Chapter 981 นาจามาแก้แค้น.
"แปดปีหลังจากนี้ จะผนึกโลกจิ้งจอกอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ซูเหมยเหนียงที่จ้องมองไปยังเหล่าขุนนางที่เหลือจ้องมองไปยังจงซานและกล่าวออกมาว่า "เซิ่งหวังจง ข้าต้องการพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัว!"
จงซานที่พอรับรู้ว่าซูเหมยเหนียงจะกล่าวสิ่งใด จึงพยักหน้ารับ.
ด้วยการโบกมือ อาวุโสเทียนที่ถอยกลับไป เหล่าขุนนางของไท่ชูเองก็ด้วย.
ซูเหมยเหนียงที่โบกมือสร้างม่านพลังเก็บเสียงขึ้นมาทันที.
ด้านในม่านพลังนั้น มีคนที่มองเห็นสี่คน.
จงซาน ซูเหม่ยเหนียง ซูโหรวเหนียง และเซียนเซิงหลี่!
"แปดปีหลังจากนี้ เพื่อเผ่าจิ้งจอก ข้าและโหรวเหนียงจะเข้าไปในโลกจิ้งจอก เพื่อค้นหาที่พักพิงและค้นหาอาคมจากธวัชเจาเหยาเพื่อแก้คำสาป."ซูเหมยเหนียงกล่าว.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
"เซียนเซิงหลี่คือน้องชายของข้า คนผู้นี้นับว่ามีพรสวรรค์ ทว่าไม่เหมาะที่จะเป็นราชา!"ซูเหมยเหนียงที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงหลี่.
เซียนเซิงหลี่พยักหน้ารับ รับรู้ว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นราชา.
"หลังจากที่ข้าไปแล้ว ไท่ชูจะล่มสลายลงอย่างแน่นอน จะนานเท่าไหร่ที่น้องชายของข้านั้นจะรักษามันเอาไว้ได้ ดังนั้น ข้าต้องการมอบคนที่เชื่อใจที่สุดของไท่ชูให้กับเจ้า!"ซูเหมยเหนียงที่กล่าว.
"มอบคนที่เชื่อใจให้กับข้า?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"เจ้าไม่จำเป็นต้องตกใจ ไท่ชูส่งคนที่เชื่อใจให้เจ้า นั่นหมายความว่าไท่ชูไม่มีอยู่แล้ว นับตั้งแต่แรกที่เจ้ายอมเป็นเมืองขึ้นของข้านั้นข้าก็รับรู้แล้วว่าเจ้านั้นมีความทะเยอทะยานมากมายนัก เจ้าไม่ใช่เมืองขึ้นของเราแล้ว นับตั้งแต่โหรวเหนียงติดตามเจ้า ข้าก็รู้ถึงความสามารถของเจ้าดี เจ้าจะสามารถรวมอาณาเขตเฟิงจงได้อย่างแน่นอน ข้าเพียงต้องการช่วยให้มันเร็วขึ้นเท่านั้น."ซูเหมยเหนียงที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
"เจ้าจะออกมาเมื่อไหร่?"จงซานที่สอบถามออกไป.
"ไม่รู้ว่าจะนานขนาดใหน?."ซูเหมยเหนียงที่เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นจริงจังออกมา.
ธวัชเจาเหยาอาจจะทำให้สามารถรับรู้แตกฉานในคำสาปดังกล่าวได้ ซึ่งจือจุ้นรุ่นแรกเองก็รับรู้เกี่ยวกับอาคมดังกล่าวนี้แล้วนั่นเอง.
"ไม่ใช่ว่าเซียนเซิงหลี่ก็ต้องเข้าไปในโลกจิ้งจอกกับเจ้ารึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
เพราะจงซานเองก็รับรู้ได้ถึงท่าทางอารมณ์ของซูเหม่ยเหนียงได้เช่นกัน ว่าไม่อยากจะจากเซียนเซิงหลี่เช่นกัน.
ซูเหมยเหนียงที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงหลี่และกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า "แปดปีหลังจากนี้ ถึงจะเร่งรีบเดินทางมายังชิงชิวแน่นอนว่าก็ยังมีน้อยนัก อาณาเขตชิงชิวนั้นเป็นดินแดนของจิ้งจอก เป็นไปไม่ได้ที่จะนำจิ้งจอกไปทั้งหมดไปได้ ใต้สวรรค์แห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มากนัก ข้าจะนำเฉพาะจิ้งจอกที่แข็งแกร่งเท่านั้นเข้าไปหาวิธีแก้คำสาปกับข้า ส่วนจิ้งจอกที่เหลือนั้นจำเป็นต้องมีคนช่วยเหลืออยู่ด้านนอก ซึ่งน้องชายของข้านั้นเหมะสมที่สุดแล้ว."
"ข้าจะไม่ทำให้ท่านพี่ผิดหวัง!"เซียนเซิงหลี่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ขอได้โปรดให้เซิ่งหวังจงเป็นพลัง อวยพรเผ่าจิ้งจอกของข้าด้วย!"ซูเหม่ยเหนียงที่คุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะพูดในทันที.
จงซานที่ก้าวเข้าไปประคองนาง.
"จำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยรึ?"จงซานที่ฝืนยิ้มออกมา.
"ข้าต้องการนำเผ่าจิ้งจอกภัคดีต่อท่าน!"ซูเหม่ยเหนียงที่ยังคงดื้อรั้น.
ซูโหรวเหนียงที่เข้าไปประคองซูเหม่ยเหนียงหากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด จ้องมองไปยังจงซานด้วยความคาดหวัง.
จงซานที่สูดหายใจลึกและกล่าวออกมาว่า "ด้วยพลังที่ข้ามีข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง!"
"ขอบคุณ!"ซูเหมยเหนียงที่พยักหน้ารับ.
"หลังจากนี้ ขอให้น้องข้าเป็นขุนนางของต้าเจิ้ง เพื่อตอบแทนเซิ่งหวังจงที่อวยพรพวกเรา!"ซูเหมยเหนียงที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงหลี่พร้อมพยักหน้ารับและกล่าวออกมาว่า "เซียนเซิงหลี่นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถ ต้าเจิ้งย่อมต้องการในตัวเขา!"
"ขอบคุณ!"ซูเหมยเหนียงที่พยักหน้ารับด้วยความซาบซึ้ง.
"ทว่าข้าสามารถเข้าไปในโลกจิ้งจอกได้หรือไม่?"จงซานที่สอบถามออกไป.
ซูเหมยเหนียงที่ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า "ไม่ เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้ โลกจิ้งจอกนั้นมีสถานที่ลึกล้ำอยู่มากมาย คนที่ไม่ใช่เผ่าจิ้งจอก หากว่าเข้าไปข้างใน จะถูกอำนาจของจื่อจุ้นรุ่นแรกผนึกเอาไว้ บางทีแม้แต่เฉินซิ่วที่มีวิชาลับ ยังไม่กล้าเข้าไปลึก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หยุดอยู่ที่ตรงนั้น!"
"ท่านพี่ แล้วเรามีวิชารับที่จะผ่านอำนาจของบัลลังก์ราชามารสวรรค์เข้าไปด้านในเหมือนเฉินซิ่วด้วยรึ?"เซียนเซิงหลี่ที่กล่าวสอบถามออกมาในทันที.
"ทุก ๆ สิ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบและกฎของมัน จื่อจุ้นรุ่นแรกนั้นได้ผนึกปิดโลกจิ้งจอกเอาไว้ทำให้มันไม่สามารถคืนกลับได้ และเมื่อโลกจิ้งจอกถูกเปิดอีกครั้ง อำนาจของบัลลังก์มารสวรรค์นี้ก็จะหายไป กลับคืนสู่โลกมารสวรรค์!"ซูเหมยเหนียงตอบ.
ในเวลานั้นหวนจีที่อยู่ข้าง ๆ จงซานก็ได้กล่าวออกมาว่า "จงซาน ข้าต้องการสิ่งนั้น!"
หวนจีที่จ้องมองไปยังบัลลังก์มารสวรรค์ ด้วยดวงตาเป็นประกาย.
"บัลลังก์มารสวรรค์มีวิธีในการเก็บมันได้หรือไม่?"จงซานสอบถามออกไป.
"เก็บอย่างงั้นรึ? จะมีได้อย่างไร?"ซูโหรวเหนียงที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
"หากว่าข้าสามารถเก็บรวบรวมมันไป จะมีผลอะไรกับเจ้าหรือไม่?"จงซานสอบถาม.
ซูเหม่ยเหนียง ซูโหรวเหนียงและเซียนเซิงหลี่จ้องมองจงซานด้วยท่าทางแปลกประหลาด.
"หากเจ้าสามารถนำมันไปได้ ก็นำมันไป อำนาจของมารสวรรค์ และของวิเศษของโลกใบใหญ่นั้นมีการคงรูปที่แตกต่างกัน พวกเราไม่สามารถเก็บรวบรวมมันได้!"ซูเหมยเหนียงกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"อืม!"จงซานพยักหน้า.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นหวนจีที่พุ่งออกไปเรียบร้อยแล้ว
อำนาจบัลลังก์มารสวรรค์นั้น นับว่าให้ผลประโยชน์กับหวนจีเป็นอย่างมาก.
"จงซาน เจ้าทำธุระของเจ้าไปแล้วกัน ข้าขอกลับสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวก่อน!"หวนจีที่กุมบัลลังก์มารสวรรค์และร้องออกมา.
จงซานถึงกับพูดไม่ออก ไม่รอข้า และไม่อธิบายอะไรเลยรึ?
เป็นความจริง หลังจากนั้น อำนาจบัลลังก์มารสวรรค์ที่ปิดโลกจิ้งจอกก็หายไปในทันที.
"เอ๊ะ?"ซูโหรวเหนียงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"นี่มัน? ไม่ใช่ว่ามีเพียงมารสวรรค์ถึงจะควบคุมบัลลังก์นี้ได้หรอกรึ?"เซียนเซิงหลี่ที่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ.
ทั้งสามที่จดจ้องมองมายังจงซานด้วยความงงงวย.
"อืม!"จงซานที่พยักหน้ารับ แสดงท่าทางราวกับว่าได้นำมันไปแล้ว.
คนทั้งสาม " .........................!”
------------------------------------------
แปดปีหลังจากนั้น!
จิ้งจอกสวรรค์ที่ได้รับบัญชาทั่วหล้าเดินทางกลับ! ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโลกจิ้งจอก ภายใต้การสั่งการของเซิ่งหวังไท่ชู เซียนเซิงหลี่ที่ทำการรวบรวมดินแดนของไท่ชู พร้อมนำทัพของไท่ชูและทัพของต้าเจิ้ง ขยายดินแดนอย่างบ้าคลั่ง.
อาณาเขตเฟิงจง ภาคเหนือในเวลานี้ได้กลายเป็นดินแดนของต้าเจิ้งโดยสมบูรณ์แล้ว.
ต้าเจิ้งที่ขยายดินแดนออกไปทั่วอาณาเขตเฟิงจงด้วยความเร็วที่น่าเกรงขาม เหล่าราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนาอื่น ๆ ยากที่จะต้านทานได้.
แปดปีที่ผ่านมานี้ ทัพของต้าเจิ้งนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่จงซานกลับมานี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะแข็งแกร่งทรงพลังขนาดนี้?
แปดปีหลังจากนี้ จงซานที่นำเหล่าขุนนางบางส่วนเดินทางมายังที่ด้านหน้าทางเข้าโลกจิ้งจอกเพื่อมาส่งสตรีสองคน และเพื่อสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ปากทางเข้าโลกจิ้งจอก.
ภายในห้องโถงวังหลวงเดิมของชิงชิว.
ซูเหมยเหนียงที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงหลี่.
"น้องพี่ หลังจากที่ข้าจากไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าจะต้องติดตามต้าเจิ้ง รอให้ข้าแก้คำสาปเผ่าจิ้งจอกและกลับมา!"ซูเหมยเหนียงกล่าว.
"ครับ ข้าจะกระทำตามทุกสิ่งที่ท่านพี่เคยสั่งสอน!"เซียนเซิงหลี่ที่พยักหน้ารับ.
"อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวัง!"ซูเหมยเหนียงที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงหลี่.
"ครับ!"ใบหน้าของเซียนเซิงหลี่ที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น!
ซูเหมยเหนียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะนำเซียนเซิงหลี่ออกมาด้านนอกตำหนัก.
จงซานและขุนนางคนอื่นได้รอคอยอยู่ โดยมีซูโหรวเหนียงยืนอยู่ข้าง ๆ .
ซูเหมยเหนียงที่ก้าวมาด้านหน้าจงซาน และแสดงความเคารพด้วยความงดงามพริ้งเพรา.
"เซิ่งหวังจง ต้องรบกวนแล้ว!"ซูเหมยเหนียงที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าจะรอเจ้ากลับมา!"จงซานพยักหน้า.
ซูเหมยเหนียงพยักหน้ารับ พร้อมกับจ้องมองไปยังซูโหรวเหนียงที่แสดงท่าทางไม่อยากแยกจาก.
"จงซาน ข้าต้องไปแล้ว!"ซูโหรวเหนียงกล่าว.
"ข้าจะคิดถึงเจ้า!"จงซานพยักหน้ารับ.
สตรีทั้งสองที่ก้าวเข้าไปในโลกจิ้งจอก.
ซูโหรวเหนียงที่แววตาไม่อยากจาก ส่วนซูเหม่ยเหนียงนั้นยังคงมั่นคงเหมือนก่อนหน้า ไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกได้ ทว่าขณะที่ประตูทางเข้าเล็กลงเรื่อย ๆ นางได้ลอบมองจงซานพร้อมกับขบริมฝีปากแน่น.
"ครืนนนน~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ทางเข้าโลกจิ้งจอกที่ปิดลง บนท้องฟ้าปรากฎสายฟ้ามากมาย ร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน.
จงซานที่โบกมือออกไป พายุสายฟ้าเหล่านั้นก็ค่อย ๆ สลายหายไป ประตูทางเขาที่หายไปเรียบร้อยแล้ว จงซานที่ถอนหายใจเล็กน้อย.
"ซูหลี่ คารวะเซิ่งหวัง!"เซียนเซิงหลี่ที่แสดงความเคารพต่อจงซาน.
"อืม ข้าจะประทานตำแหน่ง.....!"จงซานกล่าว.
ทว่า คำพูดเหล่านั้นกล่าวได้ครึ่งประโยคเท่านั้นก็ถูกเซียนเซิงหลี่ขัดเอาไว้.
"เซิ่งหวัง ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าท่านพี่ของข้า ข้าได้กล่าวต่อท่านพี่แล้วเกี่ยวกับการเข้าร่วมต้าเจิ้ง ข้าต้องการเข้าร่วมสอบเคอจี เพื่อให้ทุกคนยอมรับเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของข้า!"เซียนเซิงหลี่ที่กล่าวออกมาด้วยความมุ่งมั่น.
"ตกลง!"จงซานที่พยักหน้าด้วยความพอใจ.
-------------------------------------------------------------
ภพหยาง ต้าเจิ้งเวลานี้กำลังเข้าสู่ยุคแห่งความรุ่งโรจน์.
ประชาชนของไท่ชูในอดีตนั้นแม้นว่าจะมีโอดครวญร้องบ่น ทว่าดินแดนแห่งนี้ก็ถูกรวบรวมอย่างรวดเร็ว เหล่าขุนนางของชิงชิวที่ถูกโอนให้กลายเป็นข้าราชบริพารของต้าเจิ้ง เหล่าตระกูลขุนนางใหญ่เองก็ไม่มีพลังขัดขืนอย่างแน่นอน.
ทัพของต้าเจิ้งที่นำโดยจ้าวโส่วเซี่ยวทำการรวมรวมไท่ชู ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวได้ทำภารกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว.
ต้าเจิ้งในเวลานี้ ก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์เป็นปึกแผ่น.
ในเวลาเดียวกัน ที่บนทะเลทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ปรากฎขึ้น.
คนกลุ่มหนึ่งสวมชุดเกาะนักรบ มีทหารราว ๆ พันคน ผู้นำเป็นผู้เยาว์ ที่ดูหล่อเหลา สะพายคันศรสีทองด้านหลัง มือถือหอกยาว ที่ไหล่นั้นมีกำไลขนาดสองฉือ ที่คอเองก็มีแพไหมสีแดงพันอยู่.
ผู้เยาว์คนนี้ไม่ได้ยืนอยู่บนเมฆเหมือนคนอื่น ๆ ทว่าขาทั้งสองข้างนั้นยืนอยู่บนกงล้อ บนกงล้อนั้นมีเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ พร้อมกับพาเขาเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วสูง.
ใบหน้าของผู้เยาว์คนนี้ที่ดูเคร่งขรึม ที่หน้าผากของเขานั้นกลับมีเหมือนว่าปรากฎปราณทมิฬกำลังลุกไหม้อยู่.
"ไท่จื่อสาม พวกเราไม่รายงานราชันย์เทพหยกก่อนออกมา ถ้า......!"ชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีทองที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"เจ้ากังวลสิ่งใด ทุก ๆ อย่างข้าจะรับผิดชอบแบกรับเอาไว้เอง จงซานสังหารอาจารย์ข้า ข้านาจา จะแก้แค้นแทนอาจารย์ของข้า ฉีกจงซานออกเป็นชิ้น ๆ !"แววตาของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยจิตสังหารมากมายปะทุออกมา.
"แต่ว่า..........!”ชายในชุดเกาะสีทองที่เอ่ยออกมา.
"หากว่าเจ้ากลัว ก็รีบไสหัวกับไป ข้าสามารถกำจัดจงซานได้โดยที่ไม่ต้องมีเจ้าอยู่แล้ว!"นาจาที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว.
"ไม่ ข้าและคนอื่นต่างชื่นชมไท่จื่อสาม จะหนีจากไปได้อย่างไร พวกเราที่ชื่นชมติดตามไท่จื่อสามไปทุกที่ ทว่าไท่จื่อสาม ข้าคิดว่าเวลานี้ท่านเปลี่ยนไปหรือไม่!"ชายในชุดเกราะทองกล่าวออกมาด้วยความเป็นกังวล.
"เปลี่ยน? ข้าไม่เคยเปลี่ยน!"นาจาที่ส่ายหน้าไปมา.
"ไม่ ๆ สามร้อยปีที่แล้ว บนเทือกเขาเซิ่งซือนั้นมีปราณศพมากมาย ราชันย์เทพหยกได้พาพวกเราเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น ทว่าหลังจากที่ไท่จื่อสามกลับมา นิสัยของท่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย!"ชายในชุดสีทองที่กล่าวออกมาด้วยความระวัง.
"จริงรึ?"นาจาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ครับ!"ชายในชุดเกราะสีทองที่กล่าวรับ.
"ข้าได้ทำลายกลิ่นอายนั่นแล้ว และยังผนึกมันเอาไว้ด้วย ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรต่อข้า!"นาจาขมวดคิ้วไปมา.
"ไท่จื่อสาม มีอสุรกายใดอยู่ที่ด้านในเทือกเขาเซิ่งซืออย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีทองที่กล่าวสอบถามด้วยความระมัดระวัง.
"อสุรกาย? เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกเขาว่าเป็นอสุรกาย ข้าเองก็ไม่มีคุณสมบัติเช่นกัน!"นาจาที่ส่ายหน้าไปมา.
"เขาเป็นใครอย่างงั้นรึ?"
"เจ้ารู้อะไรมาบ้าง?"นาจาที่สอบถามออกไป.
"ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักไป่โหยว ทว่าหลังจากที่ปราชญ์เทพทงเทียนร่วงหล่นจากสวรรค์ ไม่ใช่ว่า ที่นั่นมีศพของปราชญ์เทพหรอกรึ? ไท่จื่อสาม มันคือศพของปราชญ์เทพทงเทียน........!"ชายในชุดเกาะสีทองที่ชำเลืองมองออกไป แววตาที่เผยท่าทางหวาดหวั่นไม่กล้าพูดออกมาทั้งหมด.