บทที่ 112 พลังสองหมื่นจิน
หลัวเฉิงคิดสิ่งต่างๆ ในหัวอยู่หลายเรื่อง แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่านี่เป็นวันที่สิบห้ากันยายน
วันที่สิบห้ากันยายน เป็นวันที่อวิ๋นเหมิงลี่ประลองฝีมือกับหยวนชิงอิง ศิษย์แท้จริงสิบอันดับแรกของสำนักซวนหยวน
“ช่างน่าเสียดายนะที่ข้าไม่ได้ไปดูการประลองนี้…”
หลัวเฉิงคร่ำครวญกับตนเองด้วยความเสียใจ
การต่อสู้ระหว่างสองอัจฉริยะเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน!
สำหรับผลการประลองครั้งนี้ หลัวเฉิงและคนอื่นๆ กลับมีมุมมองที่แตกต่างกัน
อวิ๋นเหมิงลี่มิใช่คนประมาทเลินเล่อ ในเมื่อนางกล้าที่จะท้าประลอง แสดงว่านางต้องมีความมั่นใจมากใช่น้อย
ส่วนที่ว่าการคาดเดาของผู้ใดนั้นจะถูกหรือผิด ผลลัพธ์จะแสดงให้ประจักษ์ชัดในเร็วๆ นี้
หลังยืนบนหัวเรือชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามอยู่ครู่หนึ่ง หลัวเฉิงก็หันหลังกลับไปยังห้องของตนเอง
ภายในห้องโดยสารบนเรือ ล้วนมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย หลัวเฉิงสุ่มเลือกห้องหนึ่งแล้วเข้าไปปิดประตู
ส่วนงานประดับตกแต่งภายในนั้นเรียบง่าย มีเพียงเตียงนอนและโต๊ะตัวหนึ่งเท่านั้น
หลัวเฉิงขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วขัดสมาธิ จากนั้นหยิบโอสถหลอมอวัยวะออกมา
การเดินทางสู่สำนักซวนหยวนนั้น มีระยะทางไกลกว่าแสนลี้ แน่นอนว่าแม้นเป็นเรือสำเภาลำนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งวัน
หลัวเฉิงจึงตั้งใจใช้โอกาสนี้ในการทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม!
เม็ดโอสถหลอมอวัยวะมีสีม่วงทอง หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่าบนพื้นผิวอันละเอียดนั้นมีเส้นสายคล้ายดั่งเส้นลมปราณของมนุษย์ ซึ่งดูลึกลับซับซ้อนนัก
ขณะที่หลัวเฉิงกำลังจะกลืนโอสถหลอมอวัยวะ ทันใดนั้น เขาก็คิดได้ว่าเกร็ดเก้าสีนั้นสามารถทำให้สมุนไพรบริสุทธิ์ได้ ซึ่งบางทีโอสถนี้ก็อาจทำให้บริสุทธิ์มากขึ้นได้เช่นเดียวกัน
ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ หลัวเฉิงก็ทำให้เกล็ดเก้าสีปรากฏบนฝ่ามือทันที จากนั้นจึงวางโอสถหลอมอวัยวะไว้บนมือเพื่อขัดเกลามัน
พัฟ!
แสงลึกลับเก้าสีส่องสว่างขึ้นทันใด แล้วก่อเกิดเป็นวังวนคล้ายกระแสน้ำวน เสี้ยวอึดใจโอสถหลอมอวัยวะก็ถูกกลืนหายไปในที่สุด
ทันใดนั้น ท่ามกลางแสงลึกลับเก้าสี ก็มีเสียงแตกลั่นดังกะทันหัน บนพื้นผิวของโอสถพลันปรากฏรอยแตกขึ้น
“นี่มันคงจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
หลัวเฉิงรู้สึกเป็นกังวลลึกๆ ในใจ
ด้วยว่า โอสถหลอมอวัยวะเม็ดนี้มีมูลค่าหลายแสนตำลึง ซึ่งมันไม่ใช่เงินเพียงเล็กน้อย
เวลาเริ่มข้ามผ่านไปทีละน้อย แต่ไม่นานแสงลึกลับก็หายวับไปจากสายตา แล้วปรากฏโอสถวิเศษขึ้นบนมือของหลัวเฉิงทันที
โอสถพร้อมอวัยวะหดตัวเล็กลงเทียบเท่ากับหนึ่งในสามของขนาดก่อนหน้านี้ ผิวของมันก็ประกายแสงสีม่วงทองแวววับสดใส บนพื้นผิวก็คล้ายจะมีเส้นลมปราณที่ชัดเจนและลึกลับก่อนหน้านี้ยิ่งขึ้น
“ในที่สุดมันก็สำเร็จแล้ว!”
หลัวเฉิงแสดงสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นนำมันเข้าปากโดยไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ปราณอันร้อนผ่าวก็แพร่กระจายจากท้องเข้าสู่อวัยวะในร่างกายทันที ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์ คล้ายดั่งว่าร่างเขาจะถูกแผดเผาเป็นเถ้าธุลี
หลัวเฉิงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ เขาหลับตาทำสมาธิเข้าฌานบ่มเพาะปราณแท้มังกรทันที
ในการขัดเกลาฤทธิ์โอสถแต่ละครั้ง หลัวเฉิงรู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาถึงกับสะท้านสั่น ไม่นานจากนั้น เขาก็รู้สึกคล้ายดังอยู่ในรังไหมแล้วแตกออกกลายเป็นผีเสื้อที่โบยบิน
พัฟ!
ระลอกคลื่นอันแปลกประหลาดแผ่ซ่านออกมาจากร่างของหลัวเฉิงอย่างหน้าพิศวง พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรที่กึกก้องดังสนั่น
หลัวเฉิงค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า แล้วคลายการฝึกฝน
“มันราบรื่นกว่าที่ข้าคาดเอาไว้เสียอีก”
ในขณะนี้ หลัวเฉิงลองสูดหายใจเข้ายาวในคราเดียว ซึ่งเขาสูดอากาศได้มากกว่าเดิมหลายเท่านัก
นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ปราณแท้ได้แทรกซึมเสริมแกร่งให้อวัยวะภายใน ทำให้มันแข็งประดุจเหล็กกล้า!
ซึ่งเท่ากับว่ายามนี้ เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามได้สำเร็จแล้ว!
ตั้งแต่นี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่พละกำลังก็เพิ่มขึ้นมหาศาลเฉกเช่นเดียวกัน เมื่อยามที่เขาวิ่ง หากเป็นม้าธรรมดาทั่วไปก็มิอาจตามเขาทันได้!
“แล้วความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้จะเป็นเช่นไร!”
หลัวเฉิงผลักตัวยืนขึ้นแล้วชกไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ปัง!
ห้วงอากาศโดยรอบหมัดขาดสะบั้นส่งเสียงดังสนั่น และเสียงนั้นก็คล้ายดั่งเสียงของการระเบิดในรังเพลิงของปืนใหญ่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของหลัวเฉิงก็เผยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็ชักกระบี่ทะลายสวรรค์ออกมา แล้วร่ายรำมันทันที
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!……
แสงกระบี่ส่องจรัสเจิดจ้า และปรานกระบี่ก็คล้ายดั่งกำลังเริงระบำในห้วงอากาศ หากผู้ใดได้เห็นมันก็มิแคล้วต้องเวียนหัวเป็นแน่!
“นี่มัน... ต้องเป็นพลังที่มากกว่าสองหมื่นจินอย่างแน่นอน!”