Chapter 933 อนุสาวรีย์อมตะพังทลาย.
บนอากาศ จงซานที่ลอยอยู่จดจ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ มีคนมากมายที่กำลังเฝ้ามองอยู่ สายตาของจงซานทำให้ทุกคนหัวใจเย็นยะเยือบ ไม่กล้าแม้แต่มองตรง ๆ ออกมา.
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็คิดว่าจงซานคือคนที่อ่อนแอ ทว่าในเวลานี้หัวใจของพวกเขาสั่นไหวเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือบไปถึงทรวง หากนี้เรียกอ่อนแอ พวกเขาจะถูกเรียกว่าอะไร?
หลายพันศิษย์ของนิกายหงหรู สองเซียนโบราณ เพียงแค่เวลาชั่วน้ำเดือด ก็ถูกกำจัดหมด? คนเช่นนี้ทรงพลังเกินไปแล้ว?
จงซานน่าเกรงขามเกินไปแล้ว.
"เดินทางต่อ!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะนำอีกสองคนพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว.
จนกระทั่งจงซานจากไปแล้ว กลุ่มอิทธิพลและยอดฝีมือที่อยู่รอบพลางถอนหายใจเบา ๆ นี่คือต้าเจิ้งจงซานอย่างงั้นรึ?
เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ? แล้วทำไมถึงต้องการเป็นเมืองขึ้นของศาลเทพไท่ชูกัน?
ในป่าทึบที่ไกลออกมาแห่งหนึ่ง พื้นที่ปิด มีคนสามคนยืนอยู่ หยิง ไป๋ฉีและกุยกูซือ.
"ต้าเจิ้งจงซาน ท้ายที่สุดก็ฟื้นฟูความแข็งแกร่ง นี่คือจงซานที่โดดเด่นของโลกใบเล็ก!"ไป๋ฉีที่พยักหน้าและกล่าวออกมา.
"ยัง เขาก็คือจงซาน ทว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องที่ต้องกังวลมากมาย ด้วยความแข็งแกร่งที่มีของเขานั้นไม่เพียงพอที่จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นได้!"หยิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก.
"ไม่เพียงพอที่จะแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์อย่างงั้นรึ? นี่ก็ผ่านมากว่าร้อยปีแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขา คงไม่จำเป็นที่ต้องระมัดระวังแล้วสินะ?"ไป๋ฉีที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ด้วยความสามารถที่เขาแสดงออกมาในครั้งนี้ เขาไม่ต้องการที่จะปกปิดแล้ว ต้าเจิ้งในอดีต กำลังกลับมา!"หยิงกล่าวออกมาด้วยท่าทางสนใจ.
"เซิ่งหวัง ท่านหมายความว่า จงซานกำลังจะกลับสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว จากนั้นก็เริ่มขับเคลื่อนต้าเจิ้งอย่างงั้นรึ?"ไป๋ฉีขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.
"ควรจะเป็นเช่นนั้น!"ชายในชุดดำ กุยกูซือกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เซียนเซิงเห็นแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบของจงซานหรือไม่ คิดว่าเป็นอย่างไร?"หยิงกล่าวออกมาด้วยท่าทางสนใจ.
"ไม่เคยเห็น ทว่าให้เฉินคาดเดาละก็ เทพอสูรตนนี้น่าจะเป็นหนึ่งใน 18 อันดับอย่างแน่นอน!"กุยกูซือที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"เทพอสูรหนึ่งใน 18 อันดับอย่างงั้นรึ? ทว่าความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้มาก....!"ไป๋ฉีที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เพราะว่าแปดหางสวรรค์ตนนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดยังไงล่ะ!"กุยกูซือที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"จงซานนับว่าโชคดีจริง ๆ ที่สามารถกำราบเทพอสูรเช่นนี้ได้ตั้งแต่ในโลกใบเล็ก!"ไป๋ฉีที่พยักหน้าและกล่าว.
"โชคดีรึ? หากมีเพียงแค่โชค เป็นไปไม่ได้ที่จะซานจะก้าวมาถึงจุดที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้!"หยิงที่ส่ายหน้าไปมา.
"ครับ!"ไป๋ฉีที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"เดินทางกันได้แล้ว!"หยิงกล่าวอย่างเฉยเมย.
คนทั้งสามที่ก้าวออกไป พร้อมกับหายตัวไปในทันที.
บางทีการต่อสู้ใหญ่ของจงซาน ในโลกของนวีหวาคงเป็นการต่อสู้ใหญ่กลุ่มแรก นอกเหนือจากหยิง จงซาน ยังมีกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน.
ชายชราผมขาว บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ย.
ที่ด้านหลังของเขานั้น มีศิษย์ยืนอยู่หลายคน ที่จดจ้องมองมายังบรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยด้วยความเคารพ.
บรรพชนเสวี๋ยเหม่ยที่กำลังนับนิ้วไปมา ก่อนที่มือขวาของเขาจะวางลง พร้อมกับขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"อาจารย์ เซิ่งหวังไท่อี้และเหยี่ยนฮุย ตายแล้วจริง ๆ รึ?"ศิษย์คนหนึ่งที่ขมวดคิ้วไปมาขณะถาม.
"ตายแล้ว เป็นเทพอสูรที่ร้ายกาจนัก!"บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยกล่าวพลางถอนหายใจ.
"ตายจริง ๆ รึ? ทว่าสองคนไม่ใช่ว่ามีระดับเซียนโบราณหรอกรึ?นี่ผ่านไปไม่ถึงเวลาชั่วน้ำเดือดเลยด้วยซ้ำ?"ศิษย์คนหนึ่งที่เผยท่าทางหวาดผวา.
"เทพอสูร เป็นเทพอสูรที่ผิดปรกติจริง ๆ บางทีในยุคโบราณมันคงอยู่ในสิบแปดอันดับอย่างแน่นอน!"บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"หนึ่งใน 18 อันดับอย่างงั้นรึ? นี่จงซาน ........"ศิษย์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นตกใจ.
"อาจารย์ ธารโลหิตก่อนหน้านี้คืออะไร? มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายความโชคร้าย ความมืดมนที่หนักหน่วงเป็นอย่างมาก!"ศิษย์อีกคนที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ความเสื่อมแห่งกิเลสหนึ่งในห้ามลทิน!"บรรพชนชราที่กล่าวยืนยัน.
"หืม?"
"ไม่ผิดแน่ ในอดีตข้าเคยเดินทางไปยังภพหยิน ผ่านซือตานนี่คือความเสื่อมแห่งกิเลส เป็นความขุ่นมัวที่ไม่ธรรมดาเลย!"บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยที่ขมวดคิ้วไปมา.
"จงซานแข็งแกร่งมาก เขาจะมีผลต่อเป้าหมายของอาจารย์หรือไม่?"ศิษย์อีกคนกล่าว.
"เขานะรึ? ไม่เพียงพอ!"บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยส่ายหน้าไปมา.
"นับว่าโชคดีจริง ๆ !"
"เดินทางต่อ พวกเราควรจะสำรวจโลกนวีหวาให้ทั่ว."บรรพชนชราเสวี๋ยเหม่ยกล่าว.
"รับทราบ!"
คนทั้งหมดที่หายไปจากสถานที่ดังกล่าวในทันที.
........
จงซานที่พาซูอาโฝและกงจูจิวเหว่ยพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง.
ก่อนที่จะพบหุบเขาที่เงียบสงบ จงซานที่เก็บตัวอยู่ราว ๆ หนึ่งชั่วยาม สองเซียนโบราณ สองอุปกรณ์เซียนโบราณที่แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบกินเข้าไป ทำให้พลังฝึกตนของจงซานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง.
พลังที่มากล้นถูกส่งเข้ามาพร้อมกับยกระดับขึ้นช้า ๆ .
"ครืนนนน!"
เซียนสวรรค์ขั้นที่สิบ เซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์!
จงซานถึงกับต้องขมวดคิ้วไปมา เพราะว่าจงซานพบกับปัญหาที่น่าสงสัยซะแล้ว แปดหางสวรรค์ที่กลืนกินพลังที่เทียบเท่าสี่อุปกรณ์เซียนโบราณ และหนึ่งในนั้นยังเป็นอุปกรณ์เซียนโบราณที่แข็งแกร่งมาก ด้วยพลังที่มากมายนั้นกับยกระดับให้เขาได้แค่ หนึ่งขั้นเองรึ? หากเป็นเช่นนี้ ระดับต่อไปจะเป็นเช่นไรกัน?
สามารถบอกได้เลยว่า ต่อจากนี้ อุปกรณ์เซียนโบราณจะไม่สามารถช่วยยกระดับเขาได้อีกต่อไป.
เพียงแค่คิดก็รู้สึกอักอ่วนแล้ว อุปกรณ์เซียนโบราณกลายเป็นไร้ประโยชน์แล้ว?
หลังจากผ่านหนึ่งชั่วยาม จงซานที่ก้าวออกมาจากตำหนัก และเก็บมันไป จ้องมองไปยังสองคนด้านหน้า.
ซูอาโฝและกงจูจิวเหว่ยที่ในเวลานี้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าทั้งคู่กำลังขมวดคิ้วไปมา ราวกับว่ามีเรื่องที่ต้องกังวลใจ.
"จงซาน เจ้าต้องการจะจากไปแล้วอย่างงั้นรึ?"กงจูจิวเหว่ยที่ลอบสอบถามออกไป.
ก่อนหน้านี้ กงจูจิวเหว่ยและซูอาโฝที่พูดคุยกัน จงซานนั้นได้แสดงความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อออกมา ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าในเวลานี้ จงซานยังจะอยู่ในศาลเทพไท่ชูอีกรึ?
"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องแยกจากศาลเทพไท่ชู ข้าจำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้า แน่นอนว่าข้าจะไม่เป็นศัตรูของพวกเจ้า หากเซิ่งหวังไท่ชูไม่รุกรานข้าข้าก็จะไม่รุกรานเขา แม้แต่ข้ายินดีที่จะช่วยเขาด้วยซ้ำ หลังจากนี้เมื่อเรื่องโลกนวีหวาจบลง บางทีข้าคงกลับสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว หากพวกเจ้าสนใจ จะเดินทางไปยังศาลเทพต้าเจิ้งใช้ชีวิตเหมือนดั่งที่เคยเป็นมาก็ได้!"จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้น ทั้งสองรู้ดีแม้ว่าจะผิดหวัง ทว่ามันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว.
"เซิ่งหวังไท่อี้ตายไปแล้วจริง ๆ รึ?"กงจูจิวเหว่ยที่สอบถามออกมา.
"ตายแล้ว ข้าคิดว่าศาลเทพไท่อี้ตอนนี้คงกำลังวุ่นวาย ศาลเทพไท่อี้นั้นไม่เพียงแต่บำเพ็ญกรรม ยังบำเพ็ญชื่อเสียง เขานับว่าไม่ธรรมดาเลย!"จงซานที่กล่าวยืนยัน.
ไท่อี้? จงซานสามารถยืนยันได้ว่า เซิ่งหวังไท่จีเองก็อยู่ที่ตรงนั้นอย่างแน่นอน ทว่าเซิ่งหวังไท่จีไม่ได้ลงมือ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขุมเฉลียวฉลาดมากกว่าไท่อี้.
-------------------------------------------------------------------
อาณาเขตเฟิงจง ทิศใต้ เมืองหลวงศาลเทพไท่อี้.
"ตูมมม~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ทุกคนทั่วเมืองหลวงที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อม ๆ กัน.
"วีดดดด ครืนนนน~~~~~~~~~~~~!”
เมฆวาสนามากมาย ในเวลานี้เสียงของมังกรทองกำลังร้องโหยหวนออกมาในทันที เสียที่เจ็บปวดทรมานดังขึ้นกระจายไปทั่วศาลเทพไท่อี้ ทุกคนภายในศาลเทพไท่อี้เวลานี้เต็มไปด้วยความเศร้า รับรู้ราวกับว่ากำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไป.
"เปรี้ยง ~~~~~~~~~!”
สายฟ้าจากทะเลวาสนา ในเวลานี้กำลังบ้าคลั่งกระจายระเหิดออกไปทั่วทุกสารทิศ.
"เซิ่งหวัง!"
เหล่าประชาและข้าราชบริพารที่เมืองหลวงศาลเทพไท่อี้ที่คุกเข่าลงในทันที จดจ้องมองวาสนาที่กำลังสลายหายไป ทุกคนรับรู้ได้อย่างช้า ๆ ว่าเซิ่งหวังได้ร่วงหล่นจากสวรรค์แล้ว.
อาณาเขตเฟิงจง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ชิงชิว.
ตำหนักซือหมา.
ซือหม่าชิงถือจู่จั้ง(อาวุธไม้ไผ่) ขมวดคิ้วไปมาจดจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในใจที่สั่นไหวไปมา.
ที่ด้านหน้าซือหม่าชิงมีชายคนหนึ่ง ที่กำลังขมวดคิ้วแน่น.
"เส้าเหยี่ย เซิ่งหวังไท่อี้ตายแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร?"ชายคนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความกังวล.
"โลกนวีหวา เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เพียงแค่วันแรก เซิ่งหวังไท่อี้ก็ตกตายไปอย่างงั้นรึ?"ซือหม่าชิงที่พยักหน้า.
"ท่านประมุขจะเป็นอย่างไรบ้าง?"ชายคนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความกังวล.
"ไม่จำเป็นต้องกังวล ท่านพ่อไม่มีทางเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้หยกสัญญาณชีพก็ยังสมบูรณ์!"ซือหม่าชิงเอ่ย.
"ครับ!"
"เรื่องด่วนในเวลานี้ คือภายในชิงชิวแห่งนี้ อาแปด ได้ดูแลเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว เรื่องนี้อย่าได้ให้ผิดพลาดเด็ดขาด!"ซือหม่าชิงที่เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เส้าเหยี่ยโปรดวางใจ!"ชายคนดังกล่าวรับคำอย่างจริงจัง.
"อืม!"
-------------------------------------------------------------------------------
ในเวลาเดียวกัน อาณาเขตเฟิงจง ต้าเจิ้ง สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว.
ท้องพระโรง ตำหนักซ่างเฉิง!
ภายในตำหนักซ่างเฉินที่ใจกลางบนสุดมีบัลลังก์เก้ามังกรที่ไม่มีใครสัมผัส เพราะว่ามันเป็นบัลลังก์สำหรับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น.
ถัดจากบัลลังก์เก้ามังกร เป็นบัลลังก์สีม่วง.
ที่ด้านล่างเหล่าเสนาธิการต่างก็แสดงความเคารพ บนบัลลังก์สีม่วง ในเวลานี้มีชายที่สวมชุดราชวงศ์สีม่วง บนเสื้อมีรูปมังกรสี่เล็บ นี่คือสัญลักษณ์ของอ๋อง ศาลเทพต้าเจิ้ง อ๋องจื่อเฉิน สุ่ยอู๋เหิน.
สุ่ยอู๋เหินนั่งอยู่บนบัลลังก์สีม่วง แววตาไม่ได้เผยท่าทางโกรธเกรี้ยวดุดันเหมือนกับชนชั้นสูง ด้วยการปกป้องต้าเจิ้งตามที่ได้รับมอบหมายจากจงซาน ในเวลานี้นับว่าปรากฎแรงกดดันมากมายเช่นกัน.
ที่ด้านล่างสองแถว ผู้นำด้านซ้ายมือ เป็นเสนาบดีสุ่ยจิงและผู้นำด้านขวาเป็นแม่ทัพใหญ่หลินเซียว.
"เรียนอ๋องจื่อเฉิน อนุสาวรีย์อมตะทั้งหนึ่งร้อยแปดรอบ ๆ ต้าเจิ้งเวลานี้ได้พังทลายลงแล้ว เหล่ากองทัพศัตรูกำลังจะเคลื่อนเข้าประชิดชายแดน ในอนาคตดูจะค่อนข้างย่ำแย่ทีเดียว!"สุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"เหล่าเสนาธิการที่กำลังขมวดคิ้วไปมา.
"ทุก ๆ ท่านโปรดฟัง นับจากวันนี้ ทุก ๆ เช้า พวกเราจะต้องจับจ้องมองวาสนาของต้าเจิ้งในทุก ๆ วัน กับความภาคภูมิของต้าเจิ้ง เซิ่งหวังที่อวยพรพวกเรา วาสนาของต้าเจิ้งจะไม่มีสุญสลาย พวกเราก็ย่อมต้องเป็นข้าราชบริพารที่มีความภาคภูมิ อนุสาวรีย์อมตะพังทลายแล้วอย่างไร? ข้าและทุกท่านยังคงอยู่เปรียบเหมือนกับอนุสาวรีย์อมตะ ต้าเจิ้งของพวกเราก็จะไม่มีทางพ่ายแพ้ ใครก็ตามที่รุกรานเต้าเจิ้ง พวกเราจะให้มันชดใช้อย่างสาสม!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"เหล่าเสนาธิการทุกคนต่างก็รับคำอย่างหนักแน่น.
"เซิ่งหวังจะต้องกลับมา ในโลกใบเล็กนั้น พวกเราผ่านเรื่องที่ลำบากมากมาย ครั้งนี้เองก็ไม่เว้น ..หลินเซียว!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"อยู่นี่แล้ว!"หลินเซียวรับคำ.
"เหนือหัวได้มอบทหารทั้งหมดของต้าเจิ้ง ให้กับเจ้าเป็นคนบัญชา ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่สามารถควบคุมได้ แม้แต่เสนาบดี หรือข้าเอง ขอเพียงเพื่อต้าเจิ้ง พวกเราจะรับฟังท่านเกี่ยวกับการเคลื่อนทัพ!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"หลินเซียวที่พยักหน้ารับ.
บนแผ่นดินต้าเจิ้ง เต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่ง แม้ว่าอนุสาวรีย์อมตะจะพังทลาย ทว่าเมืองหลักต่าง ๆ ก็ยังสามารถต้านทานทัพของศัตรูได้อย่างแข็งขัน.
ในขณะเดียวกัน ภายในใจของทุกคนต่างก็คิดถึงเซิ่งหวัง เมื่อไหร่กันที่เซิ่งหวังจะกลับมา?