ตอนที่แล้วChapter 993 ของวิเศษลำดับหนึ่งในใต้หล้า.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 995 ความตื่นเต้นของเห่าเม่ยลี่.

Chapter 994 โลงศพยักษ์สีม่วงที่ไม่ธรรมดา.


จากนั้นไม่นานเจียงซือก็นำโลงศพยักษ์สีม่วงออกมา.

"เซิ่งหวัง พวกเราจะไม่ชิงป้ายหยกเจาหัวจริง ๆ รึ?"โหลวซิงเฉินที่รู้สึกเสียดาย.

"ทำไม่ได้!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.

"รอบ ๆ ป้ายหยกเจาหัวนั้นมีค่ายกลอาคมที่ทรงพลังอยู่ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย เจียงซือของข้าก่อนหน้านี้เพียงแค่เฉียดเข้าไปก็เกือบจะถูกเผาไปจนสิ้น!"เซียนเซิงซือกล่าว.

"ค่ายกลที่ซาทิ้งเอาไว้อย่างงั้นรึ?"โหลวซิงเฉินที่แสดงท่าทางตกใจ.

"เข้ามาด้านในต้องใช้ปราณกระบี่ปกคลุมเอาไว้ ตอนออกไปยังสามารถใช้แปดหางสวรรค์ได้หรือไม่?"เซียนเซิงซือที่สอบถามจงซาน.

จงซานที่พยักหน้า ก่อนที่จะสะบัดมือ นำแปดหางสวรรค์ออกมา ร่างกายของมันที่ขยายใหญ่ หางสี่หางที่คลุมทุกคนและโลงศพยักษ์ ก่อนที่จะพุ่งออกไปด้านนอก.

ทว่าขณะที่พวกเขาอกมา ค่ายกลกระบี่สังการเซียนเองก็เริ่มสั่นไปมาอย่างรุนแรงเช่นกัน.

เห็นชัดเจนว่าค่ายกลที่ซาสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนที่แท้จริง ย่อมไม่สามารถต้านทานคนจำนวนมากที่โจมตีอย่างบ้าคลั่งเอาไว้ได้นาน.

ทว่าท้ายที่สุดก็ทำให้กลุ่มของจงซานสามารถลอบหนีออกมาได้อย่างเงียบ ๆ .

ในเวลานี้โลงศพยักษ์ที่ถูกนำออกมาและนำไปซ่อนเอาไว้ใต้ผืนดินโดยเจียงซือ.

"เร็วเข้า ค่ายกลใกล้แตกแล้ว!"

"เหล่าศิษย์นิกายหงหรูเตรียมเข้าไปด้านในได้แล้ว!"

"อีกนิดเดียว เร่งรีบโจมตีเข้าไป!"

"พี่น้องทุกคน ช่วยข้าโจมตีออกไป!"

........................

............

......

ที่ด้านนอกที่กลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาในทันที ในเวลานี้ทุกคนกำลังโจมตีเข้ามาอย่างหนักหน่วง ค่ายกลที่ปกคลุมเทือกเขาเซิ่งซือกำลังสั่นสะท้านพร้อมจะพังทลายลง.

จงซานในเวลานี้ถึงกับพูดไม่ออกที่เห็นแม้แต่ปุถุชนระดับก่อตั้งวิญญาณที่เต็มไปด้วยความโลภพุ่งเข้าไปด้านในก่อนที่จะถูกสับเป็นชิ้น ๆ .

จงซานยังคงยืนอยู่ที่เชิงเขา จดจ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ มองผู้คนกำลังบุกอย่างหนักหน่วงเพื่อทำลายค่ายกล.

"เซิ่งหวัง พวกเราไม่รีบหนีอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่สอบถามออกมา.

"ไม่ ควรจะเติมเชื้อไฟให้กับพวกเขาหน่อย!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย.

"หืม?"

ค่ายกลที่แตกสลายแม้นว่ายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะมีหลายคนที่คอยตะโกนอยู่ข้างนอก มีหลาย ๆ คนที่ยังไม่เข้าไป พวกเขาที่รั้งรอ จดจ้องมองเหล่ายอดฝีมือคนอื่น ๆ ก่อน.

บนเชิงเขานั้นมีพรตเต๋ายืนอยู่ บรรพชนโพธิ.

ในเวลาเดียวกันนั้นหลันเติ้งและหมี่เล่อพร้อมกับหลวงจีนคนอื่น ๆ ต่างก็ซ่อนตัวคอยเฝ้ามองสถานการณ์อยู่.

ขณะที่ทุกคนกำลังเข้าไปด้านในนั้น ภายในค่ายกลกระบี่สังหารเซียนก็มีคนหนึ่งที่ตะโกนออกมาในทันที.

"อาจารย์อาจื่อลู่รีบเข้าไปด้านในตำหนักไป่โหยวเร็ว ขวางทุกคนเอาไว้ ป้ายหยกเจาเหยาจะต้องเป็นของนิกายหงหรูของพวกเรา!"เสียงที่ดังก้องกังวานกระจายไปทั่วพื้นที่รอบ ๆ .

เสียงดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ดังมากมายนัก ทว่าก็สามารถส่งไปถึงหูของทุกคน.

ป้ายหยกเจาเหยาอย่างงั้นรึ?

ทันใดนั้น ค่ายกลทั้งหมดกำลังพังทลายลง แล้ว สายตาของทุกคนที่กลายเป็นสีแดง แววตาเผยความบ้าคลั่งออกมา ป้ายหยกเจาเหยาอย่างงั้นรึ? ไม่สงสัยเลย ไม่แปลกใจเลยที่กงจื่อสนใจ!

ป้ายหยกเจาเหยา ที่มีเคล็ดวิชาสวรรค์เจาเหยา?

"สารเลว ใครมันเป็นคนตะโกนออกไปว่ะ?"เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น.

ผู้ฝึกตนที่ตะโกนออกไปนั้นได้หายไปแล้ว ทว่าสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องมองกันเป็นสายตาเดียวกัน เป็นศิษย์ของนิกายหงหรูหรือไม่? ทว่าเสียงดังกล่าวนั้นได้กระจายไปทั่วบริเวณแล้ว.

ป้ายหยกเจาเหยา?

นี่คือของวิเศษลำดับหนึ่งในใต้หล้า?

"เสี่ยวเอ๋อ รีบบุกเข้าไป! "อ๋องพันปิศาจที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

"ศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ เร่งรีบโจมตีไปยังค่ายกล.

"ศิษย์ของสำนักห้าอาราม จงเร่งรีบบุกเข้าไป!"

"อย่าให้จื่อลู่ครอบครองสิ่งดังกล่าวเด็ดขาด!"

............

......

ผู้ฝึกตนมากมายต่างก็เพ่งสมาธิ ต้องการพุ่งเข้าไปในตำหนักไป่โหยว จื่อลู่ที่ยังไม่มาด้วยซ้ำ ทว่าทุกคนก็กลายเป็นร้อนรนแล้ว?

หลันเติ้งและหมี่เล่อใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนแดงซาน นำของวิเศษออกมาพร้อมกับพุ่งไปด้านหน้าในทันที.

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ  เหล่ายอดฝีมือจำนวนมากเริ่มลงมือแล้ว.

ป้ายหยกเจาเหยา เคล็ดวิชาสวรรค์เจาเหยา พวกเขาก็จะกลายเป็นหงจวินคนต่อไป?

ขณะที่กลุ่มของจงซานบินออกมาไกลแล้ว.

"ตูมมม~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

จงซานที่หันหน้ากลับไปมอง ปราณทมิฬที่พวยพุ่งข้นไปบนท้องฟ้า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นแล้ว.

"ท้ายที่สุดค่ายกลกระบี่สังหารเซียนก็พังทลายลงในที่สุด!"เซียนเซิงซือที่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"การที่เจียงซือเข้าไปในตำหนักไป่โหยวและตะโกนออกมานั้น ก็เพื่อให้การทำลายค่ายกลเกิดเร็วขึ้น จะได้ไม่เหลือร่องรอยของพวกเรา!"จงซานกล่าว.

"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.

กลุ่มทั้งสี่คนก็พุ่งตรงไปยังทิศใต้ด้วยความเร็วในทันที.

ส่วนบนเทือกเขาเซิ่งซือเวลานี้ เกิดระเบิดดังสนั่นไม่หยุดหย่อน นับตั้งแต่ค่ายกลพังทลายลง ทุกคนต่างก็เริ่มต่อสู้กันเพื่อที่จะแย่งชิงเข้าไปในตำหนักไป่โหยว.

ด้วยค่ายกลที่ปกคลุมตำหนักไป่โหยวเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นป้ายหยกเจาหัวได้เลยแม้แต่น้อย.

ทว่าหลังจากที่ค่ายกลพังลง เหล่าผู้ฝึกตนที่สามารถมองเห็นป้ายหยกเจาหัวได้ ดวงตาใบหน้าของพวกเขาที่กลายเป็นแดงซ่าน เร่งรีบรุกเข้าไปมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

เหล่าผู้ฝึกตนที่ราวกับเสียสติ ของวิเศษต่าง ๆ นั้นหาได้เทียบกับป้ายหยกเจาเหยาได้ ของวิเศษชิ้นนี้ แม้แต่ปราชญ์เทพยังบ้าคลั่ง  ของวิเศษที่มีเคล็ดวิชาสวรรค์สลักอยู่ เป็นเคล็ดวิชาที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นอมตะได้?

สงครามใหญ่ที่เกิดขึ้น! การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนเทือกเขาเซิ่งซือแห่งนี้ จะต้องกระจายไปทั่วหล้าอย่างแน่นอน.

บนอวกาศ การต่อสู้ที่รุนแรงของยอดฝีมือที่ดูเหมือนว่าจะเร่งรีบเร็วขึ้นเรื่อย ๆ  เห็นชัดเจนว่าซานั้นรับรู้แล้วว่าค่ายกลด้านล่างนั้นได้พังทลายลงแล้ว.

-----------------------------------------------------------------

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น กลุ่มของจงซานที่เร่งรีบเดินทางมายังเขตแดนที่เรียกว่าน้ำพุเหลืองด้วยความเร็วสูง.

เมืองเฟิงตู!

เมืองเฟิงตูนั้นเป็นดินแดนของเหล่าภูต พื้นที่แห่งนี้อยู่ในการปกครองของเห่าเทียน ทว่าหากให้กล่าวแล้วล่ะก็ ปรกติเองก็ไม่มีใครต้องการมายังสถานที่แห่งนี้เช่นกัน พื้นที่แห่งนี้มีเหล่าภูตผีที่ทรงพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กับพลังแห่งความมืดที่น่าเกรงขามนั้น น่าเกรงขามไม้เว้นแม้แต่เหล่าภูตด้วยกัน.

แม้นว่าเมืองเฟิงตูนั้นจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครต้องการมานัก ทว่าก็นับว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ในทุก ๆ เดือนช่วงกลางเดือนยามจื่อ ประตูเมืองเฟิงตูจะเปิด ซึ่งจะทำให้สามารถเดินทางผ่านน้ำพุเหลืองไปยังภพหยินได้.

[ยามจื่อ (子时) คือเวลา 23.00 น. – 01.00]

ดังนั้น จึงมีผู้ฝึกตนเป็นจำนวนไม่น้อยระหว่างสองฟากฝั่ง! เดินทางมา ไม่เว้นแม้แต่เหล่าพ่อค้าวานิชย์ ที่ต้องการแลกเปลี่ยนขายสินค้าระหว่างสองภพ.

แม้ว่าปราณหยินจะหนักหน่วงรุนแรง ทว่าก็มีคนฝ่าเข้ามาเช่นกัน.

กลุ่มของจงซานที่เดินทางนำโลงศพใหญ่เข้ามา ไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนแต่อย่างใด.

จงซานที่หาโรงเตี้ยม รอคอยให้ประตูเมืองเฟิงตูเปิด โหลวซิงเฉินและหนานกงเซิ่งที่ออกไปหาข่าว.

จงซานและเซียนเซิงซือที่อยู่ในโรงแรมฟังข่าว.

"เซียนเซิงซือ โลงศพนี้พวกเราจะจัดการอย่างไร?"จงซานที่สอบถามออกไป.

จงซานเชื่อว่าหากไม่สามารถจัดการมันได้ก็ไม่มีปัญหา สามารถที่จะให้แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบกลืนกิน บางทีอาจจะเพิ่มพลังฝึกตนได้ ในเวลานั้นค่อยมอบอย่างอื่นทดแทนเซียนเซิงซือ.

เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน ก่อนที่จะนำหัวใจออกมา หัวใจที่เหมือนว่าจะมีโลหิตปิ่ม ๆ ไหลออกมา ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.

"เซิ่งหวังยังจำสิ่งนี้ได้หรือไม่?"เซียนเซิงซือสอบถามออกไป.

"อืม นี่เป็นหนึ่งในของวิเศษที่ใช้ร่วมกับวิชาของเจ้า ข้าจำได้ว่าได้นำยันต์หยกทมิฬที่เคยมอบให้กับหนานกงเซิ่ง กลับมามอบให้กับเจ้าเพื่อผนึกสิ่งนี้!"จงซานพยักหน้ารับ.

"บางทีนี่อาจจะเป็นหัวใจของปราชญ์เทพ!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"อะไรนะ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"มันเป็นสมบัติตกทอดที่ถูกส่งมานานแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด บางทีคงจะเป็นหัวใจของปราชญ์เทพ หรือเป็นของเซียนบรรพชนก็ได้ ทว่าหัวใจของเซียนบรรพชนเองก็ไม่ควรจะอยู่มาได้ถึงปานนี้ ดังนั้นข้าจึงคาดเดาได้ว่ามันคือหัวใจของปราชญ์เทพ."เซียนเซิงซือกล่าว.

จงซานที่จ้องมองด้วยความจริงจังไปยังหัวใจดังกล่าว.

"หัวใจนี้สามารถดูดซับปราณสวีได้ ดังนั้นข้าจึงต้องการใช้หัวใจนี้ดูซับปราณสวี เพื่อที่จะใช้มันปรับแต่งซือเฉิน(เทพศพ)!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

จงซานที่พยักหน้ารับ ปรับแต่งศพขั้นปราชญ์เทพ? ไม่ใช่แค่เซียนเซิงซือเท่านั้น ในเวลานี้ยังทำให้จงซานรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด