บทที่ 1 พรสวรรค์สามประการ
บทที่ 1 พรสวรรค์สามประการ
ในห้วงความมืดมิด หลี่อี้รู้สึกราวกับว่าตนกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่กลางความว่างเปล่า
เสียงอันแผ่วเบาของชายชราดังเล็ดลอดมาจากภายนอก "ขอแสดงความยินดีด้วยท่านเจียง ภรรยาของท่านตั้งครรภ์แล้ว"
"แต่ภรรยาของท่านอายุมากแล้ว ดังนั้นการตั้งครรภ์ครั้งนี้จึงต้องดูแลเป็นอย่างดี"
"ขอบคุณมากท่านหมอหลิว"
หลี่อี้รู้สึกง่วงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเผลอหลับไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นเวลาได้ผ่านไปหลายเดือน
หลี่อี้เริ่มเข้าใจสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้แล้ว
เขาได้มาเกิดใหม่เป็นทารกในครรภ์
มารดาของเขาชื่อเจียงหลี่ ส่วนบิดาชื่อเจียงต้าไห่ซึ่งเป็นพ่อค้า
ทั้งสองคนมีลูกสาวด้วยกันสามคน
เจียงต้าไห่จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกคนที่สี่นี้จะเป็นผู้ชาย
หลี่อี้มีสติอยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆเพราะส่วนใหญ่แล้วเขามักจะหลับใหล
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด หลี่อี้รู้สึกราวกับมีพลังงานบางอย่างกำลังบีบรัดเขาให้ลงด้านล่าง
เขาเข้าใจได้ทันที
มันอาจจะถึงเวลาคลอดแล้วก็เป็นได้
ดังนั้น หลี่อี้จึงออกแรงดิ้นเพื่อออกมาจากครรภ์มารดา
"อุแว้..."
หลังจากนั้น เสียงร้องของเด็กทารกก็ดังขึ้น
หลี่อี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
หมอตำแยรีบออกไปแจ้งข่าวดีอย่างรวดเร็วในทันที "ขอแสดงความยินดีด้วยท่านเจียง ครั้งนี้ท่านได้ลูกชาย!"
"ตบรางวัล! ข้าจะตบรางวัลให้ท่านอย่างงาม!"
เจียงต้าไห่ที่ได้ยินดังนั้นถึงกับแสดงความดีใจอย่างยิ่งออกมา
ในที่สุดเขาก็ได้ลูกชายสมใจ พร้อมกับความตื่นเต้นที่ปรากฏชัดบนใบหน้า
หลี่อี้ที่ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหลับตาลง
ทันทีที่หลับตา หลี่อี้ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขากำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น หลี่อี้อี้มองเห็นดวงอาทิตย์สีแดงฉาน ดวงจันทร์สีเลือด และหลุมดำ
วัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามกำลังลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
ในตอนนี้ หลี่อี้กำลังยืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลางภายใต้วัตถุบนท้องฟ้าทั้งสาม
เขามองขึ้นไปด้านบน
เหนือหัวของเขาปรากฏพระราชวังอันงดงามตระการตาลอยเด่นอยู่กลางอากาศ
เมื่อมองเข้าไปจากระยะไกล วัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามดูเหมือนจะกำลังปกป้องพระราชวังแห่งนี้เอาไว้
พระราชวังปรากฏขึ้นและหายไปเป็นระยะ หลี่อี้มองเห็นตัวอักษรจางๆบนป้ายชื่อของพระราชวัง
แต่ตัวอักษรนั้นเลือนลางเกินกว่าที่จะอ่านออก
"ที่นี่คือที่ไหนกัน?" หลี่อี้ก้มมองดูตัวเอง
เขาไม่ได้อยู่ในร่างทารกอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นกลุ่มเมฆหมอกที่กำลังล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า
"ข้ากลายเป็นภาพลวงตาไปแล้วงั้นรึ?"
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่อี้จึงลองลอยไปทางพระราชวัง
ปรากฏว่าเขาทำได้จริงๆ!
ดังนั้น เขาจึงลอยขึ้นไปอย่างช้าๆจนไปถึงด้านนอกของพระราชวัง
เขาเห็นตัวอักษรบนป้ายชื่อของพระราชวัง
แต่หลี่อี้ไม่รู้ว่าตัวอักษรทั้งสี่นี้อ่านว่าอย่างไร
แต่เมื่อเขาเห็นตัวอักษรแปลกๆเหล่านี้ จิตใต้สำนึกของเขาจึงเริ่มทำความเข้าใจความหมายของตัวอักษรทั้งสี่ทันที
"วิหารฝึกยุทธ!"
หลี่อี้รู้จักชื่อของพระราชวังแล้ว
เมื่อหลี่อี้พยายามเข้าไปในพระราชวัง เขากลับพบว่าเขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นแรกของพระราชวังได้แม้แต่ก้าวเดียว
ซึ่งดูเหมือนจะมีพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกำลังขวางกั้นเขาเอาไว้
ตอนนี้หลี่อี้ได้สติกลับคืนมาได้อีกครั้ง ซึ่งนี่คงจะเป็น "โชค" สำหรับเขา
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเข้าไปในวิหารฝึกยุทธได้
ดังนั้น หลี่อี้จึงทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นไปมองวัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามในความว่างเปล่า
วัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามนี้มีเอกลักษณ์มากจนยากที่จะไม่สังเกตเห็น
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองดวงอาทิตย์สีแดงฉาน
ทันใดนั้น ข้อมูลก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที
"การทำสมาธิกับดวงอาทิตย์จะเพิ่มพูนรากฐาน"
หลี่อี้รู้สึกประหลาดใจและสงสัยอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงลองจ้องมองไปที่ดวงจันทร์สีเลือดและหลุมดำ
"การทำสมาธิกับดวงจันทร์สีเลือดจะเพิ่มพูนความเข้าใจ"
"การทำสมาธิกับหลุมดำจะเพิ่มพูนจิตวิญญาณ"
หลี่อี้ครุ่นคิด
รากฐาน ความเข้าใจ จิตวิญญาณ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพรสวรรค์ของแต่ละคน
ซึ่งพรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
แต่เพียงแค่การทำสมาธิกับวัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามนี้เขากลับสามารถเพิ่มพูนพรสวรรค์ทั้งสามประการได้
หลี่อี้จึงเข้าใจได้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่มากขนาดไหนสำหรับเขา
ดังนั้นเขาจึงรีบลองทำสมาธิกับดวงอาทิตย์สีแดงฉานทันที
หลี่อี้จ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์อย่างตั้งใจและเริ่มวาดภาพรูปร่างของดวงอาทิตย์ในใจ
ตอนนี้หลี่อี้มองเห็นเพียงภาพเลือนรางของดวงอาทิตย์สีแดงฉานนั้น
แต่ถึงกระนั้น การที่จะทำสมาธิและวาดภาพดวงอาทิตย์ให้สมบูรณ์ในใจได้ก็ต้องใช้เวลานาน
หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม สามชั่วยาม...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
ในที่สุด หลี่อี้ก็ทำสมาธิและวาดภาพดวงอาทิตย์ในใจได้สำเร็จ
"วู้มมม!"
ภาพของดวงอาทิตย์สีแดงฉานปรากฏขึ้นในใจของหลี่อี้
ทันใดนั้น หลี่อี้ก็รู้สึกราวกับว่าตนนั้นกำลังอยู่ท่ามกลางกองเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุด
"แสบจัง..." หลี่อี้รู้สึกถึงความแสบและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ซึ่งมันก็คือความเจ็บปวดจากการถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง
แต่ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นนั้นสั้นมาก
และเพียงชั่วพริบตา เขาก็ "สลายไปเป็นผุยผง"
"ฟุ่บบ"
หลี่อี้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจก่อนที่จะมองไปรอบๆ
เขายังคงเป็นทารกที่กำลังนอนอยู่ในเปลไกวโดยที่มีสาวใช้คอยดูแลอยู่ข้างๆ
สาวใช้คนนั้นบางครั้งก็เผลอหลับไปข้างเปลเป็นระยะๆ
"ข้าไม่ได้เป็นอะไรไปหรอกรึ?" หลี่อี้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
การทำสมาธิกับดวงอาทิตย์นั้นเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
แม้แต่ตอนนี้ที่กำลังนึกถึงการทำสมาธิกับดวงอาทิตย์ หลี่อี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวและมีความกลัวฝังอยู่ลึกๆในจิตใจ
แต่หลี่อี้ก็รู้ว่านี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ถึงมันจะเจ็บปวดแค่ไหนเขาก็จำเป็นต้องอดทน
ยิ่งไปกว่านั้น การทำสมาธิกับดวงอาทิตย์ก็แค่เจ็บปวดแต่ไม่ได้ถึงตาย
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลี่อี้จึงกัดฟันและหลับตาลงอีกครั้ง
"ฟุ่บบ"
หลี่อี้ในตอนนี้ได้กลับมาอยู่ในพื้นที่ของวิหารฝึกยุทธอีกครั้ง
แต่ตอนนี้เขาเริ่มมีข้อสันนิษฐานบางอย่างแล้ว
พื้นที่ภายในวิหารฝึกยุทธนี้น่าจะเป็นพื้นที่ภายในจิตสำนึกของเขา
ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าหรือออกไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ
หลี่อี้มองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าอีกครั้งก่อนที่จะกัดฟันและทำสมาธิต่อไป
"มันก็ยังเจ็บอยู่ดีนี่นา!!"
หลี่อี้ยังคงไม่สามารถทนได้แม้แต่วินาทีเดียว หลังจากนั้นจิตสำนึกของเขาก็แตกสลายและออกไปจากพื้นที่จิตสำนึก
แต่หลี่อี้มีความตั้งใจที่แน่วแน่ ดังนั้นเขาจึงกลับไปยังพื้นที่จิตสำนึกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทำสมาธิกับดวงอาทิตย์ต่อไป
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง...
ไม่รู้ว่าหลี่อี้กลับไปยังพื้นที่จิตสำนึกแล้วไปกี่ครั้ง
"รากฐานเพิ่มขึ้น..."
ตัวอักษรเล็กๆปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่อี้
ในขณะเดียวกัน มีแผงควบคุมโปร่งแสงปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่อี้
รากฐาน : 1.1
ความเข้าใจ : 1.1
จิตวิญญาณ : 1.3
นี่คือข้อมูลพรสวรรค์ทั้งสามด้านของเขา
โดยปกติแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ "1"
แต่การที่พรสวรรค์ทั้งสามด้านของเขาเกินกว่า "1" นั่นแสดงว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดาและสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จิตวิญญาณ" ที่สูงกว่าคนทั่วไปมาก
"การทำสมาธิกับดวงอาทิตย์มีแต่ความเจ็บปวด แล้วถ้าข้าลองทำสมาธิกับดวงจันทร์สีเลือดและหลุมดำบ้างล่ะ?"
หลี่อี้ยังคงอยากลองดู
ดังนั้น เขาจึงลองทำสมาธิกับดวงจันทร์สีเลือด
ทันใดนั้น หลี่อี้ก็รู้สึกราวกับว่าตนนั้นกำลังอยู่ท่ามกลางดินแดนน้ำแข็งและหิมะ ความเจ็บปวดจากความหนาวเย็นอย่างรุนแรงเริ่มเข้ากัดกินเข้าที่หัวใจของเขาโดยตรง
เช่นเดียวกับการทำสมาธิกับดวงอาทิตย์ หลี่อี้ไม่สามารถทนได้แม้แต่วินาทีเดียว หลังจากนั้นจิตสำนึกของเขาก็แตกสลายและออกไปจากพื้นที่จิตสำนึกทันที
หลังจากนั้นก็ถึงการทำสมาธิกับหลุมดำอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งครั้งนี้หลี่อี้ถูกบดขยี้ด้วยพลังมหาศาลจนแหลกเป็นผุยผง ก่อนที่สุดท้ายจิตสำนึกของเขาจะแตกสลายออกจากห้วงแห่งจินตนาการไป
"รากฐาน ความเข้าใจ และจิตวิญญาณ ทั้งสามสิ่งนี้สามารถเสริมสร้างได้ด้วยการทำสมาธิโดยการเพ่งสู่วัตถุบนท้องฟ้าทั้งสามรึ?"
"เพียงแต่ว่า ผลของการเสริมสร้างนั้นจะมากน้อยเพียงใดก็ยังต้องทดสอบกันต่อไป"
หลี่อี้ครุ่นคิด
หลังจากนั้น เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งผ่านไปสามเดือน
วันนี้เป็นวันฉลองครบรอบวันเกิดหนึ่งร้อยวันของหลี่อี้
ท่านเจียงนั้นไม่มีความตระหนี่เลย เขาจัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โตและเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงาน ซึ่งแม้กระทั่งขอทานก็ยังสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ได้
เพียงแค่กล่าวคำอวยพรสักสองสามครั้งพวกเขาก็ได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ
"ขอแสดงความยินดีกับท่านเจียงด้วย"
"นายน้อยคนนี้แข็งแรงสมบูรณ์จริงๆ"
"หมอดูหลี่จากฟากตะวันออกของเมืองได้ทำนายดวงชะตานายน้อยคนนี้เอาไว้ว่าเป็นดวงมังกร"
หลายคนต่างพากันหยอกล้อหลี่อี้ แต่หลี่อี้ที่อยู่ในผ้าอ้อมกลับไม่สนใจ
ตอนนี้เขาได้ชื่อใหม่แล้ว ซึ่งมันเป็นชื่อที่หมอดูหลี่จากฟากตะวันออกของเมืองตั้งให้ ซึ่งมีชื่อว่า "เฮ่า"
ว่ากันว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่มงคลยิ่ง
ท่านเจียงเองก็ยินดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงตบรางวัลหมอดูหลี่เป็นเงินจำนวนสิบตำลึง
หลี่อี้ในตอนนี้เหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นคุณนายเจียงจึงอุ้มหลี่อี้กลับเข้าไปที่ห้อง
"เสี่ยวหู่ ที่จริงแล้วแม่อยากให้เจ้าชื่อเจียงฟ่านและอยากให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปตลอดชีวิตของเจ้า..."
เสี่ยวหู่เป็นชื่อเล่นของหลี่อี้ ซึ่งหมายถึงร่างกายที่แข็งแรงราวกับเสือ
หลี่อี้ที่ได้ยินดังนั้นจึงส่ายหัว เพราะแม้ว่าชื่อเจียงฟ่านจะไม่ใช่ชื่อธรรมดาก็ตาม นอกจากนี้ใครก็ตามที่กล้าใช้ชื่อนี้ต่างก็ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั้งสิ้น
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชื่อเจียงเฮ่าที่ดูยิ่งใหญ่นั้นก็ยังไม่สามารถเทียบได้ ดังนั้นหลังจากที่เจียงเฮ่ากินจนอิ่มแล้ว เขาก็เข้าสู่ห้วงแห่งจิตสำนึกอีกครั้ง
รากฐาน: 1.4
ความเข้าใจ: 1.1
จิตวิญญาณ: 1.3
เจียงเฮ่ามองดูข้อมูลพรสวรรค์ทั้งสามของตนในตอนนี้
แม้ว่าความเข้าใจและจิตวิญญาณยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่รากฐานของเขาได้เพิ่มขึ้นจาก 1.1 เป็น 1.4 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3 โดยเฉลี่ยแล้วมันเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.1
ส่วน 0.1 ที่เพิ่มขึ้นนี้จะมากหรือน้อย เจียงเฮ่าเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเพราะเขายังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆภายในร่างกายเลย
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้อาจเป็นร่างกายของเขาที่ค่อนข้างแข็งแรงและสมบูรณ์
ตั้งแต่เกิดมาได้สามเดือน เจียงเฮ่ายังไม่เคยเจ็บป่วยเลยสักครั้ง ซึ่งนี่อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของรากฐานของเขาก็เป็นได้
หลังจากที่ผ่านมาเป็นเวลาสามเดือน การทดสอบของเจียงเฮ่าก็สิ้นสุดลง เขาก็เข้าใจถึงความเร็วในการเพิ่มขึ้นของพรสวรรค์ทั้งสามจากการทำสมาธิเพ่งสู่ดวงดาว
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องตัดสินใจให้ดีว่าต่อไปนี้เขาควรจะเพิ่มพรสวรรค์ทั้งสามอย่างเท่าๆ กัน หรือจะทุ่มไปที่การเพิ่มพรสวรรค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งในตอนนี้เจียงเฮ่าเองก็ยังไม่เข้าใจว่าพรสวรรค์ทั้งสามนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง?
ดังนั้นการเพิ่มพรสวรรค์ขึ้นอย่างเท่าๆกันจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
"ตอนนี้ข้ามีอายุแค่สามเดือนเท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถสืบหาความหมายของพรสวรรค์ทั้งสามได้"
"ข้าต้องรอจนกว่าจะพูดได้เสียก่อนแล้วค่อยลองถามถึงความหมายของพรสวรรค์ทั้งสามอย่างแนบเนียนจากคนรอบข้าง แล้วค่อยวางแผนเพิ่มพรสวรรค์ทั้งสามใหม่"
ดังนั้น เจียงเฮ่าจึงวางแผนและทำสมาธิเพ่งสู่ดวงดาวแต่ละดวงเป็นเวลาสิบวันเพื่อเพิ่มพรสวรรค์ด้าน รากฐาน ความเข้าใจ และจิตวิญญาณของเขาอย่างมั่นคง…