Chapter 911 น้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่
ทัพใหญ่ของจงซานนั้นได้ตั้งอยู่ที่ด้านนอกตำหนักสังสารวัฏมาก่อนแล้ว.
พื้นที่รอบ ๆ ตำหนักสังสารวัฏนั้นเต็มไปด้วยหมอกทมิฬ ทว่าในเวลานี้มันมีความหนาแน่นมากยิ่งกว่าเดิมเท่าหนึ่ง.
ที่ไกลออกไปนั้น จงซานที่เดินทางมาด้วยรถเทียมราชันย์หงส์เพลิง.
จงซานที่จ้องมองออกไปจับจ้องมองปราณทมิฬที่หนาแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้จงซานต้องขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย หนี่ปู่ซาได้ไปกระตุ้นมันอย่างงั้นรึ? ก่อนหน้านี้หนี่ปู่ซาได้กล่าวว่าจะทำการเคลื่อนย้ายฮวงจุ้ยดังกล่าวด้วยตัวเอง.
รถเทียมราชันย์หงเพลิงที่มาหยุดอยู่ที่ลานแห่งหนึ่ง.
บนลานขนาดใหญ่ มีทหารประจำการอยู่มากมาย เหยี่ยนฉงจื่อและหนี่ปู่ซาที่รอคอยอยู่อย่างใจเย็น.
รถเทียมราชันย์หงเพลิงที่หยุดลง จงซานที่ก้าวลงมา ทุกคนที่แสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียง.
"เซิ่งหวังขอให้เป็นอมตะ กลายเป็นเหมือนดั่งสวรรค์ที่เป็นอมตะ!"ทหารทุกคนที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"คารวะเซิ่งหวัง!"หนี่ปู่ซาและเหยี่ยนฉงจื่อกล่าวออกมาในทันที.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
"หนี่ปู่ซา เจ้าขอให้ข้าเดินทางมาที่นี่ ตอนนี้เจ้าสามารถยึดครองตำหนักสังสารวัฏได้แล้วอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไป.
"ยังไม่สามารถยึดได้ หากแต่เฉินได้พบเข้ากับปัญหาใหญ่ที่ยากลำบาก จึงได้เชิญให้เซิ่งหวังมาตัดสินใจ!"หนี่ปู่ซากล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"หืม?"
"เซิ่งหวังเองก็เห็นพื้นที่รอบ ๆ ตำหนักสังสารวัฏแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงใช่หรือไม่?"หนี่ปู่ซาที่ฝืนยิ้มออกมา.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
"ภายในตำหนักสังสารวัฏเกิดเรื่องสำคัญเกิดขึ้น!"หนี่ปู่ซาที่ถอนหายใจเบา ๆ .
"เรื่องสำคัญเกิดขึ้น?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ที่ด้านข้างนั้นมีห้องโถงแห่งหนึ่ง พวกเราไปปรึกษากันที่ดังกล่าวเถอะ!"หนี่ปู่ซาที่ยังไม่ได้ตอบคำตอบอะไรออกมา.
จงซานที่ตระหนักได้ถึงความตรึงเครียดของเรื่องดังกล่าว จึงพยักหน้ารับ.
"เหยี่ยนฉงจื่อ ปกป้องพื้นที่รอบ ๆ นี้เอาไว้!"จงซานเอ่ย.
"รับทราบ!"เหยี่ยนฉงจื่อที่รับคำในทันที.
จงซานและหนี่ปู่ซาก้าวเข้าไปในตำหนักแห่งหนึ่ง.
"เอาล่ะ มีอะไรก็กล่าวมา!"จงซานที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
"ครับ เซิ่งหวัง เฉินนั้นสืบทอดชีพจรหนี่ปู่ซามาจากรุ่นบรรพบุรุษ นานมาแล้ว บรรพบุรุษรุ่นก่อนได้ทำการสำรวจตำหนักสังสารวัฏแห่งนี้!"หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.
จงซานที่สามารถคาเดาได้อย่างแน่นอน ในอดีต ทำไมหนี่ปู่ซาสามารถสร้างโลกที่เชื่อมต่อ ของตำหนักสังสารวัฏขึ้นมาได้ แต่การทำให้สามารถไปปรากฎในโลกใบเล็กได้นั้นนับว่าเป็นวิธีการที่ลึกลับมาก.
กับความสัมพันธ์ของหนี่ปู่ซาและตำหนักสังสารวัฏนี้คงมีอะไรอยู่มากมาย จงซานเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าเขาคือผู้สืบทอดที่เคยสำรวจตำหนักสังสารวัฏแห่งนี้มาก่อน.
"เฉินเองก็พอรับรู้ว่าเซิ่งหวังนั้นพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ทว่าเรื่องในวันนี้ เฉินไม่ได้ต้องการเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว!"หนี่ปู่ซาที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง.
"หืม?"
"ตำหนักสังสารวัฏ นี่ไม่ใช่ตำหนักเดิมในอดีต เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มาจากผู้ก่อตั้งนั้น ข้าได้ทำการสำรวจภายในแล้ว ที่ด้านในนั้น ที่จริงได้พบอะไรบางอย่าง นับตั้งแต่ผู้สืบทอดชีพจรหนี่ปู่ซาได้เข้าสู่โลกใบเล็ก พื้นที่แห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนไป!"หนี่ปู่ซาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"มีสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างงั้นรึ? อะไรเปลี่ยนไป?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"มีบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครที่ได้ผนึกบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ที่นี่ และไม่รู้ว่าอะไรถูกผนึก ทว่าสิ่งที่ถูกผนึกนั้นดูเหมือนอสูรปิศาจที่ร้ายกาจตนหนึ่ง.
"เกิดขึ้นหลังจากผู้สืบทอดชีพจรปู่ซาเข้าไปยังโลกใบเล็กอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ครับ เชื้อสายของชีพจรหนี่ปู่ซานั้นได้เข้าไปในโลกใบเล็กเมื่อ 800,000 ปีที่แล้ว และผนึกอสุรกายปิศาจที่ปรากฎขึ้นเองจะเป็นคนที่ทรงพลังในเวลานั้นเช่นกัน ค่ายกลนี้มีทั้ง ค่ายกลกรรมวาสนา วาสนา ฮวงจุ้ย แม้แต่ค่ายกลช่วงชิงชะตาอีกด้วย!"ดวงตาของหนี่ปู่ซาที่ส่ายไปมา.
"มันหมายความว่าอย่างไร?"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางสนใจ.
"ผนึกอสุรกายปิศาจนี้ อาจเป็นปราชญ์เทพ หรือใครที่อยู่ห่างจากปราชญ์เทพไม่ไกล! นอกจากนี้ยังไม่ใช่คนเดียวเป็นคนลงมือ!"หนี่ปู่ซาที่ขมวดคิ้วไปมา.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ผนึกอย่างงั้นรึ?นึกถึงผนึกที่เกาะกุยภพหยาง มีผนึกที่ใช้ศิลาเทวะห้าสีในการผนึกอสุรกายปิศาจ กุยเช่อเอาไว้!
และยังมีผนึกที่อยู่ในตำหนักสังสารวัฏ ผนึกจากยอดฝีมือไร้คู่เปรียบอย่างงั้นรึ?
"ผนึกมันเริ่มเปิดออกมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ครับ ที่ด้านในนั้นบางทีอาจจะเป็นยอดฝีมือทีแข็งแกร่งมาก บางทีเพราะว่าการต่อสู้ของเซิ่งหวังและโหลวซิงเฉินได้ทำลายค่ายกลฮวงจุ้ยบางส่วนไป ข้าคิดว่าอสุรกายปิศาจที่อยู่ด้านในนั้นกำลังพยายามที่จะออกมาซึ่งน่าจะอีกไม่นานก็จะผุดออกมาได้แล้ว!"หนี่ปู่ซาที่ขมวดคิ้วไปมา.
จงซานที่ก้าวไปรอบ ๆ ในห้องโถง ซึ่งมีหนี่ปู่ซายืนอยู่ไม่ไกล.
"เขตแดนจวงหลุนแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มอิทธิพลไม่มาก ศาลเทพ นิกายใหญ่ต่าง ๆ ไม่ยินดีนักที่จะอยู่ในอาณาเขตแห่งนี้ ดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็รับรู้ได้ถึงความลับของอาณาเขตจวงหลุนแห่งหนึ่ง ความลับดังกล่าวนั้นคงซ่อนอยู่ในตำหนักสังสารวัฏ! ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนหลีกหนีมันให้ไกล!"จงซานกล่าวและครุ่นคิดไปมา.
"ควรจะเป็นเช่นนั้น!"หนี่ปู่ซาพยักหน้ารับ.
"เป็นใครกันที่ผู้ฝึกตนมากมายหลีกหนี ทว่ามันผ่านมานานแล้ว ยากที่จะบอกว่าเป็นใคร? หลายแสนปีก่อน น่าจะอยู่ในยุคเดียวกับบรรพชนหงจวินกับกลุ่มปราชญ์เทพที่ต่อต้านเทียนชูในครั้งนั้น ภายในภพหยางเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แล้วภพหยินล่ะเกิดสิ่งใดขึ้น?"จงซานที่สูดหายใจลึก.
"เซิ่งหวัง แท่นบูชาหลักของตำหนักสังสารวัฏนั้น ข้าไม่มีความสามารถพอที่จะเปิดในตอนนี้ ทว่าผนึกของตำหนักรอบ ๆ นั้น ข้าได้เปิดออกมาแล้ว ทำให้ปราณทมิฬเติบโตพลุ่งพล่านขึ้นมา จนทำให้อสุรกายปิศาจด้านในกำลังจะทะลวงผนึกออกมาได้!"นี่ปู่ซากล่าว.
"ข้าต้องการไปดูผนึก!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"
เมื่อออกมาจากตำหนัก หนี่ปู่ซาก็นำจงซานเข้าไปในด้านในปราณทมิฬที่มีอยู่มากมาย.
หนี่ปู่ซาที่สะบัดมือนำมุกแสงออกมา มุกแสงที่กลายเป็นม่านพลังป้องกันเขาเอาไว้ กันปราณทมิฬด้านนอกไม่ให้เข้ามาใกล้ ทำให้จงซานและหนี่ปู่ซาไม่ได้รับผลกระทบกับการกัดกร่อนของปราณทมิฬนั่นเอง.
ทั้งสองที่ก้าวเข้าไปด้านใน.
ป่าลึกเข้าไปในตำหนักสังสารวัฏช้า ๆ .
ที่ไกลออกไปนั้น บนเทือกเขาแห่งหนึ่ง ในเวลานี้ปรากฎชายในชุดคลุมสีม่วงคนหนึ่ง.
ชายชุดสีม่วงที่เพิ่งร่อนลงมานั่นเอง จากนั้นก็ปรากฎคนอื่น ๆ ค่อย ๆ ตามมาคนแล้วคนเล่าปรากฎขึ้นมาสบทบเขา.
"เซิ่งซ่างชิงหมิง จงซานมาแล้วอย่างงั้นรึ?"หนึ่งในนั้นกล่าวออกมา.
"มาแล้ว พวกเขาอยู่ด้านในนั้น."ชายในชุดคลุมสีม่วงเซิ่งซ่างชิงหมิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"แล้วอยู่ใหนกัน?"
"จงซาน เข้าไปในพื้นที่ปราณทมิฬตรงไปยังตำหนักสังสารวัฏ."เซิ่งซ่างชิงหมิงที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เขาเข้าไปอย่างงั้นรึ? แล้วเข้าไปได้อย่างไร?"คนผู้หนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ใช่ เขาเข้าไปด้านใน แต่ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา แต่เป็นของวิเศษต่างหาก เขามีของวิเศษที่ใช้ปกป้องกายจึงสามารถเข้าไปด้านในได้!"เซิ่งซ่างชิงหมิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางอิจฉา.
"ตำหนักสังสารวัฏ? ภายในนั้นมีความลับอะไรกัน? ด้วยความแข็งแกร่งของจงซานสามารถเข้าไปด้านในได้อย่างงั้นรึ?"คนอีกคนที่เอ่ยสอบถามออกมา.
"ข้าเองก็ไม่รู้ ตำหนักสังสารวัฏนั้น ผ่านมาหลายแสนปีแล้ว ทุกคนต่างก็หลบหนีไปให้ไกล ปราชญ์เทพภพหยินเองยังไม่ต้องการเข้าใกล้พื้นที่แห่งนี้ ราวกับว่ากลัวก้อนกรรมอะไรบางอย่างจะเกี่ยวพัน นี่จงซานเขาไม่หวาดกลัวเลยรึไง!"เซิ่งซ่างชิงหมิงที่ส่ายหน้าไปมา.
"ตอนนี้พวกเราต้องทำอะไร?"อีกคนยังคงสอบถามต่อ.
"รอให้กลุ่มมหาเซียนเตรียมการเสร็จสิ้น และรอให้จงซานออกมา!"เซิ่งซ่างชิงหมิงกล่าว.
"เหล่ายอดฝีมือจากราชวงศ์สวรรค์และแดนเทวะ เป็นมหาเซียนกว่าห้าสิบคน พวกเราจะลงมือพร้อมกันอย่างงั้นรึ?"อีกคนที่กล่าวออกมา.
"ใช่แล้ว พวกเราจะใช้ค่ายกลเซียนโบราณ ข่ายสวรรค์ เจ้าคิดว่าอย่างไร?"เซิ่งซ่างชิงหมิงที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"ค่ายกลเซียนโบราณข่ายสวรรค์อย่างงั้นรึ? หากเป็นเช่นนั้น จงซานจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!"อีกคนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"ใช่แล้ว ให้ทุกคนเตรียมตัว!"เซิ่งซ่างชิงชิวกล่าว.
"อืม!"ทุกคนพยักหน้ารับ.
--------------------------------------------------------
จงซานที่ก้าวเข้าไปกับหนี่ปู่ซากว่าหนึ่งชั่วยาม ก็เข้ามาถึงตำหนักขนาดใหญ่ด้านใน.
เป็นตำหนักที่ใหญ่มาก จงซานที่ถอนหายใจ ตำหนักขนาดใหญ่นี้เท่ากับเมืองซ่างทั้งเมืองเลยก็ว่าได้.
ตำหนักสังสารวัฏนั้นมีอยู่ด้วยกันสิบตำหนัก นี่คือหนึ่งในนั้น สถานที่เป็นแห่งแรกที่ผู้คนพบเห็นอย่างงั้นรึ? แล้วอีกเก้าตำหนักอยู่ที่ใดกัน? พื้นที่ใหญ่โตที่ยืดยาวออกไป พื้นที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะเคยเป็นหนึ่งในดินแดนผู้ทรงอิทธิพลหรือไม่?
จงซานที่เข้ามาใกล้ตำหนักขนาดใหญ่พร้อมกับหนี่ปู่ซา.
ประตูตำหนักที่ไม่ได้ปิด ที่ด้านในนั้นมีปราณทมิฬกำลังพ่นออกมาไม่หยุด.
เมื่อเข้าไปในตำหนักด้านใน.
เป็นโถงที่ใหญ่โต พื้นและผนังเป็นสีดำ และมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีของเหลวสีดำมืดเหมือนหมึก.
ปราณทมิฬมากมายนั่นดูเหมือนว่าจะแผ่พุ่งออกมาจากบ่อน้ำแห่งนี้.
บนบ่อน้ำนั้น มีดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่เติบโตขึ้นมา ส่องประกายแสงสีดำออกมา ดูงดงามไม่น้อย.
"นี่มัน?"คิ้วของจงซานที่ขมวดไปมา.
"เป็นอสุรกายปิศาจ ถูกผนึกเอาไว้ด้านล่าง น้ำสีดำหมกนั้นปนเปื้อนด้วยจิตสังหาร ส่วนด้านบนนั้นคือกุหลาบอเวจี มันคือผนึกอย่างหนึ่ง หากกุหลาบดังกล่าวนั้นถูกทำลาย ผนึกก็จะค่อย ๆ ถูกทะลวง และปลดปล่อยอสุรกายปิศาจออกมา ยากที่จะต้านได้ เซิ่งหวังท่านคิดว่าควรจะทำเช่นไร?"หนี่ปู่ซาที่ขมวดคิ้วไปมา.
จงซานที่จ้องมองไปยังกุหลาบอเวจี พลางขมวดคิ้วแน่นใช้ความคิด.
หนี่ปู่ซาอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้ารบกวน.
จงซานที่ครุ่นคิดและพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ "อสุรกายปิศาจ? ใครบอกว่าด้านในนั้นเป็นอสุรกายปิศาจอย่างแน่นอนกัน?"
"หืม?"
"เขากำลังทลายผนึกทีละน้อย ๆ คงไม่ได้ต่างกันนักหากว่าเราช่วยเขาคลายผนึก!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
หนี่ปู่ซาที่ตื่นตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ครุ่นคิดไปมา ภายในใจที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน พยักหน้ารับอย่างจริงจัง.
หนี่ปู่ซาเองก็ไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้ อสุรกายปิศาจอย่างงั้นรึ? ไม่ว่าอย่างไรอสุรกายปิศาจตนนี้ก็ต้องออกมาได้อย่างแน่นอน ในเวลานั้นศาลเทพต้าเจิ้งไม่มีทางที่จะไม่ได้รับผลกระทบ หากรอคอยเวลาให้อสุรกายปิศาจตนดังกล่าวออกมา คงไม่สามารถบอกได้ถึงชะตากรรมต้าเจิ้งได้อย่างแน่นอน ทางที่ดีการช่วยเขาออกมา อย่างน้อยก็ยังกลายเป็นเบี้ยเล็ก ๆ อาจจะเป็นการสร้างบุญคุณกับเขาเล็กน้อยก็ได้.
"เฉินจะทำลายผนึกในทันที!"หนี่ปู่ซากล่าวรายงาน.
"ไม่ต้องรีบร้อน กุหลาบอเวจีนั่นเก็บมาได้หรือไม่?"จงซานที่กล่าวออกไปด้วยความสงสัย.
"เก็บ ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายนัก!"หนี่ปู่ซากล่าว.
"หืม?"
"สิ่งนี้เกิดจากจิตสังหารที่มารวมตัวกัน หากว่าเก็บมา ไม่มีทางที่จะคงรูปอยู่ได้เว้นแต่มี......"หนี่ปู่ซาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"หึ?"
"การหล่อเลี้ยงจากน้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่!"หนี่ปู่ซาที่เอ่ยตอบ.
"น้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่?"จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ใช่แล้ว น้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่ ช่างหน้าเศร้าภายในอาณาเขตของพวกเรานั้นไม่มีน้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่ ภายในภพหยางเองก็มีเพียงแค่บางแห่งเท่านั้น!"หนี่ปู่ซาส่ายหน้าไปมา แสดงท่าทางช่วยไม่ได้.
"หากกล่าวถึงน้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่ล่ะก็ ข้ามี!"จงซานเอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"หนี่ปู่ซาที่เผยท่าทางแปลกประหลาดจดจ้องมองไปยังจงซาน เป็นจริงหรือเท็จ?
เซิ่งหวังมีน้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่อย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้สิ่งนี้ไม่มีในโลกใบเล็ก.
จงซานมีน้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่ เป็นเพราะในอดีต ไท่ซ่างเหล่าจินมอบขวดหยกพิสุทธิ์ให้กับเขานั่นเอง ด้านในนั้นมีวารี 36 ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ น้ำทิพย์พิรุณปู่ลู่ ซึ่งจงซานภพหยินสามารถส่งมันมาจากภพหยางได้ และวิธีในการส่งมานั้นเป็นความลับที่มีเพียงจงซานคนเดียวเท่านั้นที่รู้.