ตอนที่แล้วChapter 921 ภูมิหลังหวังจิงเหวิน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 923 เลือก.

Chapter 922 อดีตราชาโครงกระดูก.


สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว.

นับตั้งแต่ต้าเจิ้งจับกุมเซิ่งซ่าง 16 ราชวงศ์สวรรค์เอาไว้ ทำให้การแย่งชิงดินแดนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ผ่านมาเพียงแค่สิบปีเท่านั้น อาณาเขตจวงหลุนท้ายที่สุดครึ่งหนึ่งก็กลายเป็นของต้าเจิ้งไปแล้ว.

เป็นความเร็วที่ร้ายกาจมาก! ศาลเทพที่มาจากโลกใบเล็ก ไม่เคยมีใครสามารถเทียบต้าเจิงได้เลย.

กับความเร็วในการขยายดินแดนในอาณาเขตต้าเจิ้ง ทำให้ราชวงศ์สวรรค์หลายแห่งเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย.

เมืองซ่าง ตำหนักปู่ซือ! ในการประชุมราชกิจ.

จงซานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร จ้องมองไปยังเหล่าเสนาธิการ.

"เซิ่งหวัง การเคลื่อนไหวของราชวงศ์ของพวกเราในเวลานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ราบรื่นสักเท่าใดนัก!"เสี่ยวหวังที่กล่าวรายงานออกมา.

หืม?"

"อาณาเขตกว้างใหญ่เกินไป ทำให้ตอนนี้พวกเราขาดผู้มีความสามารถเพียงพอ กับการครอบครองดินแดนขนาดใหญ่ การป้องกันจะไม่ดีนัก หากไม่สามารถที่จะป้องกันได้ดี ก็ยากที่จะปกป้องรักษาขวัญกำลังใจประชาชน และจะก่อให้เกิดสงครามการเมืองขึ้นมาได้ หากว่าพวกเรายังขยายดินแดน!"เสี่ยวหวังที่กล่าวอย่างหนักแน่น.

"เฉินเองก็คิดเรื่องดังกล่าวนี้เช่นกัน! เหมือนดังที่แม่ทัพเสี่ยวกล่าว อาณาเขตของราชวงศ์ของพวกเราขยายดินแดนเร็วจนเกินไป ควรที่จะทำให้ความแข็งแกร่งและการเมืองมั่นคง ก่อนค่อยขยายดินแดนอีกครั้ง และจำเป็นต้องคัดกรองเหล่าข้าราชบริพารอีกด้วย ทั้งกองทัพและประชาชนควรจะก้าวไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ อาณาเขตทางเหนือกว่าครึ่งหนึ่ง อยู่ในภาวะตึงเครียด พวกเขาที่กำลังสั่งสมกำลังต่อต้านต้าเจิ้ง หากว่าพวกเราเพิกเฉยต่อพวกเขา จะเกิดปัญหาภายหลัง พวกเราในเวลานี้ควรจะพักฟื้น ยึดครองทำให้อาณาเขตภาคเหนือของอาณาเขตจวงหลุนให้เข็มแข็งก่อน!"อี้เหยี่ยนที่กล่าวเสริม.

จงซานที่เคาะนิ้วเบา ๆ  ก่อนที่จะพยักหน้ารับ"!"

---------------------------

ในเวลาเดียวกันนี้ อาณาเขตจวงหลุนภาคใต้ ตำหนักเทียนซี.

ไท่จื่อสามเนี่ยนเปิ่น หวังจิงเหวิน เสนาธิการคนอื่น ๆ ที่แสดงความเคารพ.

ที่ด้านหน้า เป็นขันที ที่ด้านข้างนั้นมีชายสองคนที่สวมชุดคลุมสีม่วง.

ขันทีที่เดินทางมานี้ คือคนที่เป็นคนนำราชโองการมานั่นเอง.

"ไท่จื่อสาม เซิ่งหวังรู้สึกไม่พอใจกับท่านนัก!"ขันทีที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .

เนี่ยนเปิ่นที่ขมวดคิ้ว หากแต่ก็พยักหน้ารับ.

"ยอดฝีมือเซียนโบราณนี้ถูกส่งมาช่วยเหลือท่าน หลังจากนี้ขอมอบให้กับท่านเป็นคนสั่งการ แม้ว่าเซิ่งหวังจะไม่พอใจทว่าก็รู้สึกเป็นห่วงไท่จื่อสามเช่นกัน ถึงกับตัดสินใจส่งยอดฝีมือระดับเซียนโบราณให้กับท่านเป็นคนแรก!"ขันทีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ขอบคุณเซิ่งหวังที่เป็นห่วง!"ไท่จื่อสามที่แสดงท่าทางเบาใจออกมาเช่นเดียวกัน.

"อืม บ่าวชราหมดหน้าที่แล้ว หลังจากประกาศราชโองการ ทุกอย่างก็มอบให้กับไท่จื่อสามเป็นคนจัดการแล้ว ข้าขอกลับไปรายงานเซิ่งหวังก่อน!"ขันทีชรากล่าว.

"ข้าไปส่งเจ้า!"

"ไม่จำเป็น!"ขันทีชราที่หายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าทุกคน.

"คารวะไท่จื่อสาม!"ชายสองคนที่ขันทีชรานำมาได้แสดงความเคารพต่อเนี่ยนเปิ่นเล็กน้อย.

"อืม!"

"พวกเจ้าทั้งสองไปพักก่อน!"

"รบกวนไท่จื่อสามแล้ว!"

"ให้คน นำทั้งสองไปพักที่สวนสวรรค์เพื่อพักผ่อน!"ไท่จื่อสามสั่งการออกไปในทันที.

"รับทราบ!"

จากนั้น เซียนโบราณทั้งสองก็ถูกส่งออกไป.

"ไท่จื่อสาม ข้ามีแผนการใหญ่สี่แผนการจำเป็นต้องขอความเห็นจากท่าน!"หวังจิงเหวินกล่าว.

"ได้!"เนี่ยนเปิ่นกล่าว.

หวังจิงเหวินพยักหน้ารับ ก่อนที่จะก้าวออกไปเตรียมข้อมูล.

เมื่อหวังจิงเหวินจากไปแล้ว ใบหน้าของไท่จื่อสามเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม พร้อมกับกุมราชโองการแน่น ขมวดคิ้วไปมา.

"ไท่จื่อสาม ราชโองการที่มาถึง เซิ่งหวังดูเหมือนว่าจะกล่าวยกย่องหวังจิงเหวินไม่น้อย และยังแสดงท่าทางไม่พอใจไท่จื่อสาม เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน! ผู้น้อยกังวลว่า......!"เสนาธิการคนหนึ่งที่กล่าวออกมา.

"มีอะไรต้องกังวลกัน?"

"กังวลว่าเซิ่งหวังจะให้ท่านกลับ แล้วแต่งตั้งหวังจิงเหวินเป็นผู้บัญชาการแทน!"เสนาธิการคนดังกล่าวพูด.

เนี่ยนเปิ่นที่ดวงตาหดเกร็ง ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า "เป็นไปไม่ได้!"

เนี่ยนเปิ่นรับรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าหวังจิงเหวินแม้ว่าจะมากความสามารถ แต่ก็ยังถือเป็นคนนอก ตัวเขามีสายโลหิตของเซิ่งหวัง เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามถึงแม้นว่าหวังจิงหวินจะไม่มีโอกาสถูกแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการ แต่ตัวเขาเองก็ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่อาจแสดงความสามารถที่น่าผิดหวังออกมาได้ ในอนาคตข้างหน้าไท่จื่อองค์อื่น ๆ อาจถูกส่งมาแทนก็เป็นได้.

"แต่ว่า ไท่จื่อสาม ............!”

"เอาล่ะ ไม่ต้องกล่าวอะไรอีกแล้ว! จบหัวข้อนี้เอาไว้ได้แล้ว!"

"ครับ!"เสนาธิการคนดังกล่าวทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น.

หลังจากผ่านไปแล้วสามวัน หวังจิงเหวินก็นำข้อมูลต่าง ๆ มามอบให้กับเนี่ยนเปิน.

"ไท่จื่อสาม การสอบเคอจีของตำหนักเทียนซี ตอนนี้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก ข้าได้ขีดเส้นเป็นสีแดง สิบเมืองที่เพิ่งยึดครองมา ผู้น้อยคิดว่าคนที่ขีดเส้นสีแดงคือคนที่ปลอดภัยที่สุด."หวังจิงหวินกล่าว.

ไท่จื่อสามที่เพ่งพิศตรวจสอบรายชื่อที่มีเส้นสีแดงขีดไว้บนแผ่นริ้วหยก.

เนี่ยนเปิ่นจดจ้องมองบนชื่อที่ขีดเส้นสีแดงพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา เพราะว่ากลุ่มคนเหล่านี้ แม้ว่าจะมีความสามารถ ทว่าหลังจากผ่านการสอบเคอจีแล้ว พวกเขาล้วนแต่ได้รับการชักชวนจากหวังจิงเหวินทั้งนั้น อีกทั้งดูเหมือนว่าคนเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นทายาทของหวังจิงเหวินอย่างงั้นรึ?

คิดได้ดังนี้ สายตาของเนี่ยนเปิ่นถึงกับหดเกร็ง หวังจิงเหวินกำลังสร้างอิทธิพลให้กับตัวเองอย่างงั้นรึ? สถานการณ์ไม่ดีแล้ว.

"อืม คนเหล่านี้ ข้าคิดว่ายังมีงานใหญ่ที่ต้องมอบหมายให้ ควรเก็บไว้ก่อน คนที่เข้ารอบสอบเคอจียังมีอีกสามคนที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่รึ? เช่นนั้นให้พวกเขาไป!"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"หืม?"ใบหน้าของหวังจิงเหวิ่นที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน.

เป็นความจริง! ภายในใจเนี่ยนเปิ่นที่เผยท่าทางดูแคลน คนกลุ่มนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนในสายโลหิตของเจ้าไม่ใช่รึ? คิดว่าข้ามองไม่เห็นรึไง.

"รับทราบ!"หวังจิงเหวินที่พยักหน้ารับ แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทว่าท่าทางที่แสดงความผิดหวังออกมา.

หลังจากที่หวังจิงเหวินจากไปแล้ว เนี่ยนเปิ่นที่รู้สึกพอใจ ดี ข้าจะเป็นคนฝึกฝนคนของเจ้าเอง ไม่ว่าหวังจิงเหวินจะได้รับความดีความชอบมากมายเท่าไหร่ ได้ดินแดนกลับมามากขึ้นเท่าใด หากคนที่ส่งไปดูแลเป็นคนที่เขาเชื่อใจได้ แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?

หวังจิงเหวินที่ออกมาจากตำหนักเทียนซีพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน.

"คนของข้าอย่างงั้นรึ? เจ้าคิดว่ารับไปแล้ว ในอนาคตจะทำให้กลายเป็นของตัวเองได้สินะ!"หวังจิงเหวินที่แสดงท่าทางดูแคลน.

เกี่ยวกับแผนการกลยุทธิ์ต่าง ๆ นั้น ไท่จื่อสามดูเหมือนว่าจะอ่อนด้อยอย่างชัดเจน.

ทว่าสงครามในภาคใต้ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของหวังจิงเหวินหมดแล้ว การขยายพื้นที่อย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้ให้ใครหยุดพัก ศาลเทพอู๋เซี่ยงที่บุกเบิกชิงดินแดนได้เป็นจำนวนมาก ทว่าภายในการขยายอาณาเขตนั้นได้ซ่อนแผนร้ายบางอย่างเอาไว้ เมื่อแผ่นดินขนาดใหญ่และรวดเร็วจนเกินไป การควบคุมและความมั่นคงก็จะยากขึ้นไปด้วย ทำให้อนาคตจะต้องก่อให้เกิดปัญหาใหญ่กลับมาอย่างแน่นอน.

-------------------------------------------------------------------

อาณาเขตจวงหลุน แดนเทวะที่อยู่ไกลออกมา แดนเทวะหมางกู.

ห้องโถงภายในแดนเทวะหมางกู ในเวลานี้มีบัลลังก์สีทองห้าอันล้อมรอบเป็นวงกลม.

หากจงซานอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ ย่อมเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าบัลลังก์เหล่านี้มีรูปแบบเหมือนกับบัลลังก์ทองแดงของหวังคู เพียงแต่ส่วนมากแล้วเป็นบัลลังก์สีทอง ส่วนของหวังคูเป็นบัลลังก์ทองแดง.

บนบัลลังก์สีทองนั้น ในเวลานี้มีร่างสีดำนั่งอยู่ แขนของเขาที่วางบนพนักพิง เป็นแขนที่เป็นโครงกระดูก แน่นอนว่าพวกเขาก็คือยอดฝีมือของเผ่าโครงกระดูก.

ภายในห้องโถงที่ปิดแน่น ยอดฝีมือเผ่าโครงกระดูกในเวลานี้ที่เอาแต่เงียบไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา.

หลังจากที่เงียบไปนานเหมือนกัน ท้ายที่สุดยอดฝีมือเผ่ากระดูกตนหนึ่งก็เริ่มเอ่ยออกมา.

"เอาล่ะ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าพวกเรามองเห็นปัญหาแล้วไม่ใช่รึ?"เผ่าโครงกระดูกคนดังกล่าวเอ่ยออกมาในทันที.

"ศาลเทพต้าเจิ้ง แม่ทัพกองกำลังที่เก้า หวังคู? เขาเองก็มีกองกำลังโครงกระดูกของตัวเอง นอกจากนี้ยังได้รับการสาบานรับใช้จากเหล่าโครงกระดูกด้วย."โครงกระดูกอีกตนที่เอ่ยปากออกมา.

"จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา ไฟวิญญาณของหวังคูนั้นมีระดับสูงมาก แม้นว่าพลังฝึกตนจะไม่ได้สูง แต่ก็ทำให้เขามีสถานะที่สูง เขาเป็นใครกันแน่?"โครงกระดูกอีกคนที่เอ่ยออกมา.

"แปลกมาก ไฟวิญญาณ มีเพียงแค่ลูกหลานของราชาโครงกระดูกเท่านั้นถึงจะมี!"โครงกระดูกคนแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.

"ลูกหลานของราชาอย่างงั้นรึ? ข้าไม่เคยเห็นว่าเคยมีลูกหลานของราชา ไฟวิญญาณของราชา แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของเขาก็ต้องเบาบางลง ข้าคิดว่าไฟวิญญาณของลูกหลานราชายังด้อยกว่าหวังคู!"

"หวังคู? มหาเซียนอย่างงั้นรึ? ถูกจงซานในโลกใบเล็กกำราบ ต้นกำเนิดลึกลับ! ทว่าไฟวิญญาณของเขาทำไมถึงได้สูงกัน?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.

"โครงกระดูกในโลกใบเล็กเป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตได้เร็วขนาดนั้น มีเพียงแค่โครงกระดูกของโลกใบใหญ่เดินทางไปอาศัยเท่านั้น ทว่าเขาจะเป็นโครงกระดูกจากโลกใบใหญ่จริงรึ? ไฟวิญญาณที่มีระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหนก็ล้วนแล้วแต่ต้อนรับทั้งนั้น แม้แต่สามารถเป็นอาวุโสเลยก็ยังได้! แต่กลับยอมลดตัวไปเป็นเพียงแค่ขุนนางอย่างงั้นรึ?"

เหล่าโครงกระดูกที่ได้เปลี่ยนเป็นเงียบงัน.

"เหล่าหวู่ เจ้าจะไม่กล่าวสิ่งใดเลยรึ? ที่นี่ เจ้ามีความรู้มากที่สุด มีสิ่งใดหรือไม่?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.

เหล่าโครงกระดูกต่างก็จ้องมองไปยังโครงกระดูกขนาดเล็กในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ฝั่งทิศใต้.

"ข้า ข้าไม่รู้ว่าควรจะกล่าวออกไปหรือไม่!"เหล่าอู๋กล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน.

"มีสิ่งใดต้องปิดบังพวกเราด้วย พวกเราต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน มีสิ่งใดยังไม่กล่าวมาอีก."โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.

"ข้าเพียงแค่คาดเดา ไม่สามารถเชื่อถือได้มันเป็นเรื่องคาดเดา ข้าจึงไม่ได้คิดที่จะบอกทุกคน!"เหล่าหวู่ที่กล่าวออกมาในทันที.

"พูดมา! พวกเรารอรับฟังอยู่ ถึงเป็นการคาดเดาก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย."

เหล่าโครงกระดูกที่จ้องมองไปยังเหลาหวู่.

"เมื่อหกแสนปีก่อน มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นกับเผ่าโครงกระดูกของพวกเรา พวกเจ้ารู้หรือไม่?"เหลาหวู่กล่าว.

"หกแสนปีที่แล้วอย่างงั้นรึ?"โครงกระดูกตนหนึ่งที่ดูไม่เข้าใจนัก.

"ข้าเองก็ได้ยินมาบ้าง ในเวลานั้นราชาโครงกระดูก ไม่ใช่ราชาในปัจจุบัน เป็นราชารุ่นก่อน ทว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงได้ร่วงหล่นลงจากสวรรค์ในทันที จากนั้นก็เกิดเป็นราชาคนใหม่ ซึ่งดำรงตำแหน่งจนมาถึงปัจจุบัน!"โครงกระดูกแรกครุ่นคิดและกล่าวออกมา.

"ถูกแล้ว ราชารุ่นก่อน ร่วงหล่นจากสวรรค์ จากนั้นก็มีราชาคนใหม่ ทว่าที่จริงแล้วมีเรื่องเล่าว่าราชาคนใหม่นั้นเป็นคนช่วงชิงตำแหน่งมาจากราชารุ่นก่อน."เหล่าหวู่กล่าว.

"ราชาคนใหม่ช่วงชิงตำแหน่งราชากับราชารุ่นก่อนอย่างงั้นรึ? กล่าวอีกอย่างหนึ่งราชาคนปัจจุบัน เป็นองค์ราชินีของราชารุ่นก่อน เป็นคนช่วยช่วงชิงมาอย่างงั้นรึ?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"ถูกแล้ว นี่เป็นความลับสุดยอดของเผ่าโครงกระดูก นอกจากนี้หลายแสนปีมานี้ เป็นความลับที่ไม่มีใครกล้าเอ่ย บอกถึงสาเหตุทำไมราชารุ่นก่อนถึงได้ร่วงหล่นจากสวรรค์? ไม่ ต้องบอกว่าราชารุ่นก่อนหายตัวไปอย่างลึกลับต่างหาก ที่จริงมีเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจต่างก็ออกไปค้นหาเบาะแสอยู่เหมือนกัน หากแต่หนึ่งแสนปีหลังจากนั้น การค้นหาก็ถูกยกเลิกไป!"เหล่าหวู่กล่าว.

"เหล่าหวู่ เจ้าหมายความว่า? หวังคูคือราชาโครงกระดูกรุ่นก่อนอย่างงั้นรึ?"พี่ใหญ่สุดที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

เหล่าโครงกระดูกตนอื่นต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ.

"หวังคู(ราชาโครงกระดูก) หวังคูโหลว(ราชากะโหลก) ราชาโครงกระดูก ไม่ใช่ว่านามหวังคูก็เป็นการบ่งบอกถึงสถานะอยู่แล้วหรอกรึ?"เหลาหวู่ที่เอ่ยออกมาด้วยความลึกล้ำ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด