Chapter 961 ปมกาลอากาศ.
ที่ไกลออกไปบนยอดเขา โหลวซิงเฉินที่เวลานี้ยังคงจ้องมองตาค้างเต็มไปด้วยความงงงวย.
เซิ่งหวังตายแล้วรึ? เป็นสิ่งที่โหลวซิงเฉินไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย ทว่ากลิ่นอายของเซิ่งหวังหายไปแล้ว นอกจากนี้วาสนาและกรรมวาสนาในร่างเองก็หายไป.
นี่เซิ่งหวังตายไปจริง ๆ รึ? ตายไปเช่นนี้อย่างงั้นรึ?
ภายในใจของโหลวซิงเฉินที่สั่นไหวไม่อยากยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น.
ในเวลาเดียวกัน เหล่ายอดฝีมือหลายคนที่เหมือนจะมุ่งตรงมายังทิศทางของโหลวซิงเฉิน โหลวซิงเฉินที่สูดหายใจลึก ก่อนที่จะหายไปในทันที.
จงซานตกตายไปแล้วจริง ๆ รึ?
จงซานที่ร่วงหล่นลงไปในหลุมดำ ในสภาพที่อ่อนแอ กล่าวตามตรง แม้แต่จงซานในสภาพสมบูรณ์ การตกลงในไปหลุมดำเช่นนั้นการจะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ คงยากจะเป็นไปได้.
แรงบดขยี้ของหลุมดำในโลกใบใหญ่นั้น ทรงพลังเกินกว่าที่จะคาดการณ์ได้.
ทว่าจงซานในเวลานี้กับสามารถต้านทานได้ ที่หน้าอกของเขาที่กำลังแผ่กระแสอากาศอันอบอุ่นออกมา พลังสีเขียวทีกระจายจากหน้าอกไปทั่วร่าง.
ธวัชเจาเหยา! เป็นธวัชเจาเหยาที่ซ่อนอยู่ในหน้าอกของจงซาน.
ธวัชเจาเหยาที่ปล่อยลำแสงสีฟ้า สร้างเป็นรังไหมสีเขียวปกคลุมร่างของจงซานเอาไว้ด้วยความเร็ว.
จงซานที่นอนอยู่ในรังไหม รับรู้ได้ถึงพลังแสงสีฟ้าที่กำลังซึมเข้ามาในร่างของเขาช้า ๆ เป็นพลังที่ทำให้จงซานรู้สึกเบาสบายเป็นอย่างมาก.
กับความเบาสบายนี้ จงซานที่หมดเรี่ยวแรง ดวงตาที่หลับลง ก่อนที่จะหมดสติไป.
หลุมดำที่ปิดไปเรียบร้อยแล้ว จงซานที่หายไปต่อหน้าทุกคน.
โหลวซิงเฉินหายไปแล้ว ทว่าที่หุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลไปอีกพื้นที่แห่งหนึ่ง.
หยิง กุยกูซือ ไป๋ฉี คนทั้งสองที่จ้องมองกันและกันด้วยความลึกล้ำ.
"เซียนเซิง เป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงที่กล่าวสอบถามออกมา.
"ใช่ สัญลักษณ์ที่ข้าได้ทิ้งเอาไว้บนธวัชเจาหยา ไม่ผิดแน่ ธวัชเจาเหยาในเวลานี้ได้นำจงซานไปยังปมกาลอากาศแล้ว!"กุยกูซือที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ปมกาลอากาศ? เป็นจริงสินะ สิ่งนั้นจะนำพาไปยังสุสานนวีหวาที่แท้จริง!"หยิงพยักหน้า.
"ไป๋ฉี อยู่ด้านหลัง เซียนเซิงและข้า จะพาเจ้าเข้าไปในปมกาลอากาศในทันที!"หยิงกล่าว.
"ครับ!"ไป๋ฉีที่รับคำในทันที.
หยิงพยักหน้ารับ.
หยิงและกุยกูซือที่ก้าวออกไปด้านหน้า พร้อมกับนำไป๋ฉีจากไปจากหุบเขาดังกล่าว ไป๋ฉีที่กวาดตามองไปรอบ ๆ ทุกอย่างสลายหายไปหมดแล้ว.
คนที่ก้าวเข้าไปในปมกาลอากาศ นอกจากหยิงและกุยกูซือแล้ว ยังมีเหล่าปราชญ์เทพด้วยเช่นกัน!
โลกนวีหวา เรื่องที่จงซานและบรรพชนชราเสวี๋ยเหมยต่อสู้กันนั้นได้กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศในทันที บางคนที่ไม่เห็นการต่อสู้ ทว่าก็ทำให้โลหิตในการร้อนรุ่มขึ้นมาเช่นกัน.
เซิ่งหวังต้าเจิ้ง จงซาน นามนี้กลายเป็นที่รู้จักของทุกคน ทุก ๆ คนต่างก็เผยท่าทางสงสัย จงซานตายไปแล้วจริง ๆ รึ?
กับสถานการณ์ต่าง ๆ จงซานที่ควรจะตายไป นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในโลกนวีหวา ก็สร้างเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจไม่หยุด เรื่องแรกเซียนสวรรค์ที่สามารถสังหารสองเซียนโบราณ เซิ่งหวังไท่อี้และเหยี่ยนฮุย และยังมีการกำจัดศิษย์หลายพันคนของนิกายหงหรู การต่อสู้ครั้งนี้นับว่าเป็นที่รู้จักต่อคนเป็นจำนวนมาก.
จากนั้น ก็มีเหตุการณ์ในค่ายกลโถมังกรหลับ ต่อสู้กับเซียนบรรพชนหลั่นเติ้งและมังกรเหลืองที่ทรงพลัง แม้แต่แย่งเตาฟ้าดินไปต่อหน้าของประมุขนิกายจื่อเซียว เรื่องนี้ก็ดังกระฉ่อนไม่แพ้กัน.
จากนั้น ก็ยังมีเหตุการณ์ ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปสังหารศิษย์ของบรรพชนเสวี๋ยเหมยสองคน ไล่บรรพชนเสวี๋ยเหมยจากไป.
ในเวลาเดียวกันขณะที่ทุกคนกำลังไล่ล่าแย่งชิงธวัชเจาเหยา ยังออกอุบายไปยังศิษย์ของบรรพชนเสวี๋ยเหมยให้ตกตายไปทั้งหมด.
ท้ายที่สุด ต่อสู้กับบรรพชนชราเสวี๋ยเหมย เป็นการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ใจ ทำให้บรรพชนชราเสวี๋ยเหมยได้รับบาดเจ็บหนัก.
กับคนเช่นนี้ ตายจริง ๆ รึ? ต้องไม่ลืมว่ายังไม่มีใครเห็นศพของจงซานเลย.
แม้นว่าหลาย ๆ คนที่มั่นใจว่าจงซานได้ตายไปแล้ว ทว่าก็ยังมีความคิดว่าจงซานอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ทว่า เพียงแค่ มีโอกาสเท่านั้น?
ภายในโลกนวีหวาผู้คนมากมายต่างก็พูดถึงแต่เรื่องของจงซาน.
......
ภพหยาง บนสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว แทบจะทุกคนที่กลายเป็นเงียบงันจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า.
วาสนาไม่มีแล้ว? วาสนาของศาลเทพต้าเจิ้งหายไปใหน? และยังมีกรรมวาสนาของต้าเจิ้งอีก? ไม่มีแล้ว? ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว?
เซิ่งหวังสิ้นแล้วอย่างงั้นรึ?
สายตาของทุกคนที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ วาสนาที่หายไปในทันที ไม่มีวาสนาแล้ว เพราะเซิ่งหวังจากแล้ว.
"เซิ่งหวัง ท่านจากไปแล้ว~~~~~~~~~!”
เหล่าเสนาธิการชราหลายคนที่คุกเข่าลงโอดครวญร้องโหยหวน.
"เซิ่งหวัง~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
มีเสนาธิการหลายคนที่คุกเข่า โอดครวญ.
เสียงที่ดังระงมดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้เหล่าองค์รักษ์ใบหน้าซีดเผือดกลายเป็นจริงจัง แม้แต่คุกเข่าตามคนเหล่านั้น.
กับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลเป็นอย่างมาก ภายในตำหนักหลวง ขยายออกไป ผู้คนมากมายเริ่มโอดครวญโหยหวย แม้แต่เหล่าประชาชนเองก็เช่นกัน ต่างก็คุกเขา เซิ่งหวังจากไปแล้ว ทั่วทั้งแผ่นดินจมอยู่ในความเศร้า.
ที่ด้านหน้าตำหนักซ่างเฉิน แม่ทัพใหญ่หลินเซียว เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ.
สุ่ยจิงเองก็เช่นกัน พัดของเขาที่หยุดส่าย แววตาไม่อยากเชื่อจดจ้องมองเป็นสายตาเดียวขึ้นไปบนท้องฟ้าบนอากาศที่ว่างเปล่า.
"ร้องไห้ทำไมกัน~~~~~~~~~~~~!”
ทันใดนั้นเสียงที่โกรธเกรี้ยวดังกระหึ่มขึ้นต่อกลุ่มคนที่ครวญครงโหยหวน.
ทุก ๆ คนต่างก็จับจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหินในทันที.
"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!"เสียงที่ดังก้องกังวานกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
"อ๋องจื่อเฉิน เซิ่งหวังจากไปแล้ว พวกเรา..........!”เสนาธิการชราคนหนึ่งใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า.
"ใครบอกว่าเซิ่งหวังล่วงลับไปแล้วกัน? ใครพูด~~~~~~~~~!”
เสียงของสุ่ยอู๋เหินที่ดังกึกก้อง คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับเกิดระเบิดขึ้นที่จิตสำนึกของแต่ละคน.
"วาสนาเป็นเซิ่งหวังที่นำมันไป ใครบอกกันว่าเซิ่งหวังล่วงลับแล้ว? ใครบอก อย่าได้ทำให้ขวัญกำลังใจของต้าเจิ้งสับสนวุ่นวาย ต้องประหาร~~~~~~~~~~~~~!”สุ่ยอู๋เหินที่คำรามดังกระหึ่ม.
เหล่าเสนาธิการที่เข้าใจความหมายในทันที.
"เซิ่งหวังไม่ได้เป็นอะไร รับคำสั่งจากข้าไป เหล่าประชาชน ใครกล้าสร้างปัญหาใส่ร้ายว่าเซิ่งหวังจากไป ให้สังหารในทันที~~~~~~~~~~~~!”เสียงของสุ่ยอู๋เหินที่ดังกึกก้อง.
"รับทราบ!"เหล่าเสนาธิการเร่งรีบยืนขึ้นด้วยความกลัว.
ความจริง วาสนาที่หายไป ก็ไม่ได้แปลว่าเซิ่งหวังต้องตายไป ในเวลานี้อยู่ในสภาวะวิกฤติ หากใครสร้างความวุ่นวายจะต้องส่งผลต่อขวัญกำลังใจของประชาชนทั่วต้าเจิ้ง!
"สุ่ยจิง รับคำสั่ง ออกไปปลอบขวัญเหล่าประชาชนทั่วสวนสวรรค์ลอยฟ้าในทันที และส่งคนออกไปทั่วแผ่นดินเพื่อปลอบขวัญคนทั่วแผ่นดินด้วย.
"รับทราบ!"สุ่ยจิงที่รับคำสั่งในทันที.
"หลินเซียว รับคำสั่ง ปกป้องรักษาขวัญกำลังใจกองทัพของต้าเจิ้ง ให้กองทัพทั้งหมดเต็มไปด้วยความฮึกเหิม!"สุ่ยอู๋เหินที่ออกคำสั่งอีกครั้ง.
"รับทราบ!"หลินเซียวที่รับคำในทันที.
"เลิกประชุม!"สุ่ยอู๋เหินกล่าวออกไปเสียงดัง.
"รับทราบ!"เหล่าเสนาธิการต่างก็แยกย้ายกันไปในทันที.
เวลานี้ในท้องพระโรงมีเพียงสุ่ยอู๋เหิน ตำหนักซิงเฉินที่ค่อย ๆ ปิดลง สุ่ยอู๋เหินที่จ้องมองไปยังบัลลังก์เก้ามังกร พร้อมกับคุกเข่าลง แววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตา กล่าวออกมาด้วยความหวาดหวั่น "เซิ่งหวัง ไม่มีทาง ท่านไม่มีทางจากไปแน่นอน! ต้าเจิ้งในเวลานี้อยู่ในวิกฤติ อู๋เหินจะไม่ยอมแพ้ จะปกป้องต้าเจิ้ง จะปกป้องต้าเจิ้งเอาไว้ ต้าเจิ้งใต้สวรรค์แห่งนี้ จะไม่มีใครชิงมันไปได้!"
มีสายลับมากมายที่จับจ้องมองสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวที่วาสนาหายไป ในเวลานี้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก จากนั้นไร้ซึ่งความลังเล รีบแจ้งไปทั่วสารทิศ ต้าเจิ้งเกิดเรื่องฉุกเฉิน เร่งรีบใส่ไฟในทันที.
ภพหยิน เมืองซ่าง.
เขตแดนจวงหลุนที่ได้รวมเป็นหนึ่งแล้ว ที่ใจกลางของเมืองซ่างต้าเจิ้ง.
บนท้องฟ้า ในวันนี้ วาสนามากมายที่หดหายไป หายไปอย่างแปลกประหลาด.
วาสนามากมายของต้าเจิ้งหายไปในทันที แม้แต่กรรมวาสนาเองก็ด้วยรึ?
แทบจะในทันที ทุกคนต่างก็ออกมาจากที่พัก เพราะทุกคนรับรู้ว่าวาสนาภายในร่างกายหายไปในทันที.
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เกิดสิ่งใดขึ้น?
ไม่มีวาสนา? ต้องสอบถามเซิ่งหวัง? เซิ่งหวังล่ะ?
ทุก ๆ คนต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย ผู้คนมากมายต่างก็เดินทางมายังตำหนักหลวง.
"เซิ่งหวัง?"
"เซิ่งหวังอยู่ที่ใหน?"
"พวกเราต้องการพบเซิ่งหวัง!"
..............................
..................
............
ที่ด้านหน้าตำหนักปู๋ซือ เหล่าขุนนางต่างก็เอ่ยเสียงดังด้วยความร้อนใจ เหล่าองค์รักษ์ที่ขวางทางตำหนักเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามา.
"ส่งเสียงดัง อื้ออึงทำไมกัน!"ทันใดนั้นเสียงที่ดูเคร่งขรึมก็ดังขึ้นในทันที.
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังอี้เหยี่ยนที่กำลังก้าวออกมา.
อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาเสียงดัง ทำให้เหล่าขุนนางเงียบปากไปในทันที มีใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้ากล่าวออกมาทันที "แม่ทัพอี้ พวกเราต้องการพบเซิ่งหวัง.
"ที่นี่ที่ใหน พวกเจ้าลืมระเบียบไปแล้วรึ?"อี้เหยี่ยนกล่าวออกมา.
"ข้า พวกเรา วาสนาบนท้องฟ้าหายไป พวกเราไม่เห็นเซิ่งหวัง พวกเราจึงต้องการพบเซิ่งหวังเพื่อแก้ไขข้อสงสัย!"ขุนนางชราคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาในทันที.
"เซิ่งหวังกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ห้ามใครรบกวน วาสนาและกรรมวาสนาอย่างงั้นรึ? รอให้เซิ่งหวังออกมา แน่นอนว่ามันจะต้องปรากฎ แน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าสามารถมาขอเข้าพบได้ มาส่งเสียงดังโหวกเหวกที่หน้าตำหนักปู่ซือเวลานี้ พวกเจ้าต้องการเป็นกบฏอย่างงั้นรึ?"แววตาของอี้เหยียนที่ชำเลืองเขม็ง.
"ไม่กล้า ข้าและคนอื่นไม่กล้า!"เหล่าขุนนางที่หวั่นเกรงออกมาทันที.
"มาจากใหน กลับไปที่นั่น ทุกอย่างไม่มีปัญหา รอคอยให้เซิ่งหวังออกมาเท่านั้น!"อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"เหล่าขุนนางที่เร่งรีบถอยจากไปในทันที.
หลังจากที่เหล่าขุนนางอื่น ๆ จากไปแล้ว เวลานี้เหลือเพียงแค่เสนาธิการระดับสูง.
หนี่ปู่ซา หนานกงเซิ่ง จ้าวโส่วเซี่ยง และเสี่ยวหวังจ้องมองไปยังอี้เหยี่ยน อี้เหยี่ยนที่นำทุกคนมายังตำหนักส่วนตัว.
"เซิ่งหวังเป็นอะไรไปอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่สอบถามออกมาในทันที.
"เซิ่งหวังกล่าวว่าจะต้องเก็บตัวในทันที ก่อนที่จะเข้าไปในตำหนักปู่ซือ และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น!"อี้เหยี่ยนที่ส่ายหน้าไปมา.
"เซิ่งหวังเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือไม่ พวกเรา....... !”
"ไม่จำเป็น เซิ่งหวังมีความระมัดระวังมากกว่าเจ้าหรือข้า ไม่มีทางที่จะช่วยอะไรได้ อย่างไรก็ตามเซิ่งหวังก็อยู่ด้านในแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดอะไรขึ้น รอคอยอย่างอดทนเถอะ!"อี้เหยี่ยนที่ถอนหายใจเล็กน้อย.
เห็นชัดเจนว่าภายในใจของอี้เหยี่ยนเองก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน.
"ในเวลานี้คงต้องรบกวนแม่ทัพจ้าว ป้องกันตำหนักปู่ซือ ห้ามใครเข้าไปด้านในเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปด้วย!"อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"มีข้าอยู่ จะไม่มีใครก้าวเข้าไปได้เด็ดขาด!"จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวตอบรับในทันที.
"เอาล่ะเพราะว่าเขตแดนจวงหลุนได้รวมเป็นปึกแผ่นแล้ว เวลานี้จึงไม่มีราชวงศ์วาสนาใดก่อปัญหาขึ้น!"เสี่ยวหวังที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ใช่ ภพหยินได้รวมเป็นหนึ่งแล้ว ภพหยางเวลานี้ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าคิดว่าตอนนี้สุ่ยอู๋เหิน สุ่ยจิงและหลินเซียวคงจะถูกกดดันอย่างหนักแน่นอน!"อี้เหยี่ยนกล่าวพลางถอนหายใจ.
ภายในภพหยิน ร่างแยกเงาเพราะว่าร่างหลักหมดสติ ทำให้ร่างแยกเงาหายไปชั่วคราว เว้นแต่ร่างหลักฟื้นคืน ร่างแยกเงาถึงจะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ทว่าภพหยินนั้นไม่จำเป็นต้องให้จงซานต้องเป็นกังวลอย่างชัดเจน มีเพียงภพหยาง ที่ดูเหมือนว่าต้าเจิ้งกำลังพบเจอกับความยากลำบาก.