ตอนที่แล้วบทที่ 110 แม่น้ำหลัวเอี้ยน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 112 พลังสองหมื่นจิน

บทที่ 111 แค่ขยะชิ้นหนึ่ง 


เรือสำเภาทั้งสามลำ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น เพียงไม่นานมันก็ล่องมาใกล้ในทันที

เรือสำเภาลำนี้มีความสูงถึงหลายสิบฉื่อและยาวกว่าร้อยฉื่อ

ทุกครั้งที่ปีกเรือกระพือ ตัวเรือจะเหมือนลูกเกาทัณฑ์ที่หลุดจากสายธนูโผบินทะยานผ่านผิวน้ำ

เรือสำเภาทั้งสามลำ ล้วนมีธงขนาดใหญ่ปักอยู่บนหัวเรือ ปักด้วยคำว่าสำนักหมอกหยก สำนักเมฆาอัสนีและสำนักซวนหยวนตามลำดับ

เรือสำเภาของสำนักเมฆาอัสนี เข้าเทียบท่าเป็นลำแรก

ชายวัยกลางคนผู้สง่างามคนหนึ่งเดินมาที่หัวเรืออย่างแช่มช้า แล้วเหลือบมองผู้คนจำนวนมากบนชายฝั่ง ก่อนกล่าวเสียงดัง

“ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมสำนักเมฆาอัสนี ต้องมีอายุต่ำกว่าสิบหกปี และได้อยู่ในขั้นสุดท้ายของขั้นหลอมกายาแล้ว จงขึ้นเรือลำนี้ทันที!”

เสียงเขามิได้แผดดังนัก แต่กลับเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและกังวานยิ่ง

ขณะที่เสียงนั้นชะงักขาดหาย ม่านแสงผืนหนึ่งก็ปรากฏที่สะพานขึ้นเรือ

บรรดาหนุ่มสาวที่ต้องการเข้าฝึกฝนกับสำนักเมฆาอัสนี ก็เริ่มเดินผ่านม่านแสงเข้าไปทีละคน

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนผ่านม่านแสงและขึ้นเรือสำเภาได้สำเร็จ

แต่ก็ยังมีบางคนถูกม่านแสงสกัดกั้นทำให้มิอาจข้ามขึ้นเรือสำเภาไปได้

คนเหล่านี้ที่ไม่อาจผ่านม่านแสงได้นั้นพวกเขาล้วนมีอายุมากกว่าสิบหกปี หรือไม่ก็ระดับพลังยุทธ์ยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายของขั้นหลอมกายา ด้วยเงื่อนไขคัดกรองของม่านแสงพวกเขาจึงไม่อาจข้ามผ่านได้

ในเวลานี้ ข้างชายวัยกลางคนผู้สง่างามก็ปรากฏหลายร่างเดินเข้ามายืนเคียง

ดวงตาของหลัวเฉิงหรี่ลงพร้อมด้วยประกายแสงเยือกเย็นในแววตาทันที

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของชายวัยกลางคนผู้สง่างามนั้น มิใช่ใครอื่นแต่เป็นซุนซวนหวู่ ศิษย์สิบอันดับแรกของสำนักเมฆาอัสนีฝ่ายนอก!

ซุนซวนหวู่เองก็ดันบังเอิญหันกลับมาแล้วสังเกตเห็นหลัวเฉิง ทันใด มุมปากก็ยกขึ้นยิ้มอย่างเหยียดหยาม

“ศิษย์พี่ซุน มีอะไรงั้นหรือ?”

ศิษย์อีกคนของสำนักเมฆาอัสนีที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรสำคัญ ข้าแค่เห็นขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น”

ซุนซวนหวู่ส่ายศีรษะแล้วถอนสายตาออกไปทันที

คนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะนั่น ไม่ควรค่าให้เขาสนใจ ยิ่งไปกว่านี้ คนไร้ค่าเช่นนั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอจะมองเขาเสียด้วยซ้ำ!

หลังจากนั้นไม่นานนัก เรือสำเภาอีกสองลำก็เข้าเทียบท่า

“ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมสำนักหมอกหยก ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบหกปีและทะลวงเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของขั้นหลอมกายาแล้ว ให้รีบขึ้นเรือลำนี้ทันที!”

หญิงสาวผู้งดงามปรากฏตัวบนหัวเรือของเรือสำเภาสำนักหมอกหยก น้ำเสียงของนางใสกระจ่างราวไข่มุกร่วงลงบนจานหยก

“ผู้ที่ตั้งใจจะเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวนของเรา จงมาขึ้นเรือลำนี้!”

ชายชราในชุดสีดำ ผมขาวและมีเครา ปรากฏตัวบนหัวเรือของเรือสำเภาสำนักซวนหยวน

ทันใดนั้น ผู้คนนับหมื่นบนท่าเรือก็หลั่งไหลกลายเป็นดั่งกระแสน้ำสามสายแยกย้ายกันขึ้นเรือแต่ละลำ

แน่นอนว่า หลัวเฉิงผ่านม่านแสงและเลือกขึ้นเรือสำเภาของสำนักซวนหยวน

หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ร่างของชายชราอาภรณ์ดำ ก็ลอยขึ้นไปเหนือห้วงนภากาศ ก่อนแผดเสียงกล่าวดัง

“เรือสำเภาจะออกเดินทางภายในหนึ่งก้านธูป ห้ามส่งเสียงดังหรือทะเลาะวิวาทเป็นการส่วนตัวตลอดช่วงเวลานี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่ง ก็จงเตรียมตัวยอมรับต่อผลที่จะตามมา!”

“บนเรือนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เจ้าอย่างครบครัน พวกเจ้าสามารถพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมตัวรอการทดสอบเข้าสำนักในวันพรุ่งนี้”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปยังห้องที่อยู่ในเรือสำเภา

ระหว่างนั้นเอง หลัวเฉิงก็รู้สึกถึงแววตาที่จ้องมายังเขาอย่างเยือกเย็น จึงเอียงศีรษะหันกลับไปมอง

ไม่ไกลนัก ฉินหยวนเฟิงและลู่เหยียนก็ยืนอยู่ด้วยกัน โดยมีองค์องค์หญิงฮัวอยู่ข้างๆ

ลู่เหยียนไม่รอช้า รีบเดินเข้ามาแล้วเหยียดยิ้มเย็นชากล่าวว่า “เจ้าหนู ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเลือกเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวนเช่นกัน ดูเหมือนว่าข้ากับเจ้าจะถูกสวรรค์ลิขิตเอาไว้แล้ว!”

หลัวเฉิงไม่อยากเสียเวลาโต้วาจาไร้สาระ จึงหันหลังแล้วเดินจากไปในทันที

อย่างไรก็ตาม กดบนเรือระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามวิวาทกัน แต่ถึงแม้จะมิอาจเลี่ยงได้ เขาก็หาได้กลัวไม่

เมื่อเห็นท่าทีของหลัวเฉิง ใบหน้าของลู่เหยียนก็มืดลงทันที เขากำหมัดแน่นแล้วตะคอกต่ำในลำคอ “ไอ้ขยะบัดซบนั่นกล้าเมินข้ารึ! ช่างน่าแค้นใจนัก!”

ฉินหยวนเฟิงเหลือบมองหลัวเฉิงแล้วกล่าวน้ำเสียงสงบ "ไปกันเถอะ ลงไปพักผ่อนก่อนเถอะ"

“ฮึ่ม ปล่อยให้เขาเย่อหยิ่งไปอีกวันหรือสองวัน!”

มีคนเข้าไปในห้องโดยสารสามคน

เมื่อถึงเวลาตามกำหนด เรือสำเภาแต่ละลำก็พุ่งออกสู่แม่น้ำหลัวเอี้ยนอันกว้างใหญ่ทันที เรือสำเภายามนี้โลดแล่นราววิหคกระพือปีก

หลัวเฉิงยืนอยู่บนดาดฟ้า แต่ไม่รู้สึกถึงกระแสลมแม้แต่น้อย ทั้งที่เรือสำเภาแล่นด้วยความเร็วสูงเช่นนี้

ที่หัวเรือ มีม่านแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ห่อหุ้มตัวเรือทั้งหมด และต้านทานการกระแทกของกระแสลม

ไม่เช่นนั้น ด้วยความเร็วที่มากปานนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเขตแดนลึกลับ ก็จะถูกลมอัดกระแทกปลิวไปในทันที

“มูลค่าของเรือลำนี้เพียงอย่างเดียว น่าจะมากกว่ารายได้สามตระกูลหลักในเมืองฉีซานรวมกันตลอดทั้งปีเสียอีก”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด