ตอนที่ 401 ขีดกำจัดที่คาดไม่ถึง (ฟรี)
ตอนที่ 401 ขีดกำจัดที่คาดไม่ถึง
ในช่วงเวลานี้ ซูหยางได้ต่อสู้กับอสูรเพลิงทมิฬ และอสูรพฤกษาทมิฬไปหลายตน
ด้วยร่างโคลนที่มีความแข็งแกร่งเพียงครึ่งนึงของร่างหลัก การจัดการอสูรทมิฬเหล่านี้จึงยากขึ้นเล็กน้อย
สำหรับอสูรเพลิงทมิฬ ต้องใช้เวลาสองชั่วโมง
สำหรับอสูรพฤกษาทมิฬ ต้องใช้เวลาเก้าชั่วโมง
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้เขาจึงไม่ได้รับผลประโยชน์มากมายอะไรนักจากโลกทมิฬ
แต่ตอนนี้ หลังทะลวงผ่านเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรพฤกษาทมิฬที่เทียบได้กับจ้างแห่งเต๋าขั้นกลางที่ผสานกฎสองพันข้อ
เขาใช้เวลาต่อสู้เพียงประมาณสองชั่วโมง ซึ่งลดลงจากเก้าชั่วโมงหลายเท่าตัว
การโจมตีที่รุนแรงขึ้น ทำให้สร้างบาดแผล และความเสียหายได้มากขึ้น จึงง่ายต่อการสังหาร
นี่คือ จุดแข็งของซูหยาง!
ตอนนี้ เขาสามารถกวาดล้างอสูรทมิฬระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางทุกตนได้ การล่าจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น!
เมื่อเห็นอสูรพฤกษาทมิฬที่ถูกสังหาร ซูหยางก็รู้สึกผ่อนคลายลง
หลังจากทดสอบความแข็งแกร่งแล้ว ซูหยางก็มองไปที่แผงคุณสมบัติ
มาดูกันว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
[ ซูหยาง ]
[ โชค : สีฟ้า ( 6 ฟุต ) ]
[ ฐานการบ่มเพาะ : จ้าวแห่งเต๋าขั้นสูง ]
[ เส้นทางการบ่มเพาะ : จักรวาลภายใน ]
[ กฎจักรวาล : 3,000 ข้อ ]
[ ระดับกฎ : ระดับ 3 ( 0 / 100 ) ( เจตจำนงทองคำ 3,000 ล้านดวงต่อหนึ่งส่วน ) ]
[ ขนาดจักรวาล : 300,000,000 / 3,000,000,000 ปีแสง ]
[ ดาวเคราะห์ชีวิต : 300,000,000 ดวง ]
[ อัตราการผลิตเจตจำนงทองคำ : 300,000,000 / 1 วัน ]
[ อัตราการไหลของเวลา : 10,000,000 เท่า ]
[ รากกฎขั้นที่หนึ่ง : 300,000 / 300,000 ]
[ รากกฎขั้นที่สอง : 300,000 / 300,000 ]
[ รากกฎขั้นที่สาม : 300,000 / 300,000 ( เจตจำนงทองคำ 10,000 ดวงต่อ 1 รากกฎ ) ]
นี่คือ แผงคุณสมบัติของเขาในปัจจุบัน
ข้อกำหนดในการทะลวงผ่านระดับต่อไปได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับซูหยาง จริงๆ แล้วต้องใช้เวลาไม่นาน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ เขาสามารถขยายขนาดของจักรวาลภายในต่อไปได้ และทำให้จักรวาลภายในมีดาวเคราะห์ชีวิตมากยิ่งขึ้น
เขายังคงผูกขาดโลกทมิฬ และเพลิดเพลินกับทรัพยากรจำนวนมหาศาล
เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เห็นความหวัง หรือผู้ที่ต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการฝึกฝน
เขาขาดเพียงเวลา
หลังจากนั้น ซูหยางก็หันความสนใจไปที่ร่างโคลน และเริ่มกวาดล้างชั้นที่สามของโลกใต้ดิน
เขายังไม่รีบร้อนที่จะก้าวเข้าสู่ชั้นที่สี่
หลังจากกวาดล้างชั้นที่สามแล้ว เขาจะมุ่งตรงไปยังรังของอสูรทมิฬอีกสามแห่งแล้วทำเช่นเดิม
ในชั้นที่สี่ ความแข็งแกร่งของผู้นำอสูรทมิฬเทียบได้กับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดที่ผสานกฎนับพัน
สำหรับศัตรูระดับนั้น แม้เขาจะทะลวงผ่านก็ยังไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้
สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือ พยายามเอาชีวิตรอดภายใต้เงื้อมมือของศัตรู อย่าให้ถูกทุบตีจนตายไปเร็วนัก
แทนที่จะเสียเวลาเปล่า ซูหยางจะมุ่งความสนใจไปที่อสูรทมิฬที่เขาสามารถจัดการได้ก่อน
โลกทมิฬเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
หลังจากตัดสินใจแล้ว ซูหยางก็ควบคุมร่างโคลนให้เคลื่อนไหงอย่างรวดเร็ว
อสูรเพลิงทมิฬ และอสูรทมิฬที่ผิดแปลกตนอื่นๆ ใช้เวลาไม่นานนักในการฆ่า!
ส่วนอสูรทมิฬธรรมดา โดยปกติแล้วจะถูกเขาสังหารภายในดาบเดียว!
นั่นทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวดินแดนแห่งกฎได้เพิ่มมากขึ้น!
ครึ่งวันผ่านไป จำนวนดินแดนแห่งกฎระดับสามที่อยู่ในมือของซูหยางก็มีมากถึง 17 แห่ง
ขณะเดียวกัน ในจักรวาลภายใน ก็มีบางคนที่ทะลวงผ่านเป็นจ้าวแห่งเต๋า
มีสี่คนที่บรรลุความก้าวหน้าในเวลาใกล้เคียงกัน
ซูหยางให้ความสนใจเล็กน้อย และเห็นว่าเป็นฮุ่ยคง เย่เจียง หรงเซียวจื่อ และหลิวหยู่โหรว ทั้งสี่กลายเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นแล้ว!
ซูหยางไม่ได้ไปพบพวกเขาด้วยตัวเอง แต่ขอให้หงเทียนจัดเการแทน
ครั้งต่อไปที่เขาเข้าสู่จักรวาลภายใน มันจะเป็นเวลาที่เขาต้องการให้ศิษย์เหล่านี้ต่อสู้!
ขณะนี้ อัตราการไหลของเวลาสูงถึงหลายสิบล้านเท่า
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์นิกายอมตะต้าเซี่ย หรืออสูรดารา ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ และความพยายาม
แต่ไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะเจาะจงจะเป็นอย่างไร เขาก็แค่ต้องรอ เดี๋ยวก็จะได้รับข้อมูลมากขึ้นเอง เมื่อนั้นซูหยางก็จะได้รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าคนของเขาจะพร้อมต่อสู้
แม้ว่าศิษย์นิกายอมตะต้าเซี่ยจะยังไม่มีการพัฒนามากนักในตอนนี้ แต่ซูหยางได้แบ่งพวกเขาออกมาเป็นสามระดับ
หงเทียนอยู่ในระดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์
ปัจจุบัน หงเทียนได้แยกกฎอัคคีภัยนับร้อยแล้ว เขามีพรสวรรค์ และไม่หย่อนยานเลย ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา
เย่เจียง ฮุ่ยคง หรงเซียวจื่อ หลิวหยู่โหรว ทั้งสี่คนนี้อยู่ในระดับสอง
พวกเขาไม่ได้แย่ แต่ในแง่ของพรสวรรค์ พวกเขายังตามหลังหงเทียนอยู่เล็กน้อย
ซูหยางก็รู้ดีว่าสภานการณ์ช่นนี้เกิดจากอะไร
เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม พรสวรรค์ของหงเทียนนั้นสูงที่สุด
เป็นผลให้หงเทียนสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สูงสุดจากทุกการยกระดับโลก และการเปิดจักรวาลภายใน
สิ่งนี้ยังทำให้พรสวรรค์ของหงเทียนอยู่ในอันดับต้นๆ อยู่เสมอ
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ตอนนี้พรสวรรค์ของเขาไม่มีใครในหมู่ศิษย์เทียบเคียงได้
ตอนนี้หงเทียนได้แยกกฎอัคคีเป็นหลายร้อยข้อแล้ว และอีกสี่คนก็เริ่มฝึกฝนกฎ และแยกกฎเช่นกัน
ดังนั้น เย่เจียงและคนอื่น ๆ จึงอยู่ในระดับสอง
ผู้ที่ทะลวงผ่านหลังเย่เจียง และคนอื่น ๆ จะถือว่าอยู่ในระดับสาม
แต่ซูหยางก็ไม่ได้คิดจะใช้สิ่งนี้ในการแบ่งแยกระดับการดูแล
ในอนาคต หากมีใครที่เก่งจริงก็จะได้รับการสนับสนุน
ในมุมมองของซูหยาง หงเทียนต้องเป็นบุตรแห่งโชคชะตาของโลกต้าเซี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะมีเขาอยู่ ชายคนนี้อาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกต้าเซี่ย
แม้แต่ผู้ที่จัดการนิกายอมตะไท่ซางก็อาจจะเป็นเด็กคนนี้
แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
ส่วนอีกสี่คนนั้น
พวกเขาล้วนเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับซูหยาง และความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างใกล้ชิดกัน
เป็นเพราะเหตุนี้ทุกครั้งที่โลกยกระดับ พวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเต๋าสวรรค์หรือเจตจำนงแห่งจักรวาล พวกเขาไม่ใช่คนโง่
รู้ว่าจะทำให้ซูหยางพอใจได้อย่างไร
พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญจริงๆ แต่การมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ชั่วพริบตาสิบวันผ่านไป
ความแข็งแกร่งของซูหยาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงสิบวันมานี้
ก่อนอื่น ด้วยเจตจำนงทองคำ 300 ล้านดวงต่อวัน
ซูหยางได้ควบแน่นรากกฎขั้นสามทั้งหมด 300,000 เส้นโดยตรง
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาถึงขีดกำจัดของจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงแล้ว
ส่วนที่เหลือ ขาดเพียงปรับปรุงความคืบหน้าของระดับกฎ ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้น ในที่สุดเขาก็สามารถไปลงไปที่ชั้นที่สี่ และเริ่มโจมตีอสูรทมิฬระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงได้
แต่ในสิบวันนี้ เขาไม่ได้ยั่วยุอสูรทมิฬระดับนั้น
แต่กลับใช้เวลาทั้งหมดกวาดล้างสามชั้นแรก
นั้นทำให้จำนวนดินแดนแห่งกฎระดับสามในมือของเขาเพิ่มขึ้นจาก 17 เป็น 100 แห่ง!
สิ่งนี้กำลังเพิ่มรากฐานของตัวเขาเอง และในเวลาเดียวกันก็เพิ่มรากฐานของจักรวาลภายใน
นอกเหนือจากนี้ ในสิบวันมานี้ ศิษย์ในนิกายก็เติบโตขึ้นมาก
สิบวันในมิติโกลาหลเทียบได้กับ 100 ล้านปีในจักรวาลภายใน
ความแข็งแกร่งของหงเทียนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาได้แยกกฎถึง 2,000 ข้อแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว หากเขาฝึกฝนต่อไป เขาจะทะลวงผ่านไปเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง
ดูเหมือนว่านี่เป็นขีดจำกัดของการแยกกฎ
แต่เมื่อซูหยางศึกษาอย่างรอบคอบ เขาพบว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของการแยกกฎ แต่เป็นขีดจำกัดของดินแดนแห่งกฎที่เขามี
สิ่งนี้ได้ทำให้ซูหยางนึกถึงอสูรทมิฬที่ปกป้องดินแดนแห่งกฎที่เขาพบ
อสูรทมิฬที่ทรงพลังที่สุด แยกกฎได้เพียง 2,000 ข้อ
ก่อนหน้านี้ ซูหยางแค่คิดว่า นี่เกี่ยวกับตัวอสูรทมิฬเอง
ตอนนี้ ดูเหมือนว่าดินแดนแห่งกฎจะยับยั้งพวกมันเอาไว้
หากเขาได้รับดินแดนแห่งกฎระดับสี่ ขีดจำกัดบนก็อาจเพิ่มมากขึ้น
ไม่งั้น ผู้ฝึกฝนที่ดูดซับพลังแห่งกฎในดินแดนแห่งกฎเหล่านี้ก็จะสามารถแยกกฎได้สูงสุดเพียง 2,000 ข้อเท่านั้น
ถัดไป หากหงเทียนต้องการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจะต้องทะลวงผ่านเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง และเริ่มแยกกฎระดับสอง
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หงเทียนก็ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์กลุ่มนี้
แน่นอนว่าที่อีกฝ่ายพัฒนาได้อย่างรวดเร็วก็เนื่องมาจากดินแดนแห่งกฎที่อยู่ในระดับสูง
และอยู่ในภายใต้อัตราการไหลของเวลานับสิบล้านเท่า
หนึ่งร้อยล้านปีไม่ใช่เวลาสั้นๆ
เมื่อทะลวงผ่านเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง ความเร็วในการฝึกฝนของหงเทียนจะช้าลง
ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงดินแดนแห่งกฎ และไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะ
เว้นแต่ซูหยางจะพบดินแดนแห่งกฎที่ทรงพลังกว่านี้ ความเร็วการฝึกฝนของหงเทียนจึงจะกลับมาเท่าเดิม