ตอนที่แล้วChapter 989 รวมอาณาเขตเฟิงจงเป็นหนึ่งเดียว.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 991 พลังของคันศรเสวียนหยวน.

Chapter 990 กงจื่อ ปะทะ ซา


35 ปีหลังจากนั้น.

ด้วยการเดินทางตลอด 35 ปีท้ายที่สุดก็มาถึงทวีปซือต้าปู่.

สี่คน จงซาน หนานกงเซิ่ง เซียนเซิงซือและโหลวซิงเฉิน พวกเขาที่เปลี่ยนเดินทางเป็นสองกลุ่ม กลุ่มของโหลวซิงเฉินที่เป็นเซียนโบราณดังนั้นจึงเดินทางมาถึงก่อนเพื่อรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ .

ที่นี่คืออาณาเขตซือหนิว นับเป็นสถานที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาโห่วเหยี่ยน.

หลังจากแยกกัน 35 ปี ทั้งสี่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง.

บนยอดเขาสูงสุดบนเทือกเขาโห่วเหยี่ยน.

"เซิ่งหวัง เป็นไปตามการคำนวณ!"โหลวซิงเฉินที่แสดงความเคารพต่อจงซาน.

"อืม หลายปีมานี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว!"จงซานกล่าว.

"หาได้รบกวนแต่อย่างใด ตลอดหลายวันมานี้ ข้าได้ทำการตรวจสอบเกือบครบหมดแล้ว."โหลวซิงเฉินที่ส่ายหน้าไปมา.

"ข่าวเกี่ยวกับอาณาเขตซือหนิวนั้น รวบรวมมาเกือบหมดแล้วรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปอีกครั้ง.

"เกือบหมดแล้ว ทว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเกิดขึ้น!"โหลวซิงเฉินที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.

"หืม?"

"บนเทือกเขาทางเหนือทวีปจื่อลู่ ภูเขาเซิ่งซือ เดิมที่มันคือวิหารไป่โหยวของปราชญ์เทพทงเทียน ตอนนี้กลับมามีชีวิตแล้วใช้นามว่า ‘ซา’ ได้ยินมาว่าได้ขัดแย้งกับกงจื่อ แม้แต่ตอนนี้กงจื่อได้ส่งคนออกมาหยั่งเชิง’ซา’ ตอนนี้ไม่รู้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร ได้ยินมาว่ากงจื่อจะลงมือด้วยตัวเองเร็ว ๆ นี้!"โหลวซิงเฉินกล่าว.

"กงจื่อปะทะซาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ปราชญ์เทพ กับอดีตปราชญ์เทพ ดูเหมือนว่าจะน่าสนใจ!"เซียนเซิงซือที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมา.

"กับการต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเขาต้องต่อสู้กัน!"หนานกงเซิ่งที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.

"ทว่าในเวลานี้มีผู้ฝึกตนมากมายที่เดินทางไปยังทวีปจื่อลู่."โหลวซิงเฉินที่กล่าว.

"งานวันเกิดหยิงเองก็ยังไม่ถึง พวกเราควรจะไปดูสักหน่อย!"จงซานที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.

"ครับ!"ทุกคนที่รับคำ.

ขณะที่ทุกคนกำลังจะบินจากไป ทว่าในเวลานั้น จากด้านล่างภูเขาก็ปรากฎเสียง ๆ หนึ่งปรากฎขึ้นในทันที.

"เจ้าเป็นใคร?"เสียงตะโกนที่ดังผ่านออกมา.

จงซานที่สงสัยกวาดตามองไปยังเสียงดังกล่าว เป็นปิศาจที่มีหัวเหมือนวัวครึ่งหนึ่ง.

"ส่งคนเข้ามา มีนักฆ่า~~~~~~~~~~~!”

ปิศาจหัววัวที่ตะโกนออกมาเสียงดังจากนั้นก็เร่งรีบออกจากเทือกเขาโห่วเหยี่ยน.

เหล่าปิศาจมากมายที่ถืออาวุธส่งเสียงดังอื้ออึ้งโกลาหลขึ้นมาทันที.

"ไป!"จงซานที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย.

เซียนเซิงซือและคนอื่น ๆ พยักหน้ากรับ เกี่ยวกับความขัดแย้งของเหล่าเผ่าปิศาจ ไม่มีความสำคัญให้พวกเขาจะใส่ใจ.

"ต้องการหนีอย่างงั้นรึ?หนีไปใหน ไม่แม้แต่มองเลยรึ?"ปิศาจหัววัวที่ตะโกนเสียงดัง.

กลุ่มเผ่าปิศาจที่เร่งรีบบินไล่ตามในทันที.

จงซาน โหลวซิงเฉิน หนานกงเซิ่งที่บินนำ โดยมีเซียนเซิงซือรั้งท้าย.

ปิศาจน้อยที่ร้องตะโกนเสียงดัง เซียนเซิงซือที่หันหน้ากลับมาองด้วยสายตาที่เย็นชาสาดส่องออกมา.

สายตาของเซียนเซิงซือเต็มไปด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด ปิศาจน้อยที่สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ ราวกับร่วงหล่นลงไปในขุมนรก เหล่าคนที่บินตามมาก็เช่นกัน ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปอีกเช่นกัน.

ปิศาจน้อยกว่าจะได้สติ คนทั้งสี่ก็บินจากไปไม่เห็นแม้แต่เงา.

เหล่าคนอื่น ๆ เช่นกันที่เริ่มหายใจหอบ ได้สติกลับมา.

"ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น หมายความว่าอย่างไร?"ปิศาจน้อยที่เผยท่าทางหวาดกลัวออกมา.

"ต้องเร่งรีบกลับไปรายงานท่านอ๋องแล้ว กลุ่มคนลึกลับได้มาเยือนเทือกเขาโห่วเหยี่ยนอย่างลึกลับ!"ปิศาจน้อยหัววัวที่เร่งรีบกล่าวออกมาในทันที.

"ทว่าใต้อ๋องบอกว่าต้องการหาความบันเทิงให้กับใต้อ่องซุนเฉินที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้......?"

"ซุนเฉิน?"

"เป็นซุนเฉิน ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาตกตายไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีชีวิต นอกจากนี้ดูเหมือนเขาจะมีพลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอีก แม้แต่ใต้อ๋องก็ไม่ใช่คู่มือเขาแล้ว."

"ซุนเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก ข้าเห็นใต้อ๋องเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเขา เลยต้องการหาความเพลิดเพลินให้เขา พวกเราเร่งรีบกลับไปรายงานเถอะ!"ปิศาจหัววัวเร่งรีบกล่าวออกมา.

"อืม!"เหล่าปิศาจที่พยักหน้ารับเห็นด้วย.

----------------------------------------

ทวีปจูลู่ภาคเหนือ เทือกเขาเซิ่งซือ.

เทือกเขาดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่มาก ท้องฟ้ามืดครึ้ม มืดไปหมด มองไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ  กล่าวได้ว่าสายฟ้ามากมายส่องประกายแสงแปบ ๆ .

แต่ว่า ปราณทมิฬมากมายที่กระจายไปทั่วอากาศนี้ เต็มไปด้วยปราณศพที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่ กลางอากาศ ทำให้พื้นที่รอบ ๆ มืดครึ้มนั่นเอง.

เป็นปราณศพที่แปลกประหลาดมาก สัมผัสเทวะไม่สามารถตรวจสอบได้ การจะตรวจสอบด้านในเกิดอะไรขึ้นนั้น มีแต่ต้องเข้าไปด้วยตัวเอง ฟังเหมือนง่าย ทว่าไม่ได้ง่ายเลยแม้แต่น้อย.

สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบ ๆ  น้อยนักที่จะอยู่รอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าไปล้วนตกตาย ไม่เว้นแม้แต่มหาเซียนบางคน.

กงจื่อต่อสู้กับซา!

ก่อนหน้านี้มีคนกระจายข่าวไปทั่ว ดังนั้นรอบ ๆ เทือกเขาเซิ่งซือในเวลานี้จึงมีผู้ฝึกตนมากมายเดินทางมา.

เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่มานั้นยังไม่เห็นสิ่งใดเลย หากว่าได้เห็นการต่อสู้ของปราชญ์เทพ ก็นับได้ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก.

สองเดือนหลังจากนั้น กลุ่มของจงซานก็ได้มาปรากฎขึ้นที่ข้าง ๆ เทือกเขาเซิ่งซือ.

พวกเขาที่ยึดหุบเขาแห่งหนึ่ง หนานกงเซิ่งที่สร้างค่ายกล ไม่มีใครสามารถเข้ามาใกล้ได้ ตอนนี้พวกเขาที่รอคอยมาตลอดสองเดือน.

สองเดือนมานี้ จงซานที่จับตัวเหล่าผู้ฝึกตนที่ผ่านมา เพื่อสอบถามเรื่องราวสถานการณ์ต่าง ๆ ของทวีปซือตาปู่.

"ตูมมมม!"

ในวันหนึ่ง ขณะที่กลุ่มของจงซานรอคอยอยู่นั้น ทันใดนั้น บนท้องฟ้าก็เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.

ลำแสงที่หนักหน่วงรุนแรงร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า ลำแสงขนาดมหึมาปรากฎขึ้น เสียงของสายฟ้าที่ดังกระหึ่มเป็นระยะ ๆ .

"เริ่มแล้ว กงจื่อท้ายที่สุดก็ลงมือ!"แววตาของโหลวซิงเฉินที่ส่องประกายแสงวับวาว.

"ฟิ้ว!"

คนทั้งสี่ที่ออกมาจากหุบเขาในทันที ก่อนที่จะมายืนอยู่บนยอดเขาสูง.

สถานที่แห่งนี้ นับว่าอยู่ไกลออกไปจากเทือกเขาเซิ่งซือ ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะทุกคนรับรู้ว่าการต่อสู้ของปราชญ์เทพนั้นรุนแรงเท่าใด การเข้าไปยืนใกล้ ๆ ก็ไม่ต่างจากการแส่หาความตาย.

จงซานที่ก้าวออกมานั้น สามารถมองเห็นที่ขอบฟ้าไกล.

ลำแสงสีขาวขนาดใหญ่ มองเห็นราวกับเป็นทางช้างเผือกกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทว่าที่ด้านล่างก็มีปราณศพที่หนักหน่วงรุนแรงกำลังผลักลำแสงดังกล่าวให้กระเด็นแม้แต่สลายกลายเป็นฝุ่น.

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าปราณศพที่รุนแรงเองก็พวยพุ่งเข้าปะทะแสงสีขาวด้วยเช่นกัน.

"ปราชญ์เทพหงหรู นั่นคือปราชญ์เทพหงหรู!"ที่ไกลออกไปไม่รู้ว่าเป็นใครที่ร้องออกมาเสียงดัง.

เป็นความจริง ภายในแสงสีขาวมากมายบนท้องฟ้านั้น มีชายในชุดสีขาวกำลังลอยอยู่ รูปร่างเหมือนกับบัณฑิต ดูเหมือนปุถุชนที่มีอายุ 40-50 ปี ใบหน้าไม่สามารถมองเห็นได้ อย่างไรก็ตามแรงกดดันที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงมาก หนักหน่วงจนทำให้หลาย ๆ คนแทบหมอบคลานลงกับพื้น.

"ปราชญ์เทพ!"โหลวซิงเฉินเอ่ย.

กลิ่นอายนี้เขาเคยสัมผัสมาก่อน เมื่อครั้งอยู่ที่ภพหยิน มีเพียงปราชญ์เทพเท่านั้นที่มีกลิ่นอายเช่นนี้.

กงจื่อ?

จงซานที่จ้องมองอย่างจริงจังไปบนอากาศ.

แสงสีขาวที่เข้าปะทะกับปราณศพ ทุก ๆ คนที่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเหนือกว่า ทว่าดูเหมือนปราณศพจะจางลง ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นอะไรบางอย่างบนภูเขาได้.

บนภูเขานั้นมีตำหนักสีเขียวขนาดใหญ่.

ที่ด้านหน้าตำหนักนั้น มีชายในชุดสีดำยืนอยู่อย่างอหังการ.

เหมือนกันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่จ้องมองไปยังเขานั้น จิตใจของพวกเขาถึงกับสั่นสะท้าน.

ชายคนดังกล่าวยืนไขว้แขนอยู่ด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สบตากับกงจื่อ.

เผชิญหน้ากับปราชญ์เทพ ชายคนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยอย่างงั้นรึ?

ซา?

ภายในใจของทุกคนที่ได้แต่คาดเดาไปต่าง ๆ นานา  ชายผู้นี้คือซาจริง ๆ รึ?

ซาที่จ้องมองไปยังกงจื่อ มือขวาของเขาที่ยื่นออกไป ฝ่ามือของเขาที่ราวกับคว้าจับ.

"ตูมมมม!"

สายฟ้ามากมายที่แตกกระจาย เทือกเขาที่พังทลายลงในทันที แม้แต่ศิลาที่ใหญ่ยักษ์ยังแตกออกมา.

ทีละนิด ๆ  ทุกคนสามารถมองเห็นได้ หลังจากที่เทือกเขาดังกล่าวพังทลาย ก็เผยให้เห็นกระบี่ยาวสีเขียว.

กระบี่ยาวที่มีความยาวร้อยจั้ง ทั้งด้ามและใบกระบี่เป็นสีเขียวทั้งหมด กลิ่นอายที่รุนแรงกำลังแผ่ออกมา ปราณสีเขียวที่มากมายนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า.

"กระบี่ชิงปิง ซาแท้จริงแล้วก็คือปราชญ์เทพทงเทียนนั่นเอง!"คนผู้หนึ่งที่อยู่ไกลออกไปอุทานออกมาเสียงดัง.

จงซานที่ลอบมอง ซา จงซานที่ดวงตาหรี่เล็กลง แววตาของเขาไม่แน่ใจว่านี่คือศพของปราชญ์เทพทงเทียน จริงหรือไม่ ทว่าก็มีบางอย่างที่น่าสงสัย กระบี่ชิงปิง กลับเป็นกระบี่เล่มที่ห้า ทั้งที่ในอดีตปราชญ์เทพทงเทียนใช้ชุดกระบี่สังหารเซียนสี่เล่ม และไม่เคยใส่ใจกระบี่ชิงปิงเลยแม้แต่น้อย.

เขาคือทงเทียนจริงรึ?

กระบี่ชิงปิงขนาดร้อยจั้งเปลี่ยนเป็นลำแสงสีเขียวลดขนาดพุ่งตรงไปยังอยู่ในมือของซา.

ซาจ้องมองกงจื่อ กงจื่อจ้องมองซา.

ปราชญ์เทพใหม่และอดีตปราชญ์เทพเข้าประจันหน้ากัน.

หลังจากนั้น ซาที่จ้องมองไปยังตำหนักไป่โหยวชั่วขณะ ก่อนที่จะหันกลับไปมองท้องฟ้า.

กระบี่ชิงปิงในมือถูกชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที.

"ตูมม~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

ริ้วแสงสีเขียวที่ตัดผ่านท้องฟ้าพุ่งตรงไปหากงจื่อ.

ปราณสีขาวที่พุ่งตัดผ่านอากาศนั้นทรงพลังมาก ทุกพื้นทีที่มันผ่าน อากาศจะถูกฉีกเป็นรอย ปรากฎเป็นหลุมดำขนาดเล็กขึ้น.

คลื่นอากาศที่หนักหน่วงรุนแรงนี้ เกิดจากริ้วแสงสีเขียวของกระบี่ชิงปิงอย่างงั้นรึ?

การโจมตีที่รุนแรงของซา.

ทำให้ปฐพีสะท้านสวรรค์สะเทือน พุ่งตรงไปยังกงจื่อ.

บางทีกงจื่อคงมองเห็นเจตจำนงของซา ร่างกายของเขาที่หายไปอย่างรวดเร็ว.

