Chapter 1352 ใครที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย.
ภพหยิน โลกใบเล็กในตำหนักเมืองซ่าง บรรพชนรุ่นหนึ่งถูกเทียนเต๋าจื่อวางยาสะกดผนึกเอาไว้ในร่างก่อนหน้านี้ ดังนั้นเวลานี้เขาจึงไม่สามารถขยับได้.
เทียนเต๋าจื่อที่ลงมือ พร้อมกับปล่อยม่านพลังบรรพชนก่อเกิดกักขังจงซานเอาไว้ไม่ใก้เข้าไปยุ่งอีกด้วย.
จากภาพการเวลานี้ ดูเหมือนว่าเทียนเต๋าจื่อจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ!
สองคนที่ถูกผนึก เทียนเต๋าจื่อเริ่มดูดซับพลังสีขาว และก้อนชื่อเสียงวาสนาที่กำลังไหลม้วนกวาดไปยังร่างของเทียนเต๋าจื่อ.
พลังสีขาวที่กำลังไหลบ่าออกมาจากหลุมน้ำวนขนาดเล็กมากขึ้นและก็มากขึ้น ชื่อเสียงวาสนา ลิขิตเองก็ด้วย พื้นที่รอบ ๆ เวลานี้เอ่อล้นกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
นี่คือชื่อเสียงวาสนาของศาลสวรรค์บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียน ต้องมีจำนวนมากมายขนาดใหน เขาที่ยึดครองพื้นที่ต่าง ๆ ไปกว่าครึ่งของโลกใบใหญ่ มีปราชญ์เทพหกคนในบัญชา ไม่ต้องบอกเลยว่าชื่อเสียงวาสนามีมหาศาลขนาดใหน ทว่าลิขิตเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเช่นกัน.
เพียงไม่นาน ภายในโลกใบเล็กที่อัดแน่นด้วยอภินิหารมากมาย.
ทั่วทั้งโลกใบเล็ก ชื่อเสียงวาสนา ลิขิตที่หนาแน่นอบอวลไปหมด พื้นที่ทุกหนแห่งสว่างจ้าส่องแสงเจิดจรัส ชื่อเสียงวาสนาที่พลุ่งพล่านที่อัดจนเกิดเป็น อัตลักษณ์ (คุณลักษณะเฉพาะตัว ).
ชื่อเสียงวาสนาและลิขิตที่กระจายทั่วโลกใบเล็ก.
ที่เวลาเดียวกัน เทียนเต๋าจื่อที่กำลังดูดซับอภินิหารและกำลังเพลิดเพลินมีความสุข.
แม้นว่าจะไม่ใช่สายโลหิตบริสุทธิ์เช่นเทียนหลิงเอ๋อ ทว่าก็มีสายโลหิตตระกูลเทียนเช่นกัน จึงสามารถดูดซับได้มากยิ่งกว่าชายหัวล้านที่บรรพชนรุ่นหนึ่งเปลี่ยนร่างมาอย่างแน่นอน.
หนึ่งชั่วยามเต็ม หลุมน้ำวนไม่เปล่งพลังใดออกมาแล้ว ดูเหมือนว่าพลังอภินิหารทั้งหมดนั้นจะถูกปลดปล่อยออกมาจนราบเรียบแล้ว.
พลังงานสีขาวเทียนเต๋าจื่อที่ดูดซับไปอย่างมากมาย.
มือทั้งสองข้างของเขาที่ยื่นออกไป ร่างทั้งหมดปกคลุมด้วยพลังงานสีขาว ทว่าร่างฉายเงานั้นเป็นร่างแยกที่เชื่อมต่อกับร่างหลักด้วยช่องว่างกาลอากาศ พลังงานสีขาวส่วนใหญ่ได้ถูกส่งไปยังร่างหลัก.
ด้วยช่องว่างกาลอากาศ พลังมากมายที่ถ่ายไปยังตำหนักลับทวีปเทียนโดยตรง.
ตำหนักลับนั้นมีนามว่า ตำหนักวิถีสวรรค์.
ตำหนักวิถีสวรรค์ เวลานี้มีชายสวมชุดเกราะรบ หมวกขนนก ที่มีขนนกสีขาวดำสะบัดไปมา ราวกับว่าเป็นดั่งเสาอากาศในการควบคุมห้วงมิติ.
บุรุษคนดังกล่าวที่หลับตาแน่น ร่างกายที่อาบไปด้วยพลังสีขาว ที่มุมปากเผยยิ้มด้วยความพึงพอใจ.
ราชันย์เทพของทวีปเทียน เทียนเต๋าจื่อ นอกจากนี้ยังเป็นร่างหลักของเทียนเต๋าจื่ออีกด้วย.
พลังงานมากมายที่ไหลเข้ามา ผสานเข้าไปในร่างหลักของเทียนเต๋าจื่ออย่างรวดเร็ว.
ภพหยิน โลกใบเล็กในเมืองซ่าง.
ขณะร่างฉายเงาของเทียนเต๋าจื่อกำลังดูดซับพลังสีขาวขั้นสุดท้ายอยู่นั้น เทียนเต๋าจื่อก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ด้านข้าง "เปลี่ยน~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ระหว่างความเป็นความตายเสียงที่ดังก้องก็ดังขึ้น.
เสียงที่ดังลั่นทำลายสมาธิของเทียนเต๋าจื่อในทันที ก่อนที่จิตใจของเขาจะถูกกระชากอย่างรุนแรง.
ขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างที่ลืมขึ้น ก่อนที่จะเห็นแสงสีเหลืองกำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว.
"อ๊าก ๆ ๆ !"เทียนเต๋าจื่อที่คำรามออกมาเสียงดัง แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง.
เทียนเต๋าจื่อไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เขากำลังผลักดันแสงสีเหลืองออกไปในทันที.
"วูซซซซ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ทว่าทันใดนั้นจากบนฟากฟ้าก็กดทับลงมาด้านล่าง อำนาจกลิ่นอายสยบที่โถมทับลงมาอย่างรุนแรง กลิ่นอายดังกล่าวนั้น ทำให้เทียนเต๋าจื่อไม่สามารถขยับได้ สัมผัสเทวะที่เขากวาดออกไป ทันใดนั้นก็พบห้วงมิติที่เปิดขึ้น.
ดวงเนตรที่ใหญ่ยักษ์ กำลังจดจ้องมองลงมา ดวงตาดังกล่าวที่สีแดงโลหิต อำนาจของกรรมวาสนาที่ถูกขยับเคลื่อน อาบไล้ไปทั่วร่างของมัน.
"เนตรแสงสวรรค์?"ใบหน้าของเทียนเต๋าจื่อที่เปลี่ยนสีไป.
เนตรแสงสวรรค์ ในอดีตมันเคยไปปรากฎตัวขึ้นที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวถูกส่งออกทางไกลจากทวีปเทียนเช่นกัน ทว่าเวลานี้มันมาปรากฎขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?
"เนตรแสงสวรรค์ ก็ไร้ประโยชน์!"ดวงตาของเทียนเต๋าจื่อที่กำลังสั่นไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง.
"แค๊ก แค๊ก แค๊ก แค๊ก!"
เนตรแสงสวรรค์ที่ปรากฎรอยแตกมากมาย ดูเหมือนว่าถูกพลังที่ลึกลับกำลับบีบกระแทกอย่างรุนแรง ทว่าถึงจะได้รับความเสียหาย แต่เนตรแสงสวรรค์ก็ไม่ได้พังทลายในทันที.
ชัดเจนว่า ด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วง ทำให้ร่างของเทียนเต๋าจื่อไม่สามารถขยับได้.
แม้นว่าการสะกดจะใช้ได้ไม่นานหากแต่ก็เพียงพอแล้ว.
"ปัง!"แสงสีเหลืองที่ปกคลุมทั่วร่างของเทียนเต๋าจื่อทันที.
"อ๊ากกกก!"เทียนเต๋าจื่อที่คำรามออกมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจ.
เพราะว่าแสงสีเหลืองที่เจิดจรัส พลังอำนาจของบรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียน กำลังยึดครองร่างของเขาแล้ว?
นี่บรรพชนรุ่นหนึ่งนั้นเลือกที่จะเปลี่ยนร่างของเขาก่อนแล้วอย่างงั้นรึ?
แสงสีเหลืองที่ปกคลุมร่างเงาฉายของเทียนเต๋าจื่อ หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือช่องกาลอากาศที่เชื่อมต่อกับร่างหลักที่กำลังดูดซับพลังงานสีขาวต่างหาก ร่างหลักเทียนเต๋าจื่อนั้นเชื่อมต่อกับร่างฉายเงาผ่านช่องกาลอวกาศ มันสามารถถ่ายเทพลังได้ ในเวลานี้ร่างหลักของเขาที่ถูกสะกดเอาไว้.
แสงสีเหลืองเวลานี้กำลังผ่านช่องกาลอากาศ พุ่งตรงไปยังร่างหลักของเทียนเต๋าจื่ออย่างคาดไม่ถึง มันได้ไปโผล่ที่ตำหนักเต๋าเทียนบนทวีปเทียนแล้ว.
ทวีปเทียน ตำหนักเต๋าเทียน!
ร่างหลักของเทียนเต๋าจื่อที่ลุกพรวดขึ้นทันที.
"อ๊ากกกก ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เสียงคำรามที่ดังกึกก้องไปทั่วตำหนักเต๋าเทียน ทำให้เหล่าผู้เยาว์ของตระกูลเทียนตื่นตระหนกขึ้นมา ก่อนที่จะจับจ้องมองไปยังสถานที่เดียวกัน.
อาวุโสตระกูลเทียนที่เร่งเคลื่อนไหวก้าวออกมาจากที่พักของตัวเอง จ้องมองไปยังตำหนักด้วยสายตาหวาดผวา.
พื้นที่หวงห้ามของตระกูลเทียน เหล่าอาวุโสรู้ดีสถานที่ดังกล่าวคือสถานที่ประมุขกำลังปิดด่านบำเพ็ญ ตำหนักเต๋าเทียน!
จากภายในตำหนักเต๋าเทียนกลิ่นอายความโกรธเกรี้ยวที่ระเบิดออกมา กระจายออกไปทั่วแม้แต่ค่ายกลยังแตกสลายกลายเป็นเสี่ยง ๆ เมฆรอบ ๆ ที่มืดครึ้มบิดม้วนไปมาตามกลิ่นอายของความโกรธเกรี้ยว ราวกับว่าพื้นที่รอบ ๆ จะถูกสยบด้วยความโกรธเกรี้ยว.
"อาวุโส!"
"แจ้งไปยังทุกคน ทุกคนห้ามเข้าใกล้ตำหนักเต๋าเทียน!"อาวุโสคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาเสียงดัง.
"ห้ามทุกคนเข้าใกล้ตำหนักเต๋าเทียน!"
..................
............
......
กลิ่นอายความโกรธเกรี้ยวที่ระเบิดออกมา เหล่าอาวุโสที่สั่งห้ามทุกคนเข้าใกล้ ตำหนักเต๋าเทียนที่ปะทุความโกรธ เหล่าองค์รักษ์ที่ล้อมกรอบตำหนักเต๋าเทียนให้อยู่ห่าง ๆ .
ภายในตำหนักเต๋าเทียนเวลานี้ ร่างหลักของเทียนเต๋าจื่อถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลืองและสีขาว.
ทว่าร่างกายของเทียนเต๋าจื่อนั้นทนทานเป็นอย่างมาก เวลานี้กำลังต่อต้านพลังของอสูรเปลี่ยนร่าง สามลมหายใจที่เคยมีเวลานี้มันถูกยืดออกไป ด้วยการต่อต้านอย่างรุนแรงของเทียนเต๋าจื่อ.
"เนตรแสงสวรรค์? ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?"เทียนเต๋าจื่อที่ใบหน้าบิดเบี้ยว.
"เนตรแสงสวรรค์ในอดีตเป็นของวิเศษที่ข้าหลอมมันขึ้นด้วยตัวเอง เมื่อไหร่ที่ข้าต้องการมัน แน่นอนว่ามันต้องกลับมาอยู่ในการควบคุมของข้าทันที คิดว่าเป็นเรื่องตลกหรือไม่ สิ่งของของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองคู่ควรที่จะควบคุมได้อย่างงั้นรึ?"จากภายในแสงสีเหลืองที่เผยเสียงที่เย็นชาออกมาเป็นเสียงของบรรพชนรุ่นแรกตระกูลเทียนนั่นเอง.
"เป้าหมายของเจ้าตั้งแต่แรกเป็นข้าอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของเทียนเต๋าจื่อที่บิดเบี้ยว.
"สายโลหิตของเทียนหลิงจื่อ แม้นว่ามันจะบริสุทธิ์ ทว่าข้ารู้สึกว่าเจ้านั้นไม่ได้อ่อนแอเลย พลังที่เจ้ามีนั้นไม่ได้ด้อยกว่าข้าแม้แต่น้อย แน่นอนว่าการเปลี่ยนกับนางเป็นเป้าหมายในอดีต แต่มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน!"แสงสีเหลืองที่ส่งเสียงบรรพชนรุ่นหนึ่งมา.
"ที่จริงแล้วตั้งแต่แรกชายชุดดำที่ข้านำมาให้เจ้าเปลี่ยนร่าง เจ้าก็พบกับผนึกที่ข้าวางเอาไว้แล้วอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของเทียนเต๋าจื่อที่เต็มไปด้วยความอัปลักษณ์.
"พบก่อนอย่างงั้นรึ? ไม่เลย วิธีการของเจ้านั้นไม่ธรรมดา ข้าไม่สามารถพบได้ ทว่าข้านั้นสามารถจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้อยู่แล้ว."เสียงบรรพชนรุ่นหนึ่งที่กล่าวตอบ.
"คาดเดาได้ถูกต้องอย่างงั้นรึ? เจ้าจงใจเปลี่ยนร่างกับเซียนบรรพชนคนนั้นอย่างงั้นรึ? แล้วยังนำชีวิตมาเสี่ยงอีกอย่างงั้นรึ?"เทียนเต๋าจื่อที่เผยท่าทางหวาดผวา.
"เอาชีวิตมาเสียง? ยิ่งเสี่ยงอันตรายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ผลตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น! วันนี้ข้าบรรพชนรุ่นหนึ่งจะทำให้เจ้ารู้จักคำว่าราชันย์เทพ หากไม่โหดร้ายกับตัวเอง แล้วจะกำราบคนอื่นได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อย่าขัดขืน อย่างเปล่าประโยชน์!"บรรพชนรุ่นหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อมแล้ว บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนที่กำลังจะเปลี่ยนร่างกับเทียนเต๋าจื่อได้สำเร็จแล้ว.
ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเทียนเต๋าจื่อที่บิดไปมา เขาที่จวนจะต้านไม่ไหวแล้ว เทียนเต๋าจื่อไม่สามารถป้องกันแสงสีเหลืองเอาไว้ได้.
"ไร้ประโยชน์!"บรรพชนรุ่นหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.
"บรรพชนรุ่นหนึ่ง? ข้าจะเรียกบรรพชนรุ่นหนึ่งอีกสักครั้ง ก่อนที่จะส่งเจ้าไปนอนในหลุม!"ใบหน้าของเทียนเต๋าจื่อที่บิดเบี้ยวและเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา.
"เจ้าต้องการทำอะไร?"บรรพชนรุ่นหนึ่งเองราวกับพบอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก.
"เจ้าบอกว่าหากไม่อมหิตกับตัวเอง จะกำราบคนอื่นได้อย่างไรงั้นรึ? ข้าเองก็คิดจะทำลายร่างเงาฉายเพื่อทำลายเจ้าไปยังไงล่ะ!"ดวงตาของเทียนเต๋าจื่อที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิตที่แดงปูดออกมา.
"สารเลว บัดซบ!"บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนที่ร้องลั่น.
"เจ้านับว่าแข็งแกร่งมาก ทว่าตระกูลเทียนนั้นมีข้าเป็นประมุขหนึ่งเดียว ช่างน่าเสียดายโชคลาภครั้งนี้ ช่องกาลอากาศอย่างงั้นรึ? ข้าไม่ต้องการแล้ว ระเบิดให้ข้า~~~~~~~~~~~~~~~!”ร่างหลักเทียนเต๋าจื่อกัดฟันคำรามลั่นเช่นกัน.
"เจ้าบัดซบสารเลว!"บรรพชนรุ่นหนึ่งที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
"ตูมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
รอบ ๆ ตำหนักเต๋าเทียน เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นในทันที หลังจากการระเบิดลั่นแล้ว ช่องกาลอากาศก็แตกสลายไปในทันที พลังที่เชื่อมต่อสองดินแดนก็แห้งเหือดหายไปเช่นเดียวกัน.
กับเสียงระเบิดดังกึกก้องก่อนที่จะเงียบลงเหล่าอาวุโสของตระกูลเทียนที่ตื่นตระหนก พื้นที่รอบ ๆ ที่แตกสลายพังทลายลง ราวกับว่าหายนะใหญ่ได้มาเยือนแล้ว.
----------------------------------------------------------
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เมืองซ่าง.
กุยเอ๋อ เนี่ยนโหยวโหยว เป่ยชิงซือ เทียนหลิงเอ๋อ เห่าเม่ยลี่ที่เร่งรีบเดินทางออกจากโลกใบเล็ก ทว่าขณะที่กำลังล่วงออกจากทางออก ก็พบอะไรบางอย่างที่ผิดปรกติจากด้านใน.
"ตูมมมมม!"
บรรพชนรุ่นหนึ่งของตระกูลเทียนที่เพิ่งทะลวงรูปปั้นทองคำออกมา.
"ไปเถอะ ไม่ต้องมองแล้ว อย่าได้สร้างภาระให้กับเหล่าเย่!"กุยเอ๋อกล่าว.
"อืม!"เหล่สสตรีที่พยักหน้ารับ.
เพื่อไม่ให้จงซานต้องเป็นห่วงและไม่สามารถตัดใจได้ พวกนางจึงเร่งรีบก้าวออกจากโลกใบเล็ก.
ทว่า ขณะเหล่าหญิงสาวก้าวออกมาจากโลกใบเล็กออกมาจากตำหนัก ที่เป็นเหมือนกับหลุมน้ำวนขนาดเล็กอยู่ในตำหนัก พวกนางที่ต้องแข็งค้างตะลึงงันไปเลยทีเดียว.
เพราะว่าด้านหน้าพวกนางนั้น จงซานที่นำหนี่ปู่ซามาต้อนรับพวกนาง.
ทันใดนั้น สตรีทั้งห้าที่จ้องมองจงซานด้านนอก ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปยังโลกใบเล็กด้านหลัง ชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าต้องตอบสนองอย่างไร?
"จงซาน เจ้ามาอยู่ด้านนอกได้อย่างไร?"เทียนหลิงเอ๋อที่อุทานออกมาทันที.
"ใช่ เจ้า เจ้า เจ้า ............!”เห่าเม่ยลี่ที่แปลกประหลาดจ้องมองตาค้างไปยังจงซาน.
"คารวะหวงโหวทุกท่าน!"หนี่ปู่ซาเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ.
ทว่าจงซานไม่ได้เอ่ยกับหญิงสาวของเขา เขายังคงหลับตา ก่อนที่จะยื่นมือออกไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมา "เหล่าประชาชนต้าเจิ้งรับบัญชา โปรดยกมือขวาขึ้น ข้าต้องการพลังของพวกเจ้า!"
"โฮกกก ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
บนทะเลชื่อเสียงวาสนาที่กำลังพลุ่งพล่านเสียงของมังกรคำรามลั่น มังกรทองชื่อเสียงวาสนาที่คำราม ส่งเสียงไปทั่วแผ่นดิน ทันใดนั้น ทั่วแผ่นดินต้าเจิ้ง พลังมากมายมหาศาลก็ถูกรวบรวมส่งมายังร่างของจงซาน.
มากขึ้นและก็มากขึ้น พลังมากมายที่มารวมตัวกัน พลังไร้ขอบเขตที่กำลังพลุ่งพล่าน กลิ่นอายของจงซานที่ระเบิดออกมา.
"พวกเจ้ามายืนด้านหลังข้า!"จงซานที่เอ่ยกับเหล่าสตรีของเขา.
"อืม!"
เหล่าสตรีที่เร่งรีบก้าวมาอยู่ด้านหลังจงซาน ซึ่งมีมังกรทองและหงสาเพลิงและอสูรขนปุยอยู่บนไหล่ของสตรีสามคน แววตาของพวกนางที่เป็นประกายขึ้นมา เกิดอะไรขึ้น มีอะไรน่าสนใจกำลังเกิดขึ้นรึ? เหล่าสตรีทั้งหมดที่เผยท่าทางงงงวย.
"หนี่ปู่ซา ภายในตำหนักของโลกใบเล็กนั่น เจ้าจะจัดการเปิดค่ายกลฮวงจุ้ย เพื่อผนึกชื่อเสียงวาสนา ลิขิต ไม่ให้สลายหายไป ตอนนี้ควรจะเก็บมันเอาไว้ ถึงแม้นว่าจะมีรัศมีถึงหนึ่งล้านลี้ ด้วยพลังที่รวบรวมมาจากทั่วแผนดินต้าเจิ้งน่าจะเพียงพอ หากไม่พอก็สามารถนำจากภพหยางมาเพิ่มได้."จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"รับทราบ!"นี่ปู่ซากล่าวออกมาด้วยความเคารพ.