ตอนที่แล้วบทที่ 544 การเปลี่ยนแปลงในดินแดนตะวันตก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 546 ชะตากรรมอันแปลกประหลาด

(ฟรี) บทที่ 545 ความกังวลของเซิงเย่


เซิงเชียนนั่งบนเก้าอี้และมองเซิงเย่อย่างช่วยไม่ได้

ตั้งแต่จดหมายรักจากเจ้าหญิงทั้งสองถูกส่งออกไป เซิงเย่ก็ไม่เคยอยู่นิ่งแม้แต่เพียงชั่วอึดใจเดียว เขากระสับกระส่ายเหมือนมดบนกระทะร้อน

“เจ้าเป็นถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เซิง สงบสติอารมณ์ไม่เป็นหรือไง” เซิงเชียนส่ายหัว

เซิงเย่หยุดชะงัก ขมวดคิ้วและพูดว่า “สงบสติอารมณ์? ท่านบรรพบุรุษเองก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเหลิงอู่เหยียน ข้าจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร”

จักรพรรดิ์แห่งราชวงศ์เซิง?

นั่นเป็นชื่อที่ไม่ต่างกับผายลมต่อหน้าเหลิงอู่เหยียน!

หากสตรีนางนั้นบ้าขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงราชบัลลังก์ แม้แต่ชีวิตของเขาก็คงจบเห่!

เมื่อได้ยินชื่อนั้น การแสดงออกของเซิงเชียนก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“สตรีนางนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ... แต่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่ส่งจดหมายรักไปสองฉบับ มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นใช่ไหม?”

“ปัญหาอยู่ที่จดหมายรัก”

เซิงเย่ถอนหายใจ เขายื่นมือออกและนวดหว่างคิ้ว “ตอนแรกข้ากังวลเกินไป ดังนั้นข้าจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว มันอันตรายเสียยิ่งกว่า”

“หือ” เซิงเชียนผงะไปเมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว และถามด้วยความสับสน “เจ้าหมายความว่ายังไง”

เซิงเย่กล่าวว่า “ท่านต้องรู้ก่อนว่าวิหารโหยวหลัวนั้นเป็นนิกายปีศาจอันดับหนึ่ง และยังมีกฎที่ว่าระหว่างบุรุษและสตรีห้ามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน...”

“อะไรนะ” สีหน้าของเซิงเชียนแข็งค้าง “แล้วทำไมเจ้าไม่บอกตั้งแต่แรก?”

หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาที่ส่งจดหมายรักไปจะไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎของวิหารโหยวหลัวหรอกเหรอ?

พวกเขาตั้งใจจะแสดงความโปรดปราน แต่กลับกลายเป็นการแพ้ภัยตัวเอง!

“ข้าเพิ่งนึกได้...” เซิงเย่ดูละอายเล็กน้อย

เขาลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ

ตอนนั้นเรื่องต่างๆเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เขาและเซิงเชียนกำลังสับสนวุ่นวาย และหลี่อู๋เซียง จิ้งจอกละโมบนั่นก็ได้ยกระดับความลำบากของเรื่องนี้ให้สูงขึ้นไปอีก

การส่งจดหมายรักเป็นทางออกเดียวที่เขาคิดได้ในขณะนั้น

นอกจากนี้ยังมีสตรีมากมายรอบตัวหลี่หราน

มีเพียงเซิงเย่เท่านั้นที่รู้ว่านอกเหนือจากคู่หมั้นตระกูลเซียวแล้ว เขามีความสัมพันธ์อันดีกับหลินหลางเยว่ เยว่เจียนหลี่ และฉินหรูเหยียน

นี่ยังไม่รวมบุตรสาวทั้งสองของเขา...

เป็นไปไม่ได้ที่เหลิงอู่เหยียนจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นางไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ราวกับปล่อยปละละเลย

สิ่งนี้ยังทำให้เซิงเย่ลืมเรื่องกฎนั้นไปโดยปริยาย

“เหลิงอู่เหยียนไม่ควรสนใจเรื่องผู้หญิงของหลี่หราน มิฉะนั้นนางคงดำเนินการเพื่อหยุดมันไปแล้ว” เซิงเย่ลูบคางของเขาพลางวิเคราะห์ “แต่เราริเริ่มที่จะส่งจดหมายรัก ความหมายมันแตกต่างออกไป หากนางรู้เรื่องนี้ มันคงเป็นเหตุผลที่ดีในการลงมือทำอะไรสักอย่าง”

เป็นเรื่องปกติสำหรับหลี่หรานที่จะมีสัมพันธ์กับสตรี และเป็นเรื่องปกติที่หญิงสาวจะเขียนจดหมายรักถึงเขา แต่หากคนที่เขียนจดหมายรักนั้นเป็นเจ้าหญิงของราชวงศ์เซิง ทั้งยังมีถึงสอง...

ตัวตนที่ละเอียดอ่อนในช่วงเวลาวุ่นวายเช่นนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะเชื่อมโยงกัน

หากเหลิงอู่เหยียนรู้เรื่องนี้ มันจะกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความบาดหมางอย่างง่ายดาย

เซิงเชียนก็คิดถึงผลที่ตามมาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นั่นเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ”

เซิงเย่ถอนหายใจ “ตอนนี้ข้าเพียงหวังว่าจดหมายรักจะไม่ถูกนางพบเจอ”

“ข้าก็หวังเช่นนั้น” เซิงเชียนก็ถอนหายใจ “ถึงยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

สำหรับราชวงศ์เซิง การนำปราณมังกรกลับคืนมาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากไม่สามารถรักษาอาณาจักรไว้ได้ ทุกอย่างก็เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ

มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเสี่ยงกับเรื่องนี้

“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป”

เมื่อเห็นใบหน้าหม่นหมองของเซิงเย่ เซิงเชียนก็ปลอบใจเขาว่า “เมื่อพิจารณาจากบุคลิกเสเพลของหลี่หรานแล้ว เป็นเรื่องปกติหรือเปล่าที่เขาจะมีความสัมพันธ์กับเจ้าหญิงทั้งสอง แม้ว่าเหลิงอู่เหยียนจะรู้เรื่องนี้ นางอาจไม่เชื่อมโยงพวกเราเข้ากับมัน”

“อืม...” เซิงเย่พยักหน้า

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย ราวกับว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

เซิงเชียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ทำเช่นนี้เป็นไง ข้าจะทำนายชะตาและดูว่าเรื่องนี้มีความเสี่ยงเพียงใด”

“ทำนายชะตา?” เซิงเย่ส่ายหัวและยิ้ม

เขารู้ว่าบรรพบุรุษหมายถึงอะไร

เซิงเชียนได้ศึกษา “ศิลปะศักดิ์สิทธิ์ไท่อี่” และเขาก็ค่อนข้างเชี่ยวชาญในการทำนายดวงชะตา เขายังคำนวณเวลาโดยประมาณที่ยุคทองครั้งต่อไปจะมาถึงได้อีกด้วย

แต่นั่นก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว

แม้แต่อัจฉริยะไร้ที่เปรียบก็สามารถเรียนรู้ได้เพียงส่วนเล็กๆในช่วงชีวิตเท่านั้น

แต่สิ่งที่เซิงเชียนเรียนรู้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “การทำนาย” เท่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเก่งแค่เพียงการทำนายสถานการณ์ทั่วไปและโชคชะตาเท่านั้น ไม่ใช่กับเหตุการณ์ระยะสั้นและกรรมที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์

เมื่อรวมกับการแทรกแซงจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง การรับรู้ของเขาเกี่ยวกับสวรรค์และโลกก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน

มันยากยิ่งกว่าที่จะมองผ่านหมอกแห่งเหตุและผล

ไม่เช่นนั้นเขาคงคาดการณ์ทุกอย่างที่จะมาถึงได้แล้ว…

ดวงตาของเซิงเชียนปิดลงเล็กน้อย นิ้วของเขาถูกบีบแน่น อาภรณ์ของเขาสั่นไหวแม้ไร้สายลม

มีแสงวาบจางๆบนปลายนิ้ว

เซิงเย่นั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง หยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอย่างระมัดระวัง

แน่นอนว่าเขาไม่ได้จริงจังกับมัน

ด้วยสถานะปัจจุบันของเซิงเชียน มันอาจเป็นเพียงเพื่อความเพลิดเพลิน

จุดประสงค์หลักคือพยายามปลอบใจ

แต่เมื่อเขามองขึ้นไปก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วขณะ เขาเห็นคิ้วของเซิงเชียนขมวดลึกลงเรื่อยๆ พร้อมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง

แม้จะหลับตา แต่เขาก็ยังเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซิงเย่ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “ท่านบรรพบุรุษ...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆเซิงเชียนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าแก่ชราของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น

“ดวงดารากำลังร่วงหล่น ชางหลานจะผงาดขึ้นอีกครั้ง!”

“ดินแดนรกร้างปกคลุมไปด้วยโลหิต และท้องนภากำลังจะพลิกคว่ำ... เป็นไปได้ยังไง มันจะเป็นไปได้ยังไง?!” เซิงเชียนพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

เซิงเย่ยิ่งรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเช่นนั้น “บรรพบุรุษ ท่านกำลังพูดถึงอะไร”

เซิงเชียนหันไปมอง ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ “หากข้าไม่ได้เข้าใจผิด เผ่ามังกรกำลังจะผงาดขึ้นมา! มันคือราชวงศ์ชางหลานในตำนาน ตระกูลมังกรจักรพรรดิที่ไม่มีใครเทียบได้!”

“เผ่ามังกร?!”

เซิงเย่ตกตะลึง

เขาไม่ได้พูดถึงจดหมายรักเหรอ มันเกี่ยวอะไรกับเผ่ามังกร?

“เผ่ามังกรหายไปอย่างลึกลับเมื่อหลายพันปีก่อนไม่ใช่หรือ? ข้ารู้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่ แต่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างเชื่อฟัง... และเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลมังกรชางหลานจะอยู่ในหมู่พวกเขา”

เซิงเย่กลับมามีสติและถามด้วยความสับสน

เซิงเชียนส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่โชคชะตาแสดงออกมาอย่างนั้น”

“นี่... ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”

เซิ่งเย่เริ่มสงสัยระดับของชายชราแล้ว

เซิ่งเชียนพูดอย่างหมดหนทาง “แม้ว่าการรับรู้ของข้าจะถูกรบกวน แต่อย่างมากที่สุดก็เพียงทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ชัดเจน และความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาดก็มีไม่สูงมาก”

“อืม...”

เซิงเย่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง

สถานการณ์วุ่นวายอยู่แล้ว หากมันเป็นจริงอย่างที่บรรพบุรุษพูด เผ่ามังกรจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง สิ่งต่างๆคงลำบากยิ่งกว่านี้

“เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ถูกต้อง” เซิ่งเย่คิดอะไรบางอย่างได้และถามด้วยความสับสน “ท่านไม่ได้บอกว่าต้องการตรวจสอบเหลิงอู่เหยียนหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆท่านถึงเห็นเผ่ามังกร?”

เซิงเชียนยิ้มอย่างจนปัญญา “นั่นแหละปัญหา”

“มังกรชางหลานอยู่บนเทือกเขาซวนหลิง!”

/////