Chapter 968 ลมและฝน
เช้าวันถัดมา ประชุมราชกิจตอนเช้า!
รายงานความพ่ายแพ้ที่ถูกส่งมาเหมือนเดิม ทว่าเหล่าขุนนางเวลานี้พบว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปรกติ พวกเขาพบว่า อ๋องจื่อเฉิน เสนาบดี และแม่ทัพใหญ่ คนทั้งสามมีท่าที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด.
แตกต่างไปมากเท่าใด เหล่าขุนนางไม่แน่ชัด ทว่ารู้สึกว่าสายตาของพวกเขาดูแหลมคมขึ้น ราวกับว่าทำให้ต้าเจิ้งเวลานี้ดูแข็งแกร่งขึ้นไปในทันที.
ด้วยความรู้สึกนี้ ทำให้เหล่าขุนนางหลายคนที่รู้สึกหัวใจรัดแน่นครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ.
ในการประชุมในครั้งนี้ อ๋องจื่อเฉินที่ยากจะกระทำ เขาได้เชิญเสนาบดีและแม่ทัพใหญ่เข้าร่วมงานเลี้ยง ในอดีตนั้น หลินเซียวที่เร่งรีบกลับไปค่ายทหาร แทบไม่มีเวลา กับงานเลี้ยงทุกอย่างเขาไม่เคยเข้าร่วม ทว่าเวลานี้กลับไม่ลังเลแม้แต่น้อยรับปากในทันที เสนาบดีสุ่ยจิงเองก็เช่นกัน มีงานยุ่งมากมาย ไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของสุ่ยอู๋เหินเลย ทำให้ภายในใจของเหล่าขุนนางเวลานี้สั่นไหว ราวกับว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น.
กับการเข้าร่วมงานเลี้ยงของเสาหลักทั้งสามของต้าเจิ้ง สร้างความเกลียดชังให้กับคนบางกลุ่ม และทำให้เหล่าเสนาธิการบางกลุ่มเริ่มมีความมั่นใจขึ้นด้วยเช่นกัน.
อีกฟากหนึ่งกลุ่มเสนาธิการสงครามหลางเจิ้น พร้อมพรรคพวกเวลานี้กำลังอกสั่นขวัญหนี.
"ใต้เท้า?"หนึ่งในกลุ่มที่เอ่ยออกมาในทันที.
"ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว!"หลางเจิ้นที่ขมวดคิ้วไปมา.
กับสิ่งที่เปลี่ยนไปในท้องพระโรง ที่ผิดไปจากธรรมดา หลางเจิ้นที่ต้องการกดดันหลินเซียวกลายเป็นร้อนรนขึ้นมาทันที.
กับสถานการณ์ที่ผิดปรกตินี้ ในวันนั้นก็ได้กระจายไปทั่วทันที.
เมืองแห่งหนึ่งอยู่ทางใต้ของสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวไม่ไกลนัก.
ตำหนักเจ้าเมือง ในเวลานี้มีเหล่ายอดฝีมือมากมายปกป้องอยู่ ที่ใจกลางห้องโถง มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่คับคั่ง และตรงกลาง มีชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีม่วงจดจ้องมองไปยังแผนที่ที่ฉายออกมา.
ภาพที่ฉายออกมานั้นเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งก่อสร้างบนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ซึ่งมีหลากหลายสถานที่เช่นกันที่ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะมีค่ายกลปกปิดอยู่.
กับแผนที่ดังกล่าวนั้น เป็นจุดสำคัญ ๆ ที่เหล่าเสนาธิการสามารถมองเห็นได้ เห็นได้ชัดเจนว่าต้าเจิ้งนั้นมีสายลับจับตามองอยู่.
ชายในชุดคลุมสีม่วง ใบหน้าที่ดูเหลืองเล็กน้อยหน้าผากส่องประกาย ดวงตาแหลมคม จดจ้องมองแผนที ขณะที่พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ .
"สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ทุก ๆ แห่งมีเจตจำนงจิตสังหารที่รุนแรงอยู่ทุกที่ ไม่สามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างทั้งหมดได้ มีบ้านเรือนหลายแห่งที่ติดต่อกัน เป็นค่ายกลที่ยอดเยี่ยมร้ายกาจมาก!
ชายในชุดสีม่วงที่กล่าวชื่นชม ดวงตาเปล่งประกาย "ข้าได้ติดสินใจที่จะยึดครองต้าเจิ้ง หากว่าสามารถควบคุมคนของต้าเจิ้งได้ การได้มาซึ่งสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว! ก็นับว่าสมบูรณ์แบบ!"
"ท่านอ๋อง สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยรึ? หากว่าท่านอ๋องชื่นชอบ จะหาคนสร้างใหม่ก็ได้ไม่ใช่รึ?"ชายในชุดสีดำที่กล่าวออกมาในทันที.
"เจ้าไม่เข้าใจ! สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวนั้นพิเศษ ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ มันซับซ้อนมากมายนัก ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าอุปกรณ์เซียนโบราณแม้แต่น้อย."ชายในชุดสีม่วงที่ส่ายหน้าไปมา.
"ถึงเพียงนั้นเลยรึ?!"ชายในชุดสีดำที่ตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อย.
"เมื่อเป็นเช่นนั้น การลงมือครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องลงมือด้วยตัวเอง ศาลเทพไท่จีของเรามีคนที่มีความสามารถมากมาย การจะยึดครองต้าเจิ้งโดยไม่ทำลายสิ่งก่อสร้าง ก็ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง"ชายในชุดสีดำที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
ชายในชุดสีม่วงที่จ้องมองไปยังชายในชุดสีดำ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา "เจ้ารู้สถานการณ์ตอนนี้หรือไม่?"
"หืม?"
"ทั่วทั้งเขตแดนเฟิงจงเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย สามนิกายใหญ่ สี่ศาลเทพ นิกายเสอโห่วล่มสลายแล้ว อรหันต์โบราณหลั่นเติ้งที่ได้รับความโชคร้ายไม่หยุดหย่อน ไม่สามารถสนับสนุนนิกายหลั่นเติ้งได้ ตอนนี้เหล่านักบวชในนิกายได้ย้ายออกจากเขตแดนเฟิงจงแล้ว เหลือเพียงนิกายจื่อเซียวที่ทำได้แค่ต้านเท่านั้น ศาลเทพไท่อี้เวลานี้ กำลังล่มสลาย! ศาลเทพต้าเจิ้งเองก็เช่นกัน ศาลเทพไท่ชู เวลานี้เกิดสงครามการเมือง เกิดการต่อสู้ขึ้นทั่วทุกสารทิศเปลวเพลิงที่เผาไหม้กระจายไปทั่ว ตอนนี้เหลือเพียงศาลเทพไท่จีของข้าเท่านั้น.
"เขตแดนเฟิงจงที่กำลังผลัดเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงที่ลุกลามไปทั่ว หากอาณาเขตเฟิงจงกลับมาสงบ การจะยึดครองต้าเจิ้งก็นับว่าเป็นเรื่องยาก ทว่าหากพวกเราสามารถยึดครองต้าเจิ้งได้มันก็จะกลายเป็นฐานเหยียบให้พวกเราเหยียบกระโดดเข้าต่อกรกับศาลเทพไท่ชูได้!."อ๋องในชุดสีม่วงที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
"เซิ่งหวังมีแผนที่จะรวมทั่วทั้งอาณาเขตเฟิงจงอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีดำที่ดวงตาเป็นประกาย.
อย่างไรก็ตามถึงจะไม่สามารถยึดครองต้าเจิ้งได้ ไม่ว่าอย่างไรกับสงครามการเมืองภายในของศาลเทพไท่ชู ก็ทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายภายในหนักเช่นกัน การจะกำจัดศาลเทพไท่ชูไปนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อสามารถกำจัดศาลเทพไท่ชูไป ราชวงศ์วาสนาทั้งหมดในอาณาเขตเฟิงจงก็จะหนีไปใหน ศาลเทพไท่จีก็สามารถรวบรวมอาณาเขตเฟิงจงได้ทั้งหมดไม่ใช่รึ?
"แต่ว่า ต้าเจิ้งเองก็ไม่ธรรมดา!"อ๋องในชุดสีม่วงที่ดวงตาหรี่เล็กลง.
"แค่เพียงกลุ่มของเซียนสวรรค์!"ชายในชุดสีดำที่เอ่ยออกมาในทันที.
"เพียงแค่กลุ่มของเซียนสวรรค์อย่างงั้นรึ? ไม่มีวาสนา ไม่มีจงซาน ต้าเจิ้งกับทนมาได้ถึงห้าปีอย่างคาดไม่ถึง! หากเปลี่ยนเป็นเจ้า จะสามารถทำได้หรือไม่?"อ๋องในชุดสีม่วงที่ดวงตาเบิกกว้างชำเลืองมองออกไป.
"เรื่องนี้!"ชายในชุดสีดำที่กลายเป็นกระอักกระอ่วนทันที.
"สามเสาหลักของต้าเจ้ง พวกเขาที่มีความสามารถสูง สามารถทำให้ต้าเจิ้งยืนหยัดอยู่ได้ ตราบเท่าที่สามารถนำพวกเขาเข้าร่วมไท่จีได้ ย่อมสามารถทำให้ขุนนางอื่น ๆ เข้าร่วมได้อย่างแน่นอน!"อ๋องชุดสีม่วงกล่าว.
ทุกคนที่หายใจที่เย็นเยือบเข้ามา คนทั้งสามแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?
"ดังนั้นท่านอ๋องจึงจงใจหยุดใช้ทัพรุกดินแดนเข้ามา เพื่อเผยความเอื้อเฟื้อกับพวกเขาอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีดำที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ใช่แล้ว ต้าเจิ้งต้องยึดครองให้ได้ พวกเขาทั้งสามเองก็ด้วย! ข้าต้องการแสดงความจริงใจ ไม่มีทางที่พวกเขาที่จะหนีรอด!"อ๋องชุดม่วงที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"รายงาน!"
ทหารสังเกตการณ์ที่เร่งรีบเข้ามาในทันที.
"เกิดอะไรขึ้น?"
"สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวมีรายงานด่วนเข้ามา ขอให้ท่านอ๋องโปรดยล!"ทหารสังเกตการณ์ที่กล่าวออกมาในทันที.
อ๋องชุดม่วงที่รับแผ่นริ้วหยกไป ก่อนที่จะค่อย ๆ อ่านอย่างระมัดระวัง ในขณะนั้นใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?"
"ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?"อ๋องชุดม่วงที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ท่านอ๋องเกิดสิ่งใดขึ้นอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีม่วงที่เร่งรีบสอบถามออกมา.
"เกิดเรื่องสำคัญขึ้นแล้ว สามแกนหลักเวลานี้เปลี่ยนไป เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? หมากที่ข้าวางเอาไว้ ข้าใช้เวลานานมาก และกำลังจะได้รับชัยชนะแล้ว เกิดผิดพลาดอะไรกัน? ใครที่สามารถทำลายแผนการนี้ไป ใครกันที่เปลี่ยนท่าทางความคิดของทั้งสามไปในทันที?"อ๋องชุดม่วงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ.
เขาได้ส่งมอบแผ่นริ้วยกต่อคนอื่น ๆ ทว่ามีหลายคนที่มองดูรายงานที่เกิดขึ้นไม่เข้าใจนัก.
งานเลี้ยง? สามเสาหลักที่จัดงานเลี้ยงร่วมกัน? เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก!
ท่านอ๋องชุดม่วงหาได้สนใจคนที่ไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเลิกประชุมทุกคนที่เดินออกจากห้องไป ต่างก็ครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา .
"คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำลายแผนการข้าได้ เป็นใครกัน? ไม่ได้การ เมื่อมันไม่ได้ผล พวกเขาก็จะกลับมาแข็งแกร่งขึ้น? จงซานตายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยังคงยึดมั่นในตัวจงซาน แล้วเป็นเหตุผลใดกันได้อีก!"
"เมื่อทั้งสามกลับมารวมตัวกัน ก็ยากที่จะแยก ยากที่จะกำราบแล้ว!"
"ใครกันที่มีความสามารถสูงขนาดนั้น? ต้าเจิ้งยังมีคนที่มีทักษะสูงอีกคนรึ? นี่เป็นตัวตนระดับสัตว์ประหลาดเลยไม่ใช่รึ?"
อ๋องในชุดสีม่วงที่ขมวดคิ้วแน่น แม้นว่าคนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นความกังวลของท่านอ๋องได้ ทว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่าแผนการของท่านอ๋องเวลานี้ได้ผิดเพี้ยน ภายในศาลเทพไท่จี นอกจากเซิ่งหวังแล้ว ไม่เคยมีใครทำให้ท่านอ๋องต้องแสดงท่าทางจริงจังเช่นนี้ได้?
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามอ๋องในชุดสีม่วงที่นั่งครุ่นคิดพิจารณาอยู่ ท้ายที่สุดก็กล่าวออกมาว่า "ดูเหมือนว่าแผนการของข้าจะใช้ไม่ได้แล้ว คงจะต้องลงมือตามแผนเดิม!"
"ท้ายที่สุดท่านอ๋องก็เตรียมที่จะโจมตีสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวด้วยกำลังแล้วรึ?
"ไม่ใช่โจมตี แต่เป็นค่ายกล!"อ๋องในชุดม่วงที่ดวงตาหรี่เล็ก.
"ค่ายกล?"
"สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวไม่สามารถทำลายได้ หากว่าเข้าโจมตี ต้าเจิ้งก็จะพังทลายแหลกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกอย่างไม่มีเหลือ ศาลเทพไท่จีเองก็ได้ประโยชน์จำกัด ข้าต้องการพื้นที่ส่วนใหญ่ของต้าเจิ้ง."
"แล้วต้องทำเช่นไร?"
อ๋องชุดม่วงที่จ้องมองกลุ่มคนของเขาพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนเหล่านี้ไม่สามารถเทียบได้กับสามเสาหลักของต้าเจิ้งเลยแม้แต่น้อย หากไม่เอ่ยปาก ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อเลยแม้แต่น้อย.
"ต้าเจิ้งจงซาน ความจริงแล้วเป็นคนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ในอดีตในโลกใบเล็กภพหยินนั้นเขาเคยใช้แผนการที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า ข้าเองก็จะใช้แผนการดังกล่าวนั้นเช่นกัน!"
"อะไร?"
"ควบคุมราชาก็คือควบคุมทั่วแผ่นดิน!"
"ควบคุมราชาก็คือควบคุมทั่วแผ่นดิน?"
"พวกเราจะทำการผนึกสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว เพื่อบัญชาควบคุมแผ่นดินต้าเจิ้ง!"
"รับทราบ!"
--------------------------------------------------------------------
ไม่กี่วันหลังจากนั้น สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว! ก่อนที่จะประชุมราชกิจ.
ภายในตำหนักของเสนาธิการสงครามหลางเจิ้นที่พยักหน้ารับและกล่าวออกมาว่า "ขอให้ท่านทูตโปรดส่งข้อความ ให้อ๋องฉีหมิงโปรดวางใจ ในวันนี้ ข้าและคนอื่น ๆ จะต้องทำงานสำเร็จอย่างแน่นอน!"
อ๋องฉีหมิง ก็คืออ๋องชุดม่วงของศาลเทพไทจีที่วางแผนควบคุมสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวนั่นเอง.
เห็นชัดเจนว่า แผนการนี้ได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว.
หลางเจิ้นออกจากตำหนักของตัวเอง เดินทางไปยังวังหลวงพร้อมกับขุนนางอื่น ๆ เพื่อเข้าไปยังท้องพระโรงตำหนักซ่างเฉิน เหมือนกับทุก ๆ วัน.
ก่อนจะเริ่มประชุมในเวลานี้ เหล่าขุนนางดูเหมือนว่าจะแยกออกเป็นสองฝั่งเรียบร้อยแล้ว.
หลินเซียวและสุ่ยจิงที่อยู่หัวแถวจับจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน.
ปมภายในใจของพวกเขาที่ได้หายไปหมดแล้ว สามเสาหลักของต้าเจิ้งได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน.
"ยอดเยี่ยมนัก วันนี้ ข้าเห็นเพื่อนร่วมงานทุกท่านมาพร้อมหน้ากัน รู้สึกซาบซึ้งนัก โปรดวางใจและรอคอย วันนี้หากพวกเราอดทน จะได้รับการตอบแทนที่ยอดเยี่ยม เมื่อเซิ่งหวังกลับมา พวกท่านทุกคนจะกลายเป็นวีรบุรุษของต้าเจิ้ง!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาในทันที.
เป็นประจำทุกการประชุมราชกิจ สุ่ยอู๋เหินจะทำการปลอบขวัญเหล่าขวัญนาง! เพื่อให้ต้าเจิ้งยืนอยู่อย่างมั่นคง เพื่อให้สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวไม่เกิดความโกลาหล เหล่าเมืองต่าง ๆ ภายในอาณาเขตไม่เกิดการต่อต้าน.
แม้นว่ารายงานความพ่ายแพ้จะถูกสงมาเป็นระยะ ทว่าเมืองต่าง ๆ ที่ยังเหลืออยู่ก็ยังคงสนับสนุนต้าเจิ้งเหมือนเก่า ไม่มีใครที่จะแยกตัวออกไป!
"แม่ทัพใหญ่!"สุ่ยอู๋เหินที่เอ่ยออกมาในทันที.
"อยู่นี่แล้ว!"หลินเซียวที่พยักหน้ารับ.
"วันนี้มีรายงานทางทหารอะไรบ้าง?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมา.
เรื่องนี้เองก็เหมือนทุก ๆ วัน แม้นว่าจะเป็นรายงานาความภายแพ้ ที่ทำให้ภายในใจของเหล่าขุนนางสั่นไหว ทว่าก็ยังคงปกปิดเอาไว้ แม้แต่เผยท่าทางหวั่นเกรงออกมา แม้นว่าจะเป็นรายงานความภายแพ้ ทว่าเหล่าเสนาธิการต่าง ๆ เองก็จำเป็นต้องควบคุมความเสียหายเอาไว้เช่นกัน.
"วันนี้ยามโฉ่ว ประตูเมืองทิศใต้เมืองอู่ซวังได้แตกแล้ว ตอนนี้การต่อสู้ที่หนักหน่วงเกิดขึ้น เป็นไปได้ว่าเมืองอู๋ซวังคงจะพ่ายแพ้ภายในสามวัน!"หลินเซียวกล่าวพลางถอนหายใจเล็กน้อย.
ยามโฉ่ว (丑时) คือเวลา 01.00 น. – 03.00 น.
สุ่ยอู๋เหินที่พยักหน้ารับ ภายในท้องพระโรงเปลี่ยนเป็นเงียบงัน เมืองอู๋ซวังนับเป็นเมืองแรกของเซิ่งหวังที่ได้เดินทางมายังเมืองแห่งนี้ และกลายเป็นหนึ่งเมืองสำคัญของทวีปศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งในป้อมปราการทิศใต้ หากว่าเมืองอู๋ซวังพ่ายแพ้ อย่างน้อยอีกห้าเมืองที่เหลือก็จะขาดการสนับสนุน ถูกตัดขาดการติดต่อในทันที.
"แม่ทัพใหญ่ ท่านยังดื้อดึงไม่ยอมรับผิดอีกรึ?"
ในเวลาเดียวกันนั้น หลางเจิ้นที่ก้าวออกมาในทันที ดวงตาที่จ้องมองเขม็งไปยังหลินเซียว.