เห็นเป็นริ้วแสงหลบไปยังพื้นที่ไกลออกไป.

ซาที่มองไปรอบ ๆ  สะบัดกระบี่ชิงปิง พร้อมกับมืออีกข้างทำมุทรา.

พื้นที่รอบ ๆ ปรากฎเป็นปราณศพมากมายพวยพุ่งขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะปรากฎเป็นปราณทมิฬรูปร่างดาบขึ้นที่ทิศตะวันออก ใต้ ตะวันตกและทิศเหนือทั้งสี่ทิศ.

จากนั้นซาและกระบี่ชิงปิงก็หายไป.

"ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ดวงตาหดเกร็ง.

ดูเหมือนว่าจะเป็นวิชาลับของซา ที่สามารถใช้ปราณศพสร้างกระบี่ขึ้นมา พร้อมกับใช้ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนได้อย่างงั้นรึ?

ปราณทมิฬด้วยวิชาลับของปราชญ์เทพ ที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพด้านในได้อีกครั้งแล้ว.

"เซิ่งหวัง ก่อนหน้านี้......!"โหลวซิงเฉินที่จ้องมองไปยังรอบ ๆ ด้วยท่าทางตื่นตระหนก.

โหลวซิงเฉินที่ชี้ไปยังท้องฟ้าและกล่าวออกมา "ดวงดาวที่ตำแหน่งนั้น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันมีขนาดใหญ่มาก ทว่าตอนนี้ไม่มีแล้ว.

"ริ้วแสงปราณกระบี่ที่ซาปล่อยไปก่อนหน้านี้อย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิ่งที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางตื่นตะหนก.

"เพียงแค่ปราณกระบี่ กับสามารถสะบั้นดวงดาราได้! ร้ายกาจยิ่งนัก!"เซียนเซิงซือกล่าวพลางถอนหายใจ.

"ไม่ พวกเจ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า!"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

ที่บนท้องฟ้านั้น ดูเหมือนว่าจะมีดวงดาวสองดวงที่ขยับไปมา หนึ่งสีเขียวหนึ่งสีขาว ที่เคลื่อนที่ปะทะกันและหายผลุบ ๆ โผล่ ก่อนที่ดวงดาวที่อยู่รอบ ๆ จะพังทลาย สลายไป!

"แสงบนท้องนั่น เป็นกงจื่อและซา? พวกเขาสู้กันบนอวกาศ!"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

จงซานที่จ้องมองไปยังรอบ ๆ  เวลานี้มีผู้ฝึกตนมากมายที่รวมตัวกันอยู่ กำลังเผยใบหน้าหวาดผวาไม่อยากเชื่อ คาดไม่ถึงเลยว่านี่คือการต่อสู้ของปราชญ์เทพรึ? พลังทำลายที่สั่นเทือนสวรรค์ พวกเขาก่อนหน้านี้ช่างไร้เดียงสานัก เพียงแค่สังเกตรึ? คิดว่าตัวเองอยู่ไกลแล้ว แท้จริงนั้นหากพวกเขาต่อสู้กันที่นี่ พวกเขาคงตกตายไปในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย.

ส่วนจงซานในเวลานี้จ้องมองไปยังเทือกเขาเซิ่งซือ.

แววตาของจงซานที่เผยท่าทางจริงจังออกมา.

เพราะว่าจงซานจำได้ ก่อนที่ซาจะบินออกไป เขาที่จ้องมองเข้าไปในตำหนักไป่โหยว มีสิ่งใดด้านในกัน? ถึงกับต้องทำให้ซาใช้ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนปกป้องพื้นที่แห่งนี้เอาไว้.

อะไรอยู่ในตำหนักไป่โหยว ที่ทำให้ซาระมัดระวัง?

เป็นไปได้ว่ากงจื่อเดินทางเพื่อสิ่งนี้รึไม่?

จงซานที่จ้องมองไปยังรอบ ทันใดนั้นก็พบกับผู้ฝึกตนบางคนที่ราวกับว่าตระหนักเรื่องดังกล่าวนี้ได้เช่นกัน.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด