Chapter 922 อดีตราชาโครงกระดูก.
สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว.
นับตั้งแต่ต้าเจิ้งจับกุมเซิ่งซ่าง 16 ราชวงศ์สวรรค์เอาไว้ ทำให้การแย่งชิงดินแดนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ผ่านมาเพียงแค่สิบปีเท่านั้น อาณาเขตจวงหลุนท้ายที่สุดครึ่งหนึ่งก็กลายเป็นของต้าเจิ้งไปแล้ว.
เป็นความเร็วที่ร้ายกาจมาก! ศาลเทพที่มาจากโลกใบเล็ก ไม่เคยมีใครสามารถเทียบต้าเจิงได้เลย.
กับความเร็วในการขยายดินแดนในอาณาเขตต้าเจิ้ง ทำให้ราชวงศ์สวรรค์หลายแห่งเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย.
เมืองซ่าง ตำหนักปู่ซือ! ในการประชุมราชกิจ.
จงซานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร จ้องมองไปยังเหล่าเสนาธิการ.
"เซิ่งหวัง การเคลื่อนไหวของราชวงศ์ของพวกเราในเวลานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ราบรื่นสักเท่าใดนัก!"เสี่ยวหวังที่กล่าวรายงานออกมา.
หืม?"
"อาณาเขตกว้างใหญ่เกินไป ทำให้ตอนนี้พวกเราขาดผู้มีความสามารถเพียงพอ กับการครอบครองดินแดนขนาดใหญ่ การป้องกันจะไม่ดีนัก หากไม่สามารถที่จะป้องกันได้ดี ก็ยากที่จะปกป้องรักษาขวัญกำลังใจประชาชน และจะก่อให้เกิดสงครามการเมืองขึ้นมาได้ หากว่าพวกเรายังขยายดินแดน!"เสี่ยวหวังที่กล่าวอย่างหนักแน่น.
"เฉินเองก็คิดเรื่องดังกล่าวนี้เช่นกัน! เหมือนดังที่แม่ทัพเสี่ยวกล่าว อาณาเขตของราชวงศ์ของพวกเราขยายดินแดนเร็วจนเกินไป ควรที่จะทำให้ความแข็งแกร่งและการเมืองมั่นคง ก่อนค่อยขยายดินแดนอีกครั้ง และจำเป็นต้องคัดกรองเหล่าข้าราชบริพารอีกด้วย ทั้งกองทัพและประชาชนควรจะก้าวไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ อาณาเขตทางเหนือกว่าครึ่งหนึ่ง อยู่ในภาวะตึงเครียด พวกเขาที่กำลังสั่งสมกำลังต่อต้านต้าเจิ้ง หากว่าพวกเราเพิกเฉยต่อพวกเขา จะเกิดปัญหาภายหลัง พวกเราในเวลานี้ควรจะพักฟื้น ยึดครองทำให้อาณาเขตภาคเหนือของอาณาเขตจวงหลุนให้เข็มแข็งก่อน!"อี้เหยี่ยนที่กล่าวเสริม.
จงซานที่เคาะนิ้วเบา ๆ ก่อนที่จะพยักหน้ารับ"!"
---------------------------
ในเวลาเดียวกันนี้ อาณาเขตจวงหลุนภาคใต้ ตำหนักเทียนซี.
ไท่จื่อสามเนี่ยนเปิ่น หวังจิงเหวิน เสนาธิการคนอื่น ๆ ที่แสดงความเคารพ.
ที่ด้านหน้า เป็นขันที ที่ด้านข้างนั้นมีชายสองคนที่สวมชุดคลุมสีม่วง.
ขันทีที่เดินทางมานี้ คือคนที่เป็นคนนำราชโองการมานั่นเอง.
"ไท่จื่อสาม เซิ่งหวังรู้สึกไม่พอใจกับท่านนัก!"ขันทีที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .
เนี่ยนเปิ่นที่ขมวดคิ้ว หากแต่ก็พยักหน้ารับ.
"ยอดฝีมือเซียนโบราณนี้ถูกส่งมาช่วยเหลือท่าน หลังจากนี้ขอมอบให้กับท่านเป็นคนสั่งการ แม้ว่าเซิ่งหวังจะไม่พอใจทว่าก็รู้สึกเป็นห่วงไท่จื่อสามเช่นกัน ถึงกับตัดสินใจส่งยอดฝีมือระดับเซียนโบราณให้กับท่านเป็นคนแรก!"ขันทีที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ขอบคุณเซิ่งหวังที่เป็นห่วง!"ไท่จื่อสามที่แสดงท่าทางเบาใจออกมาเช่นเดียวกัน.
"อืม บ่าวชราหมดหน้าที่แล้ว หลังจากประกาศราชโองการ ทุกอย่างก็มอบให้กับไท่จื่อสามเป็นคนจัดการแล้ว ข้าขอกลับไปรายงานเซิ่งหวังก่อน!"ขันทีชรากล่าว.
"ข้าไปส่งเจ้า!"
"ไม่จำเป็น!"ขันทีชราที่หายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าทุกคน.
"คารวะไท่จื่อสาม!"ชายสองคนที่ขันทีชรานำมาได้แสดงความเคารพต่อเนี่ยนเปิ่นเล็กน้อย.
"อืม!"
"พวกเจ้าทั้งสองไปพักก่อน!"
"รบกวนไท่จื่อสามแล้ว!"
"ให้คน นำทั้งสองไปพักที่สวนสวรรค์เพื่อพักผ่อน!"ไท่จื่อสามสั่งการออกไปในทันที.
"รับทราบ!"
จากนั้น เซียนโบราณทั้งสองก็ถูกส่งออกไป.
"ไท่จื่อสาม ข้ามีแผนการใหญ่สี่แผนการจำเป็นต้องขอความเห็นจากท่าน!"หวังจิงเหวินกล่าว.
"ได้!"เนี่ยนเปิ่นกล่าว.
หวังจิงเหวินพยักหน้ารับ ก่อนที่จะก้าวออกไปเตรียมข้อมูล.
เมื่อหวังจิงเหวินจากไปแล้ว ใบหน้าของไท่จื่อสามเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม พร้อมกับกุมราชโองการแน่น ขมวดคิ้วไปมา.
"ไท่จื่อสาม ราชโองการที่มาถึง เซิ่งหวังดูเหมือนว่าจะกล่าวยกย่องหวังจิงเหวินไม่น้อย และยังแสดงท่าทางไม่พอใจไท่จื่อสาม เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน! ผู้น้อยกังวลว่า......!"เสนาธิการคนหนึ่งที่กล่าวออกมา.
"มีอะไรต้องกังวลกัน?"
"กังวลว่าเซิ่งหวังจะให้ท่านกลับ แล้วแต่งตั้งหวังจิงเหวินเป็นผู้บัญชาการแทน!"เสนาธิการคนดังกล่าวพูด.
เนี่ยนเปิ่นที่ดวงตาหดเกร็ง ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า "เป็นไปไม่ได้!"
เนี่ยนเปิ่นรับรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าหวังจิงเหวินแม้ว่าจะมากความสามารถ แต่ก็ยังถือเป็นคนนอก ตัวเขามีสายโลหิตของเซิ่งหวัง เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามถึงแม้นว่าหวังจิงหวินจะไม่มีโอกาสถูกแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการ แต่ตัวเขาเองก็ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่อาจแสดงความสามารถที่น่าผิดหวังออกมาได้ ในอนาคตข้างหน้าไท่จื่อองค์อื่น ๆ อาจถูกส่งมาแทนก็เป็นได้.
"แต่ว่า ไท่จื่อสาม ............!”
"เอาล่ะ ไม่ต้องกล่าวอะไรอีกแล้ว! จบหัวข้อนี้เอาไว้ได้แล้ว!"
"ครับ!"เสนาธิการคนดังกล่าวทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น.
หลังจากผ่านไปแล้วสามวัน หวังจิงเหวินก็นำข้อมูลต่าง ๆ มามอบให้กับเนี่ยนเปิน.
"ไท่จื่อสาม การสอบเคอจีของตำหนักเทียนซี ตอนนี้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก ข้าได้ขีดเส้นเป็นสีแดง สิบเมืองที่เพิ่งยึดครองมา ผู้น้อยคิดว่าคนที่ขีดเส้นสีแดงคือคนที่ปลอดภัยที่สุด."หวังจิงหวินกล่าว.
ไท่จื่อสามที่เพ่งพิศตรวจสอบรายชื่อที่มีเส้นสีแดงขีดไว้บนแผ่นริ้วหยก.
เนี่ยนเปิ่นจดจ้องมองบนชื่อที่ขีดเส้นสีแดงพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา เพราะว่ากลุ่มคนเหล่านี้ แม้ว่าจะมีความสามารถ ทว่าหลังจากผ่านการสอบเคอจีแล้ว พวกเขาล้วนแต่ได้รับการชักชวนจากหวังจิงเหวินทั้งนั้น อีกทั้งดูเหมือนว่าคนเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นทายาทของหวังจิงเหวินอย่างงั้นรึ?
คิดได้ดังนี้ สายตาของเนี่ยนเปิ่นถึงกับหดเกร็ง หวังจิงเหวินกำลังสร้างอิทธิพลให้กับตัวเองอย่างงั้นรึ? สถานการณ์ไม่ดีแล้ว.
"อืม คนเหล่านี้ ข้าคิดว่ายังมีงานใหญ่ที่ต้องมอบหมายให้ ควรเก็บไว้ก่อน คนที่เข้ารอบสอบเคอจียังมีอีกสามคนที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่รึ? เช่นนั้นให้พวกเขาไป!"เนี่ยนเปิ่นที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หืม?"ใบหน้าของหวังจิงเหวิ่นที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
เป็นความจริง! ภายในใจเนี่ยนเปิ่นที่เผยท่าทางดูแคลน คนกลุ่มนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนในสายโลหิตของเจ้าไม่ใช่รึ? คิดว่าข้ามองไม่เห็นรึไง.
"รับทราบ!"หวังจิงเหวินที่พยักหน้ารับ แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทว่าท่าทางที่แสดงความผิดหวังออกมา.
หลังจากที่หวังจิงเหวินจากไปแล้ว เนี่ยนเปิ่นที่รู้สึกพอใจ ดี ข้าจะเป็นคนฝึกฝนคนของเจ้าเอง ไม่ว่าหวังจิงเหวินจะได้รับความดีความชอบมากมายเท่าไหร่ ได้ดินแดนกลับมามากขึ้นเท่าใด หากคนที่ส่งไปดูแลเป็นคนที่เขาเชื่อใจได้ แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?
หวังจิงเหวินที่ออกมาจากตำหนักเทียนซีพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน.
"คนของข้าอย่างงั้นรึ? เจ้าคิดว่ารับไปแล้ว ในอนาคตจะทำให้กลายเป็นของตัวเองได้สินะ!"หวังจิงเหวินที่แสดงท่าทางดูแคลน.
เกี่ยวกับแผนการกลยุทธิ์ต่าง ๆ นั้น ไท่จื่อสามดูเหมือนว่าจะอ่อนด้อยอย่างชัดเจน.
ทว่าสงครามในภาคใต้ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของหวังจิงเหวินหมดแล้ว การขยายพื้นที่อย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้ให้ใครหยุดพัก ศาลเทพอู๋เซี่ยงที่บุกเบิกชิงดินแดนได้เป็นจำนวนมาก ทว่าภายในการขยายอาณาเขตนั้นได้ซ่อนแผนร้ายบางอย่างเอาไว้ เมื่อแผ่นดินขนาดใหญ่และรวดเร็วจนเกินไป การควบคุมและความมั่นคงก็จะยากขึ้นไปด้วย ทำให้อนาคตจะต้องก่อให้เกิดปัญหาใหญ่กลับมาอย่างแน่นอน.
-------------------------------------------------------------------
อาณาเขตจวงหลุน แดนเทวะที่อยู่ไกลออกมา แดนเทวะหมางกู.
ห้องโถงภายในแดนเทวะหมางกู ในเวลานี้มีบัลลังก์สีทองห้าอันล้อมรอบเป็นวงกลม.
หากจงซานอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ ย่อมเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าบัลลังก์เหล่านี้มีรูปแบบเหมือนกับบัลลังก์ทองแดงของหวังคู เพียงแต่ส่วนมากแล้วเป็นบัลลังก์สีทอง ส่วนของหวังคูเป็นบัลลังก์ทองแดง.
บนบัลลังก์สีทองนั้น ในเวลานี้มีร่างสีดำนั่งอยู่ แขนของเขาที่วางบนพนักพิง เป็นแขนที่เป็นโครงกระดูก แน่นอนว่าพวกเขาก็คือยอดฝีมือของเผ่าโครงกระดูก.
ภายในห้องโถงที่ปิดแน่น ยอดฝีมือเผ่าโครงกระดูกในเวลานี้ที่เอาแต่เงียบไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา.
หลังจากที่เงียบไปนานเหมือนกัน ท้ายที่สุดยอดฝีมือเผ่ากระดูกตนหนึ่งก็เริ่มเอ่ยออกมา.
"เอาล่ะ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าพวกเรามองเห็นปัญหาแล้วไม่ใช่รึ?"เผ่าโครงกระดูกคนดังกล่าวเอ่ยออกมาในทันที.
"ศาลเทพต้าเจิ้ง แม่ทัพกองกำลังที่เก้า หวังคู? เขาเองก็มีกองกำลังโครงกระดูกของตัวเอง นอกจากนี้ยังได้รับการสาบานรับใช้จากเหล่าโครงกระดูกด้วย."โครงกระดูกอีกตนที่เอ่ยปากออกมา.
"จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา ไฟวิญญาณของหวังคูนั้นมีระดับสูงมาก แม้นว่าพลังฝึกตนจะไม่ได้สูง แต่ก็ทำให้เขามีสถานะที่สูง เขาเป็นใครกันแน่?"โครงกระดูกอีกคนที่เอ่ยออกมา.
"แปลกมาก ไฟวิญญาณ มีเพียงแค่ลูกหลานของราชาโครงกระดูกเท่านั้นถึงจะมี!"โครงกระดูกคนแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"ลูกหลานของราชาอย่างงั้นรึ? ข้าไม่เคยเห็นว่าเคยมีลูกหลานของราชา ไฟวิญญาณของราชา แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของเขาก็ต้องเบาบางลง ข้าคิดว่าไฟวิญญาณของลูกหลานราชายังด้อยกว่าหวังคู!"
"หวังคู? มหาเซียนอย่างงั้นรึ? ถูกจงซานในโลกใบเล็กกำราบ ต้นกำเนิดลึกลับ! ทว่าไฟวิญญาณของเขาทำไมถึงได้สูงกัน?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"โครงกระดูกในโลกใบเล็กเป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตได้เร็วขนาดนั้น มีเพียงแค่โครงกระดูกของโลกใบใหญ่เดินทางไปอาศัยเท่านั้น ทว่าเขาจะเป็นโครงกระดูกจากโลกใบใหญ่จริงรึ? ไฟวิญญาณที่มีระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหนก็ล้วนแล้วแต่ต้อนรับทั้งนั้น แม้แต่สามารถเป็นอาวุโสเลยก็ยังได้! แต่กลับยอมลดตัวไปเป็นเพียงแค่ขุนนางอย่างงั้นรึ?"
เหล่าโครงกระดูกที่ได้เปลี่ยนเป็นเงียบงัน.
"เหล่าหวู่ เจ้าจะไม่กล่าวสิ่งใดเลยรึ? ที่นี่ เจ้ามีความรู้มากที่สุด มีสิ่งใดหรือไม่?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
เหล่าโครงกระดูกต่างก็จ้องมองไปยังโครงกระดูกขนาดเล็กในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ฝั่งทิศใต้.
"ข้า ข้าไม่รู้ว่าควรจะกล่าวออกไปหรือไม่!"เหล่าอู๋กล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน.
"มีสิ่งใดต้องปิดบังพวกเราด้วย พวกเราต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน มีสิ่งใดยังไม่กล่าวมาอีก."โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"ข้าเพียงแค่คาดเดา ไม่สามารถเชื่อถือได้มันเป็นเรื่องคาดเดา ข้าจึงไม่ได้คิดที่จะบอกทุกคน!"เหล่าหวู่ที่กล่าวออกมาในทันที.
"พูดมา! พวกเรารอรับฟังอยู่ ถึงเป็นการคาดเดาก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย."
เหล่าโครงกระดูกที่จ้องมองไปยังเหลาหวู่.
"เมื่อหกแสนปีก่อน มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นกับเผ่าโครงกระดูกของพวกเรา พวกเจ้ารู้หรือไม่?"เหลาหวู่กล่าว.
"หกแสนปีที่แล้วอย่างงั้นรึ?"โครงกระดูกตนหนึ่งที่ดูไม่เข้าใจนัก.
"ข้าเองก็ได้ยินมาบ้าง ในเวลานั้นราชาโครงกระดูก ไม่ใช่ราชาในปัจจุบัน เป็นราชารุ่นก่อน ทว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงได้ร่วงหล่นลงจากสวรรค์ในทันที จากนั้นก็เกิดเป็นราชาคนใหม่ ซึ่งดำรงตำแหน่งจนมาถึงปัจจุบัน!"โครงกระดูกแรกครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"ถูกแล้ว ราชารุ่นก่อน ร่วงหล่นจากสวรรค์ จากนั้นก็มีราชาคนใหม่ ทว่าที่จริงแล้วมีเรื่องเล่าว่าราชาคนใหม่นั้นเป็นคนช่วงชิงตำแหน่งมาจากราชารุ่นก่อน."เหล่าหวู่กล่าว.
"ราชาคนใหม่ช่วงชิงตำแหน่งราชากับราชารุ่นก่อนอย่างงั้นรึ? กล่าวอีกอย่างหนึ่งราชาคนปัจจุบัน เป็นองค์ราชินีของราชารุ่นก่อน เป็นคนช่วยช่วงชิงมาอย่างงั้นรึ?"โครงกระดูกแรกที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ถูกแล้ว นี่เป็นความลับสุดยอดของเผ่าโครงกระดูก นอกจากนี้หลายแสนปีมานี้ เป็นความลับที่ไม่มีใครกล้าเอ่ย บอกถึงสาเหตุทำไมราชารุ่นก่อนถึงได้ร่วงหล่นจากสวรรค์? ไม่ ต้องบอกว่าราชารุ่นก่อนหายตัวไปอย่างลึกลับต่างหาก ที่จริงมีเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจต่างก็ออกไปค้นหาเบาะแสอยู่เหมือนกัน หากแต่หนึ่งแสนปีหลังจากนั้น การค้นหาก็ถูกยกเลิกไป!"เหล่าหวู่กล่าว.
"เหล่าหวู่ เจ้าหมายความว่า? หวังคูคือราชาโครงกระดูกรุ่นก่อนอย่างงั้นรึ?"พี่ใหญ่สุดที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
เหล่าโครงกระดูกตนอื่นต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ.
"หวังคู(ราชาโครงกระดูก) หวังคูโหลว(ราชากะโหลก) ราชาโครงกระดูก ไม่ใช่ว่านามหวังคูก็เป็นการบ่งบอกถึงสถานะอยู่แล้วหรอกรึ?"เหลาหวู่ที่เอ่ยออกมาด้วยความลึกล้ำ.