Chapter 1459 สังสารวัฏวิถีมนุษย์(เหรินเต๋า)
นิกายเหรินเต๋า!
ภายในห้องโถงใหญ่ มีคนหลายคน ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีศิษย์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา.
"ประมุขเหยี่ยนอวิ๋น! รักษาการเจ้าสำนักออกมาแล้ว เขาตรงไปยังตำหนักกลางสำนัก."ศิษย์คนหนึ่งที่เอ่ยกล่าวรายงาน.
"เจ้าเทียนชา? ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุระของสำนักเหรินเต๋าหรอกรึ?"อาวุโสเหยี่ยนชุนขมวดคิ้วไปมา.
"อดีตประมุขตกตายไป บุตรเขาก็กลายเป็นรักษาการเจ้าสำนัก หากแต่เขาก็ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการสำนัก มีเพียงประมุขน้อยและเหล่าอาวุโส ทว่าวันนี้ เขาออกมาอย่างงั้นรึ?"อีกคนที่เอ่ยกล่าวออกมา.
"อาวุโสเหยี่ยนชุน รักษาการประมุข เขาได้นำคนผู้หนึ่งมาด้วย!"ศิษย์คนหนึ่งที่กล่าวรายงาน.
"หืม? ใคร?"ทุกคนที่สอบถามออกไป.
"ศิษย์ไม่รู้!"
"ไป ไปดูกัน!"อาวุโสเหยี่ยนชุนที่เอ่ยกล่าวออกมาในทันที.
คนกลุ่มหนึ่งที่พยักหน้ารับ ก่อนที่จะตามอาวุโสเหยี่ยนชุน มุ่งตรงไปยังตำหนักหลักของสำนักทันที.
จากที่พักเจ้าเทียนชา จงซานที่บินตามเจ้าเทียนชาผ่านตำหนักหลายแห่ง.
ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆ ทั้งสองที่ไปหยุดที่ลานแห่งหนึ่ง ซึ่งมีตำหนักหลัก มีแท่นบูชาขนาดใหญ่ล้อมรอบและมีปราณพลังที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา.
ที่ด้านหน้าตำหนักมีอักษรเขียนไว้ว่า ตำหนักเหรินเต๋า.
เจ้าเทียนชาและจงซานที่เพิ่งมาถึง หากแต่รอบ ๆ นั้นมีกลุ่มคนสองกลุ่มที่รออยู่.
"คารวะท่านประมุข!"คนกลุ่มหนึ่งที่เอ่ยกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
เป็นความเคารพที่มาจากใจ.
ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แววตาซับซ้อน หากแต่ก็เอ่ยออกมาเช่นกัน "คารวะรักษาการประมุข!"
"อืม!"เจ้าเทียนชาพยักหน้ารับ.
ในเวลานี้ เจ้าเทียนชาที่ปกปิดพลังฝึกตน ดูไม่ต่างจากปุถุชนคนธรรมดา เป็นเรื่องที่ใครในที่แห่งนี้ยากจะสังเกตเห็น.
จงซานที่เห็นได้ว่า ทุกคนที่เผยท่าทางหวั่นเกรงออกมา แม้นว่าจะมีหลายคนที่ไม่สามารถตระหนักถึงพลังฝึกตนของเขาได้ ทว่าเป็นนิสัยการวางตัวของเขาที่สร้างความหวั่นเกรงต่อทุกคน ไม่สงสัยเลยว่าในอดีตอาจารย์ให้ความสำคัญกับศิษย์พี่ใหญ่.
"เชิญ!"เจ้าเทียนชากล่าวต่อจงซาน.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
"รักษาการประมุข!"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"เจ้าเทียนชาที่จ้องมองไปยังเหยี่ยนชุน.
"รักษาการประมุข ตำหนักเหรินเต๋านั้น คนที่ไม่ใช่ประมุขไม่สามารเข้าไปได้ แม้แต่ประมุขน้อย ยังไม่เคยเข้าไป นี่ท่าน?"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยกล่าวออกมาในทันที.
เหยี่ยนชุนเอ่ย คนอื่น ๆ ที่เริ่มพูดจากกันไปมาทันที.
"ใช่ รักษาการประมุข กฎเกณฑ์ของผู้ก่อตั้ง ห้ามคนนอกเข้าไป!"
"เจ้าเป็นแค่รักษาการประมุข มีคุณสมบัติอันใดที่ละเมิดกฎของสำนักเหรินเต๋า?"ชายในชุดสีฟ้าที่เอ่ยกล่าวออกมา.
การตำหนิด้วยความโกรธ ทำให้อาวุโสทุกคนนิ่งไปในทันที เห็นชัดเจนว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเคยกล่าวเช่นนี้.
"วูซซซ!"
เจ้าเทียนชาที่หันหน้าจ้องมองไปยังคนในชุดสีฟ้าทันที.
"เจ้าลองพูดแบบเมื่อกี้อีกทีสิ?!"เจ้าเทียนชาที่เอ่ยกล่าวออกมาเบา ๆ .
"ข้า ข้า ข้า............!”ชายในชุดสีฟ้าที่พูดติดอ่างไปในทันที.
"รักษาการประมุข ผู้เยาว์บริสุทธิ์ ได้โปรด......!"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยกล่าวออกมาในทันที.
"ผู้เยาว์? เป็นแค่ผู้เยาว์ ใครอนุญาตให้เข้ามา? ดูแคลนเจ้าสำนัก มีโทษเช่นใด?"เจ้าเทียนชาที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
เหล่าอาวุโสที่สนับสนุนเจ้าเทียนชาที่เอ่ยปากออกมาในทันที "ทำลายพลังฝึกตน ไล่ออกจากสำนัก!"
"เจ้าอู๋จี เจ้าต้องการฉวยโอกาสนี้ล้างแค้น ทำลายสายโลหิตตระกูลเหยี่ยน!"อาวุโสตระกูลเหยี่ยนอีกคนที่เอ่ยกล่าวออกมา.
"เหยี่ยนชุน เจ้าต้องการละเลยกฎเกณฑ์อย่างงั้นรึ?"เจ้าเทียนชาเอ่ย.
"ท่านประมุข หลานข้าบริสุทธิ์ เป็นความผิดข้าเอง โปรดเห็นแก่หน้าข้า...?"เหยี่ยนชุนที่กล่าวเสียอ่อน แม้แต่ไม่เอ่ยคำว่ารักษาการออกมาพร้อมกับกล่าวสถานะของเจ้าเทียนชาเต็ม.
"ก็ดี เห็นแก่หน้าอาวุโสเหยี่ยนชุน ไม่ต้องทำลายพลังฝึกตน ไล่ออกจากสำนักก็พอ!"เจ้าเทียนชาที่เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล.
"ไอ้คนแซ่เจ้า....!"ชายชุดฟ้าที่ตะโกนลั่น ด่าว่าด้วยความไม่พอใจ.
"เผลี๊ยะ!"เหยี่ยนชุนที่ตบหน้าชายชุดฟ้าเสียงดัง พร้อมกับกดเขาให้คุกเข่าลง.
"ยังไม่ขอบคุณประมุขอีก!"เหยี่ยนชุดคำราม.
ชายในชุดสีฟ้าไม่ยินดียิ่งนัก ทว่าด้วยแรงกดดันจากเหยี่ยนชุนและเจ้าเทียนชา ทำให้ได้แต่กล่าวเสียงอ่อน "ขอบคุณประมุข!"
เจ้าเทียนชาที่ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ทว่านำจงซานเข้าไปในตำหนักเหรินเต๋าในทันที.
ในเวลานี้ ด้วยอำนาจของเจ้าเทียนชา ไม่มีใครที่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.
"ไป!"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
กลุ่มคนตระกูลเหยี่ยนที่จากไปอย่างรวดเร็ว.
ส่วนคนสายโลหิตตระกูลจ้าวที่เผยยิ้มพึงพอใจ.
ขณะที่ออกมาห่างจากตำหนัก ชายในชุดสีฟ้าที่เอ่ยกล่าวออกมาทันที "ท่านลุง ท่านจะให้เจ้าเทียนชาดูถูกดูแคลนอีกรึ?"
"บัดซบ มันยังไม่ถึงเวลา!"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"เจ้าเทียนชา? หลายปีมานี้ไม่เพียงพลังฝึกตน คาดไม่ถึงเลยว่าจิตใจก็เติบโตขึ้นด้วย!"อาวุโสอีกคนที่ขมวดคิ้วไปมา.
"มันจะหายใจได้อีกไม่นาน!"เหยี่ยนชุนที่เอ่ยกล่าวออกมาในทันที.
----------------------------------------------
เจ้าเทียนชาที่นำจงซานเข้ามาในห้องโถงตำหนักเหรินเต๋า.
"ครืนนนน!"ประตูด้านหน้าที่ปิดลง.
"ตามข้ามา!"เจ้าเทียนชาเอ่ย.
ภายในห้องโถง ผนังที่มีลวดลายขาวดำ เจ้าเทียนชาที่พุ่งตรงเข้าไปในผนัง.
"ฟิ้ว!"
เจ้าเทียนชาที่ทะลวงผ่านกำแพงไป.
"ทางเข้าโลกใบเล็กอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ตกใจเล็กน้อย.
จงซานที่ตามเจ้าเทียนชาไปติด ๆ .
"ฟิ้ว!"พริบตานั้น จงซานที่เข้าไปในร่างของจงซาน.
"เปรี้ยง!"บนท้องฟ้า ที่มีสายฟ้าดังกึกก้อง.
ในโลกใบเล็กที่ดูมืดครึ้ม ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า.
พื้นที่รอบ ๆ นั้นเป็นป่าศิลาที่ผุดขึ้นมาบนพื้นมากมาย ไร้ซึ่งพืชพรรณ เป็นหินเปล่า ๆ ที่ไกลออกไปมีตำหนักอยู่มากมาย ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่.
ที่ใจกลางนั้นมีแท่นบูชาขนาดใหญ่.
จงซานที่จ้องมองไปยังอักขระที่ประทับอยู่ต้องรู้สึกตกใจและประหลาดใจเล็กน้อย "ตำหนักฉินกวง?"
เจ้าเทียนชาที่หยุดลง ก่อนที่จะจ้องมองไปยังด้านหน้าพยักหน้ารับและกล่าวออกมาว่า "เป็นตำหนักฉินกวงจริง ๆ !"
"ตำหนักฉินกวงเป็นซือตานหนึ่งในสิบตำหนักที่น่าเกรงของภพหยิน? หากแต่มาอยู่ในภพหยางได้อย่างไร?"จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
เจ้าเทียนชาที่ส่ายหน้าไปมา "ข้าเองก็ไม่รู้!"
--------
ในเวลาเดียวกัน สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ภายในตำหนักเทียนหยวน.
จงซานและเซียนเซิงซือ.
"อะไร? ตำหนักฉินกวง?ตำหนักที่หนึ่งในสิบตำหนักซือตาน?"
"กลิ่นอายนี้ เหมือนกับตำหนักสังสารวัฏ ตำหนักยามา ซือตานภพหยิน คาดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ในภพหยาง?"จงซานที่เผยท่าทางสงสัยเช่นกัน.
เซียนเซิงซือที่สูดหายใจลึก ก้าวเดินไปมาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนอัปลักษณ์ ก่อนจะหยุดเดิน ก่อนที่จะเผยท่าทางประหลาดใจออกมา.
"อย่างไร?"จงซานที่เอ่ยสอบถาม.
"เฉินดูแคลนบรรพชนชราหมิงเหอไปหน่อย!"เซียนเซิงซือที่ฝืนยิ้มออกมา.
"หืม?"
"พบเพียงแค่เก้า บรรพชนชราหมิงเหอที่สร้างสิบตำหนัก ตระกูลจางเองก็เผยความสงสัย จวบจนถึงตอนนี้ เฉินเข้าใจแล้ว บรรพชนหมิงเหอ ช่างเป็นคนที่อหังการจริง ๆ ! ตำนานที่เหลวไหล แท้จริงแล้วเป็นความจริง?"เซียนเซิงซือที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ตำนาน?"
"มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบรรพชนชราหมิงเหอ ต้องการที่จะสับเปลี่ยนหยินหยาง เปลี่ยนภพหยางให้กลายเป็นภพหยิน ทำให้วิถีสวรรค์เกิดความวุ่นวาย เพื่อต่อต้านสวรรค์! ทุก ๆ คนต่างก็ไม่อยากเชื่อ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เก้าตำหนักที่อยู่ภพหยิน หากแต่มีหนึ่งตำหนักที่ถูกเคลื่อนย้ายมาแล้ว เดิมทีเป็นเรื่องจริงนี่เอง เขาวางแผนเช่นนั้นจริง ๆ !"เซียนเซิงซือกล่าว.
"เปลี่ยนภพหยินเป็นภพหยางอย่างงั้นรึ? เปลี่ยนหยินเป็นหยาง?"จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
แม้นว่าบรรพชนชราหมิงเหอจะทำไม่สำเร็จ ทว่าก็นับว่าเป็นคนที่มีความคิดที่หาญกล้าจนน่าเกรงขาม ถึงกับต้องการจะเปลี่ยนโลก หากว่าเขาทำเสร็จ ไม่ใช่ว่าภพหยินจะกลายเป็นมีเก้าทวีป และภพหยางจะกลายเป็นหกทวีปหรอกรึ?
"ตัวตนของบรรพชนชราหมิงเหอ ความจริงแล้วก็ไม่ได้ด้อยกว่าผ่านกู๋ ช่างน่าเสียดาย ที่ล้มเหลว!"เซียนเซิงซือที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"เทียนตี้ สิบตำหนักนั้นไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเลย ขอให้เทียนตี้โปรดระวังเรื่องนี้ด้วย!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
--------------
ที่ด้านนอกตำหนักฉินกวง.
เจ้าเทียนชาที่นำจงซานมายังด้านหน้าตำหนักฉินกวง.
ที่ด้านหน้าตำหนักฉินกวงนั้น มีกระจกใบใหญ่ยักษ์อยู่ ภายในกระจกนั้น มีแสงสีน้ำเงินมากมายที่กำลังหมุนวนอยู่ กระจกที่ส่องภาพขงเจ้าเทียนชา ก่อนที่จะส่งผ่านอะไรบางอย่าง แม้แต่สะท้อนภพชาติที่แล้วของเขาออกมา.
ทว่าแสงจากกระจกกับไม่สามารถส่องผ่านสะท้อนร่างของจงซานได้.
"นี่คือกระจกปิศาจ ที่สะท้อนชาติที่แล้ว เป็นพลังปิศาจที่น่าเกรงขาม!"เจ้าเทียนชาเอ่ย.
"สะท้อนชาติที่แล้ว?"จงซานที่จ้องมองไปยังกระจกปิศาจ.
"ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเข้าใจ กระจกปิศาจดังกล่าวนี้ ที่ด้านในนั้นมีผนึกของวิถีสังสารวัฏ ดังนั้นจึงสามารถสะท้านภาพของชาติที่แล้วได้ ดูเหมือนว่าจะมีพลังสังสารวัฏวิถีมนุษย์!"เจ้าเทียนชาที่เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
จงซานที่จ้องมองตำหนักฉินกง ก่อนที่จะจ้องมองกระจกปิศาจ จงซานที่พยักหน้ารับเบา ๆ .
ที่หน้าผากของเจ้าเทียนชา ประทับรูปเปลวเพลิง ในเวลานี้ มันกำลังส่องประกายแสงวับวาว.
ตราประทับรูปเพลิงที่ส่องประกาย ที่สะท้อนแท่นจารึกตำหนักฉินกวง ที่ส่องประกายแสงเล็กน้อย ทันใดนั้นแสงสีแดงที่พุ่งเข้าไปในกระจกปิศาจ.
"ฟิ้ว!"
กระจกปิศาจ ที่ด้านในเกิดเป็นหลุมน้ำวนสีน้ำเงิน.
"บัญชาตำหนักฉินกวงอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองเจ้าเทียนชาด้วยความประหลาดใจ.
หลุมน้ำวนสีน้ำเงินที่หมุนไปมาอย่างรวดเร็ว.
หลุมน้ำวนขนาดเล็กที่หมุนตามเข็มนาฬิกา.
วิถีสังสารวัฏวิถีมนุษย์.
"ข้าขอหลอมกลั่นก่อน!"จงซานเอ่ย.
"อืม!"เจ้าเทียนชาพยักหน้ารับ.
"ตูมมมม!"
จงซานที่นำตำหนักส่วนตัวออกมา พื้นที่รอบ ๆ ที่สั่นไหว ก่อนที่จงซานจะก้าวเข้าไปด้านใน.
ขณะจงซานเริ่มหลอมสังสารวัฏวิถีมนุษย์ กระจกปิศาจที่แตกร้าวเป็นรอยใยแมงมุมกระจายออกไปรอบ ๆ .
"ครืนนน!"
กระจกปิศาจที่ระเบิดออกมาเสียงดัง.
เจ้าเทียนชาที่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะก้าวออกไป เก็บชิ้นส่วนของกระจกปิศาจไป.
ไม่ได้เข้าไปในตำหนักฉินกวง ทว่ายังคงรอคอยอยู่ที่ด้านหน้าประตูทางเข้า.
วิถีมนุษย์(เหรินเต๋า) จงซานที่ได้มาสี่ในหกของวิถีสังสารวัฏ วิถีสวรรค์ วิถีนรก วิถีเดรัชฉาน(อสูร) วิถีมนุษย์.
หลุมน้ำวนสีน้ำเงินที่ค่อย ๆ อ่อนแรงลง หากแต่จงซานไม่สามารถที่จะประมาณได้ ก่อนที่จะค่อย ๆ ทำให้มันสลายหายไปช้า ๆ .
ภายในตำหนักเหรินเต๋า จงซานและเจ้าเทียนชาใช้เวลาไปถึงห้าวัน.
เจ้าเทียนซือที่มาคอยอยู่ที่ทางเข้า ด้วยท่าทางสงสัย หากแต่ยังคงรอคอยอย่างอดทน ที่ด้านข้างนั้นมีผู้อาวุโสสองสามคน แต่ละคนที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"เจ้าสำนักน้อย ไม่ได้การแล้ว แย่แล้ว!"ศิษย์คนหนึ่งที่เร่งรีบพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน.
"เกิดอะไรขึ้น?"เจ้าเทียนซือสอบถามออกไป.
"คนของเทือกเขาเห่ยซาน พวกเขานำคนมากมายมาบุกสำนักเหรินเต๋าของพวกเรา มีปิศาจหลายพันตน นอกจากนี้ ..!"ศิษย์คนดังกล่าวที่เอ่ยเสียงกระวนกระวาย.
"และอะไร?"เจ้าเทียนซือที่กล่าวสอบถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
"นอกจากนี้ จ้าวปิศาจเห่ยซานก็มาด้วย!"ศิษย์คนดังกล่าวเอ่ยตอบออกไป.
"จ้าวปิศาจเห่ยซานมาด้วยอย่างงั้นรึ?"เหล่าอาวุโสรอบ ๆ ที่ตกใจอุทานออกมาทันที.