บทที่ 42 เจ้าอยากเห็นพลังของเวทมนตร์หรือไม่?
บทที่ 42 เจ้าอยากเห็นพลังของเวทมนตร์หรือไม่?
ซิด ปล่อยหมัดของบราวน์อย่างช้าๆ และไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ถามกับว่า "เจ้าจำได้ไหมว่าทำไมข้าถึงขอให้เจ้าสังหารโซล"
บราวน์รู้สึกเหมือนร่างกายของเขากำลังไหม่ เขาตื่นเต้นมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
"เพราะเจ้าสารเลวโซลนั้นทำให้ท่านขุ่นเคือง"
"แล้วทำไมข้าไม่สังหารเขาเองละ"
คราวนี้ บราวน์ลังเล "เพราะข้ารับใช้เป็นทรัพย์สินของท่านเจ้าหอคอย"
"เจ้าคิดได้แค่นี้งั้นหรือ? ไร้ประโยชน์!"
ซิด สถบด้วยความโมโหและหันหลังจากไป
บราวน์รู้ว่าโอกาสนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อย เขาจึงพูดสิ่งเขาคิดออกไปอย่างรวดเร็ว
"เพราะว่านายท่าน ไม่สามารถสังหารเขาได้ด้วยมือของท่านเอง"
ในที่สุดซิดก็หยุดและหันกลับมามองด้วยสีหน้าพึงพอใจ
"เจ้าเดาได้งั้นหรือ?"
บราวน์รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขากำลังเดือด
เขากำลังคิดว่าถ้าเขาผ่านการทดสอบนี้ เขาจะสามารถกลายเป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของซิดได้หรือไม่?
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะได้เริ่มต้นเส้นทางการเป็นพ่อมดสักที
"ข.. ข้าพอจะเดาได้นายท่าน"
"เดางั้นหรือ ไหนบอกข้าหน่อย ให้ข้าดูว่าจำเป็นต้องใช้เจ้าอีกต่อไปหรือไม่?" ซิด ยืนกอดอก
บราวน์แสดงรอยยิ้มออกมา "เมื่อข้าถามท่านว่า 'ท่านอยากให้ข้าจับโซลไปที่ชั้น 10 และให้ท่านลงมือหรือไม่' ท่านก็บอกข้าว่า 'ถ้าข้าลงมือเองได้ แล้วทำไมข้าถึงต้องการเจ้าด้วยละ?' "
"อืม แล้วมีอะไรอีกไหม?"
"นายท่าน ให้ข้าจับตาดูโซลหลังจากที่เขาตายเพื่อดูว่ามีหนังสือปกแข็งสีแดงอยู่บนตัวเขาหรือสถานที่ๆเขามักอาศัยอยู่หรือไม่ ถ้าข้าเห็นมัน ถ้าข้าพบมันข้าจะต้องไม่ให้ใครได้มันไป"
บราวน์กลืนน้ำลายดังเฮือก เขารู้สึกว่าปากของเขาแห้งมากเขากระหายน้ำ แต่ตอนนี้เขาจะหาน้ำได้จากที่ไหนกัน?
"นายท่าน ท่านต้องการสังหารโซลเพียงเพื่อหนังสือปกแข็งเล่มนั้นใช่ไหมขอรับ?"
บราวน์เลียริมฝีปากของเขา ปากของเขาแห้งเกินไปแล้ว แม้แต่ลิ้นของเขาก็ยังไม่ชุ่มชื้นพอ ทำให้ริมฝีปากของเขาเริ่มไหม้
"เจ้าฉลาดมาก!" ซิดถอนหายใจออกมาและถามเบาๆ "เจ้าอยากเห็นพลังของเวทมนตร์ไหม?"
บราวน์ตอบอย่างกระตือรือร้นในทันที "โอ้ นายท่าน ข้าไม่บังอาจ ข้าไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงมันได้"
ซิด ยกมุมปาก
"มองลงไป"
บราวน์ก้มหัวของเขาลงอย่างไม่ลังเล ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเขามีควันออกมา
เปลวไฟพุ่งออกมาจากรอยแยกสีดำหลายแห่ง ล่ามไปทั่วร่างกายและเสื้อผ้าของเขา
สมองของบราวน์หยุดนิ่ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นและต้องการความช่วยเหลือจากซิด
หมัดโครงกระดูกสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
"เปรี้ยง!"
โซล ต่อยเข้าที่หน้าทะลุออกหลังหัวของบราวน์
เขายืดตัวขึ้นมองไปยังเปลวเพลิงที่พุ่งออกจากคอของบราวน์
เวทมนตร์ระดับ 0 คาถา เนตรมายา
อุปกรณ์เวทมนตร์ ดวงตาเสียงภูติผี
เวทมนตร์ระดับ 0 คาถา ลมหายใจเปลวเพลิง
โซลถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลังเวทมนตร์ของเขาหมดพอดี
ดังนั้นสุดท้ายแล้ว เขาจึงทำได้เพียงอาศัยการโจมตีทางกายภาพกำจัดเสียงของบราวน์ออกไป
เขาสะบัดมือ ที่เปื้อนเลือดและเศษเนื้อออกจากกระดูกสีขาว
"หนังสือปกแข็ง? เจ้าจะหายไปหลังจากที่ข้าตายใช่ไหม?"
หนังสือปกแข็งไม่สนใจโซล มันเพียงแค่ลอยอยู่เหลือไหล่ซ้าย ราวกับกำลังชมการแสดง
เมื่อมองดูเปลวเพลิงที่ค่อยๆ ลุกไหม้ ก่อนที่เปลวเพลิงจะล่ามไปถึงปลายนิ้วของบราวน์ โซลก็เอื้อมมือออกไปดึงลูกปัดเล็กๆ ที่อยู่บนนั้นออกมา
"สิ่งนี้บราวน์น่าจะได้มาจากซิด มันไม่ได้มีพลังร้ายแรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายในดูเหมือนจะเป็นด้วงกลืนหัวใจ"
โซล ดมกลิ่นลูกปัดอีกครั้ง
"มันถูกห่อด้วยขี้ผึ้งมีกลิ่นคล้ายกับขี้ผึ้งห่อศพ"
ขี้ผึ้งห่อศพมีความสามารถในการสะกดภูติผีอยู่บ้าง แต่ผลของมันจะคงอยู่ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น เมื่อครบระยะเวลา 3 เดือน ขี้ผึ้งห่อศพก้จะละลายออก
เมื่อถึงเวลานั้น ด้วงกลืนหัวใจ ที่อยู่ข้างในจะเข้าไปในร่างของบุคคลที่อยู่ใกล้ที่สุดและกัดกินร่างกายของคนผู้นั้นอย่างบ้าคลั่งจนตาย
โซล โยนลูกปัดนั้นพร้อมกับเชือกสีดำ เข้าไปในกองเพลิง
ลูกปัด นั้นถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน ก่อนที่ด้วงกลืนหัวใจจะได้สติ
นี่เป็นการสังหารครั้งแรกของโซล น่าเศร้าที่เขาไม่รู้สึกไม่สบายใจแม้แต่น้อย
คาถาเนตรมายา และ ดวงตาเสียงภูติผี ไม่มีความสามารถในการอ่านความคิดของคนอื่น
แต่เมื่อพิจารณาจากคำพูดไม่กี่คำที่บราวน์พูดขณะที่เขาตกอยู่ในภาพลวงตา ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ลมหายใจเปลวเพลิง แผดเผาร่างของบราวน์อยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะดับไปเอง
โซลมองไปลงยังชายผู้ที่รังแกเขา และผลักให้เขาไปสู่ความตายหลายครั้ง เขากลายเป็นกองเถาถ่านไปแล้ว
เขาก้าวข้ามร่างของบราวน์และเดินจากไป
......
แสงแดดยามเช้าไม่สามารถทะลวงผ่านหอคอยพ่อมดที่มีกำแพงหินหนาได้
ช่วงเวลาเช้าและกลางคืนภายในหอคอยสามารถแยกออกได้ด้วยแสงสว่างของเทียนเท่านั้น
เทียนภายในหอคอยพ่อมดจะลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่ามันทำมาจากอะไร
มีกลุ่มคนมารวมตัวกันอยู่ระหว่างทางลาดระหว่างชั้น 6 และ ชั้น 7 ของหอคอยตะวันตก พูดคุยเกี่ยวกับศพที่ไหม้เกรียมตรงทางลาด
พ่อบ้านรีบมาพร้อมกับข้ารับใช้หลายคน
ขณะที่โค้งคำนับและขอโทษเหล่าพ่อมดฝึกหัด เขาก็สั่งให้ข้ารับใช้รีบทำความสะอาดทันที
ซิด ที่กำลังเดินไปตามทางลาด เมื่อเขาเห็นคนขวางทางเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
"พวกเจ้าไม่เคยเห็นคนตายงั้นเหรอ? หลีกไปให้พ้นทาง!"
เมื่อพ่อมดฝึกระดับ 2 โกรธ เหล่าพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ทั้งหมดจึงแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว
ซิด เดินผ่านข้ารับใช้ที่นอนอยู่บนพื้นไม่กล้าขยับตัว เขาไม่สนใจพ่อบ้านที่โค้งคำนับด้วยความเคารพ แต่เมื่อเขามองเห็นศพที่นอนด้วยพื้นจากมุมสายตาของเขา
เขาก็ต้องหยุดชะงัก
แม้ร่างกายจะถูกเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่กลิ่นหอมที่ลอยออกร่างนั้นคือขี้ผึ้งที่เขาทำเองกับมือ
คนตายคือบราวน์งั้นเหรอ?
ซิด ไม่สนใจว่าข้ารับใช้ผู้นี้จะตายหรือไม่
อย่างไรก้ตาม ไม่ว่าบราวน์ตายจากสิ่งที่แปลกประหลาดภายในหอคอย หรือตายหลังจากถูกด้วงกลืนหัวใจกัดกินร่างกาย มันก็ไม่สำคัญ
ซิด เดินต่อไปอย่างสบายๆ แต่ดันมีคนเดินเข้ามาช้าๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
โซล เงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับซิดถึงกำลังมาถึง
"อรุณสวัสดิ์ขอรับ รุ่นพี่"
เสียงฝีเท้าของซิดหยุดลง มองดูโซลเดินไปตามทางเดินชั้น 6
เขาหันกลับมามองไปที่ศพที่ไหม้เกรียม หางตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง
เมื่อเขามองย้อนกลับไป สีหน้าของซิดก็กลายเป็นเคร่งขรึมอย่างน่าสะพรึงกลัว
เขารู้สึกโมโหกับท่าทางหยาบคายของโซล
ไอ้พวกหนูขยะนี้กล้าแยกเขียวใส่เขางั้นเหรอ?
มีเพียงสิ่งเดียวที่ซิดไม่สามารถเข้าใจได้
โซล ไม่ได้เชี่ยวชาญธาตุมืองั้นหรือ? แล้วทำไมเขาจึงใช้เวทมนตร์ธาตุไฟได้?
......
ไม่กี่วันต่อมา
โซล นั่งอยู่หน้าโต๊ะในห้องเก็บศพ เพื่อแยกแยะประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่เขาได้เรียนรู้
การเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดมีความสำคัญอย่างมาก แต่ความรู้พื้นฐานก็ไม่สามารถขาดได้เช่นกัน
ตอนนี้ โซล เชี่ยวชาญ เวทมนตร์ระดับ 0 3 อันแล้ว
ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงต้องอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
ปัจจุบัน มีเพียง เคลี่ เท่านั้นที่รับรู้ได้อย่างเลือนลางถึงความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของโซล นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เคลี่มีรอยคล้ำใต้ตาของนาง
แม้แต่ เคลี่ ซึ่งรู้จักกันในฐานะอัฉริยะก็ยังไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ระดับ 0 ซึ่งเป็นคาถาลมหายใจเปลวเพลิงได้
สาเหตุหลักมาจากการควบคุมของเคลี่ การผสานรูนของนางยังไม่แม้นยำเท่าโซล
ตอนนี้ โซลกำลังเริ่มเรียนรู้ เวทมนตร์ระดับ 0 อันที่ 4 แล้ว
ถ้าเป็นพ่อมดฝึกหัดคนอื่นๆ โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่เรียนรู้เวทมนตร์มากนัก
ตามขั้นตอนปกติ พวกเขาจะฝึกฝนเวทมนตร์สัก 1 อันก่อน จากนั้นก็ฝึกฝนอยู่เป็นเวลานานเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับร่างกายและจิตวิญญาณ ก่อนจะเรียนรู้เวทมนตร์ต่อไป
เนื่องจากการเรียนรู้ เวทมนตร์หลายอย่างในเวลาเดียว จะทำให้จิตใจเกิดความสับสน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานรูน เขาอาจเผลอผสานรูน 2 ตัวที่คล้ายกันมากโดยไม่ได้ตั้งใจ
และถ้าเขาจำอักษรรูนผิด ราคาต่ำสุดที่เขาต้องจ่ายก็คือ ได้รับความเสียหายทางจิตวิญญาณและปวดหัวไปเป็นเวลาหลายวัน
มันเจ็บปวดซะจนเขาไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้เลย
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า ก็คือเมื่อร่ายเวทมนตร์ล้มเหลว มันอาจทำให้เกิดผลสะท้อนกลับของเวทมนตร์
และร้ายแรงที่สุด มันอาจถึงขั้นทำให้ตายลงได้เลย
สิ่งที่ทำให้โซลโชคดีกว่าคนอื่นๆ เขาสามารถจดจำเป็นภาพ ความกว้าง และมุมได้
จนเกิดความเคยชิน
คนที่เก่งกว่าจะจำเป็นสูตร แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่ามันต้องทำอย่างไร