บทที่ 17 เวลาฟ้าลิขิต สรรพสิ่งร่วมแรง เจ็ดพลังรวมเป็นหนึ่ง!
บทที่ 17 เวลาฟ้าลิขิต สรรพสิ่งร่วมแรง เจ็ดพลังรวมเป็นหนึ่ง!
เพียงแค่เดือนเดียวหลังจากที่เจียงฮ่าวตั้งเป้าหมายเอาไว้ บุคคลที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นที่จวนเจียง
"เซี่ยหงรึ?"
เจียงฮ่าวจ้องมองไปที่สตรีชุดแดงในห้องโถง
ทำไมเซี่ยหงถึงมาที่นี่ได้?
"อัจฉริยะแห่งจวนเจียง ศิษย์สำนักเฮยถาเจียงฮ่าว!"
"เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะตามเจ้ามาถึงที่นี่ได้สินะ?"
เซี่ยหงหันกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"เซี่ยหง เจ้าต้องการอะไรรึ?"
เจียงฮ่าวขมวดคิ้ว
ถึงนางจะมอบตราตระกูลเซี่ยให้เขา แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะคบหาได้ง่ายๆ
"เจ้ายังถามอีกรึว่าข้าต้องการอะไร? ตอนนี้เจ้าต่างหากที่กำลังทำอะไรอยู่?"
"ข้ามอบตราตระกูลเซี่ยให้กับเจ้าก็เพื่อให้เจ้าใช้เข้าสำนักหวงเทียน แต่เจ้ากลับยกให้คนอื่น เรื่องนี้เจ้าไม่คิดจะอธิบายข้าสักหน่อยหรือ?"
เซี่ยหงไม่พูดอ้อมค้อมและเข้าประเด็นทันที
นางมาเพื่อเอาความเจียงฮ่าว
เดิมทีนางบังเอิญได้พบกับเจียงฮ่าวและได้เห็นแววอัจฉริยะจึงอยากมอบโอกาสให้เขา
หากเจียงฮ่าวเข้าสำนักหวงเทียนได้ ในอนาคตเขาอาจจะได้เป็นศิษย์ชั้นในและมีโอกาสเป็นลูกน้องคนสนิทให้กับนาง
แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะยิ่งใหญ่แต่ก็มีผู้สืบทอดมากมาย
หากนางมีผู้ช่วยที่ดี นางก็จะได้เปรียบในการแข่งขันชิงอำนาจกับคนอื่นๆในตระกูล
เซี่ยหงนั้นมองเห็นศักยภาพของเจียงฮ่าว แต่เจียงฮ่าวกลับยกตราให้ผู้อื่น มันเป็นเรื่องที่เซี่ยหงไม่สามารถเข้าใจได้
โดยเฉพาะทู่ฝูเทียน คนที่เซี่ยหงเคยได้พบ
ในเมืองชางเฉิง ทู่ฝูเทียนอาจถือว่าเป็นอัจฉริยะ...
แต่เมื่ออยู่สำนักหวงเทียน ทู่ฝูเทียนกลับเป็นแค่ศิษย์ธรรมดา
ด้วยความโกรธของเธอ เซี่ยหงจึงสืบหาจนรู้ว่าเจียงฮ่าวเป็นใครและมาที่จวนเจียงด้วยตัวเองเพื่อให้เจียงฮ่าวอธิบายเรื่องนี้
เจียงฮ่าวเหลือบมองเซี่ยหงและเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม "พี่สาวเซี่ยหง ท่านมอบตราให้ข้าและแนะนำให้ข้าได้เข้าสำนักหวงเทียนเช่นนั้น เพราะท่านหวังให้ข้าช่วยเหลือท่านในอนาคตใช่ไหม?"
ด้วยวัยเพียงแปดขวบ การเรียกเซี่ยหงว่า "พี่สาว" ก็เหมาะสมแล้ว
และยังช่วยลดช่องว่างความบาดหมางระหว่างกันอีกด้วย
แม้แต่เซี่ยหงก็มีน้ำเสียงที่อ่อนลงก่อนจะพยักหน้า "ใช่ ข้าต้องการให้เจ้าช่วยเหลือข้าในอนาคต แต่เจ้าต้องเข้าสำนักหวงเทียนให้ได้ก่อน เพราะมีเพียงการเข้าไปที่นั่นได้เท่านั้นเจ้าถึงจะพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วและมีพลังมากพอที่จะช่วยข้าได้"
"แต่เจ้ากลับยกโอกาสนั่นให้ทู่ฝูเทียน ตอนนี้เจ้าก็เข้าสำนักหวงเทียนไม่ได้แล้วจะเอาอะไรมาช่วยข้า?"
"พี่สาวเซี่ยหง ใครบอกว่าข้าเข้าสำนักหวงเทียนไม่ได้? ท่านสืบจนรู้ว่าข้าเป็นศิษย์สำนักเฮยถาแล้ว แล้วพี่สาวไม่รู้ภูมิหลังอาจารย์ของข้าเลยหรือ? ที่จริงข้าเองก็ยังมีโอกาสเข้าสำนักหวงเทียนอยู่นะ..."
"หืม? เจ้าหมายความว่าจ้าวเฮยถ่าจะมอบโอกาสที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของตระกูลจ้าวให้กับเจ้ารึ? โอกาสนั้นเป็นโอกาสเพื่อเข้าเป็นศิษย์ชั้นในไม่ใช่รึ?!"
เซี่ยหงจ้องไปที่เจียงฮ่าวด้วยสายตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่านางจะสืบเรื่องของเจียงฮ่าวมาอย่างดี
เธอรู้เรื่องของเจียงฮ่าวดีมากกว่าสำนักอื่นๆในเมืองชางเฉิงเสียอีก
เธอรู้ถึงขนาดว่าจ้าวเฮยถ่ามีโอกาสมอบสิทธิ์เพื่อเป็นศิษย์ชั้นในของสำนักหวงเทียนเลยด้วยซ้ำ
"ใช่ ท่านอาจารย์สัญญาว่าจะยกโอกาสนั้นให้กับข้า!"
เซี่ยหงครุ่นคิด
"งั้นรึ? ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะไม่สนใจโอกาสที่ข้ามอบให้ ที่แท้ก็เจ้าก็ยังมีโอกาสเป็นศิษย์ชั้นในเองรึ..."
"พี่สาวเซี่ยหง ท่านพูดผิดแล้ว ตราของพี่สาวน่ะช่วยข้าได้มาก ข้าได้ใช้ตราของพี่สาวไปแล้วดังนั้นจึงถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณพี่สาว ดังนั้นข้าจะตอบแทนพี่สาวอย่างงามในภายภาคหน้า!"
เมื่อพูดถึงขั้นนี้ เซี่ยหงจึงเข้าใจทุกอย่าง
ท่าทีของนางจึงผ่อนคลายลง
นางมองเจียงฮ่าวด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
"ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะเข้าเป็นศิษย์ชั้นในตั้งแต่ยังอยู่ในขอบเขตพลังภายในเลยหรือ?"
"ใช่"
เซี่ยหงพยักหน้า "เข้าใจแล้ว เจ้าคิดจะท้าทายหอหวงเทียนสินะ? เจ้าช่างกล้าหาญมากจริงๆ..."
เซี่ยหงไม่อะไรถามต่อ
ผู้ที่กล้าท้าทายหอหวงเทียนล้วนเป็นคนที่บ้าระห่ำและเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
หากจ้าวเฮยถ่ากล้ามอบโอกาสเป็นศิษย์ชั้นในให้กับเจียงฮ่าว แสดงว่าเขาจะต้องมั่นใจในตัวเจียงฮ่าวระดับหนึ่งแน่นอน
เพราะบรรพบุรุษของจ้าวเฮยถ่าก็เป็นถึงนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตวิถีที่ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลเซี่ยแห่งเมืองชิงหยางเลย
เพียงแต่ตระกูลจ้าวในตอนนี้ตกต่ำลงมาก
แต่ถึงอย่างนั้น จ้าวเฮยถ่าก็ย่อมรู้กฎของสำนักหวงเทียนเป็นอย่างดี
"เอาล่ะ ข้าจะรอฟังข่าวดีของเจ้าที่สำนักหวงเทียนก็แล้วกัน"
เซี่ยหงลุกขึ้นแล้วจากไป
"ฟิ้ววว"
ทันใดนั้น เซี่ยหงก็โยนตำราลับเล่มหนึ่งมาให้เจียงฮ่าว
"หมับ!"
เจียงฮ่าวรับตำรานั้นไว้ได้
บนปกมันเขียนว่า "วิชาหมุนเวียน"
เห็นได้ชัดว่านี่คือตำราฝึกวิชา
"พี่สาวเซี่ยหง..."
"รับไปเถอะ นี่เป็นวิชาชั้นเลิศในขอบเขตพลังภายใน มันเป็นของส่วนตัวของข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยหรือสำนักหวงเทียนหรอก"
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากลั่นเลือดปราณได้มากเท่าใดแล้ว แต่ถ้าจ้าวเฮยถ่ามั่นใจให้เจ้าไปท้าทายหอหวงเทียน แสดงว่าเลือดปราณของเจ้าต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ดังนั้นวิชานี้อาจจะเป็นประโยชน์กับเจ้า"
"หากเจ้าอยากขอบคุณข้า ก็จงตั้งใจเข้าเป็นศิษย์ชั้นในให้ได้และอย่าทำให้โอกาสของอาจารย์เจ้าเสียเปล่า! อีกอย่างหนึ่ง ข้ายังหวังให้เจ้าตอบแทนบุญคุณข้า ซึ่งเจ้าจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ชั้นในได้เท่านั้น..."
หลังจากนั้น เซี่ยหงก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เจียงฮ่าวมองไม่เห็นร่างของนางแล้ว
"อีกหนึ่งวิชาชั้นเลิศรึ ดูเหมือนหนี้บุญคุณของข้าจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆซะแล้ว..."
เจียงฮ่าวมองตำราวิชาหมุนเวียนในมือพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า
การที่หนี้บุญคุณเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดี
เซี่ยหงเองก็เข้าใจทุกอย่าง
เพราะนี่คือการช่วยเหลือเจียงฮ่าว!
"พี่สาวเซี่ยหง ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่รอง... ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านต้องผิดหวัง!"
เจียงฮ่าวสูดหายใจลึก
เซี่ยหงที่เดินทางมาไกล เดิมทีตั้งใจจะมา "เอาความ" แต่สุดท้ายกลับมอบวิชาชั้นเลิศให้เขา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เจียงฮ่าวต้องการมากที่สุดในตอนนี้
เมื่อได้วิชาหมุนเวียนจากเซี่ยหง เจียงฮ่าวในตอนนี้จึงมีวิชาชั้นเลิศในขอบเขตพลังภายในเจ็ดวิชาแล้ว
หากฝึกจนสำเร็จทั้งหมด พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ดังนั้น เจียงฮ่าวจึงเริ่ม "ฝึก" อย่างเต็มที่ทันที
เขาจะฝึกอย่างหนักเพื่อทำให้วิชาทั้งเจ็ดนั้นสำเร็จโดยเร็วที่สุด
...
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน อีกหนึ่งปีผ่านพ้น
ตั้งแต่วันที่เซี่ยหงมาที่จวนเจียง เวลาได้ผ่านไปแล้วหนึ่งปีสามเดือน
เจียงฮ่าวก็ไม่ได้ไปสำนักแต่กลับฝึกอยู่ที่บ้าน
ตามที่จ้าวเฮยถ่าบอก เขาเองไม่มีอะไรจะสอนเจียงฮ่าวแล้ว
ทุกอย่างในตอนนี้ขึ้นอยู่กับตัวเจียงฮ่าวเอง
ส่วนเจียงฮ่าวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง เขาได้ฝึกวิชาชั้นเลิศได้สำเร็จถึงหกวิชาแล้ว
ตอนนี้เหลือเพียงเคล็ดวิชาสุดท้าย “วิชาหมุนเวียน” เท่านั้น
ซึ่งวิชานี้มันค่อนข้างซับซ้อน
มันไม่ค่อยเข้ากับเจียงฮ่าวมากเท่าไรนัก
แต่ถึงอย่างนั้น เจียงฮ่าวก็ใช้เวลาเพียงสี่เดือนในการฝึกฝนจนเกือบจะสำเร็จแล้ว
"วู้มมม"
ทันใดนั้น จู่ๆร่างกายของเจียงฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้าน
เขารู้สึกได้ถึงพลังใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในร่างกาย
วิชาหมุนเวียนสำเร็จแล้ว!
"ในที่สุด วิชาชั้นเลิศทั้งเจ็ดก็สำเร็จแล้ว!"
เจียงฮ่าวลืมตาขึ้น
เขารีบตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองทันที
พลังยุทธ์ : ขอบเขตพลังภายใน(ขั้นต้น)
พรสวรรค์ : 7
ความเข้าใจ : 5.7
จิตวิญญาณ : 2
วิชาหมัดพยัคฆ์ : เชี่ยวชาญเล็กน้อย
พลังภายใน : เพิ่มพลังได้ 310%
ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา พลังของเจียงฮ่าวพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการเพ่งสมาธิไปที่พระจันทร์สีเลือดอย่างเต็มที่ ความเข้าใจของเจียงฮ่าวจึงสูงถึง 5.7
ซึ่งความเข้าใจระดับนี้ถือว่าน่ากลัวมาก
ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจียงฮ่าวจึงเริ่มมีความคืบหน้า
เขาเริ่มรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่ามันใกล้จะไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
อาจจะขาดแค่โอกาสเหมาะๆเพื่อเลื่อนระดับวิชาในคราวเดียวเท่านั้น
และด้วยการเสริมพลังจากวิชาชั้นเลิศทั้งเจ็ด ตอนนี้พลังภายในของเจียงฮ่าวจึงมีพลังเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า
ซึ่งพลังระดับนี้ยากที่จะจินตนาการได้
อย่างน้อยถ้าอยู่ในขอบเขตพลังภายใน ก็คงไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้ว
แต่เจียงฮ่าวกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก
แม้ว่าการฝึกวิชาชั้นเลิศทั้งเจ็ดจะเป็นไปตามที่เขาคาดไว้
แต่ถึงแม้ความเข้าใจของเขาจะสูงถึง 5.7 วิชาหมัดพยัคฆ์ของเขาก็ยังไม่มีการพัฒนามากนัก
วิชาหมัดพยัคฆ์นั้นฝึกง่ายแต่เข้าใจได้ยาก ซึ่งเจียงฮ่าวเองก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ถึงแม้จะรู้สึกว่าวิชาหมัดพยัคฆ์ขาดแค่โอกาสเหมาะเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่คิดที่จะรออีกต่อไป
เซี่ยหงและจ้าวเฮยถ่าต่างก็ฝากความหวังไว้กับเขา
ดังนั้น การรอคอยต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า
มีเพียงไปที่สำนักหวงเทียนและเป็นศิษย์ชั้นในเท่านั้นที่จะทำให้เจียงฮ่าวพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
"ตู้เจวียน ช่วยเตรียมรถม้าทีข้าจะไปสำนัก"
"ค่ะนายน้อย"
ตู้เจวียนไปเตรียมรถม้า
เหตุผลที่เจียงฮ่าวไม่ให้ต้าหูพาไป เพราะเขาปล่อยต้าหูกลับไปที่เขาเฟยอิงแล้ว
ถึงแม้ต้าหูจะชอบอยู่ที่จวนเจียง
แต่เสือก็ควรอยู่ในป่า
ยิ่งไปกว่านั้น ต้าหูยังสามารถกลับมาหาเจียงฮ่าวที่จวนเจียงได้เป็นครั้งคราว
ไม่นานหลังจากนั้น เจียงฮ่าวก็มาถึงสำนักเฮยถ่าและได้พบกับอาจารย์ของเขาจ้าวเฮยถ่า
"ท่านอาจารย์ ตอนนี้ศิษย์ฝึกวิชาชั้นเลิศทั้งเจ็ดครบแล้ว ศิษย์คิดว่ามันถึงเวลาแล้วขอรับ!"
เจียงฮ่าวพูดไปตรงประเด็น
"ฟุ่บ!"
จ้าวเฮยถ่าเงยหน้าขึ้นทันทีและจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวด้วยสายตาเขม็ง
"ฝึกวิชาชั้นเลิศทั้งเจ็ดครบแล้วรึ?"
"ใช่ขอรับ"
จ้าวเฮยถ่าเข้าใจทันที
ในตอนนี้เจียงฮ่าวมีพลังภายในมากขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่า!
ถึงแม้จ้าวเฮยถ่าจะคาดการณ์ว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวัน แต่ก็ไม่คิดว่าชมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้