Chapter 993 ของวิเศษลำดับหนึ่งในใต้หล้า.
โหลวซิงเฉินที่กลับมาอยู่ข้างจงซาน ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าดูแคลนคนทั้งสี่อีกแล้ว.
พื้นที่รอบ ๆ ที่กลายเป็นเงียบงัน บนอวกาศ สองลำแสงที่เข้าปะทะกันอย่างหนักหน่วงรุนแรง เห็นชัดเจนว่าการต่อสู้ของปราชญ์เทพนั้นไม่มีทีท่า ว่าจะจบง่าย ๆ.
"เซิ่งหวัง ตอนนี้จะทำอย่างไร? สายตาของทุกคนได้จดจ้องมองมายังพวกเรา!"โหลวซิงเฉินที่ขมวดคิ้วไปมา.
แน่นอนจงซานก็รับรู้ว่าคนมากมายที่จ้องมองมายังพวกเขา เวลานี้ ต้องการจับปลาน้ำขุ่นก็คงจะยากไปแล้ว.
"เมื่อน้ำใสอยู่ก็ต้องทำให้น้ำขุ่นก่อน!"จงซานกล่าว.
จากนั้น จงซานที่ก้าวบินออกไป คนของเขาก็บินตามเช่นกัน.
กลุ่มของจงซานจากไปแล้ว เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่จับจ้องมองเขาอย่างสนใจ นี่พวกเขาต้องการทะลวงค่ายกลอย่างงั้นรึ?
ไม่มีใครกล้าขวางทาง ทว่าสายตาของพวกเขาที่จดจ้องมองตาเขม็ง หลายคนที่ทำการคาดเดา ด้วยท่าทางร้อนใจ.
สิ่งที่เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ คาดหวังในเวลานี้คือจะทะลวงเข้าไปในค่ายกลอย่างไร ทำให้สายตาของผู้คนมากมายจดจ้องมองดูท่าทีของคนที่อยู่รอบ ๆ ที่จะเป็นผู้นำ.
เพราะไม่มีใครคิดว่าภายในตำหนักไป่โหยวนั้นว่างเปล่า.
กลุ่มของจงซานที่บินตระเวนไปรอบ ๆ เทือกเขาเซิ่งซือ.
อ๋องพันปิศาจที่ขมวดคิ้วไปมา หลันเติ้งและหมี่เล่อเองก็จดจ้องมองไปยังรอบ ๆ ด้วยความสนใจ ก่อนที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น.
"ครืนน~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
พื้นที่บริเวณใกล้เคียงของเทือกเขาเซิ่งซือ ปรากฎหมอกสีชมพูปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ หลังจากที่หมอกสีชมพูหายไป คนทั้งสี่ก็หายไปในทันที.
พื้นที่รอบ ๆ ของเทือกเขาเซิ่งซือที่ปราณศพสั่นไหวไปมา จากนั้น คนทั้งสี่คนก็หายไปในทันที.
คนทั้งสี่หายไปแล้ว สายตาของทุกคนจดจ้องมองมาในทันที พวกเขาเข้าไปด้านในอย่างงั้นรึ?
ทุกอย่างที่เปลี่ยนเป็นนิ่งงัน ห้าลมหายใจ สิบลมหายใจ ยี่สิบลมหายใจ ร้อยลมหายใจ!
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทุกคนที่มีแผนต้องการเข้าไปในตำหนักไป่โหยวถึงกับนั่งไม่ติดกันเลยทีเดียว!
คนทั้งสี่เข้าไปด้านในแล้วรึ? นี่พวกเขาได้ของวิเศษแล้วอย่างงั้นรึ?
ทิศเหนือ ทันใดนั้นก็มีคนมากมายกว่าห้าสิบคน ที่สวมชุดบัณฑิต.
เป็นกลุ่มของนิกายหงหรู ได้เคลื่อนไหวในทันทีเช่นกัน.
เหล่าศิษย์ของนิกายหงหรูที่เริ่มลงมือแล้วทำให้กลายเป็นตัวจุดชนวนให้กับเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ เหล่าผู้ฝึกตนมากมายเริ่มกระจายออกไปรอบ ๆ รวมทั้งอ๋องพันปิศาจ หลันเติ้งและหมี่เหล่ยด้วย.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่ต่างก็พลุ่งพล่าน พุ่งตรงไปยังเทือกเขาเซิ่งซือ.
"ตูมมมม!"
คนในชุดดำเป็นคนแรกที่ลงมือเขาได้ทิ้งระเบิดเข้าไปในค่ายกล.
เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฎปราณกระบี่มากมายที่โจมตีออกมาจากภายในค่ายกล.
จากนั้น เหล่าผู้ฝึกตนมากมายต่างก็นำของวิเศษออกมา พร้อมกับเริ่มโจมตีออกไปพร้อม ๆ กัน.
"ตูมมม~~~~~~~~~~~!”
รอบ ๆ ค่ายกลนั้นมีเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นระยะ ๆ ทว่าค่ายกลกระบี่สังหารเซียนของซานั้นแข็งแกร่งมาก ไม่มีแม้แต่ร่องรอยเลยแม้แต่น้อย.
ทว่าขณะที่เหล่าผู้ฝึกตนมากมายกำลังโจมตีออกไปไม่หยุดนั้น ทันใดนั้นก็มีคนหยุด.
หลังจากนั้นก็ส่งผลต่อคนอื่น ๆ ไปในทันที ทำให้ทุกคนหยุดลงในทันที ก่อนที่จะจ้องมองไปยังทิศ ๆ ทางหนึ่งพร้อม ๆ กัน.
ภายในหุบเขาดังกล่าวนั้น กลุ่มของจงซานที่ยืนอยู่ที่ตรงนั้น จดจ้องมองพวกเขาที่เข้าโจมตี ค่ายกลกระบี่สังหารเซียน! ด้วยท่าทางสบาย ๆ ไร้ซึ่งความกังวล.
"ไม่ใช่ว่าจงซานเข้าไปในเทือกเขาเซิ่งซือก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึ?"เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่กลายเป็นงงงวย.
จากนั้นผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็พูดไม่ออกราวกับตระหนักอะไรบางอย่างได้.
หลาย ๆ คนที่เริ่มต่อว่าต่อขานในใจ จงซานที่จงใจให้พวกเขารับรู้ว่าตัวเองเข้าไปด้าน ล่อล่วงให้พวกเขาร้อนรนทะลวงค่ายกล หลังจากที่ทุกคนทำลายค่ายกลแล้ว เขาก็จะเป็นเหมือนกับชาวประมงที่คอยฉวยผลประโยชน์.
กับท่าทางนิ่งสบายใจของจงซานทำให้ทุกคนกระจายออกไปหยุดเร่งรีบทะลวงค่ายกลในทันที.
หลาย ๆ คนที่จ้องมองอย่างชั่วร้ายไปยังจงซาน.
"ไป!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
จงซานไม่สนใจสายตาของทุกคน ก่อนที่จะก้าวนำคนทั้งสามจากไปในทันที.
"ไม่ใช่ว่าจงซานต้องการเข้าไปในเทือกเขาเซิ่งซืออย่างงั้นรึ?"เหล่าผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวกลายเป็นงงงวย.
ความจริงแล้วจงซานไม่ได้จากไปที่แท้จริง เขาที่หาสถานที่ซ่อนตัว แม้นว่ามันจะเป็นอะไรง่าย ๆ ทว่าจำเป็นต้องให้เหล่าผู้ฝึกตนมากมายเห็นพวกเขาว่าได้จากไปแล้ว.
เมื่อจงซานหายไปลับตาแล้ว เหล่าผู้ฝึกตนก็ไม่สนใจอีกต่อไป ทว่าตอนนี้สิ่งที่พวกเขาสนใจที่สุดก็คือของวิเศษในเทือกเขาเซิ่งซือ.
จงซานและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสามคนที่ คนห้าเทือกเขาที่มีปากทึบ หลบให้พ้นกับสายตาทุกคน.
"เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรากลับไปกันได้แล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไปในเทือกเขาเซิ่งซือ!"จงซานที่เอ่ยออกมาในทันที.
"ทำไมก่อนหน้านี้เซิ่งหวังไม่เข้าไปอย่างงั้นรึ?"โหลวซิงเฉินที่แสดงท่าทางสงสัย.
"ก่อนหน้านี้นะรึ? ก่อนหน้านี้มีสายตาคนมากมายที่จับจ้องและต้องการเข้าไปในตำหนักไป่โหยว ซึ่งแตกต่างกับการที่พวกเราลอบเข้าไปเงียบ ๆ ด้านใน นอกจากนี้ เจ้าลองคิดดู หากว่าเราได้สิ่งของอะไรของซาออกมา สิ่งดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นที่จับจ้องมองของคนทั่วหล้า แล้วคิดว่าพวกเราจะหนีออกจากทวีปซือต้าปู่ได้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"โหลวซิงเฉินที่พยักหน้าเข้าใจ.
สิ่งสำคัญที่สุดไม่เพียงแค่ปัดป้องเหล่าผู้ฝึกตนมากมาย ยังหมายถึงซาและกงจื่อด้วย.
การที่ถูกจับตาจากปราชญ์เทพ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าใดนัก.
คนทั้งสี่ที่หายไปจากสายตาผู้คน ได้แยกออกเป็นสองกลุ่มบินตรงไปยังเทือกเขาเซิ่งซือ.
ในเวลานี้มีคนมากมายที่กำลังทะลวงเข้าไปภายในเทือกเขาเซิ่งซือ ทำให้ไม่มีใครสนใจกลุ่มจงซาน ซึ่งเวลานี้ได้ปลอมตัวปกปิดเข้าไปด้านในกลุ่มพวกเขาแล้ว.
จากนั้นไม่นาน คนทั้งสี่ที่ปลอมตัวเขามาได้มาหยุดที่เชิงเขาเซิ่งซือ.
พื้นที่รอบ ๆ เทือกเขาเซิ่งซือในเวลานี้มีผู้ฝึกตนมากมายที่กำลังโจมตีไปยังค่ายกลไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าค่ายกลเองก็โจมตีกลับออกมาด้วยนับว่าอยู่ในสภาวะอันตรายทีเดียว
กลุ่มของจงซานนั้นได้ใช้ปราณกระบี่คลุมร่างพร้อมกับทะลวงเข้าไปด้านใน.
หลังจากผ่านไปหนึ่งหนึ่งก้านธูป.
แปดหางสวรรค์ที่สร้างคลื่นกระบี่สังหารเซียนออกมาคลุมกลุ่มของพวกเขาเอาไว้ ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปด้านในหุบเขาได้.
ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวใด ๆ ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนไม่เข้าโจมตีแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ ราวกับยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล.
เซียนเซิงซือและอีกสองคนที่จ้องมองเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอกที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายเข้ามาด้วยใบหน้าแปลกประหลาด พวกเขาเข้ามาได้ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมาก.
"เซิ่งหวัง พวกเราเข้ามาแล้ว ภายในตำหนักไป่โหยวต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่!"โหลวซิงเฉินที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"ไม่!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมาในทันที.
"หืม?"
"พวกเราจะอยู่ตรงนี้ไม่เข้าไปข้างใน ไม่แม้แต่ใช้สัมผัสเทวะ เซียนเซิงซือส่งเจียงซือหลบหนีระดับต้นออกไป ตรวจสอบด้านใน!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"เซียนเซิงซือที่นำเจียงซือออกมาในทันที.
เจียงซือหลบหนี ที่พุ่งตรงไปยังตำหนักไป่โหยว.
ทำไมจงซานไม่ยินดีเข้าไปด้านใน! เพราะว่าจงซานยังจำได้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักดวงดาวในอดีต.
บนตำหนักดวงดาวนั้น นวีหวาได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้เผ่าจิ้งจอก.
ภาพฉายที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ต่อหน้าปราชญ์เทพโม่จื่อ ภาพของไท่ซ่างที่ผ่านมานานหลายแสนปีได้ถูกทิ้งเอาไว้ เหล่าปราชญ์เทพที่สามารถสัมผัสและบอกได้ ซาเองก็ควรจะเหมือนกัน?หากเขาสามารถรับรู้ได้ เมื่อจงซานเข้าไปในตำหนัก แน่นอนซาเองก็ต้องรู้.
หลังจากนี้ก็ต้องรอคอยให้ซาไล่ล่าเขาอย่างแน่นอน!
เซียนเซิงซือที่นำบอลผลึกออกมา!
เป็นอุปกรณ์ฉายภาพที่เจียงซือมองเห็น.
ตำหนักไป่โหยว?
ซาไม่ได้วางข่ายอาคมเอาไว้อีก คาดไม่ถึงเลยว่าเจียงซือจะสามารถเข้าไปด้านในตรง ๆ ได้เลย ขณะที่เจียงซือจ้องมองไปรอบ ๆ .
ตำหนักไป่โหยวนั้นกว้างมาก กว้างยิ่งกว่าตำหนักซ่างเฉินอีกหลายเท่านั้น ที่ทิศเหนือนั้นเป็นลานยกตัวสูง ดูเหมือนว่าจะมีบัลลังก์ของอดีตปราชญ์เทพเคยอยู่ที่นี่ ที่ด้านล่างเองก็มีแท่นเป็นแถวสองแถวให้ยืนประจำตำแหน่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งจุดยืนของเหล่าศิษย์ในนิกาย.
ที่ทิศตะวันออกของตำหนักไป่โหยวนั้น จงซานสามารถมองเห็นสิ่งที่กงจื่อต้องการ สิ่งของชิ้นนี้อยู่ในม่านอาคมรูปดวงตา.
และด้านในนั้นมีป้ายหยกที่มีความสูงสิบจั้ง ป้ายหยกที่มีส่วนหนึ่งจมลงไปบนพื้น โผล่ขึ้นมาด้านบนเพียงสิบจั้งเท่านั้นเอง.
เป็นหยกที่ดูประณีตเรียบรื่นและยังส่องประกายแสงสิบสองสีออกมา.
ทว่าหาใช่เรื่องน่าสนใจไม่ สิ่งสำคัญที่สุดนั้นคือ มันมีอักขระโบราณสองตัวสลักอยู่.
--------
เจาหัว~~ ~~
--------
เซียนเซิงซือและคนอื่นที่จดจ้องมองถึงกับทำได้ยินเสียงหัวใจเต้น จ้องมองหน้ากันและกันก่อนที่จะจ้องมองมายังจงซานในที่สุด.
"ป้ายหยกเจาหัว มันคือป้ายหยกเจาหัว?"เซียนเซิงซือที่เผยท่าทางตื่นเตินดีใจ.
"ของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของบรรพชนหงจวิน ป้ายหยกเจาหัว มันคือป้ายหยกเจาหัวจริง ๆ ?"โหลวซิงเฉินที่เผยท่าทางดีใจ.
"ไม่สงสัยเลยว่ากงจื่อต้องการมัน!"หนานกงเซิงที่เผยท่าทางตื่นเต้นด้วยเช่นกัน.
ป้ายหยกเจาหัว? ชื่อนี้จงซานจะไม่เคยได้ยินได้อย่างไร? ในอดีตมีปราชญ์เทพเก้าคน บรรพชนหงจวินคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด และของวิเศษของบรรพชนหงจวิน ก็คือป้ายหยกเจาหัว ซึ่งภายในนั้นมีเคล็ดวิชาสวรรค์บันทึกเอาไว้อยู่ แน่นอนว่ามันคือ ของล้ำค่าและเป็นสมบัติอันดับหนึ่งของโลกใบนี้!
ของวิเศษลำดับหนึ่งในใต้หล้า.
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทุกคนต่างหมายปอง แม้แต่ปราชญ์เทพเองก็ต้องการมันเช่นเดียวกัน!
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้ ของวิเศษอันดับหนึ่งในใต้หล้าอยู่ต่อหน้าแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องคว้ามันมาให้ได้หรอกรึ?
ถึงจะเป็นจงซาน ในเวลานี้ยังหัวใจเต้นไปมาเช่นกัน.
"เซิ่งหวัง ข้าจะให้เจียงซือนำมันมา!"เซียนเซิงซือเอ่ยออกมาในทันที.
"ช้าก่อน!"จงซานที่กล่าวขัดในทันที.
แม้นว่าจะทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทว่าลึกลงภายในใจก็มีเสียงที่ห้ามจงานเอาไว้ ทำให้เขาสงบใจทันที.
จงซานที่สูดหายใจลึก ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าไปมา "ป้ายหยกเจาหัวนี้ พวกเราไม่สามารถใช้กำลังคว้ามันมาได้!"
สมบัติอันดับหนึ่งในใต้หล้า และยังเป็นหายนะอันดับหนึ่งด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจงซานไม่ต้องการ ทว่าจงซานเองก็ยังไม่ต้องการหายนะด้วยเช่นกัน! ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ามันมีตราประทับของซา ติดอยู่เท่านั้น ตราบเท่าที่เกิดการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าจะต้องดึงเหล่าเซียนบรรพชนเข้ามาหาเขาในทันที หรือแม้แต่ปราชญ์เทพก็ตาม มีเหรอที่เขาจะทำอะไรได้? มีแต่ถูกแย่งชิงไปเท่านั้น!
ด้วยคำพูดของจงซาน ทั้งสามคนที่เปลี่ยนมาเป็นสุขุม หลังจากที่สงบใจได้ ทุกคนก็พอจะตระหนักได้เช่นกัน.
"มองหาสิ่งอื่น ป้ายหยกเจาหัวไม่สามารถครอบครองได้ ทว่าน่าจะยังมีสิ่งอื่นของปราชญ์เทพที่ไม่ธรรมดา.
"อืม!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.
เจียงซือที่เริ่มทำการสำรวจ ดูเหมือนว่าภายในตำหนักไป่โหยวนั้นจะว่างเปล่า บางทีกลังจากที่ปราชญ์เทพทงเทียนตกตายไปแล้ว สิ่งของต่าง ๆ ภายในตำหนักก็ถูกขโมยไปหมด.
และแล้วที่มุมแห่งหนึ่ง ทุกคนก็สามารถมองเห็นอะไรบางอย่างได้.
"เป็นโลงศพยักษ์สีม่วง?"หนานกงเซิ่งที่จำได้.
"ใช่ โลงศพม่วงยักษ์ ในอดีตเป็นซาเคยนอนอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นโลงศพของปราชญ์เทพ! ที่ในอดีนนั้นสามารถดูดซับป้องกัน ปราณสวี(习气)ได้ด้วย."เซียนเซิงซือที่ดวงตาเปล่งประกลาย.
"ปราณสวี? เป็นพลังวิเศษที่มีเพียงปราชญ์เทพสามารถครอบครองได้?"โหลวซิงเฉินที่ตกใจเล็กน้อย.
"อืม!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.
ในเวลานี้ดูเหมือนภายในตำหนักไป่โหยวที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ จะมีสมบัติล้ำค่าเพียงสองสิ่ง คือโลงศพยักษ์สีม่วงและป้ายหยกเจาหัว.
"เซิ่งหวัง ข้าขอนำโลงศพยักษ์นี้ไปได้หรือไม่? สิ่งดังกล่าวนี้สำคัญต่อข้ามาก!"เซียนเซิงซือที่จ้องมองมายังจงซาน.
"ป้ายหยกเจาหัวนั้นไม่สามารถครอบครองได้ ไม่ใช่ว่าสมบัติตอนนี้มีเพียงแค่โลงศพม่วงยักษ์รึ? นำมันไป หลอมประสานมันให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็ต้องลบตราประทับของซาออกไป! อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับซาในเวลาอันสั้นนี้ แน่นอนว่าเขายังคงวุ่นวายเกี่ยวกับป้องกันป้ายหยกเจาหัวอยู่แน่นอน."จงซานที่กล่าวยืนยัน.
"ขอบคุณเซิ่งหวัง โปรดวางใจที่ใจกลางของทวีปซือต้าปู่นั้นมีเส้นทางไปยังภพหยิน ด้านล่างเส้นทางน้ำพุเหลืองนั้น ข้าสามารถยืมใช้งานบ่อโลหิตปิศาจวิญญาณลบตราประทับนี้ออกได้!"เซียนเซิงที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย.