Chapter 1356 จงเสวียนแทนคุณ.
ภพหยาง สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว!
หลงจากที่จงซานปล่อยเทียนเสิ่นจื่อไป เขาก็ปิดด่านบำเพ็ญทันที ชื่อเสียงวาสนา ลิขิตมากมายที่รับเข้ามา จำเป็นต้องหลอมกลั่นให้เร็วที่สุด.
การหลอมในครั้งนี้ จงซานไม่ได้เก็บลิขิตไว้แม้แต่น้อย เขาได้ส่งให้แปดหางกินทั้งหมด พร้อมกับหลอมเป็นพลัง.
เกี่ยวกับสถานการณ์ของต้าเจิ้งเวลานี้ ศาลเทพยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับต้าเจิ้ง พวกเขาจะต้องยกระดับเป็นศาลสวรรค์ ดังนั้นเขาจำต้องยกระดับความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด.
ชื่อเสียงวาสนา ลิขิต ย่อมถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว และในโลกใบเล็กนั้น ยังมีอีกอย่างหนึ่ง เนตรแสงสวรรค์นั่นเอง.
เนตรแสงสวรรค์สีแดง ที่บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนที่ใช้ในการสะกดเทียนเต๋าจื่อขณะเปลี่ยนร่าง แม้นว่ามันจะแตกเป็นชิ้น ๆ ทว่าจงซานไม่ได้สนใจ เพราะว่าเศษส่วนที่เหลือนั้นเวลานี้ถูกเนตรเทียนฟาดูดซับไปทั้งหมด วิถีสวรรค์จำลองที่มันเคยมีได้ถูกดูดซับไป.
ก่อนหน้านี้เนตรแสงสวรรค์ บางทีอาจนับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าในเวลานี้บรรพชนรุ่นหนึ่งนั้นพังทลาย ตัวมันที่แตกสลาย แม้แต่ถูกขังเอาไว้ ส่งผลให้เนตรเทียนฟาที่เคยมีวิถีสวรรค์ 1800 เส้น เวลานี้มันทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมาก.
"วูซซซซ!"
ด้วยพลังดูดซับของเนตรเทียนฟา เนตรแสงสวรรค์ไม่มีพลังที่จะต่อต้าน.
วิถีสวรรค์ที่อยู่ในเนตรแสงสวรรค์เองก็มีอยู่จำนวนมาก แม้นว่าจะมีหลายเส้นที่ซ้ำกัน ทว่าหลังจากที่เนตรแสงสวรรค์แตกสลายหายไปสิ้นเชิง ก็สามารถได้รับวิถีสวรรค์ใหม่มาเพิ่มอีก 200 เส้น.
รวมกับวิถีสวรรค์เดิมที่มีอยู่ เนตรเทียนฟาในเวลานี้ มีวิถีสวรรค์จำลองถึง 2000 เส้นแล้ว.
ภายในใจของจงซานที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก เนตรเทียนฟาที่กลับคืนสู่โลกเขตแดนเทวะของเขา จงซานที่เริ่มทำการหลอมกลั่นชื่อเสียงวาสนาและลิขิต.
ผ่านไปถึงสามวันสามคลื่น ภายในห้องโถงที่มีเสียงการตัดผ่านระดับของจงซาน.
"ครืนนนนน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เสียงสายฟ้าที่ดังกระหึ่ม ม่านรากของร่างกายที่ถูกทะลวง.
เซียนบรรพชนขั้นที่หก!
เพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้น!
"ฟู่!"จงซานที่พ่นลมหายใจยาม ก่อนที่จะลืมตาขึ้น.
พลังฝึกตนที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้น จงซานที่มั่นใจในแผนการของเขาหลังจากนี้มากยิ่งขึ้น.
------------------------------------------------------------------
ที่ไกลออกไปเมืองเล็กแห่งหนึ่งที่ห่างออกจากสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว นอกเมืองเล็ก ๆ ควรจะเรียกว่าชุมชนขนาดเล็กซะมากกว่า.
เมืองเล็กแห่งนี้มีตระกูลขุนนางห้าตระกูล! และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลจื่อ.
วันนี้ ตระกูลจื่อที่สถานการณ์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมกระจายไปทั่ว.
ลานเล็ก ๆ ในตระกูลจื่อ!
เด็กสาวคนหนึ่งที่จดจ้องมองไปยังชายในชุดสีเทาที่มีแววตาเป็นกังวล.
"ลุงสอง ทำไมไม่ให้ข้าเข้าไปในห้องโถงล่ะ!"เด็กสาวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.
"จื่อหยิงหยิง ในเวลานี้ ตระกูลอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ท่านประมุขไม่สามารถหาทางออกได้ เจ้าต้องการไปดูอะไร?"ชายในชุดสีเทากล่าว.
"สายโลหิตของตระกูลจื่อ มีตระกูลสาขาแปดสาย บิดาข้าได้ตกตายไปแล้ว แน่นอนว่าข้าคือคนที่เหลืออยู่ของตระกูลสาขา ทำไมข้าถึงไม่สามารถเข้าไปได้?"จื่อหยิงหยิงที่กล่าวออกมาด้วยความร้อนใจ.
"บอกเจ้าก็ได้ ในตระกูลวันนี้มีเรื่องสำคัญเป็นตาย สี่ตระกูลใหญ่กำลังกดดันตระกูลจื่อ เจิ้นจาง(เทศมนตรี กำนัน)กำลังจะมา เจ้าเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าทำอะไรได้? คิดว่าจะไปช่วยอะไรท่านประมุขได้กัน!"ชายในชุดสีเทาที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าจะไป ข้าจะไป ข้าไม่สามารถทำให้ท่านพ่อขายหน้าได้!"จื่อหยิงหยิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.
"น้องสะใภ้ เจ้าสอนจื่อหยิงหยิงบ้างหรือไม่? ตระกูลกำลังเผชิญเรื่องสำเร็จเกี่ยวกับความเป็นความตาย ใช่สถานที่เด็กไปเล่นอย่างงั้นรึ? น้องแปด ไม่ได้อยู่สอนจื่อหยิงหยิง เจ้าในเวลานี้ คิดว่าทำตัวถูกต้องกับน้องแปดแล้วอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีเทาที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม.
สตรีที่อยู่ข้าง ๆ เวลานี่นางที่แอบสะอื้นด้วยความรู้สึกเอ่อล้นเจ็บปวดกับความไม่ชอบธรรมนี้.
"อย่าว่าแม่ข้า แม่ข้าดีที่สุด เจ้านั้นไม่ยุติธรรมกับบิดาของข้า วันหนึ่ง ข้าจะต้องไปยังภพหยินรับท่านพ่อกลับมา บิดาของข้าต้องยังอยู่ วิญญาณไม่แตกสลายแน่นอน เขาจะต้องอยู่ที่ภพหยิน!"จื่อหยิงหยิงกล่าว.
"น้องสะใภ้ เจ้าไม่สอนรึอย่างไร? ไร้มารยาท!"ชายในชุดสีเทาที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา.
"หยิงหยิง อย่าพูดอีก!"สตรีดังกล่าวที่กอดลูกสาวพลางสะอื้นน้ำตาคลอ.
เห็นท่าทางเศร้าใจของมารดาแล้ว จื่อหยิงหยิงเจ็บปวด จากนั้นก็อดกลั้น จนน้ำตาคลอไปด้วยเช่นกัน นางที่กัดริมฝีปากและเอ่ยออกมาว่า "เช่นนั้น ข้าจะไม่เข้าไป!"
"ก็ดี!"ชายในชุดสีเทาที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ชายชุดเทาที่หันหน้าก้าวออกจากสวน ซึ่งมีชายในชุดสีแดงรออยู่.
"พี่สอง มีปัญหาอะไร? เจ้าเด็กนั่นไม่ฟังคำสั่งอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวสอบถาม.
"เรียบร้อยแล้ว!"ชายในชุดสีเทาที่ส่ายหน้าไปมากล่าวด้วยรอยยิ้ม.
"พี่สอง ตระกูลจื่อของพวกเราสถานการณ์ไม่ดีนัก ผลประโยชน์ที่ได้ลดลง แปดตระกูลสาขา จำเป็นต้องหักออกไปสามสามขา สาขาหกที่ได้รับภัยพิบัติ สาขาเจ็ดที่ยังมาไม่ถึง อีกสองสาขาไม่มีทายาท สาขาแปดเหล่าป้าก็เพิ่งตายไป เจ้าเด็กนั่นจะต้องกันเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วหลังจากนี้ พวกมันก็ต้องถอนตัวจากไป!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ตระกูลสาขาที่แปดนั้นอ่อนแอมากนัก ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใด ๆ อีก!"ชายในชุดสีเทาเอ่ย.
ห้องโถงตระกูลจื่อ.
ประมุขตระกูลจื่อในชุดสีม่วงที่หน้าดำคร่ำเครียดดูแก่ชราเป็นอย่างมาก.
รอบกายของเขานั้นมีเหล่าสมาชิกคนสำคัญของตระกูล ขณะที่จ้องมองไปยังคนห้าคนด้านหน้า.
ในกลุ่มสี่คนเป็นชายวัยกลางคน ที่สวมชุดสีเขียวดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก.
"เหล่าจื่อ แคว้นของเขานั้นสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ในเมืองของพวกเราก็มีกฎเกณฑ์ พวกเราสี่ตระกูลเสียหายไปไม่น้อย เจ้าจะต้องชดเชยให้กับพวกเรา."ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาทันที.
"ตระกูลสาขาตระกูลจื่อของข้า ที่ทำลายเมืองแร่ของเจ้า พวกเราก็มอบเทือกเขาจื่อซ่งให้ให้ไป เวลานี้พวกเจ้ายังต้องการอะไรอีก?"ชายชราในชุดสีม่วงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
"เทือกเขาจื่อซ่งอย่างงั้นรึ? หากแต่เหมืองของพวกเรานั้นไม่ใช่เหมืองธรรมดา อย่างน้อยตระกูลจื่อต้องมอบเหมืองคืนมาสามแห่ง!"ชายวัยกลางคนกล่าว.
"น่าขัน เหมืองแร่ของเจ้าแทบจะหมดไปแล้ว เทือกเขาจื่อซ่งที่พวกเรามอบไปนั้น ยังไม่ขุดเลยแม้แต่น้อย เจ้ายังไม่พอใจอีกรึ? นี่ต้องการจะขู่กรรโชกพวกเราอย่างงั้นรึ?"ผู้เยาว์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ขู่กรรโชกอย่างงั้นรึ? ใครบอกให้เจ้าทำลายเหมืองแร่ของพวกเรา? จางจู่อยู่ที่นี่แล้ว หากไม่ยินยอมชดใช้มาล่ะก็ ตระกูลทั้งสี่จะร่วมมือกันทำลายตระกูลพวกเจ้า ฮึ ใครบอกให้ตระกูลจื่ออ่อนแอที่สุดล่ะ?"ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"จางจู่?"เหล่าจื่อที่ใบหน้าบิดเบี้ยวจ้องมองไปยังชายในชุดสีเขียว.
ชายในชุดสีเขียวที่จ้องมองไปยังชายชรา พร้อมกับกล่าวหยัน เหล่าจื่อ มีปัญหาอะไร ไม่คิดจะรับผิดชอบอย่างงั้นรึ? ต้องการให้ข้าฟ้องรึอย่างไร?."
คนของตระกูลจื่อคนหนึ่งที่ไม่สามารถทนได้จึงเอ่ยออกมา "จางจู่ ข้าและเหล่าฉีนั้นไม่ได้ทำลายเหมืองพวกเขาแม้แต่น้อย ที่จริงพวกเขาต้องการเหมืองของพวกเราถึงสามแห่ง ถึงตระกูลจื่อจะมีอยู่ทั้งหมด 11 แห่ง หากหายไปสามแห่ง ย่อมต้องถูกทำลายไปถึงรากฐาน ตระกูลจื่อจะต้องหล่นจากหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางอย่างแน่นอน!"
"เจ้าเป็นใครถึงกล้าออกความเห็น? เหล่าจื่อ ไม่รู้จักสั่งสอนคนของเจ้ารึอย่างไร?"จางจู่ที่กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา.
เหล่าจื่อที่ไม่คิดที่จะตำหนิอย่างแน่นอน เพราะว่าเหล่าจื่อเองก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เหมืองแร่ตระกูลทั้งห้าเวลานี้มีมากกว่าสิบแห่งทุกตระกูล หากต้องมอบให้กับคนอื่นตระกูลจื่อจะยังคงอยู่ในตระกูลขุนนางทั้งห้าของเมืองเล็กอีกรึ?
"จางจู่ ทำไมก่อนหน้านี้ ท่านเป็นกลางมาตลอด ทว่าตอนนี้กลับช่วยพวกเขากำราบตระกูลจื่อ? หรือเพราะว่ามีบางคนในตระกูลพวกเขาเข้าร่วมกองทัพของเจ้าเมืองได้อย่างงั้นรึ?"เหล่าจื่อที่ใบหน้าเป็นอัปลักษณ์.
"ลุงสองของข้านั้นเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าเมือง(เฉิงจู่)พวกเขาทั้งสามเองก็เช่นกัน ทว่าตระกูลจื่อของเจ้าล่ะ? ตระกูลจื่อไม่เห็นจะมีใครเลยอย่างงั้นรึ? พวกเจ้ามีแต่พวกไร้ความสามารถ มีคุณสมบัติใดในการครอบครองเหมืองหลายแห่งกัน?"ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ใช่ ตระกูลจื่อคิดว่าตัวเองคู่ควรอย่างงั้นรึ?"ชายวัยกลางคนอีกคนที่กล่าวหยัน.
"พอแล้ว เหล่าจื่อ อย่าพูดมากให้เสียเวลา เหมืองแร่สามแห่ง เจ้าเลือกมา หรือจะให้พวกเราเลือกให้?"จางจู่(เทศมนตรี)กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
ตระกูลขุนนางทั้งสี่ที่เผยท่าทางเหยียดหยันด้วยความสาแก่ใจ.
ใบหน้าของเหล่าจื่อที่กระตุกไปมา ในเวลานี้ภายในใจของเขาที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก สี่ตระกูลใหญ่สมคบคิดกับจางจู่อย่างงั้นรึ? เขาไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลยรึ? ขัดขืนรึ? มีเพียงแต่ต้องอพยพหนีหายจากไปเท่านั้น.
"เหล่าหลิว เหล่าฉี เจ้า.....!"เหล่าจื่อที่กำหมัดแน่นขณะที่กำลังจะกล่าวอะไร.
"วูซซซซ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ในเวลานั้น แรงกดดันพลานุภาพสยบที่กดทับลงมาจากบนท้องฟ้า.
"ประมุขเหล่าจื่อ เจ้ากล้าซุ่มโจมตีพวกเราอย่างงั้นรึ?"ชายวันกลางคนที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.
"ประมุขเหล่าจื่อ เจ้าต้องการทำอะไร?"จางจู่ที่คำรามออกมาด้วยเสียงเย็นชาเช่นกัน.
ทว่าเหล่าจื่อที่งงงวยสับสน.
"ที่นี่ น่าจะเป็นที่นี่!"
"อย่ามาขวาง!"
"ไปให้พ้น!"
..................
............
......
เสียงจากด้านนอกที่ดังโหวกเหวกผสมคลุกเคล้ากันไป.
เหล่าตระกูลขุนนางทั้งสี่ไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย ซุ่มโจมตีพวกเขาอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นศัตรูของตระกูลจื่อเลยด้วยซ้ำ.
ทุกคนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวรู้สึกไม่ดีนัก โดยเฉพาะจางจู่ เรื่องนี้เดิมที่น่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น? ต้องรู้ด้วยว่าเหมืองสามแห่ง หนึ่งแห่งจะต้องตกเป็นของเขา เจ้าสารเลวตัวใหนที่มาทำลายงานครั้งนี้?
ที่ด้านนอกนั้น มีคน 15-16 คน ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าที่ดูประณีต ทั้งสองข้างเขามีผู้ใต้บังคับบัญชาฝั่งละเจ็ดคน ทว่ามีบุรุษคนหนึ่งที่คอยประจบประแจงชายหนุ่มในชุดดำเป็นอย่างมาก.
"บังอาจ ใครกล้า...............!”จางจู่ที่อ้าปากค้าง กล่าวได้ครึ่งคำ ก่อนที่จะกลืนคำพูดตัวเองลงไป.
"จางจู่?อะไร?"เหล่าตระกูลขุนนางที่เร่งรีบกล่าวสอบถามในทันที.
"เมือง เจ้าเมือง? ผู้ทรงเกียรติมาเยี่ยมเมืองเล็กแห่งนี้ได้อย่างไร? และยังไม่แจ้งผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้น้อยไม่ได้เตรียมต้อนรับเลย!"จางจู่ที่เร่งรีบก้าวเข้าไป.
"เจ้าเมือง?"เหล่าตระกูลขุนนางทั้งห้าที่อ้าปากค้างงงงวย.
จางจู่ที่เร่งรีบเข้าไปประจบ ทว่าเวลานี้หัวใจของพวกเขาที่สั่นไหวเป็นระลอกครื่น แววตาของเจ้าเมืองเวลานี้กำลังประจบประแจงชายหนุ่มที่ก้าวนำพวกเขามา.
เขาเป็นใคร?
"เจ้า เจ้าเมือง!"จางจู่ที่เอ่ยออกมาในทันที.
"อ้าว เสี่ยวลู่!"เจ้าเมืองพยักหน้า ทว่าจากนั้นก็หาได้สนใจเขาอีก.
"คารวะเจ้าเมือง(เฉิงจู่)!"ทุกคนที่เอ่ยออกมาพร้อมกับ.
สำหรับตระกูลขุนนางทั้งสี่ พวกเขาที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นหนึ่งในคนของเจ้าเมือง การที่ตัวตนระดับสูงเดินทางมาที่นี่ครั้งนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก.
หากเป็นในอดีต เจ้าเมืองย่อมยินดีเป็นอย่างมาก ทว่าต่อหน้าเขานั้นมีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่ เจ้าไม่คำนับเขาก่อน คำนับเฉพาะข้าอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าต้องการชีวิตข้ารึอย่างไร?
"คำนับ ไท่จื่อด้วย!"เจ้าเมืองที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอักอ่วน.
"ไม่เป็นไร!"ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้ากล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
"ขอบคุณไท่จื่อ!"เจ้าเมืองกล่าวออกมาในทันที.
จางจู่ถึงกับขวัญผวา ไท่จื่อ? เจ้าเมืองเรียกเขาไท่จื่ออย่างงั้นรึ?
"ใครคือประมุขตระกูลจื่อ?"ไท่จื่อที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
"เป็นผู้น้อยเอง!"เหล่าจื่อที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"ข้ามายังที่นี่เพราะพอใจในผู้เยาว์ตระกูลจื่อของเจ้า จื่อหยิงหยิง ต้องการรับนางเป็นศิษย์สายตรง ไม่รู้ว่านางอยู่ในตระกูลนี้หรือไม่?"ไท่จื่อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เหล่าจื่อที่ตื่นตะลึงไปในทันที ไม่ใช่แค่เหล่าจื่อ คนอื่น ๆ ก็จ้องมองตาค้างด้วยเช่นกัน ทว่าตระกูลขุนนางทั้งสี่เวลานี้ จิตวิญญาณราวกับแตกดับ หวาดผวาขึ้นอย่างรุนแรง.
ใบหน้าของจางจู่ที่ขาวซีด นี่มัน คราวเคราะห์มาเยือนแล้วอย่างงั้นรึ?