Chapter 962 ป้ากัวเซียนเทียน.
แสงสีเขียวที่ปกคลุมร่างของจงซาน หล่อเลี้ยงร่างกายที่หมดเรี่ยวหมดแรง ความเบาสบายจนทำให้จงซานหมดสติลงไป.
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จงซานที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาช้า ๆ .
ดวงตาที่ขยับไปมา จงซานที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาที่กวาดตามองรอบ ๆ จ้องมองไปยังดวงดารามากมาย ที่ส่องประกายระยิบระยับละลานตา จงซานที่ค่อย ๆ หลับตาลงครุ่นคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับตรวจสอบร่างกายทั้งหมดของตัวเอง.
ความเหนื่อยล้าหายไปหมดแล้ว อาการบาดเจ็บหายไปแล้ว! แม้แต่พลังฝึกตนของเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น.
มหาเซียนขั้นที่ 3!
มังกรแท้สองตนที่อยู่ภายในร่าง วาสนามังกรทองของต้าเจิ้งได้มาอยู่ในร่างกายของเขาทั้งหมด.
จงซานที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เริ่มตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ
ธวัชเจาเหยาที่ยังคงอยู่ในอกของเขาเหมือนก่อน ไม่ได้แสดงอภินิหารออกมาแล้ว ทว่าในเวลานี้จงซานนอนอยู่บนแท่นศิลาขนาดใหญ่ยักษ์.
เขาอยู่ในทะเลดวงดาว?
ที่แห่งนี้เป็นบันได ที่เชื่อมต่อลากยาวขึ้นไปบนที่สูงขึ้นไป.
ส่วนจงซานนั้นมาหยุดที่ใจกลาง บันไดที่มากมายหลายขั้น ราวกับว่ามันยืดยาวขึ้นไปยังทะเลดวงดาวจนมองไม่เห็นยอด.
พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดวงดารามากมาย ล้อมรอบ มีเพียงสถานที่เขายืนอยู่เท่านั้นที่แปลกประหลาด มีกลุ่มดวงดาราด้านขวา ดวงดาวที่แห่งนี้ เรียงตัวยืดยาวเป็นเส้นตรง.
นอกจากนี้ยังมีบางสถานที่ ดวงดาวที่โคจรหมุนไปมาในพื้นที่ใกล้ ๆ .
เป็นพื้นที่แปลกประหลาดไม่น้อย.
ดูเหมือนว่ามีแค่บันได ที่หยุดนิ่งไม่เปลี่ยนตำแหน่ง.
ภายในใจของจงซานที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาที่ยื่นมือนำบอลผลึกออกมา ก่อนที่จะนำมันออกมาทดสอบ.
เขาที่ขว้างมันออกไปยังทะเลดวงดารา.
ความเร็วของบอลผลึกนั้นพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ทว่าหลังจากที่มันผ่านเขตแดนของบันไดออกไป บอลผลึกกลับช้าลงในทันที.
ไม่เพียงแค่บินออกไปช้าเท่านั้น มันยังช้าลงเรื่อย ๆ อีกด้วย! ความรู้สึกนี้ เหมือนกับที่โหลวซิงเฉินได้ใช้ทักษะเทวะเวลาออกมา นอกจากนี้พริบตานั้นบอลผลึกยังเคลื่อนที่แปลก ๆ ราวกับว่ามันกำลังกรอบเปราะ บิดเบี้ยวไปมาเล็กน้อย แม้ว่าจะยังไม่แยกออกจากกัน แต่ดูเหมือนว่ามันเริ่มจะผุกร่อนสลายหายไปได้ทุกเมื่อ.
ใบหน้าของจงซานที่กระตุกเล็กน้อย มิติแห่งนี้มีปัญหา.
เวลาเดินช้ากว่าปรกติ พลังแห่งกฎกาลอากาศวุ่นวายสับสนรึ? เขาอยู่ที่ใหน?
จงซานที่นำธวัชเจาเหยาออกมา เวลานี้มันได้กลับเป็นเหมือนกับตอนต้นแล้ว มองไม่เห็นความผิดปรกติแม้แต่น้อย ทว่าเขาพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นมันที่นำเขามาอยู่ที่นี่!
"ฟิ้ว~~~~~~~~~!”
ทันใดนั้นแสงสีขาวที่พุ่งเป็นริ้วแสงพุ่งออกไปเหนือศีรษะของจงซานข้ามบันไดพุ่งไปยังยอดด้านบนด้วยความเร็ว.
สถานที่แห่งนี้มีพลังแห่งกฎความโกลาหล ทว่าคนผู้นี้กับบินผ่านไปโดยไม่มีผลกระทบ ซ้ำยังรวดเร็วเห็นเป็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น.
"ปราชญ์เทพหมี่เทียน?"
แม้นว่าจะไม่สามารถจดจำใบหน้าของปราชย์เทพหมี่เทียนได้ ทว่าร่างกายของเขานั้นจงซานจดจำได้ เป็นเขาแน่นอน!
มีอะไรอยู่เหนือขึ้นไปบนบันไดแห่งนี้?
จงซานที่ก้าวตรงขึ้นไปบนบันไดทันที เขาที่พุ่งขึ้นไปด้วยความเร็ว.
บันไดนั้นมีความสูงมาก ทว่าความเร็วของจงซานก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ท้ายที่สุดก็สามารถมองเห็นจุดสูงสุดของบันไดได้.
ด้านบนนั้นเป็นพื้นที่แบนราบเรียบมีตำหนักที่กว้างใหญ่ เป็นสุสานแห่งหนึ่ง.
พื้นที่ใจกลางนั้นมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ เป็นแท่นบูชาเป็นตำหนักที่มีขนาดหมื่นจั้ง ไม่มีป้ายจารึก ทว่ากลับมีกลิ่นอายที่มืดมนทรงพลังแผ่ออกมา แม้แต่อยู่ห่างออกมานับหมื่นลี้ยังสัมผัสได้ จงซานรับรู้ได้ถึงห้องโถงที่ส่งกลิ่นอายออกมานั้น ดูทรงพลังยิ่งใหญ่มาก.
ตำหนักแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะไร้ชื่อ ทว่าในเวลานี้มีคนหกคนที่ยืนอยู่.
ปราชย์เทพหมี่เทียน หยิง กุยกูซือก็อยู่ในแถวและยังมีอีกคนหนึ่ง เฟิงซิงอวิ๋น! เต๋าจวินนิกายเสอโห่ว?
อย่างไรก็ตามที่เห็นเวลานี้ เฟิงซิงอวิ๋นที่ราวกับว่าไม่สู้ดีนัก กำลังถูกกดดันอยู่.
และในกลุ่มพวกเขา มีอีกหนึ่งคนที่สวมชุดสีดำ กลิ่นอายที่คุ้นเคยจงซานไม่เคยลืม.
ปราชญ์เทพ โม่จื่อ?
แน่นอนว่าต้องเป็นไม่จื่อ ในอดีตจงซานเคยพบเขามาก่อน กลิ่นอายนี้ไม่ผิดอย่างแน่นอน.
อีกหนึ่งคน บัณฑิตในชุดสีเขียว กลิ่นอายที่ดูสง่าลึกลับ ราวกับว่าคนทั่วหล้าต้องการสนับสนุนเขาอย่างไม่มีเหตุผล?
คนผู้นี้?
จงซานไม่เคยรู้จักรเขามาก่อน ทว่าหากจะให้คาดเดาล่ะก็ เป็นไปได้ว่าเขาก็คือ กงจื่อ!
สามปราชญ์เทพ สองเซียนบรรพชน หนึ่งเซียนโบราณ?
พื้นที่อยู่ไกลออกไปนับหมื่นลี้ ทว่าจงซานกลับไม่กล้าก้าวเข้าไปอีก เพราะว่าจงซานรับรู้ได้ว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถขยับได้.
ต่อหน้าปราชญ์เทพ เขาที่เป็นเพียงมหาเซียนจะไปทำอะไรได้?
ที่ไกลออกไปนั้นทุกคนที่สัมผัสการมาถึงของจงซานได้ ทว่ามี่มีใครหันหน้ากลับมา พวกเขายังคงจับจ้องมองไปยังห้องโถงที่อยู่ด้านหน้า.
"ปราชญ์เทพ ผู้เป็นแบบอย่างของโลกหล้า ทว่าปราชญ์เทพผู้น่าเคารพ คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นคนขุดสุสาน พวกเจ้า ทำเกินไปแล้ว!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น แววตาเย็นชาจดจ้องมองไปยังปราชญ์เทพหมี่เทียน.
"อย่าพูดจาไร้สาระ ควรจะรู้ตัวเองว่าถูกนำมาเพื่ออะไร หรือจะรอให้ข้าหลอมเจ้าไปด้วยรึไง?"หมี่เทียนกล่าวออกมาเบา ๆ .
ในเวลานี้ ปราชญ์เทพสองคน เซียนบรรพชนอีกสองคนที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด.
เฟิงชิงอวิ๋นที่จ้องมองอย่างขมขื่น ท้ายที่สุดก็สูดหายใจลึก หลับตาลง.
หันหลังกลับ ก่อนที่จะก้าวไปยังห้องโถงไร้นาม.
เฟิงชิงอวิ๋นที่จ้องมองไปยังตำหนักขนาดใหญ่ คุกเข่าลงด้วยความเคารพในทันที.
เขาที่คุกเข่าลงสามครั้ง และคำนับไปเก้าครั้ง.
"ผู้หลานอกตัญญู เฟิงซิงอวิ๋น ได้ถูกบังคับ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่คุกเข่าลงขณะที่บ่นพึมพำไปมา.
สามปราชญ์เทพและสองเซียนบรรพชนยังคงรออย่างอดทน.
หลังจากที่ทำความเคารพรบเสร็จ เฟิงชิงอวิ่นก็หยดโลหิตออกมาเก้าหยด พร้อมกับส่งมันไปยังที่ด้านหน้าประตูตำหนักไร้นามในทันที.
หยดโลหิตที่เก้าที่กลายเป็นเส้นลายอาคมเกิดขึ้นที่ด้านหน้าประตู.
"ใช้สายโลหิตลูกหลานของนวีหวาเปิดประตู ปราชญ์เทพหมี่เทียน มีแผนการที่ยอดเยี่ยมนัก!"หยิงที่เอ่ยปากออกมา.
หยิงที่หันหน้าไปมอง หากแต่หมี่เทียนไม่กล่าวสิ่งใด ไม่สนใจแม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังแสดงท่าทางดูแคลนเซียนบรรพชนด้วยซ้ำ.
หยิงที่ไม่สนใจแต่อย่างใด ยังคงจ้องมองไปยังประตูด้านหน้า.
ขณะที่โลหิตที่ชโลมบนประตูอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ปรากฎช่องว่างที่ว่างเปล่าขึ้น สถานที่ดังกล่าวนั้นม้วนกวาดพุ่งตรงมาด้านหน้า มันยื่นยาวออกมาหลายร้อยลี้เลยทีเดียว.
"ครืนนนน!"
ประตูที่เปิดออกเสียงดัง.
จากนั้นประตูก็เปิดออกมา ประกายแสงสีทองนับล้านล้านแผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วในทันที ลำแสงสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับ.
ที่ด้านในนั้นเป็นแผนภูมิสีทองขนาดใหญ่ แผนภูมิที่ถูกแยกออกเป็นแปดช่องแปดเหลี่ยม แต่ละช่องมีหมอกสีทองปกปิดตำแหน่งเอาไว้ แสงสีทองที่เจิดจรัส ราวกับดวงดาราและกำลังโคจรกันไปมา และบางเวลาก็หยุดนิ่งเป็นจังหวะ.
"ผังเซียนป้ากั้ว! สมแล้วกับชื่อเสียง!"ปราชญ์เทพโม่จื่อที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
ไม่มีใครเร่งรีบ ต้องไม่ลืมว่า ที่นี่ไม่มีใครที่สามารถบังคับใครได้.
"สหายทุกท่าน ข้าขอเพียงใช้งานหนึ่งร้อยปีเท่านั้น หนึ่งร้อยปีหลังจากนั้นจะส่งมันให้กับทุกคน เป็นอย่างไร?"กงจื่อที่เป็นคนเอ่ยปากออกมาคนแรกในทันที.
"ไม่ ตำหนักแห่งนี้เปิดได้เพราะข้า ข้าจะต้องเป็นคนได้มันไปใช้ก่อน ห้าสิบปีหลังจากนั้นข้าจะส่งให้กับทุกคน!"ปราชญ์เทพหมี่เทียนที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
........................
............
ปราชญ์เทพทั้งสามที่พูดคุยโตแย้งกัน ทุกคนต่างก็ต้องการผังเซียนป้ากั้วเป็นคนแรก ต่างก็พยายามที่จะโน้มน้าวฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะใช้กำลัง.
ส่วนเฟิงชิงอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงคุกเข่าก้มหน้า กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นจนเส้นโลหิตบวมปูดขึ้นมา.
"เช่นนั้นส่งมอบมาให้ข้าเป็นคนดูแลเป็นอย่างไร?"หยิงที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
ขณะที่หยิงเอ่ยปาก ปราชญ์เทพทั้งสามที่หยุดโต้เถียงกัน พร้อมกับจ้องมองมายังหยิง โดยเฉพาะหมี่เทียน แม้นว่าจะรู้หยิงแข็งแกร่ง แต่มันไม่พอ เพียงแค่เซียนบรรพชน หาได้อยู่ในสายตาของเขา.
ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ายุแหย่ปราชญ์เทพสามคนเลยรึ?
"ผังเซียนป้ากั้ว เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้ฝึกตนช่วงชิงชะตาฟู่ซี่ สามารถมอบให้ได้แค่คน ๆ เดียว! ในเวลานี้จะต่อรองกันไปเพื่อเหตุใด?"หยิงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส.
หมี่เทียนที่จ้องมองไปยังหยิง.
"เจ้าต้องการพูดอะไร?"หมี่เทียนที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย.
"ด้วยวิชาของเจ้า คิดว่าจะควบคุมทุกคนได้อย่างงั้นรึ?!"หยิงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส.
"เพียงแค่เซียนบรรพชนต้องการขัดขืนพวกเราอย่างงั้นรึ? วิชาสวรรค์ลี้ลับนั้นเป็นข้าที่ทิ้งเอาไว้ในโลกใบเล็ก!"หมี่เทียนกล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ต้าฉิน? เจ้าช่างเป็นคนที่หาญกล้ามากจริง ๆ !"กงจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
หยิงที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนี้ไม่สามารถมองเห็นความโกรธเกรี้ยวแม้แต่น้อย แม้แต่เป็นรอยยิ้มพึงพอใจด้วยซ้ำ.
"ปราชญ์เทพโม่จื่อ!"หยิงกล่าว.
หยิงที่จ้องมองไปยังโม่จื่อ ปราชญ์เทพทั้งสองต่างก็เผยท่าทางประหลาดใจ.
"หยิง!"โม่จื่อพยักหน้ารับ.
"หยิง ต้องการสิ่งนี้ขอให้ปราชญ์เทพโม่จื่อช่วย!"หยิงที่กล่าวออกมาตรง ๆ .
"ไม่มากเลย เพื่อตอบแทนบุญคุณในอดีต!"โม่จื่อกล่าวออกมาทันที.
บุญคุณ? ทุกคนต่างสงสัย โม่จื่อติดหนี้หยิงอย่างงั้นรึ?
ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย จากคำพูดของโม่จื่อเห็นชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการผังเซียนป้ากั้วแม้แต่น้อย.
"ขอบคุณ ข้าคงต้องรบกวนให้เจ้าช่วย ... และไม่สามารถให้กงจื่อได้ผังเซียนป้ากั้วไปโดยเด็ดขาด!"หยิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย.
ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นนิ่งงัน คำพูดของหยิงนั้นดูอหังการยิ่งนัก!
หยิงต้องการแย่งชิงผังเซียนป้ากั้ว โดยให้โม่จื่อขวางกงจื่อ ส่วนเขามั่นใจว่าจะจัดการปราชญ์เทพหมี่เทียนได้อย่างงั้นรึ?
ปราชญ์เทพหมี่เทียนในเวลานี้ ไม่รู้จะหัวเราะหรือโกรธเกรี้ยวออกมาดี! ปราชญ์เทพที่น่าเคารพ กำลังถูกเซียนบรรพชนดูแคลนอยู่อย่างงั้นรึ?
"ได้ดั่งหวัง!"โม่จื่อพยักหน้า.
ผังเซียนป้ากั้ว โม่จื่อที่ราวกับไม่สนใจ อีกทั้งยังคิดที่จะขวางกงจื่ออีกด้วย.
"เจ้าต้องการขวางข้าอย่างงั้นรึ?"หมี่เทียนที่จ้องมองไปยังหยิง.
"ที่นี่คือปมกาลอากาศ ไม่ได้อยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ปราชญ์เทพ? ปราชญ์เทพที่ไม่สามารถยืมพลังฟ้าดินได้! ข้าต้องการจะเห็นเช่นกัน ว่าปราชญ์เทพไม่มีพลังฟ้าดินสนับสนุน จะแข็งแกร่งขนาดใหน!"หยิงที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าจะช่วยให้กระจ่างเอง!"หมี่เทียนที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"อุ่นเครื่องรอวันที่เจ้าใช้อำนาจฟ้าดินได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนหยางด้วยความเคารพ ตอนนี้อยู่ในปมกาลอากาศ หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้ากับคนของข้าได้ ผังเซียนป้ากั้ว พวกเราก็ไม่ต้องการ!"หยิงที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
"ฟิ้ว!!"
ในเวลานั้น หยิง กุยกูซือ หมี่เทียน โม่จื่อ กงจื่อ ห้ายอดฝีมือที่หายไปในทันที.
จงซานที่จับจ้องมองออกไป พวกเขาที่กำลังอยู่บนทะเลของดวงดาว.
นี่คือการต่อสู้ของยอดฝีมือ เพื่อแย่งชิงผังเซียนป้ากั้ว!
เฟิงซิงอวิ๋นและจงซานที่ยังคงอยู่ที่ลาน เหล่ายอดฝีมือนั้นไม่เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพราะพวกเรารับรู้ว่าการจะสังหารคนทั้งสองนั้น ง่ายดายยิ่งนัก แทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย.
จงซานเองก็ไม่ได้กระทำอะไรบุ่มบ่าม เฟิงซิงอวิ๋นเองก็เช่นกัน เขาที่ยังคุกเขาอยู่ที่ด้านหน้าตำหนักไร้นาม ศีรษะก้มลง กำหมัดแน่น แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ.
กับความรู้สึกที่ถูกเหยียบย่ำ ถูกบังคับให้เปิดหลุมศพบรรพชน นอกจากนี้พวกเขายังคิดจะชิงสมบัติออกไป โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย นี่คือการข่มเหงกันอย่างบ้าคลั่ง เฟิงชิงอวิ๋นที่เจ็บปวดอัดอั้นแทบกระอั๊กโลหิต.
ฟู่ซียังอยู่ นวีหวายังอยู่ ใครกันที่จะกล้าข่มเหงตระกูลเฟิง? ทว่าตอนนี้ตระกูลเฟิงตกต่ำถดถอย ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถข่มเหงรังแกได้.