ตอนที่ 138 การพบปะของสองครอบครัว คิดว่าคืนนี้จะตัดสินใจเรื่องของเด็กทั้งสองเลยไหม
“น้องชาย ช่วยปอกเปลือกให้หน่อยสิ?”
จ้าว ซูซวน กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเธอ
“ไปไกลๆ เลย”
หลังจากได้ยินคำพูดของ จ้าว ซูซวน เย่เฉิน ก็หัวเราะเยาะอย่างโมโห
ถึงไม่มาช่วยก็ไม่เป็นไร ยังจะให้เขาปอกเปลือกให้อีก
บ้าจริง ลุงมันเหอะ
“อย่างนี้ไม่ดีเลยนะ น้องชาย สู้ๆ นะ เรามากินผลไม้กันดีกว่า~”
เห็น เย่เฉิน ปฏิเสธ จ้าว ซูซวน กลับพูดปลอมใจ เย่เฉิน อย่าง ‘อบอุ่น’ มาก
หลังจาก ‘ปลอบใจ’ เย่เฉิน แล้ว จ้าว ซูซวน ก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ในครัว ..จึงเหลือเพียง เย่เฉิน ที่ยืนอยู่เพียงลำพัง
ท้ายที่สุด พี่สาวก็ยังเป็นพี่สาวของเขา ..เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ยังคงมองดูด้วยความสนุกสนานในความโชคร้ายของเขา
คอยดูเถอะ เขาจะล้างแค้นให้ได้..
หลังจากเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จ เย่เฉิน ก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่น กำลังเตรียมจะไปกินผลไม้ แต่ก็ต้องแปลกใจที่พบว่า องุ่น และผลไม้อื่นๆ ที่ จ้าว ซูซวน ล้างไว้ถูกกินเกือบหมดแล้ว
“รุ่นน้อง เย่ นี่สำหรับเธอ”
ซู หนิงชวง ยื่นพวงองุ่นเล็กๆ ที่ถืออยู่ในมือของเธอให้กับ เย่เฉิน
“ขอบคุณ รุ่นพี่ ซู”
เย่เฉิน ซาบซึ้งใจมาก ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมี รุ่นพี่ ซู ที่ดีกับเขา
ในช่วงบ่าย พวกเขาได้ออกไปเดินเที่ยวเล่นรอบๆ เมืองเจียงโจว
ตอนเย็น เย่เฉิน เลือกพาพวกเขาไปทานอาหารที่ร้านอาหารดีๆ แห่งหนึ่ง
แต่เมื่อพวกเขาเพิ่งสั่งอาหารเสร็จ ก็มีเสียงประหลาดใจดังขึ้นจากด้านหลัง
“หนิงซวง เสี่ยวเฉิน พวกลูกก็มาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
เย่เฉิน หันศีรษะไปดูด้วยความสงสัย
ทันทีที่เห็น เย่เฉิน ก็ถึงกับตกตะลึง
คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น คือคุณแม่ของ ซู หนิงซวง
บังเอิญอะไรขนาดนี้?
“สวัสดีครับ คุณป้า”
เย่เฉิน กล่าวทักทาย
“คุณแม่ คุณแม่มาทำไมที่นี่?”
ซู หนิงซวง ก็ตกใจมากเช่นกัน
“แม่ก็ว่าจะมาทานข้าวที่นี่ ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เข้ามาจะเจอพวกลูกได้”
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง อธิบาย
แต่คำอธิบายนี้ของแม่ไม่ได้ทำให้ ซู หนิงซวง เชื่ออย่างสนิทใจ
คุณแม่ต้องตั้งใจมาที่นี่แน่ๆ
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณแม่ยังถามเธออยู่เลยว่าคืนนี้จะไปกินข้าวที่ไหน ซู หนิงซวง ก็ตอบไปโดยไม่ได้คิดอะไรในตอนนั้น
โดยไม่นึกว่าทันทีที่เพิ่งสั่งอาหารเสร็จ คุณแม่ก็โผล่มา นี่จะไปเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร?
ต้อง ‘ไม่’ อย่างแน่นอน…
คุณแม่ต้องตั้งใจมาเพื่อพบคุณแม่ของ รุ่นน้อง เย่ แน่ๆ
แม้จะรู้ถึงเจตนาของแม่ของเธอ แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมา ดังนั้น ซู หนิงซวง จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้
“สวัสดีคะ ฉันเป็นแม่ของ หนิงซวง”
แม่ของ ซู หนิงซวง ทักทายแม่ของ เย่เฉิน
ซู หนิงซวง เดาได้ถูกต้อง แม่ของเธอตั้งใจมาที่นี่เพื่อพบกับแม่ของ เย่เฉิน โดยเฉพาะ
แม่ของ ซู หนิงซวง อยากเห็นว่าเมื่อสองครอบครัวพบหน้ากันจะเป็นอย่างไร และการที่ลูกสาวของเธอพบว่าที่แม่สามีในอนาคต เธอจะโดนเอาเปรียบหรือไม่ จะเครียดเกินไปหรือเปล่า?
แม่ของ ซู หนิงซวง เป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงมาดูด้วยตัวเอง
“สวัสดีคะ”
“ฉันเป็นแม่ของ เย่เฉิน”
แม่ของ เย่เฉิน ลุกขึ้น และทักทายเธออย่างอบอุ่นเช่นกัน
แม้จะไม่ได้แนะนำตัวอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองคนก็รู้ว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาดคนที่อยู่ตรงหน้าน่าจะเป็นแม่ยายของลูกชาย และแม่สามีของลูกสาวในอนาคตของพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อได้นั่งลง ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกัน
ไม่นานนักทั้งคู่ก็ดูสนิทสนมกันแล้ว..
ในท้ายที่สุด พวกเธอก็เริ่มพูดคุยอย่างกระตือรือร้นถึงเรื่องของ เย่เฉิน และซู หนิงซวง
“เราสองคนเข้ากันได้ดี ถ้าได้เป็นครอบครัวเดียวกันก็คงดีไม่น้อย”
“ฉันคิดว่าเด็กสองคนนี้เหมาะสมกันมาก หนิงซวง ของเราก็ดี เสี่ยวเฉิน ก็ดี ทั้งคู่หล่อ และสวยเหมาะสมกันมากเหมือนกิ่งทองใบหยก ประหนึ่งว่ามาจากสรวงสวรรค์ ..เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
จู่ๆ แม่ของ ซู หนิงซวง ก็พูดขึ้น
“ฮ่าๆ ฉันก็คิดแบบนั้นเลยค่ะ”
แม่ของ เย่เฉิน ยิ้มพลางพยักหน้ารับเบาๆ
“เรื่องของเด็กสองคน เราตัดสินใจกันวันนี้เลยดีไหมคะ?”
แม่ของ ซู หนิงซวง เสนอขึ้นมา
หลังจากที่แม่ของ เย่เฉิน นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เฉิน และซู หนิงซวง ก็ตกใจแล้ว
เร็วเกินไปหรือเปล่า?
พวกเขายังไม่ได้พูดอะไรเพื่อแสดงความคิดของพวกเขาเลยนะ?
ซู หนิงซวง หน้าแดงวาบขึ้นรีบก้มหน้างุดลงด้วยความกระดากอาย ..เวลานี้เธอได้แค่แสร้งทำตัวเป็นนกกระจอกเทศเท่านั้น
ซึ่งการมาพูดเรื่องแบบนี้มันน่าอายมากๆ
แม้นี่จะเป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจ แต่การที่ผู้ใหญ่สองคนคุยกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ทั้งยังต่อหน้าตัวเอง และรุ่นน้อง เย่ เช่นนี้ ..มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
โดยไม่รั้งรอให้ เย่เฉิน และซู หนิงซวง ได้แสดงความคิดเห็น ทางฝั่งคุณแม่ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องรายละเอียดแล้ว
“คุณแม่คะ~”
ซู หนิงซวง คว้าจับมือแม่ของเธอ พลางพูดด้วยเสียงออดอ้อนเจือความเคอะเขินไม่น้อย
“โอเค โอเค เรื่องนี้เราไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
เมื่อเห็นว่า ซู หนิงซวง อายมาก แม่ของ เย่เฉิน ก็พูดขึ้นว่า :
“เรื่องนี้หลังจากกลับไปแล้วฉันจะหารือกับพ่อของ เสี่ยวเฉิน”
“ฉันเองก็จะไปคุยกับพ่อของ หนิงซวง แล้วเรื่องนี้เราค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”
แม่ของ ซู หนิงซวง พยักหน้า เรื่องแบบนี้ไม่สามารถเร่งรีบได้ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
แม่ของ เย่เฉิน คิดว่าถ้าจะหมั้นหมายกัน ก็คงต้องให้ เย่เฉิน ลูกชายของเธอเป็นฝ่ายเริ่ม ..จะให้ผู้หญิงเริ่มก่อนคงไม่ดี
แม่ของ เย่เฉิน เตรียมจะหาเวลาคุยกับลูกชายให้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมกับเคี่ยวเข็ญเขา
ถ้า เย่เฉิน รู้ความคิดของแม่ เขาคงจะบ่นว่า ‘นี่แหละมารดาผู้บังเกิดเกล้า’ ของเขา.. เฮ้ออ แม่ก็คือแม่จริงๆ
ในสถานที่นั้น คนที่น่าจะรู้สึกอึดอัดที่สุดคงหนีไม่พ้น, จ้าว ซูซวน
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก และไม่ควรมาที่นี่เลยตั้งแต่แรก
ตอนแรกเธอมีความสุขที่จะได้ดูฉากสนุกๆ แต่สุดท้ายเธอก็ตระหนักได้ว่าเหมือนถูกคนอื่นยัดเยียดอาหารสุนัขให้จำนวนหนึ่ง กินจนแทบจะจุกอกตายอยู่แล้ว!
นั่งดูคนอื่นพูดถึงเรื่องแต่งงานของพวกเขาในขณะที่ตัวเองยังโสด?
ความเจ็บปวดของหมาโสดแบบนี้ มีใครเข้าใจบ้าง?
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยเรื่องการแต่งงานระหว่าง เย่เฉิน และหนิงซวง ..ส่วนเธอก็เป็นเพียงแค่หลอดไฟดวงใหญ่ๆ เท่านั้น (กขค / ก้างขวางคอ)
……..
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ แม่ของ ซู หนิงซวง ก็กลับไปก่อน
ส่วน เย่เฉิน กับคนอื่นๆ ก็กลับไปที่คฤหาสน์
ซู หนิงซวง พักอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็อยากกลับบ้าน แต่แม่ของ เย่เฉิน รั้งไว้
“หนิงซวง คืนนี้หนูอยู่ที่นี่เถอะ เราได้มีเวลาคุยกัน”
แม่ของ เย่เฉิน ชื่นชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก และอยากอยู่คุยด้วยกันนานๆ
“ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของ เย่เฉิน พูดอย่างนั้น ซู หนิงซวง ก็ไม่กล้าปฏิเสธ
เย่เฉิน สงสัยมากว่าแม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับ รุ่นพี่ ซู
แต่เมื่อ เย่เฉิน เตรียมเงี่ยหูฟัง แม่ของเขาก็พูดขึ้น :
“ไปทำธุระของลูกไป เราผู้หญิงจะคุยกัน ลูกจะมาฟังทำเพื่อ?”
แม่พูดขับไล่ เย่เฉิน ออกไปอย่างไร้เยื่อใย
เย่เฉิน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปที่ห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มเล่นเกม
ตลอดทั้งคืนความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของ เย่เฉิน กับซู หนิงซวง ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เหมือนแม่ลูกแท้ๆ กันจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฉิน ขับรถพาแม่ของเขาไปที่สนามบิน
วันนี้แม่ของเขาจะกลับบ้านแล้ว
ซู หนิงซวง กับจ้าว ซูซวน ก็ไปส่งแม่ของ เย่เฉิน ด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงสนามบิน เย่เฉิน บอกลากับแม่ของเขา
“เสี่ยวเฉิน แม่แม้จะกลับบ้านแล้วแต่จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ และลูกอย่าได้รังแก หนิงซวง เด็ดขาด”
สุดท้ายแม่ของ เย่เฉิน ก็เอ่ยเตือนลูกชายของเธอโดยเฉพาะ
“จะเป็นไปได้ไงครับ?”
เย่เฉิน ยักไหล่
“ผมดีกับ รุ่นพี่ ซู มากเลยนะ”
“จริงเหรอ?”
ซู หนิงซวง พองแก้มทันที อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ รุ่นน้อง เย่ เรียกเธอว่า ‘หลานสาวซู’ เมื่อคราวก่อน
โอ้.. นั่นไม่ใช่การรังแกหรือ?
นั่นมันรังแกกันชัดๆ!
“ยังจะพูดอีกเหรอว่าไม่?”
แม่เขกหัว เย่เฉิน เบาๆ ไปที่หนึ่ง
“หนิงซวง ถ้ามีอะไรก็แค่ส่ง WeChat มาบอกแม่ได้เลยนะ ถ้า เสี่ยวเฉิน รังแกหนู แม่จะมาทุบตีเขาเอง”
แม่กล่าวย้ำกับ ซู หนิงซวง
“ขอบคุณค่ะ คุณป้า”
ซู หนิงซวง ยิ้มสดใสอย่างไม่ปิดบัง เมื่อเห็น เย่เฉิน โดนตี
ในที่สุดเธอก็ได้เจอผู้สนับสนุนชั้นหนึ่ง และต่อไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัว รุ่นน้อง เย่ อีกต่อไปแล้ว
แฮ่ๆ~
“หนิงซวง ครั้งนี้แม่มาแบบเร่งด่วนไม่ได้เตรียมอะไรไว้ ดังนั้นกำไลหยกขาวมันแพะชิ้นนี้แม่ให้หนูไว้นะ”
สุดท้ายแม่ของ เย่เฉิน ถอดกำไลหยกขาวมันแพะที่ เย่เฉิน เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ ลงบนมือของ ซู หนิงซวง
นี่ถือเป็นการยอมรับ ซู หนิงซวง เป็นลูกสะใภ้ และยังถือได้ว่าเป็นของขวัญต้อนรับจากเธอ
“คุณป้าคะ นี่มัน...”
ซู หนิงซวง รีบปฏิเสธ ของขวัญชิ้นนี้มันมีค่ามากเกินไป
“รับไปเถอะ”
ไม่รอให้ ซู หนิงซวง พูดจบ แม่ของ เย่เฉิน ก็หยิบกำไลหยกขาวชิ้นนั้นใส่ข้อมือให้ ซู หนิงซวง ทันที
“ขอบคุณค่ะ คุณป้า”
ซู หนิงซวง พูดขึ้น…