ตอนที่แล้วChapter 962 ป้ากัวเซียนเทียน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 964 ช่วงเวลาที่ยากลำบาก.

Chapter 963 บำเพ็ญชีวิตชะตา


การต่อสู้ของยอดฝีมือที่อยู่ไกลออกไปนั้น จงซานไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะจ้องมองเท่าใดนัก แต่กระนั้นก็ไม่ได้ก้าวไปใหน ยังคงนิ่งงันกวาดมองพื้นที่รอบ ๆ .

ในเวลานั้นจงซานที่นึกถึงคำพูดของหยิงที่กล่าวก่อนหน้านี้.

"อุ่นเครื่องรอวันที่เจ้าใช้อำนาจฟ้าดินได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนหยางด้วยความเคารพ ตอนนี้อยู่ในปมกาลอากาศ หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้ากับคนของข้าได้ ผังเซียนป้ากั้ว พวกเราก็ไม่ต้องการ!"

คำพูดของหยิงที่ดูสั้นกระชับ ทว่าจงซานสามารถรับรู้ถึงความอหังการ ก้าวร้าว อุ่นเครื่อง รอวันอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนอย่างด้วยความเคารพอย่างงั้นรึ?

หากว่าหยิงอยู่ในเมืองเซียนหยาง ปราชญ์เทพจะจัดการเขาได้หรือไม่?

จงซานไม่คิดว่าหยิงจะกล่าวอะไรไร้สาระ ในทางตรงข้ามรับรู้ด้วยว่าหยิงสามารถทำให้สำเร็จได้.

ต่อสู้กับปราชญ์เทพ? สำหรับราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนาแล้ว นับว่าเป็นอะไรที่ร้ายกาจมาก!

ก่อนหน้านี้ราชันย์เทพโจวโหยว จี้กงหนี่? ปราชญ์เทพภพหยิงเคยกล่าวว่าจี้กงหนี่ไล่ล่าปราชญ์เทพ สามารถยืนยันได้ว่าจี้กงหนี่นั้นมีระดับเพียงเซียนบรรพชน แต่เขาสามารถไล่ล่าสังหารปราชญ์เทพได้?

จงซานที่สูดลมหายใจลึก เขารับรู้ได้ ความรู้สึกนี้ตัวเขาไม่อาจเอื้อมได้.

เวลานี้ได้แต่รอคอยอย่างอดทน ผ่านไปห้าคืน ก่อนที่ริ้วแสงของทุกคนจะกลับมาอยู่บนลานอีกครั้ง.

จบแล้ว? ใครชนะ? ปราชญ์เทพหรือไม่?

ที่จริงก็พบว่า ในเวลานี้กุยกู่ซือที่ก้าวออกไปด้านหน้า?

หยิงและปราชญ์เทพหมี่เทียนล่ะ?

เกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสาม?

กุยกูซือที่ก้าวไปถึงตำหนักไร้นาม ไม่ได้เข้าไป ทว่ายื่นมือออกไป ชี้ไปยังแสงสีทองที่พุ่งออกมา ก่อนที่ผังเซียนป้ากั้วจะพุ่งตรงมายังกุยกู่ซือ.

กุยกูซือจ้องมองไปยังห้องโถง พร้อมกับแสดงความเคารพออกมา.

ภายในห้องโถง เมื่อผังเซียนป้ากั้วถูกนำไปแล้ว แสงสีทองมากมายก็สลายหายไป ตอนนี้เผยให้เห็นเพียงแค่โลงศพยักษ์!

สุสานนวีหวา?

กุยกูซือได้ผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว ร่างกายก็หายไปในทันทีเช่นกัน.

กุยกูซือจากไปแล้ว.

ในเวลานี้เมื่อกุยกูซือจากไป สามปราชเทพที่ยืนอยู่บนลาน.

คนทั้งสามจ้องมองไปยังโลกศพในตำหนัก ได้แต่เงียบ.

คนทั้งสามที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ ทว่าจงซานรู้ดีว่าพวกเขาเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แน่นอนหากเปลี่ยนเป็นจงซาน ก็คงไม่สามารถสงบใจได้ สามปราชญ์เทพ สองเซียนบรรพชน แย่งสมบัติกัน ท้ายที่สุดเป็นเซียนบรรพชนสองคนที่ได้ไป.

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่ก็เสียผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว.

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ผังเซียนป้ากัว ข้าและพวกเจ้าไม่สามารถได้มา เป็นเทียนชูแน่นอน ทุกอย่างตัดสินแล้ว!"โม่จื่อที่กล่าวออกมาอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ หัวเราะเสียงดังจากนั้นก็หายไปในทันทีเช่นกัน.

กงจื่อและหมี่เทียนที่จ้องมองหน้ากันและกันหากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ภายในใจที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจโม่จื่อ.

ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปในทันทีเช่นกัน.

ไปแล้ว! ทุกคนไปแล้ว!

ส่วนหยิงนั้นไม่ได้ปรากฎตัวออกมาแต่อย่างใด.

ผังเซียนป้ากั้วถูกชิงไปแล้ว เหล่าปราชญ์เทพที่แทบบ้าคลั่งไม่มีความสนในสุสานของนวีหวาอีก ไม่เช่นนั้นอาจจะสร้างความโกรธแค้นจริง ๆ ไปทั่วแผ่นดินได้.

จงซานก็สามารถสรุปได้ว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดได้จากไปแล้ว!

"บรรพชนทั้งสอง ลูกหลานเฟิงช่างอกตัญญูนัก เวลานี้ตระกูลเฟิงเหลือแค่ข้าแล้ว สายโลหิตของตระกูลเฟิงเหลือเพียงข้าคนเดียวแล้ว!"เฟิงซิงอวิ๋นที่คุกเข่าลงอีกครั้ง.

ในเวลานี้ แววตาของเฟิงซิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความมุ่งมัน จิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมา.

จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ  ในเวลานี้ แน่นอนเขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้ เกี่ยวกับสุสานของนวีหวา จงซานเองก็ไม่ได้มีความสนใจแต่อย่างใด.

จากที่ไกลออกไป จงซานที่แสดงความเคารพ จากนั้นก็เตรียมตัวก้าวลงจากบันไดไปเงียบ ๆ .

"เซิ่งหวังจง!"

ขณะที่จงซานต้องการจากไป เฟิงชิงอวิ๋นที่กล่าวออกมาในทันที.

จงซานที่รู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปมาเฟิงซิงอวิ๋น ในเวลานี้เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวเข้ามาหาจงซาน.

"ข้าเห็นทุกอย่างแล้ว คงทำได้แค่เสียใจ! กับท่าทางของเหล่าปราชญ์เทพ ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้เฟิงซิงอวิ๋นดีขึ้นมาแต่อย่างใด.

"นี่เป็นคราวเคราะห์ของตระกูลเรา เซิ่งหวังจงไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ผู้น้อยเข้าใจดี!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา.

"อืม!เช่นนั้นหากว่าไม่มีอะไรแล้ว ข้าคงไม่กล้ารบกวนเต๋าจวิน!"จงซานที่เตรียมจากไป.

"ช้าก่อน มีเรื่องหนึ่งที่ผู้น้อยต้องการความช่วยเหลือ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่เอ่ยออกมาในทันที.

"หืม?"

"ธวัชเจาเหยาอยู่ในมือของเซิ่งหวังจงอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวสอบถาม.

"ถูกแล้ว!"จงซานที่กล่าวจริงจังไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด.

"สถานที่แห่งนี้คือปมกาลอากาศ สุสานของบรรพชนฟู่ซี่นั้น จำเป็นต้องใช้ธวัชเจาเหยาในการเปิด ทว่าผู้น้อยขอยืมธวัชเจาเหยาจากเซิ่งหวังจงได้หรือไม่!"เฟิงชิงอวิ๋นกล่าว.

"ปมกาลอากาศ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ใช่ ปมกาลอากาล มันคือขอบของโลกใบใหญ่ ที่นี่ เวลาจะช้าลง ห้วงอากาศที่บางเบา สภาพแวดล้อมที่พิเศษ ภายในขอบเขตนี้ เวลาจะเดินช้ากว่าปรกติ แม้แต่หยุดเดินด้วยซ้ำ ห้วงมิติเล็ก กลับสามารถมองไม่เห็นที่สิ้นสุด!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวตอบ.

"ไม่มีที่สิ้นสุด?"

"การใช้ชีวิตในพรมแดนก่อเกิดนี้ไร้ขีดจำกัด พรมแดนก่อเกิดหากเทียบความยาวขนาดสองเมตร แต่มันกับมีความกว้างขวางยิ่งกว่าโลกใบใหญ่ภพหยินและหยางรวมกันสะอีก ซึ่งขอบของโลกใบใหญ่นี้ จะถูกเรียกว่า ปมกาลอากาศ ไร้ที่สิ้นสุด ไม่ ต้องบอกว่าแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ตัวข้าเองก็ไม่เข้าใจมันนัก แต่ก็รับรู้ว่ามันคือปมกาลอากาศ!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าว.

"ได้รับคำสอนแล้ว!"จงซานพยักหน้า.

"นั่นคือธวัชเจาเหยาอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองไปยังจงซาน.

จงซานที่นำธวัชเจาเหยาออกมา ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย เพราะจงซานสัมผัสได้ว่าคำพูดของเฟิงซิงอวิ๋นนั้น ไม่มีคำโป้ปดเลย!

ธวัชเจาหยาที่นำเขา มาที่นี้ เห็นชัดเจนว่ามันมีเจตจำนงเป็นของมันเอง.

"ขอบคุณ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจ.

เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวไปยังด้านหลังตำหนักไม่ได้ตรงไปยังด้านหน้าตำหนักไร้น้ำ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นหลังคาสีขาว.

ในเวลาเดียวกันนั้น จงซานที่พบกับความแปลกประหลาด บนหลังคานั้นค่อนข้างที่เว้าไปด้านในเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะมีช่องอยู่ด้านใน พอให้นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปได้ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอะไรเช่นนี้.

เฟิงซิงอวิ๋นที่นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปในช่อง พร้อมกับหยดโลหิตลงไป จากนั้นหลังคาดังกล่าวที่ม้วนกวาดเป็นวงกลมเผยเป็นลานแห่งหนึ่งขึ้นมา.

"วูซซซซซซ!"

บนพื้นปรากฎหมอกควันมากมายขึ้นมาในทันที.

"ครืนนนนน!"

จงซานที่อยู่ด้านหลัง พบว่าบันใดด้านหลังเขาที่เชื่อมต่อไปยังโลกใบใหญ่ได้พังทลายลงไปในทันที.

เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วถึงกับทำให้จงซานตื่นตระหนกตกใจออกมาเช่นกัน สะพานพังไปแล้ว ตัวเขาจะกลับอย่างไร?

มีวิธีที่จะกลับไปอย่างงั้นรึ?

เพราะว่าจงซานรู้สึกหวาดกลัวต่อปมกาลอากาศไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นพื้นที่แคบ ๆ  แทบจะไม่สามารถพุ่งผ่านไปได้เลย.

จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ทว่าก็ยังคงก้าวตามหลังเฟิงซิงอวิ๋นไป.

หมอกสีขาวบนพื้นที่รวมตัวกันมากขึ้นและก็มากขึ้นปกคลุมตำหนักทั้งหมด ทว่าที่ด้านหน้าจงซานและเฟิงซิงอวิ๋นนั้นได้ปรากฎร่าง ๆ หนึ่งขึ้นมา.

ชายในชุดสีขาว ผมยาว ใบหน้าที่ยังคงกังวลมีอาวรณ์จดจ้องมองหาเหล่าคนที่เชื่อใจ.

"ผู้หลานอกตัญญูคารวะบรรพชน!"เฟิงซิงอวิ๋นที่แสดงความเคารพออกมา.

ฟู่ซี่? ภายในใจของจงซานที่ตื่นตระหนกตกใจ!

"ไม่จำเป็นต้องคารวะข้า ตาเฒ่าได้ตายแล้ว นี่คือร่างจำแลงเท่านั้น ข้าได้ทิ้งมันเอาไว้เพื่อบอกกล่าวต่อเจ้า สุสานของตาแก่เช่นข้านั้นได้พยากรณ์เอาไว้แล้ว ว่าท้ายที่สุดก็จะมีคนขุดมันออกมา!"ฟู่ซี่ที่เผยยิ้มอย่างเคร่งขรึม.

เป็นความจริงนี้คือร่างเงาจำแลง เพราะว่าคำพูดนั้นราวกับกล่าวออกมาราวกับไม่ได้มองผู้ใด.

คำพูดที่ถูกบันทึกเอาไว้?

"ผังเซียนป้ากั้ว ไม่ใช่สิ่งสำคัญ! ไม่จำเป็นต้องสนใจ!"ฟู่ซีที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.

ไม่สำคัญ? เฟิงซิงอวิ๋นและจงซานที่ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย.

"วิชาช่วงชิงชะตา เบี่ยงเบนลิขิตชะตา?บำเพ็ญโชคสามารถก้าวเข้าใกล้เคียงบำเพ็ญชีวิตเพื่อเปิดประตูอีกบานได้ ในอดีตตาแก่อย่างข้าที่ดื้อรั้นหัวแข็ง ทำให้พลาดโอกาสในการบำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง เฮ้อ!"ฟู่ซีที่ถอนหายในเล็กน้อย.

บำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ว่าในโลกนี้ไม่สามารถบำเพ็ญชีวิตได้ไม่ใช่รึ?

ฟู่ซี่ที่ราวกับนึกอะไรบางอย่างและกล่าวออกมา "สำหรับเจ้า สายโลหิตตระกูลเฟิง ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด ไม่ต้องคาดหวังว่าจะบำเพ็ญชีวิต ข้าได้พยากรณ์แล้วว่าเจ้าคือสายโลหิตคนสุดท้าย หลังจากนี้ตระกูลเฟิงจะรุ่งโรจน์ หากว่ามีทายาทสองคนขึ้นไป ให้เลือกหนึ่งคนบำเพ็ญชีวิต!"

บำเพ็ญชีวิต? บำเพ็ญชีวิตอย่างไร? จงซานและเฟิงซิงอวิ๋นที่จับจ้องมองฟู่ซี่ ข่างน่าเสียดาย ฟู่ซี่เป็นเพียงร่างจำแลง ไม่สามารถสอบถามได้.

"เส้นทางบำเพ็ญ หนึ่งชีวิต สองโชค สามฮวงจุ้ย สี่กรรม ห้าชื่อเสียง! เส้นทางสายที่ห้า ชื่อเสียง มันคือการเตรียมการ ประมุขของราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนานั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าประมุขนิกายเลย ทำไมล่ะ?"

"เพราะว่า เส้นทางบำเพ็ญของราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"ฟู่ซี่ที่กล่าวอย่างจริงจัง เคร่งขรึม.

?จงซานที่ตกใจเล็กน้อย วิถีราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?

"ประมุขของนิกาย สามารถที่จะลาออกและมอบให้กับคนอื่นได้ แม้แต่ถูกคนอื่นแย่งชิง ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยเองก็สามารถเลือกศิษย์และถ่ายทอดพลังทั้งหมดไปยังศิษย์ แม้แต่ผู้ฝึกตนบำเพ็ญโชคก็เหมือนกัน ทว่าวิถีราชาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนา หากราชาตกตายไป แผ่นดินนั้นก็สิ้นทันที ทำไม เพราะว่าเขาบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"

"เส้นทางที่ห้าชื่อเสียง มันถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเส้นทางแห่งการศึกษา! การก้าวไปอยู่ในเส้นทางชื่อเสียง เหล่าข้าราชบริพารมากมายที่สามารถแบ่งเบาราชาได้ ทว่ากลับไม่สามารถแทนที่ราชาได้ เป็นเรื่องที่เฉพาะ ประมุขราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนานั้น คือผู้บำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง นอกจากนี้การบำเพ็ญชะตาชีวิตนั้น! ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายที่ตาเฒ่ากว่าจะรู้และตระหนักเรื่องนี้ได้ มันก็สายไปแล้ว ราชวงศ์วาสนานั้นพิเศษ ว่ากันว่าผู้ฝึกตนช่วงชิงชะตาคือผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในใต้หล้ารึ? ฮ่าฮ่า เรื่องนี้เหลวไหลทั้งเพ!"ใบหน้าของฟู่ซี่ที่เผยท่าทางเสียใจออกมา.

ข้ากำลังบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ? ภายในใจของจงซานที่สั่นไหวไปมา.

เช่นเดียวกัน เฟิงชิงอวิ๋น แววตาที่สั่นไหวไปมาด้วยความประหลาดใจ ความลับที่ฟู่ซีตระหนักได้นี้ ใต้สวรรค์นี้ไม่มีคนรู้ แม้แต่เหล่าราชาของราชวงศ์ต่าง ๆ  หรือบางทีปราชญ์เทพก็ยังไม่รู้?

"บำเพ็ญชีวิต มีความเสี่ยงมากมาย เจ้าเป็นคนตระกูลเฟิงคนสุดท้าย ก่อนที่จะมีลูกหลานสืบสกุล ห้ามเดินทางสายนี้โดยเด็ดขาด."ฟู่ซีกล่าวออกมาอีกครั้ง.

"ครับ ชิงอวิ๋นจะจดจำไว้!"แม้นว่าจะเป็นเพียงแค่ภาพบันทึก ทว่าเฟิงซิงอวิ๋นก็รับคำอย่างหนักแน่น.

"ตอนนี้การบำเพ็ญชีวิตนั้น ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนวิชาช่วงชิงชะตา แผนผังเซียนป้ากั้วที่ถูกชิงไปนั้น หาได้สำคัญ ตอนนี้เจ้าจงเดินทางไปยังตระกูลไป๋ เมื่อถึงที่นั่น ตราบเท่าที่เผยสถานะตัวเองออกไป เจ้าก็จะสามารถได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!"ฟู่ซี่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ตระกูลไป๋? ซิงอวิ๋นจะจำไว้!"เฟิงชิงอวิ๋นพยักหน้ารับ.

ท้ายที่สุดฟู่ซี่ก็แสดงท่าทางจริงจังออกมา "โปรดจำไว้ว่า เมื่อถึงตระกูลไป๋นั้นต้องนอบน้อมถ่อมตน บรรพชนไป๋จื่อของพวกเขา เป็นคนที่พิเศษไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าข้า พวกเขาเป็นคนแข็งแกร่ง แต่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เผยตัวตน จึงสามารถมีชีวิตที่ยาวนานได้! เฮ้อ!"

ตระกูลไป๋? ไป๋จื่อ?จงซานที่จดจำนามนี้เอาไว้เช่นกัน.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด