ตอนที่แล้วบทที่ 3 การเข้าเป็นศิษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 วิชาหมัดพยัคฆ์

บทที่ 4 พรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัว!


บทที่ 4 พรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัว!

จ้าวเฮยถ่ากำลังสอนศิษย์ชั้นในหลายคนอยู่ภายในห้องฝึกยุทธ

ในสำนักเฮยถ่า มีเพียงศิษย์ชั้นในเท่านั้นที่จะได้รับคำแนะนำจากจ้าวเฮยถ่าอยู่เป็นประจำ

ส่วนศิษย์ชั้นนอกหรือลูกศิษย์ทั่วไปของสำนัก มักจะได้รับการสอนจากศิษย์ที่จ้าวเฮยถ่ามอบหมายให้เป็นผู้ฝึกสอนซึ่งเขาเองไม่ได้สอนศิษย์เหล่านั้นโดยตรง

"ท่านอาจารย์"

เจียงฮ่าวมาถึงห้องฝึกยุทธและได้เห็นศิษย์พี่น้องหลายคนกำลังฝึกวิชา

"เจียงฮ่าว เจ้าฝึกวิชาบ่มเพาะสายเลือดธารามาตลอดทั้งบ่ายคงจะรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวสินะ? นั่นน่ะเป็นเรื่องปกติ ทุกคนที่ได้ฝึกครั้งแรกต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น"

"แต่เจ้าอย่าเพิ่งได้ยอมแพ้ไป เจ้าจะต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต้องกลับไปฝึกฝนต่อเมื่อเจ้ามีเวลา"

"กระดูกของเจ้านั้นดังถึงสิบสามครั้ง ถือว่าเจ้ามีกระดูกที่ไม่เลว ดังนั้นหากฝึกฝนไปเรื่อยๆอีกไม่กี่วันเจ้าก็น่าจะบ่มเพาะเลือดได้สำเร็จ"

จ้าวเฮยถ่าเห็นว่าเจียงฮ่าวเหงื่อท่วมตัว หอบหายใจ คงอาจเป็นเพราะพยายามฝึกฝนมาอย่างหนัก

ใครก็ตามที่ฝึกวิชาบ่มเพาะเลือดครั้งแรก ต่างก็จะรู้สึกไม่คุ้นเคยและปวดเมื่อยไปทั้งตัว

แต่เขาเองก็ไม่อยากให้เจียงฮ่าวท้อแท้เพียงเพราะความเจ็บปวด ดังนั้นจึงให้กำลังใจเจียงฮ่าวไป

"ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าเหมือนข้าจะบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้ว..."

เจียงฮ่าวรู้ว่าอาจารย์ของเขากำลังเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาตรงๆ

….

ห้องฝึกยุทธที่เมื่อครู่ยังมีเสียงดัง ตอนนี้กลับเงียบสงัด

เหล่าศิษย์พี่ที่กำลังฝึกซ้อมและประลองยุทธ ต่างหันมามองเจียงฮ่าวด้วยความตกใจ

สีหน้าของพวกเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก

เมื่อกี้นี้พวกเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?

เจียงฮ่าวบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้วงั้นหรือ?

นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนกัน?

แค่สามชั่วยามเองไม่ใช่หรือ?

"ฟุ่บ!"

จ้าวเฮยถ่าลุกขึ้นทันที เขาจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวด้วยสายตาเป็นประกายและเสียงสั่นเล็กน้อย "เจียงฮ่าว เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าบ่มเพาะเลือดสำเร็จแล้วงั้นรึ?"

เจียงฮ่าวเห็นปฏิกิริยาของทุกคนจึงรู้ทันทีว่าการที่เขาบ่มเพาะเลือดสำเร็จด้วยเวลาเพียงเท่านี้คงจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

"ท่านอาจารย์ ท่านลองตรวจดูให้ข้าก็ได้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน..."

พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์

เจียงฮ่าวจึงให้จ้าวเฮยถ่าตรวจสอบด้วยตัวเองไปเลยดีกว่า

"ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองเคลื่อนเลือดลมปราณของเจ้าให้ข้าดูที"

จ้าวเฮยถ่าจับมือเจียงฮ่าว

เจียงฮ่าวเริ่มทำการเคลื่อนเลือดลมปราณ

เมื่อเลือดลมปราณเคลื่อนที่ เลือดลมปราณในร่างกายเขาก็เริ่มเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ที่ส่งเสียงดัง "ครืน ครืน" อย่างต่อเนื่อง

จริงๆแล้วเสียงนั้นเบามาก หากไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะไม่ได้ยิน

แต่ห้องฝึกยุทธในตอนนี้เงียบมาก ดังนั้นทุกคนจึงต่างได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน

"เลือดลมปราณที่เหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยวราวกับแม่น้ำใหญ่ เจ้าบ่มเพาะสายเลือดได้แล้วจริงๆ"

"นอกจากนี้ เลือดลมปราณของเจ้า...มันยังทรงพลังมากอีกด้วย!"

"เพียงแค่สามชั่วยาม เลือดลมปราณที่บ่มเพาะได้ก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้วงั้นรึ? ดูเหมือนว่าร่างกายของศิษย์น้องจะแข็งแรงและกินยาบำรุงมาเยอะตั้งแต่เด็กเป็นแน่"

"แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์น้องเป็นนายน้อยของตระกูลเจียง ด้วยฐานะของตระกูลเจียง การบ่มเพาะร่างกายให้แข็งแกร่งขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก"

"แต่นี่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ข้าจำได้ว่าศิษย์พี่ที่สามยังต้องใช้เวลาถึงสองวันในการบ่มเพาะเลือดจนสำเร็จได้ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสถิติที่เร็วที่สุดในบรรดาพวกเราแล้ว แต่ศิษย์น้อง…กลับใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วยามงั้นรึ?”

"พรสวรรค์ของศิษย์น้องช่างเกินจินตนาการจริงๆ ครั้งนี้สำนักเราได้ยอดศิษย์เข้ามาเพิ่มแล้ว..."

เหล่าศิษย์ชั้นในต่างตกใจและตื่นเต้น

ซึ่งรวมเจียงฮ่าวแล้ว ศิษย์ชั้นในของสำนักเฮยถ่ามีเพียงแค่เก้าคนเท่านั้น

จริงๆแล้วภายในสำนักเองก็ไม่ได้มีการแข่งขันอะไรมากนัก

เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ด้วยฐานะของเจียงฮ่าวคง เขาไม่ได้หยุดแค่ที่สำนักเฮยถ่าเท่านั้น

แต่ยิ่งเจียงฮ่าวมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ อนาคตของเขาก็ยิ่งสูงส่งและยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น

เพราะพวกเขาก็ถือว่าเป็ศิษย์พี่ของเจียงฮ่าว!

"ฮ่าๆๆ ๆในที่สุดข้าก็ได้พบกับมณีอันล้ำค่าเข้าให้แล้ว!"

จ้าวเฮยถ่าเองก็ดีใจมาก

"เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ พวกเจ้ากลับไปได้ส่วนเจียงฮ่าวจะต้องอยู่กับข้าต่อ"

เหล่าศิษย์ที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าอาจารย์จะ "ติวเข้ม" ให้กับเจียงฮ่าว

แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เพราะพวกเขาก็เคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความยินดีกับเจียงฮ่าวแล้วออกจากสำนักไป

ไม่นานหลังจากนั้น ในห้องฝึกยุทธก็เหลือเพียงเจียงฮ่าวและจ้าวเฮยถ่า

จ้าวเฮยถ่าจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เจียงฮ่าว เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณไปได้กี่รอบแล้วในห้องฝึก?"

"เก้ารอบขอรับ"

"เคลื่อนได้เก้ารอบก็ถือว่าก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดชั้นที่หนึ่งแล้ว ไม่แปลกใจจริงๆที่เลือดลมปราณของเจ้าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้..."

จ้าวเฮยถ่าครุ่นคิด

การบ่มเพาะเลือดได้ภายในหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่นที่ทำแบบนี้ได้

แต่การที่บ่มเพาะเลือดได้ภายในหนึ่งวันแล้วยังเคลื่อนได้เก้ารอบเพื่อก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดชั้นที่หนึ่งนั้นไม่เหมือนกัน

มันเป็นคนละเรื่องกันเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เจียงฮ่าวเองก็ยังไม่ได้ไปถึงขีดจำกัด

"เจียงฮ่าว เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณอยู่ที่นี้ก่อน ข้าจะให้คนไปแจ้งท่านเจียงว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าฝึกยุทธ ดังนั้นข้าจะดูแลเจ้าและเจ้าอาจจะต้องกลับช้าสักหน่อย"

"จงจำไว้ ใช้พลังทั้งหมดในการเคลื่อนเลือดลมปราณของเจ้าจนกว่าร่างกายของเจ้าจะทนไม่ไหว ข้าจะดูว่าขีดจำกัดของเจ้านั้นอยู่ที่เท่าไหร่!"

จ้าวเฮยถ่าให้ศิษย์คนอื่นกลับไปก็เพื่อดูขีดจำกัดของเจียงฮ่าว

"ขอรับท่านอาจารย์"

เจียงฮ่าวจึงเริ่มเคลื่อนเลือดลมปราณต่อ

หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ สี่รอบ ห้ารอบ...

เวลาค่อยๆผ่านไปทีละน้อย

ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม ในที่สุดเจียงฮ่าวหยุดลง

เขารู้สึกว่าทั้งร่างกายจนไปถึงแม้แต่ปลายนิ้วของเขาไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป

เจียงฮ่าวลงไปนอนหอบหายใจอยู่พักใหญ่บนพื้น

"ท่านอาจารย์…ถึงขีดจำกัดของศิษย์แล้วขอรับ"

"เจ้าเคลื่อนไปได้กี่รอบงั้นรึ?"

"ศิษย์เคลื่อนไปได้อีกประมาณสิบเอ็ดรอบขอรับ"

เจียงฮ่าวตอบไปตามความจริง

"สิบเอ็ดรอบรึ... ถ้ารวมกับเก้ารอบก่อนหน้าก็เท่ากับยี่สิบรอบ!"

จ้าวเฮยถ่าตกใจ

ยี่สิบรอบ!

นี่มันมากเกินไปแล้ว!

นักศิลปะการต่อสู้ขั้นหลอมเลือดที่มีพรสวรรค์ธรรมดา พวกเขาสามารถเคลื่อนเลือดลมปราณได้สองถึงสามครั้งต่อวันเท่านั้น

แต่เจียงฮ่าวล่ะ?

เขาสามารถเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบซึ่งมากกว่าคนทั่วไปถึงเจ็ดเท่า!

"เจียงฮ่าว เรื่องที่เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบต่อวัน เจ้าอย่าได้เอาไปบอกใครเด็ดขาด!"

“ทำไมหรือขอรับ?”

เจียงฮ่าวสงสัยมาก

"เจียงฮ่าว เจ้านั้นยังเด็กเกินไปและยังไม่รู้ถึงความร้ายกาจของจิตใจมนุษย์ เอาเป็นว่าเจ้าจงฟังคำของข้าเอาไว้ก็พอ"

"คนทั่วไปที่ฝึกยุทธ วันหนึ่งจะเคลื่อนเลือดลมปราณได้แค่สองถึงสามรอบ ส่วนคนที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาจะเคลื่อนเลือดลมปราณห้าถึงหกครั้ง แม้แต่ทู่ฝูเทียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักใหญ่หลายแห่ง ก็ยังเคลื่อนเลือดลมปราณได้เพียงเก้ารอบต่อวันเท่านั้น"

"แต่เจ้ากลับเคลื่อนเลือดลมปราณได้ถึงยี่สิบรอบต่อวันโดยที่ยังไม่ได้ใช้น้ำยาแช่ตัวด้วยซ้ำ หากเจ้าใช้น้ำยาแช่ตัวด้วย จำนวนรอบที่เจ้าเคลื่อนเลือดลมปราณได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก การเคลื่อนเลือดลมปราณแต่ละรอบจะทำให้เลือดลมปราณของเจ้าเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า ความเร็วในการเพิ่มเลือดลมปราณของเจ้าอย่างน้อยก็มากกว่าทู่ฝูเทียนถึงสองเท่า!"

"ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เจ้าเองก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะแม้ว่าจะอยู่ในสำนักหวงเทียนแล้วก็ตาม!"

แววตาของเจียงฮ่าวเริ่มเป็นประกาย

"ท่านอาจารย์ แล้วศิษย์จะได้เข้าสำนักหวงเทียนไหมขอรับ?"

เป้าหมายของเจียงฮ่าวนั้นคือการเข้าร่วมกับสำนักหวงเทียนมาโดยตลอด

จ้าวเฮยถ่าเองก็รู้เรื่องนี้ดี

ดังนั้น จ้าวเฮยถ่าจึงไม่ได้โกหกอะไรกับเขา

"ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า แน่นอนว่าเจ้าสามารถเข้าสำนักหวงเทียนได้"

"แต่ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไปและเพิ่งเข้าสู่ขั้นหลอมเลือด การได้เข้าสำนักหวงเทียนตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นแค่ศิษย์ชั้นนอกและไม่ได้รับทรัพยากรด้านการฝึกฝนอะไรมากนัก"

"เจ้าควรจะอยู่ที่สำนักเฮยถ่าอย่างสบายใจไปก่อน เพราะเจ้าเองก็มีข้าคอยสั่งสอนอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่ามันดีกว่าไปอยู่เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนมาก รอจนเจ้าเข้าสู่ขั้นหลอมจิตได้เสียก่อนแล้วข้าจะใช้สิทธิ์ในการแนะนำเพื่อส่งเจ้าไปที่สำนักหวงเทียน และให้เจ้าได้เป็นศิษย์ชั้นในได้โดยตรง!"

"เพราะมีเพียงศิษย์ชั้นในเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหวงเทียน!"

เจียงฮ่าวครุ่นคิด

เขารู้ว่าบรรพบุรุษของจ้าวเฮยถ่าเคยเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในสำนักหวงเทียน จึงรู้เรื่องราวของสำนักหวงเทียนเป็นอย่างดี

ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

"ข้าเช่นนั้น ศิษย์จะทำตามที่อาจารย์จัดการขอรับ"

"จริงสิ ข้ามีสูตรน้ำยาแช่ตัวอยู่สูตรหนึ่ง เจ้าจงนำกลับไปให้ท่านเจียงจัดการแช่ตัวให้เจ้าทุกวันด้วย สมุนไพรในสูตรนี้มีราคาแพงมาก แต่ข้าคิดว่าตระกูลเจียงของเจ้านั้นคงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้"

"นอกจากนี้ เจ้าสามารถเสริมพลังด้วยอาหารบำรุงอย่างเช่น โสมร้อยปี ก็ได้ หากเจ้าไม่เสียดายเงิน ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"

"ขั้นหลอมเลือดนั้นถือว่าเป็นขั้นในการสร้างพื้นฐานและเน้นไปที่การบำรุงเลือดลมปราณ ยิ่งเลือดลมปราณแข็งแกร่งก็ยิ่งดี และการแช่ตัวกับการทานอาหารบำรุงต่างๆก็ล้วนช่วยเพิ่มพลังเลือดลมปราณของเจ้าได้ทั้งสิ้น"

เจียงฮ่าวรับสูตรน้ำยาแช่ตัวมา

สูตรแบบนี้จริงๆแล้วมันมีค่ามาก

แต่จ้าวเฮยถ่ามอบให้เจียงฮ่าวก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์

"ขอบคุณมากขอรับท่านอาจารย์"

เจียงฮ่าวถือสูตรน้ำยาแช่ตัวแล้วออกไปจากสำนัก

ด้านนอกสำนัก มีสาวใช้ชื่อตู้เจวียนกำลังรอเขาอยู่แล้ว

เจียงฮ่าวพยายามฝืนตัวเองเอาไว้ขณะที่ยังอยู่ในสำนัก และตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นตู้เจวียน เจียงฮ่าวจึงทรุดตัวลงทันทีและล้มลงในอ้อมกอดของตู้เจวียน

เขาในตอนนี้ไม่อยากขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

"รีบนำสูตรน้ำยาแช่ตัวนี้ไปให้พ่อบ้านเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้ข้าที"

"ค่ะ นายน้อย"

ตู้เจวียนรีบอุ้มเจียงฮ่าวขึ้นรถม้าและมุ่งหน้ากลับสู่จวนตระกูลเจียงอย่างรวดเร็ว…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด