Chapter 926 ตำหนักสังสารวัฏที่ถูกเปิด.
สามปีหลังจากนั้น ภายในตำหนักเทียนซี.
"เหล่าราชวงศ์สวรรค์ที่อยู่รอบ ๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการเคลื่อนทัพอย่างงั้นรึ?"ไท่จื่อสามที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .
ในเวลานี้ ไท่จื่อสามที่รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้อีกแล้ว.
"ครับ! ทำไมไม่รู้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่รู้เลย? ทำไมพวกเขาไม่ยินดีที่จะร่วมมือกำจัดต้าเจิ้งพร้อมกันกับพวกเรากัน?"เสนาธิการคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.
"พวกเขาไม่ต้องการถูกกำจัด นอกจากนี้ บางทีราชวงศ์สวรรค์เหล่านั้น อาจจะมีคนของต้าเจิ้งแทรกซึมอยู่ด้วย พวกเขาไม่ต้องการก่อสงคราม เพราะภายในเอง ก็มีการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่!"ไท่จื่อสามที่เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา.
"ไท่จื่อสาม พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? อาณาเขตภาคใต้ ตอนนี้พวกเราเสียให้กับต้าเจิ้งไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว หากเป็นเช่นนี้ พวกเราจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเราขอกำลังเสริมจากเมืองหลวงดีหรือไม่?"
"ไม่จำเป็น ก้าวต่อไป ถึงจะขอกำลังเสริมเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปทางเหนือ พร้อมกับเซียนโบราณอีกสองคนเพื่อทำลายเมืองหลวงของต้าเจิ้ง ด้วยเซียนโบราณสามคน การจะทะลวงเมืองซ่างนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด!"ไท่จื่อสามที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
การต่อสู้ของราชวงศ์วาสนา การที่เลือกบุกเดี่ยวเพื่อเข้าไปต่อสู้ระหว่างผู้นำและผู้นำในทันทีนั้น จะไม่สามารถยึดครองวาสนาของอีกฝ่ายได้ สิ่งสำคัญ การประกาศอย่างชอบธรรมไปทั่วแผ่นดินนั้นจะไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่สามารถยืมอำนาจของแผ่นดินมาเป็นกำลังของตัวเองได้ การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดข้อบังคับของสวรรค์ คนปรกติทั่วไปยังจะทำการเช่นนี้อย่างงั้นรึ?
ทว่าในเวลานี้ ตอนนี้ ไท่จื่อสามนั้นไม่ต้องการออกไปจากสถานที่เช่นนี้ หากว่าไม่ได้กำจัดจงซาน เขาที่ตัดสินใจจะละทิ้งแผ่นดินแห่งนี้เพื่อกลับไปอาณาเขตอู๋เซี่ยงคงไม่สามารถสงบใจได้ตลอดไป.
"รับทราบ!"เสนาธิการที่กล่าวออกมาด้วยความหนักใจ.
หากไท่จื่อสามไม่สามารถกำจัดจงซาน และป้องกันแผนการก้าวต่อไปของต้าเจิ้ง หลังจากนี้ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของเขาก็จะเสียหายไปหมด แม้ว่าตำแหน่งไท่จื่ออาจจะยังอยู่ แต่แผ่นดินทิศใต้ของอาณาเขตอู๋เซี่ยงก็จะเสียไปทั้งหมด หรือบางทีในกรณีที่เลวร้ายที่สุดตำแหน่งไท่จื่อเองก็จะเสียไปด้วย
เมืองซ่าง.
"เซิ่งหวัง เนี่ยนเปิ่นได้นำเซียนโบราณสองคนออกจากตำหนักเทียนซีแล้ว เป็นไปได้ว่าจะมาถึงเมืองซ่างของพวกเราในอีกห้าวัน!"อี้เหยี่ยนที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
ด้วยการสื่อสารด้วยหยกสัญญาณชีวิต ทำให้จงซานสามารถรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั่วแผ่นดินได้ในทุกเวลา.
"อืม!"
.......
ห้าวันหลังจากนั้น คนทั้งสามก็มาปรากฎขึ้นที่เมืองซ่าง.
เนี่ยนเปิ่นในชุดสีทอง ที่ด้านข้างนั้นมีชายในชุดสีม่วงสองคน.
คนทั้งสามที่มาปรากฎขึ้นที่ด้านหน้าเมืองซ่าง แววตาของเนี่ยนเปินเต็มไปด้วยความเย็นชา.
"ต้าเจิ้งมีวาสนาทั่วแผ่นดิน พวกเจ้าทั้งสองระมัดระวังด้วย เริ่มเตรียมการได้!"เนี่ยนเปินกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
"รับทราบ!"คนทั้งสองที่รับคำในทันที.
"ไท่จื่อสาม ศาลเทพอู๋เซี่ยง เข้ามายังต้าเจิ้งของข้า คิดว่ามีความผิดสถานใด?"เสียง ๆ หนึ่งที่ดังผ่านออกมาตามอากาศออกมา.
ดวงตาของเนี่ยนเปิ่นที่ส่ายไปมา จงซานพบแล้วอย่างงั้นรึ? นี่เขาพบแล้วรึ?
จากที่ไกลออกไปที่เมืองซ่าง ที่ทางเข้าตำหนักปู่ซือ จงซานนำเหล่าเสนาธิการก้าวออกมาช้า ๆ .
หลังจากก้าวออกมา บัลลังก์มังกรที่เหินออกมา รับจงซานที่นั่งลงไป จดจ้องมองเนี่ยนเปินอย่างเฉยเมย.
เหล่าเสนาธิการเองที่ยื่นอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเคารพ.
"จงซาน!"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
กับความเกลียดมากมายที่มีอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้ใบหน้าของเนี่ยนเปินบิดเบี้ยวมืดครึ้ม.
"มีปัญหาอะไร? ไท่จื่อสามถึงกับข้ามแดนมา ก่อนหน้านี้มอบบัวเพลิงหัวใจวิถีให้ข้า ครั้งนี้ เจ้าจะทิ้งอะไรให้กับข้าอีกอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เผยยิ้มด้วยความชั่วร้ายออกมา.
"ชิ จงซาน เจ้าได้แส่หาเรื่องใส่ตัวแล้ว ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้อำนาจของแผ่นดินต้าเจิ้งได้ และมีโหลวซิงเฉินอยู่ก็ตาม แต่ก็เทียบได้แค่ระดับเซียนโบราณสองคน วันนี้ข้าจะทำลายเมืองซ่างของเจ้าซะ วันนี้คือวันตายของเจ้า!"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
"กับคำพูดเหล่านั้น ข้าได้ยินมามากมายแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักคน อย่ามาพูดจาใหญ่โตต่อหน้าข้า ข้าเหนื่อยที่จะฟัง!"จงซานกล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยัน.
"เหนื่อยที่จะฟัง? ข้าจะมอบคำพูดเหล่านั้นให้กับเจ้าอย่างสาสม ออกมา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสอีก!"เนี่ยนเปิ่นเอ่ย.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คำพูดเหล่านั้นคิดว่าตัวเป็นเซิ่งหวังอู๋เซี่ยงรึไง สำหรับเจ้า? ไกลห่างเกินไป!"จงซานกล่าวหยัน.
"ชิ เริ่ม!"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
เนี่ยนเปินที่กล่าวออกมาเสร็จ ชายในชุดคลุมสีม่วงทั้งสองคนก็ลงมือทันที ประกายแสงสีเขียวที่ปรากฎ ส่องประกายสีเขียวสว่างจ้า บนอากาศที่ว่างเปล่ากลายเป็นเหมือนกับเถาวัลย์ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า กระจายออกไปทั่วเมืองซ่าง.
รอบ ๆ เมืองซ่างนั้น ปรากฎค่ายกลมากมายผุดออกมา ทำให้เถาวัลย์ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเมืองซ่างทันที.
พริบตาเดียว เมืองซ่างขนาดใหญ่เป็นเหมือนกับเปลือกไข่ที่ถูกเถาวัลย์มากมายปกคลุม กระจายรกรุงรังไปทั่วเมืองซ่าง.
หลังจากที่เถาวัลย์ปกคลุมทั่วเมืองซ่าง ก็ปลดปล่อยพลังบีบรัดอย่างรุนแรง ราวกับว่าต้องการจะระเบิดค่ายกลเมืองซ่างให้แตกสลายหายไป.
หนี่ปู่ซาที่ยืนอยู่ด้านหน้าจงซานขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในทันทีเช่นกัน.
ที่ด้านนอกนั้น เถาวัลย์สีเขียวที่น่าเกรงขาม ราวกับว่ามันสามารถเติบโตได้บนกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เป็นสิ่งมีชีวิตที่กลืนกินอำนาจฟ้าดิน.
ดูเหมือนว่าเถาวัลย์เหล่านี้ จะเป็นทักษะเทวะ ทักษะเทวะของยอดฝีมือในชุดคลุมสีม่วงทั้งสองครอบครองอยู่ ทักษะเทวะที่เพิกเฉยต่อพลังแห่งกฎ อำนาจที่กำลังรุกล้ำเมืองซ่าง ไม่เพียงแค่ปิดล้อมเมืองซ่างเอาไว้ ยังผนึกอำนาจของวาสนาของแผ่นดินของจงซานเอาไว้ด้วย.
เนี่ยนเปินที่แค่นเสียงเย็นชา.
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนี้ ช่องว่างเล็กมากมายระหว่างเถาวัลย์ ทันใดนั้นก็ปรากฎวารีสีดำทมิฬปรากฎผุดขึ้นมาในทันที.
วารีสีดำที่ปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ ทำให้เถาวัลย์เหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว เถาวัลย์ที่ดูเหมือนว่ามีจิตวิญญาณเมื่อถูกวารีสีดำ ก็ตะเกียกตะกายร้องโหยหวน เจ็บปวดทรมาน ส่งเสียงดังกึกก้องกังวานไปทั่วแผ่นดิน.
วารีสีดำ ทำให้เถาวัลย์มากมายเหี่ยวเฉาลง วารีสีดำที่กระจายตัวออกไปรอบ ๆ ส่องประกายแสงเงาวับวาว ทักษะเทวะของยอดฝีมือในชุดคลุมสีม่วง ถูกวารีสีดำทำลายลงในทันที.
เถาวัลย์ที่ปกคลุมท้องฟ้า เพียงไม่นานก็หายไปทั้งหมด.
บนท้องฟ้า วารีสีดำที่รวมตัวกันเป็นเหมือนกับผืนทะเล ที่ตอนนี้กำลังเคลื่อนที่เป็นระลอกคลื่น บนผืนทะเลนั้นมีร่างในชุดคลุมสีดำยืนอยู่.
หนี่ปู่ซา!
วารีสีดำที่มีหนี่ปู่ซาควบคุม บนผืนวารีนั้นราวกับมีเจตภูตมากมายกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ด้านบน เป็นปิศาจร้ายที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
"นี่มัน?"ดวงตาของเนี่ยนปิงที่ส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง.
คนผู้นี้เป็นใคร? ไม่ใช่จงซาน ไม่ใช่โหลวซิงเฉิน เถาวัลย์สวรรค์ก่อนหน้านี้ เป็นทักษะเทวะที่ร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำลายไปได้ในทันที? เขาเป็นใคร?
"เนี่ยนเปิ่น เซิ่งหวังอู๋เซี่ยงไม่เคยสั่งสอนเจ้าเลยรึ? ไม่คิดจะหาข้อมูลของคนอื่น แต่เร่งรีบเข้ามาหาเรื่อง เรื่องนี้ไม่ต่างจากแส่หาความตาย เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับต้าเจิ้งของข้ามากเท่าไหร่กัน?"จงซานที่กล่าวดูแคลน.
"ไท่จื่อสาม นี่มัน โคลนกร่อนชีวิตหนึ่งในห้ามลทิน ความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ของตำหนักสังสารวัฏตะวันออก!"ชายในชุดคลุมสีม่วงที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางหวาดหวั่น.
"อะไร? ความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์?"เนี่ยนเปินที่กล่าวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ.
"ใช่!"ชายในชุดคลุมสีม่วงที่กำลังขมวดคิ้วไปมา.
เนี่ยนเปิ่นจ้องมองไปยังหนี่ปู่ซา จ้องมองไปยังจงซาน.
"จงซาน เจ้าใจกล้าเกินไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามันใจกล้าจริง ๆ !"เนี่ยนเปิ่นที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดและหัวเราะออกมาเสียงดัง.
"กล้าไม่น้อยกว่าเจ้าหรอก!"จงซานกล่าวหยัน.
"ตำหนักสังสารวัฏ เป็นหนึ่งในสิบตำหนัก ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยว ทำไมอาณาเขตจวงหลุนแห่งนี้ถึงไม่ได้มีกลุ่มอิทธิพลใหญ่ เพราะกลัวตำหนักสังสารวัฏไงล่ะ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนปล่อยตัวกัวซือฝูรึ? ได้ยินมาว่ากู่ซือฝูเป็นศัตรูของคนทั่วหล้า เพราะว่าเขาถูกผนึกเอาไว้ไม่มีใครต้องการสังหารเขาในตำหนักสังสารวัฏ ต้าเจิ้งช่างใจกล้านัก ที่กล้าทำตัวเองให้เปรอะเปื้อนกรรม เคลื่อนย้ายความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์!"เนี่ยนเปิ่นที่ราวกับว่ายินดีในโชคร้ายของคนอื่น.
ได้ยินคำพูดของเนี่ยนเปิน ดวงตาของจงซานที่หดเกร็ง.
กัวซือฝู? ในอดีตก่อนหน้านี้เหล่าปราชญ์เทพที่หวาดกลัวแปดเปื้อนกรรมของต้าโจว ทำให้เพิกเฉย กัวซือฝูอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ ในเวลานั้นมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ต้องมีความจริงบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้มากกว่านี้.
ตำหนักสังสารวัฏ? นี่คือหนึ่งในตำหนักสังสารวัฏ? เป็นหนึ่งในตำหนักที่เหล่าปราชญ์เทพไม่ต้องการเปรอะเปื้อนกรรมอย่างงั้นรึ?
"หนี่ปู่ซา ลงมือ!"จงซานเที่เอ่ยออกมาในทันที.
"รับทราบ!"หนี่ปู่ซาที่เอ่ยออกมาด้วยความเคารพ.
ทันทีที่รับคำ วารีสีดำก็พุ่งตรงไปยังเซียนโบราณทั้งสาม ปกคลุมเอาไว้ วารีสีดำที่ปกคลุม อำนาจความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ที่มากมาย กักขังกลุ่มของเนี่ยนเปิ่นทั้งสามเอาไว้.
นี่คือหนึ่งในความสามารถของหนี่ปู่ซาหลังจากที่คลายผนึกบางส่วนของตำหนักสังสารวัฏได้แล้ว.
วารีสีดำน่าหวาดกลัวมาก ทรงพลังไร้เทียมทานอย่างที่สุด อำนาจของความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ที่หนี่ปู่ซาระดับเซียนสวรรค์กับสามารถต่อกรกับเซียนโบราณสามคนได้อย่างคาดไม่ถึง.
"ตูมมม~~~~~~~~~~~~~~!”
วารีสีดำที่ปกคลุมเซียนโบราณทั้งสาม ซึ่งด้านในกำลังขัดขืนโจมตีออกมาสุดแรง ทว่ากลับไม่สามารถสะเทือนความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ได้ และพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนหนีออกมา ในเวลานี้พวกเขาถูกกักขังเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง.
คิดถึงโหลวซิงเฉินที่ยังไม่ลงมือด้วยซ้ำ ต้าเจิ้งมียอดฝีมือที่แปลกประหลาดอยู่มากมายเท่าไหร่กัน? หนี่ปู่ซา? ผู้ฝึกตนฮวงจิ้นของต้าเจิ้ง? เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
"ตูมมม~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
สามเซียนโบราณ ที่ถูกความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์กักขังเอาไว้ จดจ้องมองหนี่ปู่ซาด้วยความอัศจรรย์ใจ.
"ใช้ความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์กักขังข้าอย่างงั้นรึ? เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วรึ? ไม่ว่าจะเป็นใครที่เคลื่อนย้ายความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ ชีวิตของพวกมันจะต้องสิ้นภายในหนึ่งร้อยลมหายใจ เจ้าต้องตายแน่!"เนี่ยนเปิ่นที่จ้องมองไปยังหนี่ปู่ซาด้วยความเย็นชา.
หนี่ปู่ซาไม่สนใจเนี่ยนเปิน เขาที่ใช้ความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์กักขังคนทั้งสามเอาไว้ ด้วยวิชาลับบางอย่างที่เขาใช้ออกมา ทำให้วารีสีดำทมิฬนั้น กลายเป็นสีแดงทีละน้อย ๆ ได้กลิ่นเหมือนกับโลหิตที่ส่งกลิ่นคาวตลบอบอวลไปทั่ว.
ทะเลสีดำทมิฬบนท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงช้า ๆ ราวกับเป็นธารโลหิตขนาดใหญ่.
"ความเสื่อมแห่งกิเลส? นี่คือความเสื่อมแห่งกิเลส?"ยอดฝีมือในชุดคลุมสีม่วงที่กลายเป็นบ้าคลั่งในทันที.
"ความเสื่อมแห่งกิเลส?"เนี่ยนเปิ่นที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ.
ธารโลหิตที่ย้อมท้องฟ้า บนอากาศตอนนี้กลายสีแดงโลหิต และทันใดนั้นเสียงบางอย่างที่ดังออกมา เป็นภูตโลหิตมากมายที่กำลังส่งเสียงน่าหวาดกลัวข่มขู่เนี่ยนเปิ่นและพรรคพวก.
"เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นเพียงเซียนสวรรค์ จะเคลื่อนย้ายความเสื่อมแห่งกิเลสได้อย่างไร? ทำไมเจ้ายังไม่ตายอีก?"เนี่ยนเปิ่นกล่าวออกมาเสียงดัง.
เห็นได้ชัดเจนว่ามันได้ทำลายความรู้ทั้งหมดของเนี่ยนเปิ่นเกี่ยวกับห้ามลทินไปทั้งหมด สิ่งที่หนี่ปู่ซาแสดงออกมานี้ทำให้เนี่ยนเปิ่นกลายเป็นโง่งมในทันที.
ในเวลาเดียวกันนี้ ธารโลหิตที่ห่อหุ้มคนทั้งสามเอาไว้ในทันที ปิดแน่นทุกทิศทางทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะหนีไปใหนได้ คนทั้งสามที่ถูกตรึงเอาไว้.
"ตูมม~~~~~~!”
ชายในชุดสีม่วงคนหนึ่งที่กำลังดิ้นรนอย่างรุนแรงจากธารโลหิต.
ดวงตาของหนี่ปู่ซาที่เป็นประกาย พร้อมกับยื่นมือออกไป พร้อมกับทำสัญลักษณ์ผนึกในทันที ผนึกที่พุ่งออกไปอย่างรุนแรงไปยังธารโลหิต.
"ตูมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เกิดระเบิดดังสนั่น อากาศที่สั่นไหวไปมา พื้นที่รอบ ๆ ที่สั่นไหวไปด้วย.
ทันทีที่ผนึกหายไป ธารโลหิตที่ปกคลุมร่างชายในชุดสีม่วงคนดังกล่าวปกคลุมร่างของเขาทั้งหมดและระเบิดแตกสลายหายไปในทันที.
หายไปแล้ว?
"เจ้าสังหารเขาไปแล้วรึ?"ชายในชุดสีม่วงอีกคนที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ.
"ผนึกสังสารวัฏ ไม่สงสัย ไม่แปลกใจเลย นี่เจ้าได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตำหนักสังสารวัฏอย่างงั้นรึ?เจ้ารู้วิธีใช้งานตำหนักสังสารวัฏได้อย่างไร?"เนี่ยนเปิ่นเอ่ยออกมาด้วยความหวาดผวาตื่นตระหนก.
"นี่เจ้ารู้จักผนึกสังสารวัฏอย่างงั้นรึ?"หนี่ปู่ซาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ซือตาน?(ตำหนักทั้งสิบ) ตำหนักที่หกเปิดแล้ว นี่คือตำหนักที่หก ตำหนักสังสารวัฏเปิดอีกแล้วอย่างงั้นรึ?"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว.
..........
อมิตาภสูตร ๑๗
พระกุมารชีวะ แปลจากภาษาสันสกฤตเป็นจีน
ทองแถม นาถจำนง แปลจากภาษาจีนเป็นไทย
‘舍利弗,如我今者,称赞诸佛不可思议功德,彼诸佛等,亦称赞我不可思议功德,而作是言:“释迦牟尼佛能为甚难希有之事,能于娑婆国土,五浊恶世,劫浊、见浊、烦恼浊、众生浊、命浊中,得阿耨多罗三藐三菩提。为诸众生,说是一切世间难信之法。’
๐ ศารีบุตร ดังที่ตถาคตกล่าวสรรเสริญพระคุณาธิคุณอันมิอาจคิดคาดได้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่ขณะนี้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างก็กำลังกล่าวสรรเสริญพระคุณาธิคุณอันมิอาจคิดคาดได้ของตถาคต เป็นวจนะว่า : “พระศากยมุนีพุทธเจ้าสามารถทำเรื่องที่แสนยากเย็น มีขึ้นได้น้อยแสนน้อย ในสหโลกธาตุ (于娑婆国)อันเป็นโลกแห่งปัญจกษัย(ความเสื่อมห้าประการ)ได้แก่
• ความเสื่อมแห่งกัลป์ 劫浊
• ความเสื่อมแห่งทิฏฐิ见浊
• ความเสื่อมแห่งกิเลส 烦恼浊
• ความเสื่อมแห่งสรรพสัตว์ 众生浊
• และความเสื่อมแห่งชีวิต 命浊
คือได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิ แล้วได้เทศนาธรรมะซึ่งในโลกทั้งปวงยากจะยอมเชื่อถือ ๐