Chapter 964 ช่วงเวลาที่ยากลำบาก.
"เรื่องนี้ข้าขอกล่าวตามตรง ข้านั้นได้ตัดสินใจที่จะให้สุสานแห่งนี้บินไปยังแดนไร้ขอบเขต ก้าวลึกเข้าไปในปมกาลอากาศที่ลึกเข้าไปอีก!"ฟู่ซี่ที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
หมอกที่ดูเหมือนว่าจะหนาขึ้นเรื่อย ๆ สายตาของจงซานที่ราวกับหดกว้าง สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของลานแห่งนี้.
ก้าวเข้าไปในดินแดนไร้ขอบเขต? ไม่ใช่ว่ามันยากจะทะลวงผ่านเข้าไปง่าย ๆ ไม่ใชรึ?
ใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าเฟิงซิงอวิ๋น.
"ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ข้าและหนี่หว่านั้นถูกคลุมด้วยอำนาจแห่งความว่างเปล่า ภายในสุสานโบราณนี้ ไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้ การจะออกจากสุสานนี้ กลับไปนั้นเพียงแค่กุมธวัชเจาเหยาไว้ มันจะนำเจ้าจากไป ธวัชเจาเหยานั้นเป็นสมบัติของชิงชิว จงจำไว้ให้ดีจะต้องส่งคืนชิงชิว จำเอาไว้ให้มั่น!"ฟู่ซีกล่าว.
ระหว่างที่กล่าวนั้น ร่างจำแลงของฟู่ซี่ก็ค่อย ๆ จางลง เห็นชัดเจนว่าคำพูดที่ถูกทิ้งเอาไว้นั้นได้จบลงแล้ว.
เฟิงชิงอวิ๋นที่คุกเข่าคำนับให้กับฟู่ซี่อย่างจริงจัง.
ในเวลาเดียวกันธวัชเจาเหยาที่ปล่อยแสงสีฟ้าออกมาอีกครั้ง.
จงซานและเฟิงซิงอวิ๋นที่กุมไปยังธวัชเจาเหยา แสงสีฟ้าทันใดนั้นก็โอบร่างจงซานและเฟิงซิงอวิ๋น พร้อมกับพาพวกเขาออกมาจากสุสานของนวีหวา.
แสงสีฟ้า ที่นำร่างทั้งสองพุ่งผ่านตัดอากาศออกมา.
สายตาของทั้งคู่ที่เห็นสุสานดังกล่าวลอยออกไปเรื่อย ๆ จนหายไปสุดสายตา.
ธวัชเจาเหยาที่สร้างรังไหมแห่งแสงปกคลุมคนทั้งสอง ก่อนที่จะพุ่งผ่านท้องฟ้าหมู่ดาวด้วยความเร็วสูง.
จงซานและเฟิงชิงอวิ๋นที่นั่งสมาธิบำเพ็ญลมหายใจอยู่ด้านใน พวกเขาทั้งคู่คาดไม่ถึงเลยว่าจะต้องนั่งอยู่ในรังไหมแสงนั้นเป็นเวลาถึงหนึ่งปี.
รังไหมแสงนั้นได้นำทั้งคู่ กลับมายังหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แผ่นดินเลื่อน และยังมีรอยแยกของผืนปฐพีขนาดใหญ่.
"ที่นี่? นิกายเสอโห่ว?"เฟิงซิงอวิ๋นที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
นิหายเสอโห่ว ในเวลานี้ล่มสลายพังทลายแล้ว บนท้องฟ้า ทางเข้าสู่โลกนวีหวาเองก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน.
"เซิ่งหวังจง ครั้งนี้ต้องขอบคุณยิ่งนัก ผู้น้อยจะจดจำสลักเอาไว้ในใจ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่หันหน้าบอกกล่าวต่อจงซาน.
"อย่าได้เกรงใจ ข้าเองก็ได้รับประสบการณ์มากมาย!"จงซานพยักหน้า.
"ผู้น้อยเองก็มีเรื่องที่ต้องทำ หลังจากนี้หากมีวาสนาคงจะได้พบกัน ธวัชเจาเหยานี้ของให้เซิ่งหวังโปรดมอบมันให้กับชิงชิว!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวอย่างจริงจัง.
"โปรดวางใจ ข้าจะต้องทำมันอย่างแน่นอน หลังจากนี้หวังว่าคงจะได้พบกัน!"
"ขอลา!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวเสร็จก็บินตรงไปยังทิศทางของนิกายเสอโห่วที่ล่มสลาย ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังทิศทางอื่นด้วยความเร็ว.
จงซานจ้องมองไปยังรอบ ๆ แม้นว่าไม่รู้สถานการณ์ต่าง ๆ นั้นเกิดสิ่งใดขึ้นมาบ้าง ทว่าบอกได้ว่ามันผ่านไปเป็นเวลานานเหมือนกัน ธวัชเจาเหยานำเขามายังที่แห่งนี้ด้วยการใช้เวลาหนึ่งปี ทว่าด้วยการเดินทางบนปมของกาลอากาศแท้จริงแล้วใช้เวลาไปเท่าไหร่กัน?
สถานที่ดังกล่าวนี้แม้นว่าจะผ่านไปนานแล้วทว่าการจะหาใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก.
ผ่านไปไม่นาน จงซานที่พบผู้ฝึกตนคนหนึ่ง ผู้ฝึกตนคนดังกล่าวถึงกับขนลุกชูชันด้วยความหวาดกลัว ข่าวเรื่องที่มีคนต่อสู้กับบรรพชนชราเสวี๋ยเหมยนั้นได้ผ่านมาห้าปีแล้ว.
หลังจากที่เขาออกมาจากโลกนวีหวา โลกนวีหวาก็เกิดเรื่องที่น่าเกรงขามมาก หลังจากที่เขาออกมา หนึ่งปีก่อน ผังเซียนป้ากั้วก็ปรากฎ จากนั้นโลกนวีหวาก็พังทลายลง ทุกคนต่างก็หนีแยกย้ายไปคนละทิศละทาง.
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านมาห้าปีแล้ว? ภายในใจของจงซานที่ตื่นตกใจ จงซานที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งเป็นลำแสงไปยังทิศ ๆ หนึ่งด้วยความเร็ว.
------------------------------------------------------------------
ภพหยาง เหล่ากลุ่มอิทธิพลใหญ่มากมายต่างก็เข้ารุมล้อมต้าเจิ้ง.
ต้าเจิ้งในเวลานี้ ราวกับเป็นของหวานชิ้นใหญ่ แม้นว่าชื่อเสียงวาสนาจะหายไปหมดแล้ว แต่เขตแดนยังอยู่ ราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนาเช่นนี้ เหมาะอย่างยิ่งที่จะขโมยแย่งชิงแบ่งกันอย่างช้า ๆ !
นอกจากนี้ ต้าเจิ้งไม่มีชื่อเสียงวาสนาแล้ว ทำให้เหล่าผู้มากความสามารถมากมายละทิ้ง ความแข็งแกร่งของต้าเจิ้งจึงถดถอยอยู่ในสถานการณ์ไม่ใคร่ดีนัก.
สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ภายในท้องพระโรง มีเสนาธิการเหลือเพียงหนึ่งในสาม หนึ่งในสามถูกสังหาร อีกหนึ่งส่วนได้จากไปแล้ว.
ที่เหลืออยู่เวลานี้ยังดูไร้จิตใจเรี่ยวแรง.
สุ่ยอู๋เหินที่ยังคงนั่งอยู่ในบัลลังก์อ๋อง จ้องมองไปยังเหล่าขุนนางที่ยังคงเหลืออยู่.
"ข้ารู้สึกมีความสุข ที่เช้านี้ ยังคงมีรองเสนาธิการกระบวนพิธีการยังอยู่! ต้าเจิ้งอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทว่าข้าเชื่อว่าเซิ่งหวังจะต้องกลับมา ข้าคิดว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ คงจะเชื่อมั่นเหมือนกับที่ข้าเชื่อเช่นกัน!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
ด้วยการปลอบใจเหล่าขุนนาง สุ่ยอู๋เหินที่ทำอยู่ทุกวัน ชื่อเสียงวาสนาหายไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้เหล่าขุนนางหวาดหวั่นไม่น้อย อีกทั้ง ข่าวเกี่ยวกับโลกนวีหวาเองก็แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ แม้แต่มีหยกบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ภายในนั่นด้วย.
เหล่าขุนนางหลายคนที่คิดจะจากไป เพราะเข้าใจว่าเซิ่งหวังได้ตกตายไปแล้ว ในหยกบันทึกนั้น มีเหตุการณ์ที่ทุกคนสนใจ หลาย ๆ คนที่สรุปว่าจงซานได้ร่วงหล่นไปแล้ว แม้นว่าจะไม่มีใครยืนยันเต็มร้อย ทว่าคนส่วนมากก็เชื่อเช่นนั้น.
การอยู่ในต้าเจิ้งเวลานี้นะรึ? ไม่ต่างจากรอคอยความตาย?
ดังนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่ถูกกลุ่มอิทธิพลอื่นชักจูงและแยกจากต้าเจิ้งไป.
ยิ่งเวลาผ่านไป โอกาสที่จงซานจะรอดชีวิตก็น้อยลงเรื่อย ๆ แรงกดดันที่สุ่ยอู๋เหินมีนั้นก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน.
"เรียนอ๋องจื่อเฉิน ที่ด้านนอกนั้นมีทูตของศาลเทพไท่จีขอเข้าพบ!"องค์รักษ์คนหนึ่งที่กล่าวรายงานออกมา.
ดวงตาของสุ่ยอู๋เหินที่สั่นไหวไปมา นี่คือครั้งที่ 19 แล้ว 18 ครั้งนั้นเขาที่ไม่ต้อนรับแม้แต่สังหารทูตเหล่านั้นไป นี่ก็ครั้งที่ 19 แล้ว ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะยังไม่ยอมแพ้ เหล่าเสนาธิการเวลานี้ต่างก็จับจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน รอคอยการตัดสินใจของเขา.
สุ่ยอู๋เหินที่เห็นใบหน้าของแต่ละคนแล้ว ก็เผยท่าทางกังวลออกมาเช่นกัน ครั้งที่ 19 แล้ว คงจะต้องพบ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเรื่องสำคัญบางอย่าง จนทำให้ทูตเหล่านั้นเลือกที่จะเข้าไปติดต่อกับเหล่าขุนนางโดยตรง.
"ให้เขาเข้ามา!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"รับทราบ!"
จากนั้น ทูตของศาลเทพไท่จีก็ก้าวเข้ามา ที่ด้านหลังนั้นมีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสองคน.
"ทูตไท่จี คารวะอ๋องจื่อเฉิน ยินดีที่ได้พบกับขุนนางทุกท่าน!"ทูตไท่จีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"มีอะไรก็พูดมา?"สุ่ยอู๋เหินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
"เกี่ยวกับการจัดการทัพของต้าเจิ้ง ศาลเทพไท่จีของข้านั้นได้หยุดแล้ว เพื่อแสดงความจริงใจ!"ทูตไท่จีที่กล่าวออกมา.
สุ่ยจิงที่พยักหน้ารับ ความจริงเขาได้รับรายงานแล้วว่า ทัพของศาลเทพไท่จีนั้นได้หยุดรุกเข้ามาแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่ราชวงศ์สวรรค์บางแห่งเท่านั้นที่เคลื่อนทัพรุกเข้ามา.
"อืม!"สุ่ยจิงที่พยักหน้าอย่างจริงจัง.
"เกี่ยวกับข่าวของเซิ่งหวังต้าเจิ้ง เซิ่งหวังของพวกเรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เซิ่งหวังจงนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ช่างน่าเศร้านัก ข้าคิดว่าเรื่องนี้ทุกท่านคงรับรู้กันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก!"ทูตไท่จีที่กล่าวแสดงความเสียใจ.
เหล่าเสนาธิการหลายคนที่ขมวดคิ้วไปมา หลายคนที่ไม่ยินดียอมรับว่าจงซานตายไปแล้ว แม้ว่าจะได้รับข่าวมาแล้วก็ตาม.
"ชื่อเสียงวาสนาของต้าเจิ้งนั้นไม่มี เซิ่งหวังไท่จีต้องการทำอะไร?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"เซิ่งหวังได้บอกกับผู้น้อยว่า อาณาเขตต้าเจิ้งจะอยู่ได้อีกไม่นาน อย่างมากก็สี่ปี หรือน้อยกว่านั้น ข้ากล่าวถูกไหม?"ทูตไท่จีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
แววตาของสุ่ยอู๋เหินที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ทว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เพราะว่าไม่ใช่ความลับอะไรนัก.
สุ่ยจิง หลินเซียวที่ขมวดคิ้วไปมา สี่ปี? มากสุดสี่ปีรึ?!
"ศาลเทพของพวกเรานั้นได้ส่งข้ามาที่นี่ เพื่อโน้มน้าวบอกกล่าวต่อทุกท่าน หากว่าสนใจในศาลเทพไท่จี? เซิ่งหวังของพวกเราก็ยินดีต้อนรับเหล่าคนที่มีพรสวรรค์ เข้าร่วมศาลเทพไท่จี แน่นอนว่าศาลเทพไท่จีย่อมปฏิบัติต่อทุกคนอย่างดีแน่นอน."ทูตไท่จีที่กล่าวออกมา.
"หืม? อ้าแขนรับอย่างงั้นรึ? เซิ่งหวังไท่จีนับว่าให้ค่าพวกเราขนาดนั้นเลยรึ?"สุ่ยอู๋เหินแค่นเสียงเย็นชา.
"ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน นี่คือความจริง ต้าเจิ้งที่คงอยู่เวลานี้มีเพียงชื่อเท่านั้น ห้าปีที่แล้ว หากว่าไม่มีอ๋องจื่อฉิน สุ่ยจิง หลินเซียวและเสนาธิการทุกคน ต้าเจิ้งคงจะล่มสลายไปแล้ว ตราบท่าที่เข้าร่วมศาลเทพไท่จีของข้า อนาคตของทุกคนจะต้องไม่ธรรมดา ผู้น้อยขอรับประกัน!"ทูตไท่จีกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เหล่าเสนาธิการ เกือบทั้งหมดที่ยังมีแววตาหนักแน่น ทว่าก็มีบางคนที่ดวงตาลุกวาวเช่นกัน.
ก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนที่หลบหนีเข้าซบราชวงศ์สวรรค์ เวลานี้ถึงกับมีราชวงศ์ศาลเทพที่อ้าแขนรับ จะไม่ให้พวกเขาสั่นไหวได้อย่างไร?
เสนาบดีสุ่ยจิงและแม่ทัพใหญ่ ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจา.
สายตาของทูตไท่จีที่จ้องมองไปยังสุ่ยจิง หลินเซียวและสุ่ยอู๋เหิน พวกเขาที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และมีความสามารถสูง กล่าวตามจริงเซิ่งหวังที่ส่งเขาคาดหวังในคนทั้งสาม ให้เขาเสนอโน้มน้าวใจคนทั้งสามให้ได้.
"ขอบคุณเซิ่งหวังไท่จี ขอให้เจ้ากลับไปแจ้งเซิ่งหวังไท่จี พวกเราเป็นคนของต้าเจิ้ง และจะเป็นของต้าเจิ้งตลอดไป!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา.
ทูตไท่จีที่จ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เขาจำเป็นต้องวางแผนให้ดี ไม่ว่าจะเป็นแผนร้ายหรือโหดร้ายเพียงใด หนึ่งในสามนี้เขาจะต้องล่อล่วงมาให้ได้.
"ยังไม่หวัง แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ทุกคนรับรู้เกี่ยวกับสถานะการณ์ของต้าเจิ้ง ผู้น้อยขอบังอาจแนะนำ ไม่รู้ว่าอ๋องจื่อเฉินยินดีจะรับฟังหรือไม่?"ทูตของไท่จีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หืม?"
เหล่าเสนาธิการทุกคนที่จับจ้องมองไปยังทูตของไท่จี.
"ในเวลานี้ ความรู้สึกของปวงชนได้หดหาย จงซานไม่อยู่อีกต่อไป การจะต้านศัตรูภายนอกนั้น เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ มีเพียงแค่ชื่อเสียงวาสนากลับมาต้าเจิ้งเท่านั้น ที่จริง อ๋องจื่อเฉินเองก็สามารถที่จะก้าวขึ้นไปทดแทน สามารถที่จะกลายเป็นราชา เข้ารับบัญชาสวรรค์ เก็บเกี่ยวชื่อเสียงวาสนา ปกป้องศัตรูจากภายนออกได้!"ทูตไท่จีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอันช่วยร้าย.
รับบัญชาสวรรค์?ก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งราชาอย่างงั้นรึ? เปลี่ยนราชวงศ์เป็นอีกราชวงศ์?
กับแผนการนี้มันได้ซัดกระหน่ำภายในใจของหลายคน หัวใจของเหล่าขุนนางที่สั่นไหวไปมาในทันที แม้แต่สุ่ยจิงและหลินเซียวยังก้มหน้ากำหมัดแน่น แต่ก็ยังไม่กล่าวสิ่งใดออกมา.
เปลี่ยนราชวงศ์เป็นอีกราชวงศ์? เพื่อเก็บเกี่ยวชื่อเสียงวาสนา ต่อต้านศัตรูอย่างงั้นรึ?
"บังอาจ~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
สุ่ยอู่เหินที่ระเบิดความโกรธออกมา!
เห็นท่าทางของสุ่ยอู่เหินที่กลายเป็นบ้าคลั่ง เหล่าขุนนางที่ราวกับรับรู้อะไรบางอย่าง แม้แต่ทูตของไท่จีเวลานี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย.
"ทูตของศาลเทพไท่จี กล้ามาสร้างความวุ่นวายถึงในท้องพระโรงต้าเจิ้งรึ? นี่คืออาชญากรรมร้ายแรง! เข้ามาลากพวกมันไปตัดหัวต่อหน้าประตูสวรรค์ทิศใต้ กล่าวเตือนต่อทุกคนที่บังอาจกล้าเอาพวกมันเป็นตัวอย่าง!"สุ่ยอู่เหินที่คำรามออกมาเสียงดัง.
"รับทราบ!"เหล่าทหารองค์รักษ์ที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว.
"ข้าเป็นทูต เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ จะทำเช่นนี้ไม่ได้!"ทูตไท่จีที่คำรามออกมาด้วยท่าทางร้อนรน.
"พวกเจ้ามาสามคน ให้สองคนกลับไปรายงานก็พอ ส่วนเจ้า ตาย!"สุ่ยอู๋เหินที่คำรามเสียงดัง.
"เจ้าจะสังหารข้าไม่ได้ จะสังหารข้าไม่ได้~~~~~~~~!”
ทูตไท่จีที่ตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถูกนำตัวไป ส่วนทูตอีกสองคนในเวลานี้ได้ถอยกลับไปด้วยความหวาดกลัว.
สุ่ยอู๋เหินที่กวาดตามองไปยังขุนนางทุกคนและกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า "ต้าเจิ้งจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ หากว่าใครกล้าคิดใส่ร้ายเซิ่งหวัง มันจะได้รับการลงโทษตัดหัวเก้าชั่วโคตร! เลิกประชุม!"
สุ่ยอู๋เหินที่สะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะจากตำหนักซ่างเฉินไป.
เหล่าขุนนางที่จ้องมองหน้ากันและกันและจากไปด้วยเช่นกัน.