Chapter 987 ความแข็งแกร่งของเทียนเสิ่นจื่อ.
เทียนเสิ่นจื่อที่ก้าวออกมาจากตำหนักบนเทือกเขาเทียนเซี่ย ใบหน้าที่เผยท่าทางขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่ถูกปลุกขึ้นมา.
ทว่าหลังจากที่ตรวจสอบ กวาดตามองพื้นที่รอบ ๆ แล้ว ก็เผยท่าทางประหลาดใจ.
อาวุโสเทียนที่บินมาในทันที.
"บรรพชน!"อาวุโสเทียนที่แสดงความเคารพออกมาในทันที.
เทียนเสิ่นจื่อที่ไม่สนใจอาวุโสเทียน ทว่าจ้องมองไปยังเทพอสูรเซียวจิน! เพราะว่าเทียนเสิ่นจื่อพบว่าเป็นมันที่มารบกวนตัวเองเก็บตัว.
เทพอสูรเซียวจินที่จ้องมองเทียนเสิ่นจื่อด้วยความระมัดระวัง สัญชาตญาณของมันที่รับรู้ถึงสัญญาณอันตรายได้.
"มาถึงโลกใบใหญ่แล้วอย่างงั้นรึ?"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
"ครับ นี่คือโลกใบใหญ่ เซิ่งหวังได้แยกสวรรค์ สะบั้นปฐพี ทว่าเวลานี้มีเซียนบรรพชนมาหาเรื่อง ตอนนี้สู้อยู่บนท้องฟ้า ทว่าเทพอสูรเซียวจินที่มากับเทพบรรพชน พวกเราไม่สามารถรับมือได้!"อาวุโสเทียนที่เอ่ยออกมาในทันที.
"อืม!"เทียนเสิ่นจื่อตอบรับเบา ๆ .
"โฮกกกกก!"เทพอสูรเซียวจินที่คำรามออกมาเสียงดังสนั่น แม้ว่ามันจะสัมผัสได้ถึงอันตราย ทว่ามันก็ยังแสดงท่าทางจริงจัง พร้อมกับเผยท่าทางข่มขู่เทียนเสิ่นจื่อ.
"บรรพชน เทพอสูรเซียวจินนั้นแข็งแกร่งมาก ข้าและคนอื่น ๆ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่แม้แต่ขวางทางมันเอาไว้!"อาวุโสเทียนที่เอ่ยออกมาในทันที.
"ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างงั้นรึ? หลายปีมานี้เจ้าไม่ได้ศึกษาวิชาฮวงจุ้ยที่ข้าถ่ายทอดให้หรอกรึ? ทำไมถึงช่วยไม่ได้?"แววตาของเทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางไม่พอใจนัก.
"ครับ ข้าไม่เข้าใจทั้งหมด และเวลานี้ยังเป็นเทพอสูรเซียวจิน ข้าจึง........!"อาวุโสเทียนที่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธตรง ๆ .
"เทพอสูรเซียวจิน? เมื่อครั้งตระกูลเทียนทรงพลัง มันเป็นได้แค่ยามเฝ้าประตูตระกูลเทียนเท่านั้น "แววตาของเทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางเหยียดหยัน.
เป็นเพียงยามเฝ้าประตูอย่างงั้นรึ? อาวุโสเทียนถึงกับตะลึงงัน ก่อนหน้านี้ตระกูลเทียน แข็งแกร่งขนาดใหนกัน?
เทพอสูรเซียวจินที่ได้ยินคำพูดของเทียนเสิ่นจื่อ แววตาที่เผยท่าทางโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง หาว่ามันเป็นเพียงยามเฝ้าประตูอย่างงั้นรึ? ความโกรธของมันที่ปะทุขึ้นมาในทันที.
"โฮกกก~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เทพอสูรเซียวจินปล่อยคลื่นเสียงโจมตีออกมา คลื่นเสียงพุ่งตรงไปยังทิศทางของเทียนเสิ่นจื่อและอาวุโสเทียน พลังอำนาจที่ราวกับบดขยี้ทั้งสองให้สูญสลายไป.
ใบหน้าของอาวุโสเทียนที่เผยท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย ทว่าเทียนเสิ่นจื่อนั้นไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือใส่ใจแม้แต่น้อย.
ห้วงมิติที่สั่นเป็นละลอกคลื่นที่พุ่งตรงมา เทียนเสิ่นจื่อที่ยังคงสุขุมจ้องมองออกไป ห้วงมิติกลับดูบางเบาลงก่อนที่จะค่อย ๆ สลายหายไปอย่างคาดไม่ถึง.
เทพอสูรเซียวจินที่เคลื่อนย้ายอำนาจวิถีสวรรค์แฝงออกมาด้วย คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะหายไปอย่างงั้นรึ?
เทพอสูรเซียวจินที่ไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อยเกิดสิ่งใดขึ้น หลังจากที่มันคำรามลั่น พลังโจมตีเป็นคลื่นเสียงที่รุนแรงพุ่งออกไป และเป็นทักษะเทวะที่แข็งแกร่งของมัน เพียงแค่มองก็สลายหายไปต่อหน้าของเทียนเสิ่นจื่ออย่างงั้นรึ?
ในเวลานี้เทพอสูรเซียวจินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันที มันนึกถึงสัญชาตญาณของมันก่อนหน้าที่เผยถึงความหวาดกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุขึ้นมา.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังเทพอสูรเซียวจิน ในเวลานี้ เทียนเสิ่นจื่อได้ลงมือแล้ว.
ดวงตาของเทียนเสิ่นจื่อปล่อยลำแสงสีแดงออกมา ทันใดนั้นเทพอสูรเซียวจินที่ร้องเจ็บปวดโหยหวนอย่างอนาถขึ้นมาในทันที.
"โฮก~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เสียงร้องที่ขมขื่นเจ็บปวดของเทพอสูรเซียวจินดังก้องไปทั่ว นับตั้งแต่หางของมันเวลานี้เริ่มเปลี่ยนสี เดิมที่เป็นสีมันเงาโลหะ ตอนนี้ได้กลายเป็นสีฝุ่นดิน และเริ่มลามขึ้นไปจนถึงหัวของมัน.
วิชาเนตร สาปศิลา?
ที่ด้านหน้าตำหนักซ่างเฉิน เหล่าขุนนางที่จ้องมองออกไปด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อที่ลงมือ ทว่า แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?
"ครืน~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ทั่วร่างของเทพอสูรเซียวจินเวลานี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวไปทั่วร่าง แววตาของมันที่เผยความหวาดกลัวออกมา ร่างกายที่แข็งแกร่งของมันพังทลาย กลายเป็นศิลาทั้งหมดอย่างคาดไม่ถึง นี้คือการโจมตีอะไรกัน?
เทียนเสิ่นจื่อที่ยื่นมือขวาออกไปช้า ๆ ก่อนที่จะทำราวกับคว้าอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นพลังงานสีน้ำเงินที่อยู่ในร่างของเทพอสูรเซียวจินก็ถูกดึงออกมา ปรากฎขึ้นที่ฝ่ามือของเทียนเสิ่นจื่อ.
หลังจากที่พลังสีน้ำเงินถูกดึงออกมาจากร่างของเทพอสูรเซียวจิน ในเวลานี้มันได้กลายเป็นศิลาทั้งหมดแล้ว ร่างกายของมันที่แตกร้าวก่อนที่จะแตกสลายกลายเป็นกองเศษซาก กลายเป็นกองฝุ่นและถูกลมโบกพัดหายไปในทันที.
"นั่งลงบำเพ็ญ!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าว.
"ครับ!"อาวุโสเทียนที่ไม่กล้าขัดแม้แต่น้อย.
เทียนเสิ่นจื่อที่ปล่อยพลังงานสีน้ำเงินเข้าไปปกคลุมร่างของอาวุโสเทียน พร้อมกับกระตุ้นโคจรพลังดังกล่าวแผ่ลึกเข้าไปในในร่างเพื่อเพิ่มพลังฝึกตนของอาวุโสเทียนในทันที.
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม อาวุโสเทียนที่ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เขาที่ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา พร้อมกับจ้องมองตัวเอง นี่มันคืออะไร?
"วิชาฮวงจุ้ยที่ข้ามอบให้เจ้านั้น หากพลังฝึกตนไม่ถึงก็ไม่สามารถตระหนักได้ เมื่อครู่นี้ข้าได้ใช้วิชาเพิ่มพลังฝึกตนให้เจ้าก้าวไปถึงระดับเซียนโบราณ เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง?"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวถาม.
ที่ไกลออกไป เหล่าขุนนางตาเจิ้งถึงกับงงงัน.
อาวุโสเทียนที่มีระดับเซียนสวรรค์ขั้นปลาย พริบตาเดียวก็ก้าวไปยังระดับเซียนโบราณอย่างงั้นรึ? เรื่องนี้ จริงหรือเท็จ? แล้วคนที่สวมชุดขาดรุ่งริ่ง แข็งแกร่งมากมายขนาดนั้นเลยรึ? เขาเป็นใครมีสถานะอะไรในต้าเจิ้งกัน?
เรื่องนี้ ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ.
เซียนโบราณ นี่มันวิธีอะไรกัน เขตแดนดังกล่าวนี้หลาย ๆ คนที่ได้แต่ฝันตลอดชีวิต อาวุโสเทียนที่ได้รับการช่วยเหลือจากบรรพชนแค่นั้นนะรึ? หลาย ๆ คนที่รู้สึกงงงวย.
"ขอบคุณบรรพชน!"อาวุโสเทียนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"นี่เป็นการเพิ่มพลังฝึกตนจากพลังภายนอก ไม่ใช่ของเจ้าเอง ภายในหนึ่งร้อยปี หากว่าเจ้าไม่สามารถยกระดับไปถึงระดับเซียนโบราณ พลังฝึกตนของเจ้าจะลดลงไปยังระดับมหาเซียน!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเบา ๆ .
ร่วงหล่นมายังระดับมหาเซียนอย่างงั้นรึ? ถึงอย่างงั้นก็ยับนับว่าคุ้มค่า ต้องรู้ด้วยว่าระดับมหาเซียนเองก็ยากที่จะทะลวงผ่านไปถึงขั้นดังกล่าวได้.
"ครับ!"อาวุโสเทียนที่กล่าวตอบรับในทันที.
ทว่าในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครรับรู้ว่ามังกรทองวาสนาอีกตนของต้าเจิ้ง ที่มีขีดบนหน้าผากสีแดงชาดของมันที่ขยับไปมา แสดงท่าทางแปลกประหลาด จดจ้องมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อด้วยความสนใจ.
เทียนเสิ่นจื่อที่ไม่ได้พบความผิดปรกติของมังกรวาสนาที่มีขีดหน้าผากสีชาด แต่อย่างใด.
มังกรทองวาสนาขีดหน้าผากสีชาด จ้องมองพริบตาเดียวเท่านั้น จากนั้นก็กลับสู่สภาพเดิน ล่องลอยไปบนทะเลวาสนา พร้อมกับจ้องมองขึ้นไปบนสนามรบบนอากาศด้วยความโกรธเกรี้ยว.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า!
บนท้องฟ้านั้น ปรากฎริ้วแสงสีทองสว่างจ้าเข้าปะทะกันเป็นระยะ ๆ .
"ตูมมม!"จงซานที่ร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้าเสียงดัง.
เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น การต่อสู้กับจื่อลู่ไม่จำเป็นต้องถามว่าใครได้เปรียบ แปดหางสวรรค์เองก็เช่นกัน ชัดเจนว่าเขาและแปดหางสวรรค์ได้เข้าสู่การต่อสู้ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถรับมือจื่อลู่ได้.
เซียนบรรพชน นับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
วิถีสวรรค์สีขาวบนท้องฟ้ากำลังส่ายไปมา จื่อลู่ที่จับจ้องมองลงมายังสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวอีกครั้ง.
เทพอสูรเซียวจินหายไปแล้ว?
จื่อลู่ที่ทำการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ไม่มี จื่อลู่สัมผัสได้ว่าเทพอสูรเซียวจิงได้ตกตายไปแล้ว! ใคร มีใครในต้าเจิ้งสามารถสังหารเทพอสูรเซียวจินได้อย่างงั้นรึ?
เป็นไปได้อย่างไร เทพอสูรลำดับที่ยี่สิบ เทพอสูรเซียวจิน มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
พริบตานั้น จื่อลู่ก็สามารถมองเห็นเทียนเสิ่นจื่อ.
เทียนเสิ่นจื่อ?
เห็นเทียนเสิ่นจื่อแล้ว จื่อลู่ที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ยากจะอธิบายได้ของเขา คนผู้นี้ที่แม้แต่สามารถยืนอยู่บนวิถีสวรรค์ของเขาได้.
เขาเป็นใคร? แข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ? เป็นคนของต้าเจิ้งรึ?
"ข้าจื่อลู่ ใครขอถามว่ารู้จักข้าหรือไม่!"จื่อลู่ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม.
แม้นว่าใต้สวรรค์แห่งนี้ มีเซียนบรรพชนอยู่ไม่น้อย ทว่าจื่อลู่ก็แทบรู้จักทุกคน ทว่ากลับไม่เคยเห็นคนผู้นี้เลย ทั้งที่ดูแล้วไม่ได้ด้อยกว่ายอดฝีมือที่โดดเด่นในโลกนี้อีกด้วย เขาจื่อลู่ที่นับว่าเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นในโลกนี้เป็นอย่างมาก.
เหตุผลหนึ่งนั้นเขาเป็นเซียนบรรพชน อีกเหตุผลหนึ่งเพราะว่าเขาเป็นศิษย์ของกงจื่อ.
ใต้หล้าแห่งนี้ใครจะไม่รู้จักจื่อลู่กัน?
"ไม่เคยได้ยิน!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเบา ๆ .
ไม่เคยได้ยินอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไร คิดจะดูแคลนข้าอย่างงั้นรึ? ไม่ ท่าทางของเขานั้น เหมือนว่าเขาไม่เคยได้ยินจริง ๆ .
เป็นอสุรกายมาจากใหนกัน? เพิ่งมาจากภพหยินอย่างงั้นรึ? กระนั้นถึงจะเป็นคนจากภพหยินก็ควรจะรู้จักข้า.
ผอมบางหนังหุ้มกระดูก ไม่ต่างจากเผ่าโครงกระดูก ที่หน้าผากที่เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ดูแปลกประหลาดนัก.
ลิขิต หากว่ามันอยู่ด้านนอกจื่อลู่ย่อมจำได้ ทว่าดวงตะวันสีทองที่หน้าผากเทียนเสิ่นจื่อนั้น มันเป็นลิขิตที่แปรรูปแล้ว ซึ่งมันจะมีรูปร่างที่แตกต่างกันไป เทียนเสิ่นจื่อที่ได้หลอมลิขิตเข้ามาในร่าง ซึ่งมันได้ถูกเปลี่ยนไปจนเกือบหมดแล้ว หากหยิงอยู่ที่นี่ย่อมบอกได้ ทว่าจื่อลู่นั้นไม่รู้จัก.
"ไม่รู้จักข้าอย่างงั้นรึ? ไม่สำคัญ เช่นนั้นอาจารย์ของข้า ปราชญ์เทพหงหรู กงจื่อล่ะ!"จื่อลู่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"กงจื่อ?"เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่ากำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่.
จื่อลู่ที่พยักหน้ารับขณะมอง.
"ไม่เห็นเคยได้ยิน!"เทียนเสิ่นจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
จื่อลู่"................!”
เหล่าขุนนางต้าเจิ้งทั้งหมด."..............!”
มีเพียงแค่จงซาน อาวุโสเทียนและคนจากโลกใบเล็กอีกจำนวนหนึ่ง ที่รับรู้ว่าเทียนเสิ่นจื่อนั้นไม่ได้แสร้งทำ เขาไม่รู้จักจริง ๆ .
"คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่รู้จักอาจารย์ข้า?"จื่อลู่ที่รู้สึกไม่ดีนัก.
"สำคัญมากขนาดนั้นเลยรึ?"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
จื่อลู่ " ..........!”
"แต่ว่า เจ้าบังอาจรบกวนการบำเพ็ญของข้า!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จื่อลู่จ้องมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อ ก่อนที่จะนำอะไรบางอย่างออกมา.
"ในเมื่อไม่ได้ยิน ข้าคงจะต้องบอกกับเจ้าเองสินะ!"จื่อลู่ที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
ระหว่างที่กล่าวนั้น จื่อลู่ที่ปล่อยตำราชุนชิวลอยออกไปในทันที.
ตำราชุนชิว! ทว่าตำราชุนชิวเวลานี้ ดูทรงพลังเหนือกว่ากงเหล่ยเทียนและของเหยียนฮุยมาก.
บนตำราเทียนชิว ที่ปรากฎขึ้นที่กลางอากาศ ก่อนที่จะสร้างอักขระขนาดใหญ่ขึ้นมา อักขระที่อาบไปด้วยวิถีสวรรค์แผ่แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังออกมา.
"นี่คือวิถีของนิกายหงหรู ตำราชุนชิวที่ปรากฎขึ้นนี้ ในเมื่อไม่รู้จักก็จงอ่านมันซะ!"จื่อลู่ที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
ระหว่างที่กล่าวนั้น ตำราชุนชิวที่ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว มีขนาดมากกว่าร้อยเท่า กลิ่นอายที่รุนแรงนี้แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง.
"ชุนชิว?"เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ก่อนที่จะโยนไม้เท้าสีม่วงลอยออกไปในทันที.
ไม้เท้าสีม่วงลอยขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับขยายขนาด โผทะยานพุ่งออกไปทะลวงตำราชุนชิวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
ไม้เท้าสีม่วง ไม้เท้าเคลื่อนภูผา!
ใบหน้าของจื่อลู่ที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน ตำราชุนชิวของเขาที่กำลังขยายขนาดนั้นถูกกระแทกจนระเบิดเสียงดังสนั่น.
"ตูมมม~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ปรากฎเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้น ดูดทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ เข้าไป เพราะไม่ได้ใหญ่โตนัก จึงฟื้นฟูกลับคืนอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าของเทียนเสิ่นจื่อที่ลอยกลับคืน ตำราชุนชิวก็ลอยกลับคืนจื่อลู่เช่นกัน.
ไม้เท้าเคลื่อนภูผากลับคืนในสภาพสมบูรณ์ ทว่าตำราชุนชิวนั้น ริ้วไม้ไผ่ตรงกลางหักครึ่งออกมาอย่างคาดไม่ถึง.
ใบหน้าของจื่อลู่ที่จ้องมองเทียนเสิ่นจื่อด้วยความมืดมน! เพราะจื่อลู่สามารถมองเห็นได้ว่า เทียนเสิ่นจื่อยังคงสงบ ไม่ต้องการจะต่อสู้กับเขาด้วยซ้ำ หากเขาลงมือจริง ๆ จื่อลู่ก็ยากจะต้านทาน.
"ขอทราบนามยอดฝีมือ!"จื่อลู่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เจ้าไม่ควรจะมาที่นี่ ไปซะ!"เทียนเซิงจื่อที่ไม่ยินดีที่จะตอบ.
กับท่าทางไม่แยแสของเทียนเสิ่นจื่อ ทำให้จื่อลู่ขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย.
จื่อลู่จ้องมองเทียนเสิ่นจื่อ จ้องมองจงซานด้วยสายตาเย็นชา รับรู้ได้ถึงความแค้น ที่ไม่สามารถชำระได้ ภายในใจที่เผยท่าทางเศร้าใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะถอยกลับไป เขาควรที่จะไปสอบถามอาจารย์ของเขาเกี่ยวกับคนผู้นี้ก่อน.
ส่วนจงซานนั้นแน่นอนเข้าใจความคิดของเทียนเสิ่นจื่อดี ที่เทียนเสิ่นจื่อไม่ต้องการสู้นั้น ไม่ใช่เพราะว่ากลัว ทว่าใส่ใจเกี่ยวกับศพชีวิตทั้ง 17 ใต้เทือกเขาเทียนเซี่ยต่างหาก ด้วยหวั่นเกรงว่าผลกระทบจากการต่อสู้จะส่งผลไปถึงคนอื่น ๆ ด้านในด้วย.