ตอนที่แล้วChapter 1355 หาที่อาศัย.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1357 ตระกูลไป๋ที่รับรู้เรื่องทุกอย่างของโลกหล้า.

Chapter 1356 จงเสวียนแทนคุณ.


ภพหยาง สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว!

หลงจากที่จงซานปล่อยเทียนเสิ่นจื่อไป เขาก็ปิดด่านบำเพ็ญทันที ชื่อเสียงวาสนา ลิขิตมากมายที่รับเข้ามา จำเป็นต้องหลอมกลั่นให้เร็วที่สุด.

การหลอมในครั้งนี้ จงซานไม่ได้เก็บลิขิตไว้แม้แต่น้อย เขาได้ส่งให้แปดหางกินทั้งหมด พร้อมกับหลอมเป็นพลัง.

เกี่ยวกับสถานการณ์ของต้าเจิ้งเวลานี้ ศาลเทพยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับต้าเจิ้ง พวกเขาจะต้องยกระดับเป็นศาลสวรรค์ ดังนั้นเขาจำต้องยกระดับความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด.

ชื่อเสียงวาสนา ลิขิต ย่อมถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว และในโลกใบเล็กนั้น ยังมีอีกอย่างหนึ่ง เนตรแสงสวรรค์นั่นเอง.

เนตรแสงสวรรค์สีแดง ที่บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนที่ใช้ในการสะกดเทียนเต๋าจื่อขณะเปลี่ยนร่าง แม้นว่ามันจะแตกเป็นชิ้น ๆ  ทว่าจงซานไม่ได้สนใจ เพราะว่าเศษส่วนที่เหลือนั้นเวลานี้ถูกเนตรเทียนฟาดูดซับไปทั้งหมด วิถีสวรรค์จำลองที่มันเคยมีได้ถูกดูดซับไป.

ก่อนหน้านี้เนตรแสงสวรรค์ บางทีอาจนับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าในเวลานี้บรรพชนรุ่นหนึ่งนั้นพังทลาย ตัวมันที่แตกสลาย แม้แต่ถูกขังเอาไว้ ส่งผลให้เนตรเทียนฟาที่เคยมีวิถีสวรรค์ 1800 เส้น เวลานี้มันทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมาก.

"วูซซซซ!"

ด้วยพลังดูดซับของเนตรเทียนฟา เนตรแสงสวรรค์ไม่มีพลังที่จะต่อต้าน.

วิถีสวรรค์ที่อยู่ในเนตรแสงสวรรค์เองก็มีอยู่จำนวนมาก แม้นว่าจะมีหลายเส้นที่ซ้ำกัน ทว่าหลังจากที่เนตรแสงสวรรค์แตกสลายหายไปสิ้นเชิง ก็สามารถได้รับวิถีสวรรค์ใหม่มาเพิ่มอีก 200 เส้น.

รวมกับวิถีสวรรค์เดิมที่มีอยู่ เนตรเทียนฟาในเวลานี้ มีวิถีสวรรค์จำลองถึง 2000 เส้นแล้ว.

ภายในใจของจงซานที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก เนตรเทียนฟาที่กลับคืนสู่โลกเขตแดนเทวะของเขา จงซานที่เริ่มทำการหลอมกลั่นชื่อเสียงวาสนาและลิขิต.

ผ่านไปถึงสามวันสามคลื่น ภายในห้องโถงที่มีเสียงการตัดผ่านระดับของจงซาน.

"ครืนนนนน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

เสียงสายฟ้าที่ดังกระหึ่ม ม่านรากของร่างกายที่ถูกทะลวง.

เซียนบรรพชนขั้นที่หก!

เพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้น!

"ฟู่!"จงซานที่พ่นลมหายใจยาม ก่อนที่จะลืมตาขึ้น.

พลังฝึกตนที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้น จงซานที่มั่นใจในแผนการของเขาหลังจากนี้มากยิ่งขึ้น.

------------------------------------------------------------------

ที่ไกลออกไปเมืองเล็กแห่งหนึ่งที่ห่างออกจากสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว นอกเมืองเล็ก ๆ ควรจะเรียกว่าชุมชนขนาดเล็กซะมากกว่า.

เมืองเล็กแห่งนี้มีตระกูลขุนนางห้าตระกูล! และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลจื่อ.

วันนี้ ตระกูลจื่อที่สถานการณ์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมกระจายไปทั่ว.

ลานเล็ก ๆ ในตระกูลจื่อ!

เด็กสาวคนหนึ่งที่จดจ้องมองไปยังชายในชุดสีเทาที่มีแววตาเป็นกังวล.

"ลุงสอง ทำไมไม่ให้ข้าเข้าไปในห้องโถงล่ะ!"เด็กสาวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.

"จื่อหยิงหยิง ในเวลานี้ ตระกูลอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ท่านประมุขไม่สามารถหาทางออกได้ เจ้าต้องการไปดูอะไร?"ชายในชุดสีเทากล่าว.

"สายโลหิตของตระกูลจื่อ มีตระกูลสาขาแปดสาย บิดาข้าได้ตกตายไปแล้ว แน่นอนว่าข้าคือคนที่เหลืออยู่ของตระกูลสาขา ทำไมข้าถึงไม่สามารถเข้าไปได้?"จื่อหยิงหยิงที่กล่าวออกมาด้วยความร้อนใจ.

"บอกเจ้าก็ได้ ในตระกูลวันนี้มีเรื่องสำคัญเป็นตาย สี่ตระกูลใหญ่กำลังกดดันตระกูลจื่อ  เจิ้นจาง(เทศมนตรี กำนัน)กำลังจะมา เจ้าเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าทำอะไรได้? คิดว่าจะไปช่วยอะไรท่านประมุขได้กัน!"ชายในชุดสีเทาที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ข้าจะไป ข้าจะไป ข้าไม่สามารถทำให้ท่านพ่อขายหน้าได้!"จื่อหยิงหยิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.

"น้องสะใภ้ เจ้าสอนจื่อหยิงหยิงบ้างหรือไม่? ตระกูลกำลังเผชิญเรื่องสำเร็จเกี่ยวกับความเป็นความตาย ใช่สถานที่เด็กไปเล่นอย่างงั้นรึ? น้องแปด ไม่ได้อยู่สอนจื่อหยิงหยิง เจ้าในเวลานี้ คิดว่าทำตัวถูกต้องกับน้องแปดแล้วอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีเทาที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม.

สตรีที่อยู่ข้าง ๆ เวลานี่นางที่แอบสะอื้นด้วยความรู้สึกเอ่อล้นเจ็บปวดกับความไม่ชอบธรรมนี้.

"อย่าว่าแม่ข้า แม่ข้าดีที่สุด เจ้านั้นไม่ยุติธรรมกับบิดาของข้า วันหนึ่ง ข้าจะต้องไปยังภพหยินรับท่านพ่อกลับมา บิดาของข้าต้องยังอยู่ วิญญาณไม่แตกสลายแน่นอน เขาจะต้องอยู่ที่ภพหยิน!"จื่อหยิงหยิงกล่าว.

"น้องสะใภ้ เจ้าไม่สอนรึอย่างไร? ไร้มารยาท!"ชายในชุดสีเทาที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา.

"หยิงหยิง อย่าพูดอีก!"สตรีดังกล่าวที่กอดลูกสาวพลางสะอื้นน้ำตาคลอ.

เห็นท่าทางเศร้าใจของมารดาแล้ว จื่อหยิงหยิงเจ็บปวด จากนั้นก็อดกลั้น จนน้ำตาคลอไปด้วยเช่นกัน นางที่กัดริมฝีปากและเอ่ยออกมาว่า "เช่นนั้น ข้าจะไม่เข้าไป!"

"ก็ดี!"ชายในชุดสีเทาที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.

ชายชุดเทาที่หันหน้าก้าวออกจากสวน ซึ่งมีชายในชุดสีแดงรออยู่.

"พี่สอง มีปัญหาอะไร? เจ้าเด็กนั่นไม่ฟังคำสั่งอย่างงั้นรึ?"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวสอบถาม.

"เรียบร้อยแล้ว!"ชายในชุดสีเทาที่ส่ายหน้าไปมากล่าวด้วยรอยยิ้ม.

"พี่สอง ตระกูลจื่อของพวกเราสถานการณ์ไม่ดีนัก ผลประโยชน์ที่ได้ลดลง แปดตระกูลสาขา จำเป็นต้องหักออกไปสามสามขา สาขาหกที่ได้รับภัยพิบัติ สาขาเจ็ดที่ยังมาไม่ถึง อีกสองสาขาไม่มีทายาท สาขาแปดเหล่าป้าก็เพิ่งตายไป เจ้าเด็กนั่นจะต้องกันเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วหลังจากนี้ พวกมันก็ต้องถอนตัวจากไป!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ตระกูลสาขาที่แปดนั้นอ่อนแอมากนัก ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใด ๆ  อีก!"ชายในชุดสีเทาเอ่ย.

ห้องโถงตระกูลจื่อ.

ประมุขตระกูลจื่อในชุดสีม่วงที่หน้าดำคร่ำเครียดดูแก่ชราเป็นอย่างมาก.

รอบกายของเขานั้นมีเหล่าสมาชิกคนสำคัญของตระกูล ขณะที่จ้องมองไปยังคนห้าคนด้านหน้า.

ในกลุ่มสี่คนเป็นชายวัยกลางคน ที่สวมชุดสีเขียวดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก.

"เหล่าจื่อ แคว้นของเขานั้นสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ในเมืองของพวกเราก็มีกฎเกณฑ์ พวกเราสี่ตระกูลเสียหายไปไม่น้อย เจ้าจะต้องชดเชยให้กับพวกเรา."ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาทันที.

"ตระกูลสาขาตระกูลจื่อของข้า ที่ทำลายเมืองแร่ของเจ้า พวกเราก็มอบเทือกเขาจื่อซ่งให้ให้ไป เวลานี้พวกเจ้ายังต้องการอะไรอีก?"ชายชราในชุดสีม่วงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.

"เทือกเขาจื่อซ่งอย่างงั้นรึ? หากแต่เหมืองของพวกเรานั้นไม่ใช่เหมืองธรรมดา อย่างน้อยตระกูลจื่อต้องมอบเหมืองคืนมาสามแห่ง!"ชายวัยกลางคนกล่าว.

"น่าขัน เหมืองแร่ของเจ้าแทบจะหมดไปแล้ว เทือกเขาจื่อซ่งที่พวกเรามอบไปนั้น ยังไม่ขุดเลยแม้แต่น้อย เจ้ายังไม่พอใจอีกรึ? นี่ต้องการจะขู่กรรโชกพวกเราอย่างงั้นรึ?"ผู้เยาว์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาเสียงดัง.

"ขู่กรรโชกอย่างงั้นรึ? ใครบอกให้เจ้าทำลายเหมืองแร่ของพวกเรา? จางจู่อยู่ที่นี่แล้ว หากไม่ยินยอมชดใช้มาล่ะก็ ตระกูลทั้งสี่จะร่วมมือกันทำลายตระกูลพวกเจ้า ฮึ ใครบอกให้ตระกูลจื่ออ่อนแอที่สุดล่ะ?"ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

"จางจู่?"เหล่าจื่อที่ใบหน้าบิดเบี้ยวจ้องมองไปยังชายในชุดสีเขียว.

ชายในชุดสีเขียวที่จ้องมองไปยังชายชรา พร้อมกับกล่าวหยัน เหล่าจื่อ มีปัญหาอะไร ไม่คิดจะรับผิดชอบอย่างงั้นรึ? ต้องการให้ข้าฟ้องรึอย่างไร?."

คนของตระกูลจื่อคนหนึ่งที่ไม่สามารถทนได้จึงเอ่ยออกมา "จางจู่ ข้าและเหล่าฉีนั้นไม่ได้ทำลายเหมืองพวกเขาแม้แต่น้อย ที่จริงพวกเขาต้องการเหมืองของพวกเราถึงสามแห่ง ถึงตระกูลจื่อจะมีอยู่ทั้งหมด 11 แห่ง หากหายไปสามแห่ง ย่อมต้องถูกทำลายไปถึงรากฐาน ตระกูลจื่อจะต้องหล่นจากหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางอย่างแน่นอน!"

"เจ้าเป็นใครถึงกล้าออกความเห็น? เหล่าจื่อ ไม่รู้จักสั่งสอนคนของเจ้ารึอย่างไร?"จางจู่ที่กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา.

เหล่าจื่อที่ไม่คิดที่จะตำหนิอย่างแน่นอน เพราะว่าเหล่าจื่อเองก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เหมืองแร่ตระกูลทั้งห้าเวลานี้มีมากกว่าสิบแห่งทุกตระกูล หากต้องมอบให้กับคนอื่นตระกูลจื่อจะยังคงอยู่ในตระกูลขุนนางทั้งห้าของเมืองเล็กอีกรึ?

"จางจู่ ทำไมก่อนหน้านี้ ท่านเป็นกลางมาตลอด ทว่าตอนนี้กลับช่วยพวกเขากำราบตระกูลจื่อ? หรือเพราะว่ามีบางคนในตระกูลพวกเขาเข้าร่วมกองทัพของเจ้าเมืองได้อย่างงั้นรึ?"เหล่าจื่อที่ใบหน้าเป็นอัปลักษณ์.

"ลุงสองของข้านั้นเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าเมือง(เฉิงจู่)พวกเขาทั้งสามเองก็เช่นกัน ทว่าตระกูลจื่อของเจ้าล่ะ? ตระกูลจื่อไม่เห็นจะมีใครเลยอย่างงั้นรึ? พวกเจ้ามีแต่พวกไร้ความสามารถ มีคุณสมบัติใดในการครอบครองเหมืองหลายแห่งกัน?"ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาเสียงดัง.

"ใช่ ตระกูลจื่อคิดว่าตัวเองคู่ควรอย่างงั้นรึ?"ชายวัยกลางคนอีกคนที่กล่าวหยัน.

"พอแล้ว เหล่าจื่อ อย่าพูดมากให้เสียเวลา เหมืองแร่สามแห่ง เจ้าเลือกมา หรือจะให้พวกเราเลือกให้?"จางจู่(เทศมนตรี)กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

ตระกูลขุนนางทั้งสี่ที่เผยท่าทางเหยียดหยันด้วยความสาแก่ใจ.

ใบหน้าของเหล่าจื่อที่กระตุกไปมา ในเวลานี้ภายในใจของเขาที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก สี่ตระกูลใหญ่สมคบคิดกับจางจู่อย่างงั้นรึ? เขาไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลยรึ? ขัดขืนรึ? มีเพียงแต่ต้องอพยพหนีหายจากไปเท่านั้น.

"เหล่าหลิว เหล่าฉี เจ้า.....!"เหล่าจื่อที่กำหมัดแน่นขณะที่กำลังจะกล่าวอะไร.

"วูซซซซ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

ในเวลานั้น แรงกดดันพลานุภาพสยบที่กดทับลงมาจากบนท้องฟ้า.

"ประมุขเหล่าจื่อ เจ้ากล้าซุ่มโจมตีพวกเราอย่างงั้นรึ?"ชายวันกลางคนที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.

"ประมุขเหล่าจื่อ เจ้าต้องการทำอะไร?"จางจู่ที่คำรามออกมาด้วยเสียงเย็นชาเช่นกัน.

ทว่าเหล่าจื่อที่งงงวยสับสน.

"ที่นี่ น่าจะเป็นที่นี่!"

"อย่ามาขวาง!"

"ไปให้พ้น!"

..................

............

......

เสียงจากด้านนอกที่ดังโหวกเหวกผสมคลุกเคล้ากันไป.

เหล่าตระกูลขุนนางทั้งสี่ไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย ซุ่มโจมตีพวกเขาอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นศัตรูของตระกูลจื่อเลยด้วยซ้ำ.

ทุกคนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวรู้สึกไม่ดีนัก โดยเฉพาะจางจู่ เรื่องนี้เดิมที่น่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ  คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น? ต้องรู้ด้วยว่าเหมืองสามแห่ง หนึ่งแห่งจะต้องตกเป็นของเขา เจ้าสารเลวตัวใหนที่มาทำลายงานครั้งนี้?

ที่ด้านนอกนั้น มีคน 15-16 คน ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าที่ดูประณีต ทั้งสองข้างเขามีผู้ใต้บังคับบัญชาฝั่งละเจ็ดคน ทว่ามีบุรุษคนหนึ่งที่คอยประจบประแจงชายหนุ่มในชุดดำเป็นอย่างมาก.

"บังอาจ ใครกล้า...............!”จางจู่ที่อ้าปากค้าง กล่าวได้ครึ่งคำ ก่อนที่จะกลืนคำพูดตัวเองลงไป.

"จางจู่?อะไร?"เหล่าตระกูลขุนนางที่เร่งรีบกล่าวสอบถามในทันที.

"เมือง เจ้าเมือง? ผู้ทรงเกียรติมาเยี่ยมเมืองเล็กแห่งนี้ได้อย่างไร? และยังไม่แจ้งผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้น้อยไม่ได้เตรียมต้อนรับเลย!"จางจู่ที่เร่งรีบก้าวเข้าไป.

"เจ้าเมือง?"เหล่าตระกูลขุนนางทั้งห้าที่อ้าปากค้างงงงวย.

จางจู่ที่เร่งรีบเข้าไปประจบ ทว่าเวลานี้หัวใจของพวกเขาที่สั่นไหวเป็นระลอกครื่น แววตาของเจ้าเมืองเวลานี้กำลังประจบประแจงชายหนุ่มที่ก้าวนำพวกเขามา.

เขาเป็นใคร?

"เจ้า เจ้าเมือง!"จางจู่ที่เอ่ยออกมาในทันที.

"อ้าว เสี่ยวลู่!"เจ้าเมืองพยักหน้า ทว่าจากนั้นก็หาได้สนใจเขาอีก.

"คารวะเจ้าเมือง(เฉิงจู่)!"ทุกคนที่เอ่ยออกมาพร้อมกับ.

สำหรับตระกูลขุนนางทั้งสี่ พวกเขาที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นหนึ่งในคนของเจ้าเมือง การที่ตัวตนระดับสูงเดินทางมาที่นี่ครั้งนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก.

หากเป็นในอดีต เจ้าเมืองย่อมยินดีเป็นอย่างมาก ทว่าต่อหน้าเขานั้นมีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่ เจ้าไม่คำนับเขาก่อน คำนับเฉพาะข้าอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าต้องการชีวิตข้ารึอย่างไร?

"คำนับ ไท่จื่อด้วย!"เจ้าเมืองที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอักอ่วน.

"ไม่เป็นไร!"ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้ากล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

"ขอบคุณไท่จื่อ!"เจ้าเมืองกล่าวออกมาในทันที.

จางจู่ถึงกับขวัญผวา ไท่จื่อ? เจ้าเมืองเรียกเขาไท่จื่ออย่างงั้นรึ?

"ใครคือประมุขตระกูลจื่อ?"ไท่จื่อที่เอ่ยปากออกมาในทันที.

"เป็นผู้น้อยเอง!"เหล่าจื่อที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"ข้ามายังที่นี่เพราะพอใจในผู้เยาว์ตระกูลจื่อของเจ้า จื่อหยิงหยิง ต้องการรับนางเป็นศิษย์สายตรง ไม่รู้ว่านางอยู่ในตระกูลนี้หรือไม่?"ไท่จื่อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

เหล่าจื่อที่ตื่นตะลึงไปในทันที ไม่ใช่แค่เหล่าจื่อ คนอื่น ๆ ก็จ้องมองตาค้างด้วยเช่นกัน ทว่าตระกูลขุนนางทั้งสี่เวลานี้ จิตวิญญาณราวกับแตกดับ หวาดผวาขึ้นอย่างรุนแรง.

ใบหน้าของจางจู่ที่ขาวซีด นี่มัน คราวเคราะห์มาเยือนแล้วอย่างงั้นรึ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด