บทที่ 20 ขี่เสือเข้าสำนักหวงเทียน เจียงฮ่าวผู้โดดเด่น!
บทที่ 20 ขี่เสือเข้าสำนักหวงเทียน เจียงฮ่าวผู้โดดเด่น!
ณ เมืองชางเฉิง หน้าสำนักเฮยถ่า เจียงฮ่าวกระโดดลงจากหลังต้าหู
"ศิษย์น้องเล็ก นี่ต้าหูงั้นรึ? ทำไมต้าหูถึงได้ตัวใหญ่ขึ้นขนาดนี้ล่ะ?"
ศิษย์พี่ที่สามเดินเข้ามาต้อนรับ
เขาเคยเจอต้าหูมาก่อน
แต่ก่อนหน้านี้ต้าหูไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนี้
ตอนนี้ต้าหูตัวใหญ่ขึ้นมาเกือบครึ่งจนศิษย์พี่ที่สามแทบจำไม่ได้
"ต้าหูมีสายเลือดเสือปีศาจขอรับ อาจเป็นอาจเพราะอิทธิพลของสายเลือดปีศาจก็เป็นได้"
เจียงฮ่าวไม่ค่อยสนิทกับศิษย์พี่ที่สามจึงอธิบายอย่างคลุมเครือ
"ท่านอาจารย์อยู่ที่ไหนหรือขอรับ?"
"อยู่ในห้องน่ะ"
เจียงฮ่าวพยักหน้า แล้วตรงไปที่ห้องของจ้าวเฮยถ่าทันที
ที่จริงเจียงฮ่าวเองก็ลังเล
วิหารหินลึกลับกับซากเสือปีศาจและซากหมีปีศาจนั้นมันแปลกประหลาดและลึกลับเกินไป
เจียงฮ่าวลังเลว่าจะบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ดีหรือไม่?
แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน เจียงฮ่าวจึงตัดสินใจที่จะบอกอาจารย์
นั่นเป็นเพราะเขาอยู่กับอาจารย์มาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไว้ใจอาจารย์อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ เจียงฮ่าวยังรู้ว่าถึงแม้ในวิหารหินลึกลับจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แต่อาจารย์ก็คงจะมอบให้เขา เพราะอาจารย์ถือว่าเขาเป็นศิษย์หลักจึงช่วยเขาฝึกฝนอย่างเต็มที่
และสุดท้าย เจียงฮ่าวในตอนนี้มั่นใจในตัวเองอย่างมาก เพราะคงไม่มีอะไรเทียบกับวิหารฝึกยุทธในจิตใจของเขาได้
ดังนั้น เจียงฮ่าวจึงตรงไปที่ห้องของจ้าวเฮยถ่าทันที
"ท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องจะรายงานขอรับ"
"เรื่องอะไรรึ?"
"เมื่อหลายชั่วโมงก่อน ศิษย์ได้ไปที่เขาเฟยอิงเพื่อตั้งใจจะบอกลาต้าหู แต่ต้าหูได้พาศิษย์ไปที่วิหารหินลึกลับแห่งหนึ่ง..."
เจียงฮ่าวเล่าเรื่องวิหารหินลึกลับ ซากเสือปีศาจและซากหมีปีศาจให้ฟังทั้งหมด
"เจ้าว่าอะไรนะ วิหารหินงั้นรึ? แล้วยังมีซากเสือปีศาจกับซากหมีปีศาจอีกรึ?"
สีหน้าของจ้าวเฮยถ่าเปลี่ยนไปทันที
"แล้วเจ้าไปพบมันที่ไหนรึ?"
เจียงฮ่าวบอกตำแหน่งของวิหารหินลึกลับซากเสือปีศาจและซากหมีปีศาจไป
"เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปที่เขาเฟยอิงสักพัก"
"จำไว้ อย่าได้บอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด"
"ขอรับท่านอาจารย์"
จ้าวเฮยถ่ารีบร้อนออกไปทันที
การเดินทางไปเขาเฟยอิง หากควบม้าให้เร็วก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม
เจียงฮ่าวนั่งรออยู่หลายชั่วยามจนถึงช่วงดึก
ตอนที่เจียงฮ่าวคิดว่าควรจะกลับจวนเจียงแล้ว จ้าวเฮยถ่าก็กลับเข้ามา
จ้าวเฮยถ่ากลับมาในช่วงมืด
นอกจากนี้ยังดูเหนื่อยล้าอีกด้วย
แต่แววตาของเขากลับเป็นประกายราวกับว่าได้พบอะไรบางอย่างที่ล้ำเลิศ
"เจียงฮ่าว วิหารหินหลังนั้นน่าจะเป็นของนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตวิถีหรือสูงกว่าทิ้งไว้ ถึงแม้ข้าจะใช้พลังทั้งหมดข้าก็ไม่สามารถเปิดประตูวิหารได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับพลังแห่ง 'เต๋า' ซึ่งมีเพียงนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตวิถีเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูและเข้าไปในวิหารได้"
เจียงฮ่าวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แม้แต่อาจารย์ของเขาที่เป็นถึงยอดฝีมือในขอบเขตพลังแปลงสภาพก็ยังไม่สามารถเข้าไปในวิหารหินได้
เขาคงต้องรอไปอีกนานกว่าจะรู้ความลับในวิหารหินนั้น
"เจียงฮ่าว อย่าเพิ่งผิดหวังไป นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย"
"พรานป่าและนักศิลปะการต่อสู้มากมายเคยเข้าไปในเขาเฟยอิง แต่ไม่เคยมีใครได้พบวิหารหินหลังนั้นเลย มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ได้พบ! นี่แสดงว่าเจ้ามีวาสนาที่คู่ควร นอกจากนี้นักศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็มักจะมีโชคติดตัว"
"เรื่องวิหารหินนั่นเจ้าไม่ต้องใส่ใจมากนัก พลังของตัวเจ้าต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ใครจะรู้บ้างว่าในวิหารหินนั้นมีโอกาสหรืออันตรายที่รออยู่ภายในนั้น"
"ถึงแม้จะมีโอกาสบางอย่าง เจ้าก็ต้องมีพลังที่คู่ควรถึงจะได้รับมัน ถ้าหากพลังของเจ้ายังไม่ถึงเจ้าก็ไม่คู่ควรกับโอกาส และโอกาสนั้นอาจกลายเป็นหายนะต่อเจ้าได้"
เจียงฮ่าวพยักหน้าเบาๆ
เขาเข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของเขาจะสื่อ
ทุกคนต่างก็อยากได้โอกาสที่ดีสักครั้งในชีวิต แต่การได้รับโอกาสก็ต้องมีพลังที่คู่ควร
หากไม่มีพลังแต่ได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปหรือไม่สามารถรักษาโอกาสนั้นไว้ได้ก็อาจนำอันตรายมาสู่ตัวเอง
"จงจำไว้ ต่อให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนเจ้าก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้และต้องเปลี่ยนมันให้เป็นพลังอย่างรวดเร็ว นั่นถึงจะเป็นโอกาสที่แท้จริง!"
"สำหรับเจ้า โอกาสในวิหารหินนั้นยิ่งใหญ่มากดังนั้นมันอาจเป็นโอกาสในอนาคตของเจ้า แค่มันยังไม่เหมาะกับเจ้าในตอนนี้เท่านั้น"
"โอกาสที่เจ้าต้องการที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ซากเสือปีศาจหรอกหรือ?"
"โอกาสนั้นของเจ้าได้มาถึงแล้ว..."
หัวใจของเจียงฮ่าวเต้นแรง
ซากเสือปีศาจ?
ใช่แล้ว นั่นคือโอกาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้
เพราะด้วยซากเสือปีศาจ วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจียงฮ่าวถึงทะลวงไปสู่ขั้นสมบูรณ์ได้
นอกจากนี้เขายังเข้าใจ "รูปลักษณ์เสือปีศาจ" จนทำให้พลังของวิชาหมัดพยัคฆ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ดังนั้น โอกาสอะไรจะดีไปกว่าซากเสือปีศาจอีก?
"ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ"
เจียงฮ่าวคิดได้ทันที
ส่วนวิหารหินนั้น…
เขาจะรอให้ตัวเองเข้าสู่ขอบเขตวิถีได้ก่อนและค่อยกลับมาสำรวจอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเจียงฮ่าวเข้าใจความหมายของตนแล้ว จ้าวเฮยถ่าจึงยิ้มอย่างพอใจ
ทั้งทีโชคลาภมาถึงแต่ยังสามารถควบคุมความโลภได้
สงบเสงี่ยม ไม่หยิ่งผยอง
เจียงฮ่าวในอนาคตต้องประสบความสำเร็จในหนทางของนักศิลปะการต่อสู้อย่างแน่นอน!
"ว่าแต่ท่านอาจารย์ 'รูปลักษณ์เสือปีศาจ' นั้นจะมีปัญหาอะไรกับข้าในภายหลังไหมขอรับ?"
เจียงฮ่าวถาม
เพราะเขาเข้าใจ "รูปลักษณ์เสือปีศาจ" จนทำให้พลังของวิชาหมัดพยัคฆ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก มันเพิ่มขึ้นมากกว่าวิชาหมัดพยัคฆ์ปกติถึงสองเท่า
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
"ไม่มีปัญหาอะไรหรอก"
"วิชาหมัดพยัคฆ์ถูกสร้างขึ้นจากการสังเกตเสือโคร่ง ดังนั้น 'รูปลักษณ์ของเสือ' จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่เมื่อเจ้าเข้าใจ 'รูปลักษณ์ของเสือปีศาจ' เมื่อเจ้าใช้วิชาหมัดพยัคฆ์พลังของมันจึงเพิ่มขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว"
"แต่การที่เจ้าทำแบบนั้นได้เพราะเจ้ามีความเข้าใจที่สูง แม้แต่ข้าที่ได้เห็นซากเสือปีศาจเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจรูปลักษณ์ของมันได้เลยด้วยซ้ำ"
เมื่อได้ยินว่ารูปลักษณ์เสือปีศาจไม่มีปัญหาใดๆ เจียงฮ่าวจึงโล่งใจ
ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี
เมื่อพลังของวิชาหมัดพยัคฆ์เพิ่มขึ้น โอกาสที่เขาจะผ่านหอหวงเทียนชั้นที่เก้าก็มากขึ้นเช่นกัน!
"เอาล่ะ นี่ก็มืดแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางไปที่สำนักหวงเทียนกัน"
"ขอรับท่านอาจารย์"
เจียงฮ่าวหันหลังออกจากห้องและพาต้าหูกลับไปที่จวนเจียง
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงฮ่าวตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าไปพบพ่อแม่
เจียงฮ่าวก้มลงกราบพ่อแม่ด้วยความเคารพ
แม่ของเขาน้ำตาคลอเบ้าและเต็มไปด้วยความอาลัย
ส่วนเจียงต้าไห่ผู้เป็นพ่อ แม้จะไม่ร้องไห้แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะเขาเองก็อาลัยลูกชายมาก
รวมถึงตู้เจวียนและสี่เชว่ สาวใช้ทั้งสองเองก็มีสีหน้าอาลัยเช่นกัน
ที่จริงแม่ของเจียงฮ่าวอยากให้เขาพาตู้เจวียนและสี่เชว่ไปที่สำนักหวงเทียนด้วย
แต่เจียงฮ่าวปฏิเสธ
เขาไปสำนักหวงเทียนเพื่อฝึกฝน ไม่ใช่ไปพักผ่อนดังนั้นจะพาสาวใช้ไปทำไม
อีกอย่าง เขาก็ใกล้จะสิบขวบแล้ว เขาในตอนนี้ทำอะไรเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสาวใช้คอยดูแลอีกต่อไป
"ต้าหู"
เจียงฮ่าวเรียกต้าหูให้กระโดดมาอยู่ตรงหน้าทันที
"เสี่ยวหู่ หากเจ้าไปถึงสำนักหวงเทียนแล้ว เจ้าจะใช้เงินทองเท่าไหร่เจ้าก็ใช้ตามที่เจ้าต้องการได้เลย บ้านของเราไม่ขัดสนเรื่องเงินอยู่แล้ว"
เจียงต้าไห่พูดอย่างใจกว้าง
สิ่งที่เขาให้ลูกชายได้ก็มีเพียงเงินทองติดตัวไปเท่านั้น
ในขณะเดียวกันนั้น จ้าวเฮยถ่าก็มาถึง
"ท่านเจ้าสำนัก ระหว่างทางขอให้ท่านช่วยดูแลลูกชายข้าด้วย"
"ท่านเจียง ท่านภรรยา โปรดวางใจเถิด เจียงฮ่าวเองก็เป็นศิษย์ของข้า ข้าจะดูแลเขาให้ไปถึงสำนักหวงเทียนอย่างปลอดภัยเอง พวกท่านอยู่ที่นี่และรอฟังข่าวดีของเจียงฮ่าวได้เลย"
"ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงต้องรบกวนท่านเจ้าสำนักด้วย"
เจียงต้าไห่รู้ว่าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
ต่อให้พูดอะไรสุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี
เจียงฮ่าวกระโดดขึ้นหลังต้าหูและกล่าวลาทุกคนในจวนเจียงก่อนจะมุ่งหน้าออกจากเมืองเพื่อไปที่สำนักหวงเทียนทันที
จ้าวเฮยถ่าเป็นนักเดินทางที่มากประสบการณ์
ทั้งสองคนนั้นไม่เร่งรีบ พวกเขาเดินทางในตอนกลางวันและแวะพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองตอนกลางคืน ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร
หลังจากที่เดินทางมาเกือบหนึ่งเดือน ทั้งสองคนก็มาถึงสำนักหวงเทียน!
สำนักหวงเทียนนั้นสร้างขึ้นบนภูเขาจนราวกับว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่
ซึ่งมันทำให้สำนักหวงเทียนถูกเรียกว่าเมืองหวงเทียน!
เมืองหวงเทียนนั้นกว้างใหญ่มาก มีผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย
นอกจากนี้ยังมีผู้คนแต่งกายที่หลากหลาย
แต่ถึงอย่างนั้น เจียงฮ่าวก็ยังคงเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด
เพราะเขาขี่เสือเข้าเมืองจนดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
แค่ขี่เสือก็เด่นมากพอแล้ว
ยิ่งเจียงฮ่าวขี่เสือที่ขนาดตัวไม่ธรรมดา เขาจึงยิ่งเป็นที่สะดุดตามากขึ้นไปอีก
"คนๆนั้นเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้กล้าให้เด็กขี่เสือเข้าเมืองแบบนั้นได้น่ะ?"
"นั่นไม่ใช่เสือธรรมดาอีกด้วย มันน่าจะมีสายเลือดปีศาจอยู่ขนาดตัวของมันถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น"
"เด็กคนนั้นยังเล็กอยู่เลย การที่เขามาที่สำนักหวงเทียนแบบนี้แสดงว่าจะเข้ามาเข้าเป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหรือ?"
ผู้คนต่างพากันซุบซิบ
เจียงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ "ท่านอาจารย์ ข้าขี่เสือเข้าเมืองแบบนี้มันจะเด่นเกินไปไหมขอรับ?"
เจียงฮ่าวรู้ดีว่าสำนักหวงเทียนมีผู้แข็งแกร่งมากมายไม่เหมือนกับเมืองชาง
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตพลังหยินก็ยังถือว่าเป็นคนธรรมดาในสำนักหวงเทียนด้วยซ้ำ
แต่จ้าวเฮยถ่ากลับส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็นว่า "เจียงฮ่าว ข้าพาเจ้ามาที่สำนักหวงเทียนเพื่อเข้าเป็นศิษย์ชั้นในเลย ดังนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราจะทำตัวเหมือนกับคนอื่นๆได้หรือ?"
เจียงฮ่าวชะงักเล็กน้อย
เขาลืมไปเลยว่าครั้งนี้เขามาเพื่อเข้าเป็นศิษย์ชั้นในโดยตรง
เมื่อถึงเวลาที่ต้องท้าทายหอหวงเทียน สุดท้ายเขาก็ตกเป็นที่สนใจอยู่ดี
จ้าวเฮยถ่านั้นดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสำนักหวงเทียนอันกว้างใหญ่เป็นอย่างดี หลังจากนั้นเขาได้พาเจียงฮ่าวไปยังห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ในห้องโถงนั้น มีนักศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาว์หลายคนที่คล้ายกับเจียงฮ่าว
พวกเขาถูกผู้ใหญ่ในตระกูลพามาสมัครเข้าสำนักหวงเทียน
ทุกคนที่นี่มีโอกาสเข้าสำนักหวงเทียน ซึ่งหลังจากลงทะเบียนแล้วก็จะได้เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักทันที
"เจ้าหนู เจ้าขี่เสือได้สง่ามากทีเดียว เจ้าคิดจะขายเสือตัวนี้ให้กับข้าไหม? ข้ายินดีจ่ายให้ในราคาสูงเลยนะ"
ชายชราสวมชุดเทาคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก
เขาสนใจต้าหูและต้องการซื้อในราคาสูง
"ข้าไม่ขายขอรับ"
เจียงฮ่าวปฏิเสธทันที
ชายชราคนนั้นไม่โกรธแต่ยังคงพูดต่อ "อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธไป พวกเจ้าคงมาที่สำนักหวงเทียนเพื่อให้เด็กคนนี้เข้าเป็นศิษย์ชั้นนอกสินะ?"
"การได้เป็นศิษย์ชั้นนอกน่ะไม่ง่ายเลย ศิษย์ชั้นนอกหลายคนต้องทำงานจิปาถะจนสายตัวแทบขาดและแทบจะไม่มีเวลาฝึกฝนเลยด้วยซ้ำ"
"แต่ลูกชายข้าได้เป็นผู้ดูแลศิษย์ชั้นนอก ดังนั้นข้าสามารถทำให้เด็กคนนี้ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าโดยไม่จำเป็นต้องทำงานจิปาถะได้นะ”
เป้าหมายของชายชราคนนี้ชัดเจน
หากขายต้าหูให้กับเขา ชายชราคนนี้จะช่วยทำให้เจียงฮ่าวไม่ต้องทำงานหนักในแต่ละวัน
ถึงอย่างนั้นเจียงฮ่าวก็ไม่ได้พูดอะไร
เขามองไปรอบๆห้องโถงและเห็นเด็กหลายคนที่อายุใกล้เคียงกับเขา
ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นอายุสิบกว่าถึงยี่สิบกว่า
ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนทั้งสิ้น
นั่นแสดงให้เห็นว่าจำนวนศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนมีมากมายแค่ไหน
เจียงฮ่าวยังไม่ทันได้เข้าสำนักหวงเทียนแต่ก็ได้เห็น "ความสกปรก" ในหมู่ศิษย์ชั้นนอกแล้ว
ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาจารย์เคยพูดนั้นจะเป็นจริง
ศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนนั้นต้องทำงานหนัก ดังนั้นการจะโดดเด่นได้จึงเป็นเรื่องยาก
การอยู่ในหมู่ศิษย์ชั้นนอกอาจไม่ดีเท่ากับการได้ฝึกฝนกับอาจารย์จริงๆ
และอย่างน้อย จ้าวเฮยถ่าก็สอนเขาอย่างเต็มที่ไม่หมกเม็ด
"ข้าไม่ขาย"
จ้าวเฮยถ่าพูดสั้นๆเพราะไม่อยากพูดมากอีกต่อไป
"งั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมรอรับความลำบากหลังจากได้เป็นศิษย์ชั้นนอกก็แล้วกันนะ..."
ชายชราคนนั้นไม่โกรธ
เขาเองก็เห็นคนแบบนี้มาเยอะแล้ว
ทุกคนต่างคิดว่าเมื่อได้เข้าสำนักหวงเทียนแล้วจะรุ่งโรจน์
แต่ในความเป็นจริงล่ะ?
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแค่คนธรรมดา สุดท้ายพวกเขาก็เสียเวลาไปเปล่าๆแล้วออกจากสำนักหวงเทียนไปอย่างเงียบๆ
แต่เมื่อเขาเห็นจ้าวเฮยถ่าพาเจียงฮ่าวเดินไปทางห้องโถงชั้นใน เขาจึงเบิกตากว้างทันที
"นั่นมัน... ห้องโถงชั้นในงั้นรึ?"
"มีเพียงผู้ที่มีโอกาสได้เข้าเป็นศิษย์ชั้นในเท่านั้นถึงจะเข้าห้องโถงชั้นในได้ เขาจะให้เด็กขี่เสือนั่นเข้าเป็นศิษย์ชั้นในเลยหรือ?"
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงฮ่าวก็ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ
อย่างมากเขามีก็อายุประมาณสิบขวบเท่านั้น
นอกจากนี้ก็คงไม่ได้อยู่ในขั้นขอบเขตพลังแปลงสภาพ
ถ้าหากไม่ได้อยู่ในขั้นขอบเขตพลังแปลงสภาพ แต่จะเข้าเป็นศิษย์ชั้นในเลยก็มีเพียงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
นั่นคือการท้าทายหอหวงเทียน!
ชายชราในชุดเทาสูดหายใจเข้าลึกๆ
ยังมีคนกล้าท้าทายหอหวงเทียนอีกหรือ?
นั่นเป็นการเสียโอกาสเพื่อเข้าเป็นศิษย์ชั้นในไปโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ…