Chapter 984 ซา(สามสิบ)
จ้าวโส่วเซี่ยงที่ปะทะกับนาจา!
เหล่าประชาชนเวลานี้ไม่รู้จักนาจา ไม่รู้ว่านาจาเป็นใคร พวกเขารู้เพียงแค่จ้าวโส่วเซี่ยงกำลังต่อสู้อยู่ เวลานี้มีศัตรูเข้ามารุกราน สายตาของทุกคนที่เผยท่าทางเป็นห่วงจงซาน และหวังว่าเขาจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้.
ปราณหอกที่ดูยิ่งใหญ่ทรงพลังที่นาจาแสดงออกมานั้น หอกเพลิงที่น่าเกรงขาม คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถกำราบจ้าวโส่วเซี่ยงได้?
ที่หน้าผากของเขาเวลานี้ปราณทมิฬที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ นาจาเองก็เริ่มโกรธเกรี้ยวบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยด้วยเช่นกัน แพรไหมสีแดงเข้มที่คล้องคอเขาอยู่ถูกนำมาใช้ ด้วยความโกรธเกรี้ยวร่างกายของเขาที่เปลี่ยนแปลง แขนที่ผุดออกมาจางร่างสองฝั่ง แขนของเขาที่เพิ่มขึ้นมาอีกหกแขน.
สามเศียรแปดกร มือสองข้างถือหอก สองข้างถือแพรไหมแดง สองข้างถือกงล้อเฉียนคุน และอีกสองข้างถืออิฐสีทอง.
กับรูปร่างที่เปลี่ยนไป ทำให้ทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจขึ้นมาในทันที สามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นอสุรกายได้อย่างงั้นรึ?
หลังจากที่นำของวิเศษอีกสามชิ้นมาใช้ ทำให้พลังต่อสู้ของนาจาเพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมาก ด้วยของวิเศษเหล่านี้ ทำให้เขาเหนือกว่าโดยสมบูรณ์.
จ้าวโส่วเซี่ยงยังคงยกหอกค้างเอาไว้ ต่อหน้านาจาสามเศียรแปดกร หอกเพลิงของนาจา พร้อมกับอิฐทองคำ และยังมีกงล้อเฉียนคุน แม้แต่แพรไหมสวรรค์สีแดง.
ของวิเศษแต่ละอย่าง จ้าวโส่วเซี่ยงที่ใช้ทักษะที่แตกต่างกันของปราณหอกโจมตีออกไปเพื่อรับมือ ผ่านไปราว ๆ หนึ่งก้านธูป จ้าวโส่วเซี่ยงที่สามารถรับมือการโจมตีของอีกฝั่งได้ทั้งหมด แม้แต่โจมตีออกไปได้อีกด้วย.
"ในอนาคตเขาจะกลายเป็นเทพนักรบที่มีชื่อเสียง!"จื่อลู่ที่อยู่ไกลออกไปกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
สิ่งที่จื่อลู่เห็นนั้น นาจาเป็นมหาเซียนขั้นปลาย ทว่าจ้าวโส่วเซี่ยงที่เพิ่งทะลวงมาถึงระดับมหาเซียน มีความต่างชั้นเป็นอย่างมาก แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจ้าวโส่วเซี่ยงจะเหนือกว่า? เรื่องนี้จะไม่ทำให้จื่อลู่ประหลาดใจได้อย่างไร?
แม้แต่คนของต้าเจิ้งเวลานี้ต่างก็ปรบมือให้เสียงดัง.
"เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเหนือกว่ากล้าในวิถีหอก หนำซ้ำเจ้ายังเพิ่ง ก้าวมาถึงระดับมหาเซียนเท่านั้น!"นาจาที่อุทานออกมาเสียงดัง.
ในเวลานี้ จ้าวโส่วเซี่ยงที่ต่อสู้อย่างสุขุม.
"สาเหตุเพราะว่าเจ้าไม่ซื่อสัตย์ในวิถีหอกไงล่ะ!"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาขณะพูด.
"ซือสัตย์ต่อวิถีหอก?"นาจาที่หยุด ไม่เข้าใจจ้องมองไปยังจ้าวโส่วเซี่ยง.
"ข้าใช้เพียงแค่หอก เป็นหนึ่งในวิถีที่ใช้ก้าวไปด้านหน้า ทว่าเจ้านั้นกลับมีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วน ของวิเศษที่ร้ายกาจที่แตกต่าง แต่ละอย่างนั้นไม่สามารถหลอมผสานได้ด้วยซ้ำ! ข้านั้นเพิ่งทะลวงมาถึงขอบเขตมหาเซียน แต่เจ้ากับยังเทียบข้าไม่ได้ อย่าได้ต่อสู้ต่ออีกเลย! ยอมแพ้ซะ แล้วข้าจะขอโทษตายกับเซิ่งหวังให้!"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
จ้าวโส่วเซี่ยงนั้นเป็นคนมีความยุติธรรม เพราะว่านาจา ทำให้เขาสามารถตัดผ่านระดับได้ ดังนั้น สำหรับนาจาแล้ว จ้าวโส่วเซี่ยงจึงไม่ต้องการเอาชีวิตเขา.
"ให้ข้ายอมแพ้โดยที่ไม่สู้ เจ้าฝันไปเถอะ! เป็นเจ้าต่างหากที่ไม่มีคุณสมบัติพอจะสู้กับข้า!"นาจาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเวลานี้กลายเป็นสีแดงโดยสมบูรณ์แล้ว.
ที่หน้าผากปราณสีดำที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรง ในเวลานี้นาจาได้กลายเป็นอีกคนแล้ว.
นาจาที่บ้าคลั่งเสียสติพุ่งเข้าหาจ้าวโส่วเซี่ยงอีกครั้ง..
แน่นอนว่าจ้าวโส่วเซี่ยงสามารถที่จะกำราบนาจาได้อีกครั้งเช่นเดิม.
บนใบหน้าของนาจานั้นมีปราณทมิฬที่มากขึ้นและก็มากขึ้น.
ทีละนิด ๆ ปราณทมิฬที่หน้าผากค่อย ๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นตัวอักษร.
"ซา?"เซียนเซิงซือที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ใช่ ซา!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.
ซา.
จงซานที่คิดถึงเรื่องโลกใบเล็ก เกี่ยวกับศพของปราชญ์เทพ ที่โลงศพส่วนหัวของปราชญ์เทพนั้น ปราณทมิฬได้รวมตัวกันเป็นอักษรซึ่งมันเหมือนกันกับที่มาปรากฎขึ้นที่หน้าผากของนาจา ซา?
อักษรซาบนใบหน้าของนาจาเริ่มลามไปทั่วร่าง รอบ ๆ ร่างกายของเขามีปราณทมิฬมากมายปกคลุม.
ทันใดนั้นพลังของนาจาที่เพิ่มขึ้นปะทุระเบิดออกมาในทันที.
พลังที่น่าหวาดกลัวพวยพุ่งไหลบ่าออกมาอย่างรุนแรง จนสามารถกำราบจ้าวโส่วเซี่ยงในทันที จากพ่ายแพ้กลายเป็นชนะ เพียงแค่แรงกดดันก็สามารถกำราบจ้าวโส่วเซี่ยงได้แล้ว.
"อาจารย์อา หมายความว่าอย่างไร?"เซอคงที่สอบถามจื่อลู่ที่อยู่ข้าง ๆ .
"ผนึกอาคมปิศาจ!"ดวงตาของจื่อลู่หรี่เล็กลง.
"ผนึกอาคมปิศาจ?"
"มีใครบางคนวางอาคมปิศาจไว้ในร่างของนาจา ผนึกอาคมปิศาจเป็นพลังอย่างหนึ่ง ทรงพลังมีผลต่อชีวิตของตัวเองและคนอื่น และยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนาจา ทว่าอาคมปิศาจนี้จะทำการเปลี่ยนนิสัยของคนผู้นั้นไปด้วย เห็นชัดเจนว่านาจาได้เปลี่ยนไป ถูกอาคมปิศาจนั่นควบคุมอยู่."จื่อลู่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
เป็นความจริงนาจาที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะมีพลังเทียบเท่ากับระดับเซียนโบราณแล้ว.
แรงกดดันที่หนักหน่วง ใบหน้าของนาจาที่เต็มไปด้วยความยโสโอหัง เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของนาจาเวลานี้ สามารถบอกได้ว่านาจาได้กลายเป็นคนอื่นอย่างสมบูรณ์ บางทีเขาอาจกำลังถูกควบคมอยู่.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"เสียงของนาจาที่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง.
แรงกดดันที่ผลักดันให้จ้าวโส่วเซี่ยงถอยห่างออกมา ทว่า เขาก็ไม่ได้โจมตีออกไปเช่นกัน เพราะว่าจ้าวโส่วเซี่ยงพบว่านาจาเวลานี้เหมือนกับไร้สติสูญเสียเหตุผลไปแล้ว เวลานี้ ดูเหมือนกับเป็นเพียงเครื่องจักรที่กำลังรวบรวมพลังงานจนเพิ่มขึ้นไม่หยุด อาจมีพลังร้อยเท่าหรือแม้แต่พันเท่าด้วยซ้ำ พลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดนี้ ทำให้จ้าวโส่วเซี่ยงชะงักงัน.
"ไท่จื่อสาม ไท่จื่อสามเกิดอะไรขึ้น!"
"อาวุโส อาวุโสโปรดช่วยไท่จื่อสามด้วย ไท่จื่อสามไม่ใช่คนเช่นนั้น ได้โปรด!"
ชายในชุดเกาะสีทองที่หันหน้าไปยังทิศทางของโหลวซิงเฉินอย่างคาดไม่ถึง เพราะเขายืนยันได้อย่างแน่นอนว่านาจานั้นผิดปรกติ.
ผนึกปราณปิศาจระเบิดออกมาอย่างงั้นรึ?
"ลงมือได้!"เสียงของจงซานที่ดังผ่านมาจากสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว.
"วูซซซ!"
เมื่อได้รับคำสั่งจากจงซาน โหลวซิ่งเฉินที่เคลื่อนไหวในทันที เขาที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะปรากฎที่ด้านหน้าของนาจา.
"ผนึกย้อนเวลา!"
ปราณทมิศของนาจาที่กำลังย้อนกลับไปยังหน้าผากของนาจา ร่างสามหัวแปดกรของเขาได้หายไปแล้ว ตอนนี้ได้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม.
พลังก่อนหน้านี้เกิดจากผลึกปิศาจที่ถูกผนึกเอาไว้มากมายมหาศาล จนทำให้นาจาหมดสติไปในทันที.
"อาวุโส ได้โปรดปล่อยไท่จื่อสามเถอะ!"ชายในชุดเกราะสีทองที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.
เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ทวีปซือต้าปู นาจาที่ถูกจับตัว พวกเขาไม่มีความสามารถขัดขืนทำได้เพียงแค่ขอร้องเท่านั้น.
ทว่าโหลวซิงเฉินและจ้าวโส่วเซี่ยงกับนำร่างของนาจาบินตรงไปยังตำหนักซ่างเฉิน.
เหล่ากองทหารผู้ติดตามพวกเขาที่บินตรงไปยังประตูสวรรค์ทิศใต้ ซึ่งได้ถูกยึดของวิเศษและผนึกพลังฝึกตนพร้อมกับนำตัวไปยังที่ลานตำหนักซ่างเฉินเช่นกัน.
ภายในลานของตำหนักซ่างเฉิน นาจาที่หมดสติต่อหน้าทุกคน เซียนเซิงซือที่ทำการตรวจสอบร่างของเขา.
ผนึกที่ทะลวงออกมา ทว่าปราณทมิฬถูกโหลวซิงเฉินใช้ทักษะย้อนเวลาให้มันกลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมอีกครั้ง บนร่างของนาจาเวลานี้มีอักขระซา ปรากฎขึ้น.
"เซิ่งหวังจง ข้าและคนอื่นได้กระทำความผิดร้ายแรง ขอได้โปรดช่วยเหลือไท่จื่อสามด้วย!"ชายในชุดเกาะสีทองที่คุกเข่าให้กับจงซานในทันที.
"แล้วพวกเจ้าเดินทางมาที่นี่ทำไม?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
เหล่าทหารที่ได้แต่เงียบ จะให้กล่าวอย่างงั้นรึ? ขณะที่จ้องมองจงซาน ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องพูดออกมาอย่างงั้นรึ?
ชายในชุดเกาะสีทองดูเหมือนว่าจะเป็นคนสนิทที่สุดของนางจาที่กล่าวออกมาในทันที."เซิ่งหวังจง ข้าและคนอื่น ๆ ไม่ดีเอง ไท่จื่อสามนั้นเดินทางมาเพื่อแก้แค้นให้กับอาจารย์ ทว่าไท่จื่อสามนั้นอยู่ในช่วงผิดปรกติ บางทีอาจจะถูกควบคุมอยู่ก็ได้ เพราะไท่จื่อสามหากต้องการออกมาจากทวีปซือตาปู่นั้น จะต้องรายงานราชันย์เทพหยก แต่ครั้งนี้ไม่ได้ทำ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะปราณทมิฬนั่นแน่นอน! ขอให้เซิ่งหวังเมตตา ช่วยเหลือไท่จื่อสามด้วย!"
พวกเขาทุกคนที่เห็นโหลวซิงเฉินสามารถระงับปราณทมิฬได้ด้วยตาตัวเอง ดังนั้นจึงได้ร้องขอความเมตตาจากจงซาน.
ทว่าอย่างแรก คงต้องขออภัยกับเรื่องที่พวกเขาได้ล่วงเกินก่อน.
"กงจูแปด ใช่แล้วกงจูแปด พวกเราได้ยินว่าเซิ่งหวังจงและกงจูแปดเป็นสหายที่ดีต่อกัน ตลอดร้อยปีที่ผ่านมาไท่จื่อสามได้ช่วยเหลือกงจูแปดหลายอย่าง เห็นแก่หน้ากงจูแปด ได้โปรดช่วยเหลือไท่จื่อสามด้วย!"ทหารคนหนึ่งที่เอ่ยออกมา.
"กงจูแปด?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ได้ยินมาว่ากงจูเห่าเม่ยลี่ได้เดินทางมาจากอาณาเขตเฟิงจง เป็นนางนั่นเอง!"คนผู้หนึ่งที่เร่งรีบกล่าวออกมาในทันที.
เซียนเซิงซือที่ทำการตรวจร่างกายของนาจา ก่อนที่จะลุกขึ้นและก้าวเข้ามาหาจงซาน.
"เซิ่งหวัง ดูเหมือนว่าศพปราชญ์เทพนั้นจะกลับมามีเชาว์ปัญญาอีกครั้งแล้ว ผนึกอาคมปิศาจนี้ ที่ผนึกลงบนร่างของนาจา เป็นผนึกของเขาแน่นอน!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ท้ายที่สุดก็คืนชีพขึ้นมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"มีเพียงแค่เชาว์ปัญญาฟื้นคืนเท่านั้นถึงจะทำได้ ไม่รู้เช่นกันว่า เชาว์ปัญญาที่ฟื้นคืนมานั้นจะใช่ปราชญ์เทพคนเดิมหรือไม่?."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.
"ผนึกอาคมปิศาจบนร่างของนาจานั้นได้มาจากที่ใด?"จงซานที่กล่าวสอบถามออกไป.
"ผู้น้อยไม่กล้าปิดบังความจริงจากเซิ่งหวังจง เรื่องนี้หลังจากที่ไท่จื่อสามออกมาจากเทือกเขาเซิ่งซือ บนร่างของไท่จื่อสามก็มีกลิ่นอายปิศาจแผ่ออกมา ไม่รู้ว่าได้รับมาอย่างไร."ชายในชุดเกาะสีทองกล่าวตอบ.
"เทือกเขาเซิ่งซือ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"เดิมทีก่อนหน้า มันคือตำหนักไป่โหยวของปราชญ์เทพทงเทียน ตอนนี้มันมีปราณศพมากมายคละคลุ้งไปทั่วอากาศ จนไม่มีใครกล้าเข้าไปด้านใน ในเวลานั้นไท่จื่อสามได้เดินทางไปสำรวจ จนเขาออกมา คาดไม่ถึงเลยว่า......!"ชายในชุดเกาะสีทองที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.
"ตำหนักไป่โหยว?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ใช่ บางทีอาจจะเป็นศพปราชญ์เทพทงเทียนที่ปะทุขึ้น ได้ยินไท่จื่อสามบอกว่าเป็นศพปราชญ์เทพหลังจากที่ปะทุขึ้นมา จะถูกเรียกว่า "ซา" "ชายในชุดเกาะสีทองที่เอ่ยตอบ.
"เรียกว่าซา อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ครับ!"ทหารเกราะทองไม่กล้าที่จะปิดบัง.
"เซียนเซิงซือ สามารถถอนผนึกอาคมนี้ออกมาได้หรือไม่?"จงซานสอบถาม.
"หากเป็นอาคมปิศาจอื่น ๆ เฉินคงไม่มีวิธีช่วย ทว่านี่เป็นของศพปราชญ์เทพที่พวกเราเคยพบ เฉินอาจจะพอมีวิธี."เซียนเซิงซือกล่าวออกมาในทันที.
"หืม?"
เซียนเซิงซือที่นำตะปูออกมาทันที.
ตะปูโลงศพ? จงซานจำได้ มันคือตะปูโลงศพที่ถอยออกมาจากโลกศพสีม่วง ที่เคยผนึกศพปราชญ์เทพในอดีต ซึ่งเป็นของวิเศษที่ไม่ธรรมดาเลย.
ในอดีตโลงศพนั้นได้บินออกมาจากโลกใบเล็ก มีตะปูโลงศพสิบดอก จงซือจิวได้ไปห้า เหริ่นชุนได้ไปสอง เซียนเซิงซือได้ไปสาม.
"ใช่สิ่งนี้ปลดผนึกรึ?!"จงซานสอบถาม.
"ครับ!"
เซียนเซิงซือที่นำตะปูโลงศพไปที่หน้าผากของนาจา จากนั้นก็ใช้มันดูดซับปราณทมิฬที่อยู่บนหน้าผากของนาจาออกมาช้า ๆ .
หมอกทมิฬหลังจากดึงออกมาแล้ว เซียนเซิงซือที่ใส่เข้าไปในขวดหยกผนึกมันเอาไว้.
"เฉินได้ดึงปราณทมิฬออกมาหมดแล้ว!"เซียนเซิงซือที่กล่าวรายงาน.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ และไม่ได้กล่าวถึงขวดหยกที่เก็บปราณทมิฬไป แน่นอนว่าต้องเป็นเซียนเซิงซือเก็บมันไป.
"ขอบคุณเซิ่งหวัง ขอบคุณเซิ่งหวังจง!"ทหารชุดเกราะสีทองที่กล่าวออกมาด้วยความซาบซึ้ง.
"แม้ว่าข้าจะไม่คาดโทษพวกเจ้า ทว่าพวกเจ้าก็ได้ล่วงเกินต้าเจิ้งของข้า ไม่สามารถละเว้นความรับผิดชอบได้ คันศรนี้ต้องทิ้งเอาไว้ โหลวซิงเฉินปลดผนึกนาจา ให้คนของเขานำกลับไปให้กับเห่าเทียน."จงซานสั่งการ.
จงซานที่เห็นแก่หน้าเห่าเทียน เป็นการทดแทนคุณที่เขาเคยช่วยเมื่อครั้งแยกสวรรค์สะบั้นปฐพีในครั้งนั้น.
"รับทราบ!"โหลวซิงเฉินที่รับคำ ก่อนที่จะปลดผนึกนาจา.
"เจ้าคือผู้มีความสามารถในการใช้คันศร ดังนั้นคันศรนี้จึงมอบให้กับเจ้า!"จงซานที่กล่าวต่อโหลวซิงเฉิน.
"ขอบพระทัยเซิ่งหวัง!"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความซาบซึ้ง คันศรดังกล่าวนี้ โหลวซิงเฉินก็รู้สึกสนใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้เช่นกัน.
เหล่าทหารเกาะทองรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้ คันศรเทวะนี้เป็นสมบัติของตระกูลหลี่ พวกเขา จะกลับไปรายงานเช่นไร? อย่างไรก็ตามอย่างน้อยก็สามารถนำตัวไท่จื่อสามกลับไปได้ นอกจากนี้ยังสามารถปลดผนึกปราณปิศาจออกมาได้ ทั้งโชคร้ายและโชคดี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณจงซานไม่สามารถกล่าวตำหนิใด ๆ ได้.