏหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายดั่งมนุษย์ขึ้นเบื้องหลังเขา

“วิญญาณยุทธ์แปดดาว!”

เสียงอุทานสายหนึ่งพลันดังขึ้นจากเรือสำเภา และสายตาผู้คนโดยรอบก็ต่างเผยให้เห็นถึงความริษยา

ผู้อาวุโสเฉินซวนเองก็พยักหน้าเฉกเช่นเดียวกัน

วิญญาณยุทธ์ระดับแปดดาวถือเป็นอัจฉริยะในสำนักซวนหยวน ในอนาคต การที่เขาจะทะลวงผ่านขั้นเขตแดนลึกลับเข้าสู่ขั้นก่อเกิดชีพจรนั้น ย่อมไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ต่อมาก็มีคนลงจากเรือสำเภาอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วเกือบสามสิบคนท่าจะได้

ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีจดหมายแนะนำ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับสูง

ฉินหยวนเฟิงและองค์หญิงฮัวเอง ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น

ถ้าว่าความแตกต่างของทั้งสองคือ ฉินหยวนเฟิงได้ปลุกวิญญาณยุทธ์เจ็ดดาว ส่วนองค์หญิงฮัวมีจดหมายแนะนำจากบุคคลสำคัญในราชวงศ์ของอาณาจักรต้าเยว่

หลัวเฉิงเองก็กำลังจะลงจากเรือ แต่ถัวป้าเลี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวว่า “หลัวเฉิงเจ้าเองก็จะลงจากเรือสำเภานี้ด้วยหรือ”

หลัวเฉิงพยักหน้า เนื่องจากเขามีป้ายหยกประจำตัวของอวิ๋นเหมิงลี่ ไหนเลยจะหลีกเลี่ยงไม่ใช้มัน

ถัวป้าเลี่ยเหยียดยิ้มกล่าวว่า “เอาไว้เราค่อยลงจากเรือสำเภาทีหลัง แล้วมาแข่งขันกันดีกว่า”

“แข่งขันงั้นหรือ?”

หลัวเฉิงไม่เข้าใจเหตุผลของวาจานั้น

ถัวป้าเลี่ยชี้ไปยังหุบเขาหนึ่งซึ่งอยู่ในระยะไกลด้วยสีหน้าตื่นเต้น "เจ้าเห็นหุบเขานั่นหรือไม่ มันเป็นด่านทดสอบแรกในการเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวน ซึ่งถูกเรียกว่าหุบเขาเหลียนซิน!"

“มีข่าวลือว่ากษัตริย์องค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ที่นี่ โลหิตของพระองค์อาบทั่วทั้งหุบเขา และเจตจำนงของเขายังคงอยู่แม้จะผ่านมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ผ่านไปที่นั่น พวกเขาจะถูกแรงกดดันจากเจตจำนงขององค์กษัตริย์ แม้นมีพลังยุทธ์ล้ำเลิศหรือเคล็ดวิชาชั้นยอดก็ไร้ประโยชน์ การจะข้ามผ่านมันไปได้นั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และพลังใจตนเองเท่านั้น!”

“ในหนทางแห่งการฝึกปรือบำเพ็ญเพียร แม้วิญญาณยุทธ์จะนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสุด แต่ความเพียรทางจิตก็เป็นเรื่องสำคัญมิแพ้กัน”

ถัวป้าเลี่ยดูท่าจะคุ้นเคยกับการทดสอบของสำนักซวนหยวนมาก จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “หากเจ้าลงจากเรือสำเภาตอนนี้ แน่นอนว่าเจ้าสามารถหลบเลี่ยงการทดสอบแรกได้ แต่ทว่า มันจะไม่น่าเบื่อเกินไปงั้นหรือ มิสู้เรามาแข่งขันกันดีกว่า ว่าผู้ใดจะสามารถออกจากหุบเขาได้ก่อน เจ้าเห็นเป็นอย่างไรเล่า?”

“เจตจำนงของกษัตริย์ที่คงอยู่นานนับร้อยปี...”

หลัวเฉิงใคร่ครวญความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตกลง!”

นอกจากนี้ เขายังรู้สึกสนใจเกี่ยวกับเจตจำนงของกษัตริย์ในหุบเขานี้อีกด้วย

ก็ยังนับว่าไม่สายนัก หากจะมอบป้ายหยกประจำตัวของอวิ๋นเหมิงลี่ หลังจากผ่านการทดสอบแรก

ในท้ายที่สุด ก็มีผู้ที่ลงจากเรือสำเภาไปทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน

ซึ่งในยี่สิบหกคนนั้นใช้จดหมายแนะนำตัว

ส่วนอีกสิบเอ็ดคนที่เหลือ ล้วนมีวิญญาณยุทธ์ระดับสูง!

โดยสองกลุ่มนี้ถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

“พวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดคนได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูง และมีความสามารถที่โดดเด่น ดังนั้นเจ้าจึงสามารถได้รับการยกเว้นจากการทดสอบครั้งแรกของหุบเขาเหลียนซิน”

ผู้อาวุโสเฉินซวนแผดเสียงประกาศ จากนั้นเขาก็สั่งให้อีกยี่สิบหกคนที่เหลือแสดงป้ายหยกของตนทีละคน

ด้วยเหตุนี้ เป็นผลทำให้มีอีกแปดคนถูกสั่งให้กลับไปที่เรือสำเภา

ส่วนเงื่อนไขนั้นง่ายมาก เป็นเพราะผู้แนะนำแปดคนนี้มีสถานะในสำนักไม่สูงพอ

เมื่อเห็นฉากนี้ หลัวเฉิงก็ต้องนึกถึงอวิ๋นเหมิงลี่ทันที

ข้าไม่รู้ว่านางมีสถานะเช่นใดในสำนัก และคนเช่นข้าจะมีคุณสมบัติมากพอจะเข้าสำนักซวนหยวนหรือไม่

แน่นอนว่า ถึงแม้เขาจะมิอาจอาศัยป้ายหยกแนะนำได้ หลัวเฉิงก็หาได้กังวลแต่อย่างใด

เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งกับความแข็งแกร่งของตนเองในยามนี้ ไม่ว่าการทดสอบจะเป็นเช่นไร เขาต้องสามารถบรรลุมันไปได้อย่างแน่นอน

คนทั้งแปดกลับมาที่เรือพร้อมด้วยความโกรธบนใบหน้า ร่างของผู้อาวุโสเฉินซวนเหินขึ้นไปพลเรือสำเภาแล้วกล่าวว่า

“พวกเจ้าทุกคนรีบลงจากเรือสำเภา แล้วมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหลียนซินทันที นี่จะเป็นบททดสอบแรกของพวกเจ้า ผู้ที่ไม่สามารถผ่านหุบเขาเหลียนซินในเวลาหนึ่งก้านธูป จะถือว่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าสำนัก!”

ทันทีที่เขากล่าวจบ ผู้อาวุโสเฉินซวนก็ฝืนร่างขึ้นสูงแล้วพุ่งหายเข้าไปในม่านหมอกของหุบเขาทันที

ทันใดนั้น ทั่วทั้งดาดฟ้าเรือก็ตกอยู่ในความโกลาหล

วิ่ง!

ทุกคนบนดาดฟ้าเรือสำเภาต่างโห่ร้องเสียงกึกก้องแล้วแย่งชิงกันลงจากเรือสำเภา พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังหุบเขาโดยกลัวว่าจะมีผู้อื่นไปถึงเสียก่อน

“เจ้าพวกโง่เอ้ย ต่อให้เจ้าจะวิ่งเร็วแค่ไหนในตอนนี้ สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เมื่อตอนที่พวกเจ้าบรรลุถึงหุบเขา ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ข้าสามารถแซงหน้าพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย”

ถัวป้าเลี่ยเหยียดริมฝีปากยิ้มอย่างเหยียดหยาม ก่อนหันกลับมายิ้มให้หลัวเฉิงแล้วกล่าวว่า “หลัวเฉิง ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เส้นชัย อย่าให้ข้าต้องรอนานเกินไปเล่า!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด