ตอนที่แล้วChapter 1347 บรรพชนรุ่นหนึ่งพบกับละครเศร้าของเทียนหลิงเอ๋อ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1349 ชนะเรียกเจ้า พ่ายแพ้เรียกโจร แต่เจ้าแพ้!

Chapter 1348 การปรากฎตัวของกลุ่มยอดฝีมือ.


"แล้ว โลกฝันที่เสี่ยวชิงสร้างให้เขาคืออะไร? เห็นเขาขมวดคิ้วไปมาไม่หยุดเลย? แม้แต่ร้องไห้ออกมาด้วย!"เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ใครจะรู้ รอให้เรื่องนี้จบ ค่อยถามเสี่ยวชิงอีกครั้งก็ได้!"เนี่ยนโหยวโหยวที่ส่ายหน้า แม้แต่นางก็ไม่รู้เช่นกัน.

"เหล่าเย่คาดเดาได้ถูกต้องจริง ๆ  หลิงเอ๋อ นั่นคือบรรพชนตระกูลเทียนรุ่นแรก เจ้าที่เป็นประมุขคนปัจจุบัน เจ้าไม่มีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ?"กุยเอ๋อสอบถามออกไป.

"เจี่ยเจี่ยกุยเอ๋อ ข้าต้องรู้สึกเสียใจกับเขาแน่นอน ที่ข้าต้องวางแผนเล่นงานเขาเช่นนี้ ทว่าเขากับคิดร้ายกับจงซานเช่นนี้ ข้าต้องรู้สึกเสียใจกับเขาอย่างงั้นรึ? เขาไม่ใช่บิดาของข้า."เทียนหลิงเอ๋อเบ้ปากให้เล็กน้อย.

เป็นความจริง ทั้งเทียนเสิ่นจื่อ เทียนเต๋าจื่อ เทียนโจวจื่อ พวกเขาล้วนแต่เป็นญาติของเทียนหลิงเอ๋อ แม้นว่าจะอยู่กันคนละยุค หากแต่ตลอดหลายปีมานี้นางที่ใช้ชีวิตคนเดียวตลอด นอกจากนี้ไม่เคยพบกับพวกเขาเลย ในเวลานี้เห็นพวกเขาวางแผนทำร้ายจงซาน แน่นอนเทียนหลิงเอ๋อย่อมรู้สึกไม่ดีกับพวกเขาเป็นอย่างมาก.

"อืม เช่นนั้นก็ดีแล้ว ต้องโทษพวกเขาที่มาหาเรื่องเหล่าเย่!"กุยเอ๋อที่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"ใช่ ว่าแต่จงซานพบเขาได้อย่างไร?"เห่าเม่ยลี่ที่กล่าวสอบถามด้วยน้ำเสียงชื่นชม.

"เป็นเพราะว่าเทียนโจวจื่อได้นำข้อมูลเกี่ยวกับบรรพชนรุ่นหนึ่งมามอบให้ทำให้สามารถระมัดระวังพวกเขาได้."กุยเอ๋อกล่าว.

"เรื่องนั้น ข้าเองก็เห็น มีอะไรพิเศษอย่างงั้นรึ?"เห่าเม่ยลี่ที่เผยท่าทางสงสัย.

"มีข้อมูลพิเศษบางข้อความที่โกหกปิดบังความจริง เกี่ยวกับบรรพชนรุ่นหนึ่งที่ตกตายไป เพราะเขาต้องการลบเชาว์ปัญญาของเทพอสูร ทำให้เขาต้องตกตายไปอย่างทรมาน และเมื่อครั้งที่ บรรพชนรุ่นหนึ่งเพิ่งฟื้นคืนความทรงจำ ทว่าทำไมเขาถึงได้มีทักษะความสามารถของเทพอสูรล่ะ? นั่นก็หมายความว่าเขาได้เปลี่ยนร่างกับเทพอสูรตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะทำลายเชาว์ปัญญามันไป แล้วร่างเทพอสูรเปลี่ยนร่างนั้นอยู่ใหน ด้วยการที่เหล่าเย่ครอบครองแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ ดังนั้นจึงพอจะเข้าใจและคาดเดาได้ว่าบรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนและเทพอสูรนั้นจะต้องมีร่างสองร่าง."กุยเอ๋อกล่าว.

"เพียงแค่นี้? จงซานช่างร้ายกาจจริง ๆ !"เห่าเม่ยลี่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"เหล่าเย่ที่คาดเดาและเตรียมแผนการเอาไว้ จนกระทั่งเมื่อวานพวกเขาพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาวุโสเทียน แม้นว่าจะสามารถตบตาเจ้าหน้าที่ของเมืองซ่างได้ แต่ไม่มีทางซ่อนข่าวจากเหล่าเย่ได้ อาวุโสเทียนได้เปลี่ยนร่างกับผู้คุมกัน ในเวลานั้นเมื่อเหล่าเย่พบ ก็จงใจปล่อยให้เขาออกไปก่อน!"กุยเอ่อกล่าวตอบ.

"เทียนเต๋าจื่อและเทียนโจวจื่อ พวกเขาโง่จริง ๆ  ข่าวเรื่องนี้ ไม่คิดเลยว่าพวกเขาถึงกับเผยความลับบรรพชนรุ่นที่หนึ่ง!"เห่าเม่ยลี่กล่าวเหยียดหยัน.

"ไม่ใช่อย่างนั้น!"กุยเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมา.

"หืม?"

"ข่าวที่เหล่าเย่ได้มานั้น บางทีเป็นเทียนเต๋าจื่อจงใจมอบให้พวกเรา เขาเองก็วางแผนมุ่งไปที่บรรพชนรุ่นหนึ่งเช่นกัน!"กุยเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมา.

"ทำไม?"เห่าเม่ยลี่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ.

"ใช่ เทียนเต๋าจื่อคิดอะไร? ทำไมเขาถึงวางแผนมาที่บรรพชนรุ่นที่หนึ่ง?"เทียนหลิงเอ๋อที่เผยท่าทางไม่เข้าใจ.

"เรื่องนี้ บางทีคงจะคิดเหมือน ๆ กับจงซาน!"เนี่ยนโหยวโหยวที่เสนอความคิดเห็นออกมาเช่นกัน.

"หืม?"เทียนหลิงเอ่อที่แสดงท่าทางสงสัยอยากรู้.

"เพราะตราสวรรค์!"เนี่ยนโหยวโหยวที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ตราสวรรค์?"

"ใช่ จงซานได้มอบหมายพวกเราให้ศึกษาตราสวรรค์ให้ดี ภายในตราสวรรค์นั้นจะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา บางอย่างที่พวกเราเพิ่งรู้ ทว่าชัดเจนว่าเทียนโจวจื่อนั้นได้เอ่ยว่า ตราสวรรค์นั้นได้ผนึกความความลับตระกูลเทียนในยุครุ่งเรืองในอดีต มีทั้งชื่อเสียงวาสนาและลิขิต รวมถึงพลังครึ่งหนึ่งของบรรพชนรุ่นหนึ่ง ตราสวรรค์นั้นผนึกพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเอาไว้ มีหรือที่เขาจะไม่ต้องการมัน?"เนี่ยนโหยวโหยวสอบถาม.

"ทำไม?"เห่าเม่ยลี่อยู่ด้านข้างที่กล่าวสอบถามออกมาในทันที.

"เหล่าเย่บอกว่าไม่สามารถมองเห็นพลังใด ๆ ในตราสวรรค์ บางทีมันอาจถูกผนึกไว้ในมิติอื่น มิติที่ไม่มีใครรู้ ส่วนตราสวรรค์นั้น เป็นเพียงกุญแจ และไม่มีใครรู้วิธีใช้ มีเพียงบรรพชนรุ่นหนึ่งเท่านั้น มีเพียงเขาที่จะสามารถเปิดมิติดังกล่าวด้วยตราสวรรค์."กุยเอ๋อตอบ.

"เทียนเต๋าจื่อต้องการพลังที่อยู่ด้านในอย่างงั้นรึ?"เห่าเม่ยลี่ที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อืม เหล่าเย่ก็ต้องการเช่นกัน พลังก้อนใหญ่ แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ต้องการ ดังนั้นจึงได้ปล่อยเขาไปเมื่อวาน รอคอยจนวันนี้เขากำลังจะเปิดมิติออกมา!"กุยเอ๋อพยักหน้ารับ.

"จงซานร้ายกาจจริง ๆ ! วางแผนที่จะลวงหลอกบรรพชนรุ่นหนึ่ง ใช้ให้เขาเปิดห้วงมิติของตราสวรรค์!"แววตาของเห่าเม่ยลี่กลายเป็นวงรี.

เมื่อกล่าวถึงความร้ายกาจของจงซาน อดไม่ได้ที่สตรีของเขาต้องเผยยิ้มออกมา.

ในเวลานั้น เหล่าหญิงสาวที่จ้องมองชายชุดดำที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในหุบเขา.

"อี้อี้อี้อี้.....................!”เทพอสูรบรรพชนเสี่ยวชิงที่กำลังร้องเสียงดังในอ้อมกอดของเนี่ยนโหยวโหยว.

"เสี่ยวชิงเป็นเพียงเทพอสูรลำดับ 18 ถึงอสูรเปลี่ยนร่างจะแยกร่างเป็นสองจะมีพลังลดลง แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวชิง ความแข็งแกร่งทางจิตเองก็เหนือกว่า พวกเราจะต้องช่วยคุ้มกัน ทำให้เขาจมอยู่ในโลกแห่งฝัน."เป่ยชิงซือที่ขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.

"อืม บรรพชนรุ่นหนึ่งตระกูลเทียนไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ  เขาจะต้องตื่นขึ้นเร็ว ๆ นี้แน่ พวกเราจะต้องถ่วงเวลาเขาเอาไว้ หลิงเอ๋อ เจ้านำลิขิตมอบให้เสี่ยวชิงกินเร็วเข้า จะได้เพิ่มพลังถ่วงเวลาเพิ่มอีกสักหน่อย!"กุยเอ๋อกล่าว.

"อืม!"เทียนหลิงเอ๋อที่ตอบรับในทันที.

จากนั้น นางก็นำกล่องไม้ขนาดเล็กออกมา ก่อนที่จะยื่นให้กับเสี่ยวชิง.

อสูรขนปุยเสี่ยวชิง ที่เร่งรีบกลืนกินลิขิตในทันที ด้วยลิขิตมากมายที่มันได้กลืนกินไปในวันนี้.

"อี้อี้อี้อี้............!”อสูรขนปุยที่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ.

"แน่นอน เหล่าเย่บอกว่าหลังจากนี้ทุกคนจำเป็นต้องระมัดระวัง เทียนเต๋าจื่อเองก็เล็งเป้ามายังเขา ทว่าเขานั้นเคยเป็นเทียนตี้ในอดีต ความสามารถย่อมไม่ธรรมดา บางทีเกี่ยวกับความคิดของเทียนเต๋าจื่อเอง เขาก็คงพอคาดเดาได้เช่นกัน บางทีอาจจะเตรียมแผนรับมือแล้ว ดังนั้นพวกเรายิ่งต้องระวังมากกว่าเดิม!"กุยเอ๋อกล่าวเตือนทุกคน.

"อืม!"หญิงสาวทุกคนที่พยักหน้ารับ.

----------------------------------------------

ภพหยาง สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลินเซียว! ใต้เทือกเขาเทียนเซี่ย!

ใต้เทือกเขาเทียนเซี่ย เทียนเสิ่นจื่อและพวกรวม 12 คน ทุกคนที่มีผิวดำเหมือนถ่านทั้งหมด ลุกขึ้นยืน เป็นเหมือนศพมีชีวิต ต่างก็พยักหน้าให้กันและกัน.

จากนั้น อัญมณีที่หน้าผากของพวกเขาที่ส่องประกาย ฝ่ามือของพวกเขาที่วางประทับไปที่ด้านหลังเป็นทอด ๆ โดยมีเป้าหมายที่เทียนเสิ่นจื่อ.

เทียนเสิ่นจื่อที่อยู่ด้านหน้าสุด ทุกคนที่เริ่มถ่ายพลังทั้งหมดไปยังร่างของเทียนสิ่นจื่อ.

ทันใดนั้น ร่างของเทียนเสิ่นจื่อที่ผอมแห้งเนื้อติดกระดูก ก็ค่อย ๆ เริ่มอ้วนขึ้น ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานมากมายที่กำลังหมุนวนกระจายไปทั่วร่าง.

ทันใดนั้นที่ด้านหน้าเทียนเสิ่นจื่อนั้น มีปิศาจตนหนึ่งที่เป็นภาพเงาลอยขึ้นมา ปิศาจตนดังกล่าวเองก็ไปปรากฎขึ้นที่ตำหนักซ่างเฉินต้าเจิ้งเช่นกัน.

"เทียนเสิ่นจื่อ พวกเราถ่ายพลังไปให้เจ้าหมดแล้ว สำเร็จหรือล้มเหลวเพียงแค่หนึ่งกระบวน อย่าให้ล้มเหลว!"อีกคนที่กล่าวออกมา.

"อย่าให้ล้มเหลว!"คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน.

"โปรดวางใจ!"เทียนเสิ่นจื่อพยักหน้ารับ.

บนสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ตำหนักซ่างเฉิน!

ภายในตำหนักซ่างเฉิน จงซานที่ประชุมว่าราชกิจอยู่ เหล่าขุนนางต่างก็ก้าวออกมารายงานเรื่องสำคัญต่าง ๆ .

ไท่จื่อจงเสวียนเวลานี้ใบหน้าที่ดูอึมครึม สัปหงกเป็นระยะ ต้องไม่ลืมว่า เขานั้นจำเป็นต้องแสดงนิสัยของเจ้าของร่างออกมาด้วย.

ในห้องโถง อีกคน หลิวอู๋ซ่าง ที่เวลานี้กำลังจดจ้องมองจงเสวียน ไม่วางตา.

จงเสวียนที่ลอบมองไปยังจงซานเป็นระยะ ๆ  ใบหน้าของจงซานยังคงใจเย็น จงซานที่ยังคงสงบ ทั้งที่ภพหยินเวลานี้มีเสียงดังกึกก้อง คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้?

ในเวลานั้นจงเสวียนที่รออยู่ ดวงตาหดเกร็ง ท้ายที่สุดก็ได้เวลาแล้ว.

"ตูมมมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

ที่ด้านนอกตำหนักซ่างเฉินนั้น บนท้องฟ้าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น.

"วูซซซซ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

แรงกดดันวิญญาณที่โถมทับลงมาจากบนท้องฟ้ากดทับไปทั่วสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ราวกับว่าจะบดขยี้ทุกอย่างให้แตกสลาย.

พลังที่แข็งแกร่งน่าเกรงขาม ทำให้ประชาชนบนสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวต้องหวาดผวาจนต้องคุกเข่าลง อำนาจสวรรค์ที่บดขยี้จิตใจ จนร่างกายสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว.

เมฆชื่อเสียงวาสนาของต้าเจิ้งที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที.

"วูซซซซซ!"

บนเมฆชื่อเสียงวาสนา เงาเทวะของจงซาน ทันใดนั้นก็เปล่งประกายก่อนที่จะกลายเป็นหัวมังกรที่ใหญ่ยักษ์.

หัวมังกรที่มีขีดแดงชาติบนหน้าผาก แววตาที่เผยความโกรธเกรี้ยวจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่จะเริ่มคำรามเสียงดังกึกก้อง.

"โฮกกกก ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

เสียงของมังกรคำราม ทำให้ชื่อเสียงวาสนาน้อยใหญ่รวมตัวกัน สั่นสะท้านเป็นระลอกตามเสียงคำราม.

"โฮกก!“”โฮกก!“”โฮกก!”..........................................

เสียงคำรามของมังกรที่ดังกึกก้อง ปลดปล่อยอำนาจสยบออกมา.

แทบจะในทันที ชื่อเสียงวาสนาของต้าเจิ้งที่ผลักดันอำนาจที่เป็นปฏิปักษ์ออกไป ในเวลานี้เหล่าประชาชนต้าเจิ้งที่ผ่อนคลายขึ้น พวกเขาที่ไม่รู้สึกถึงพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกดทับลงมาแล้ว.

ความยิ่งใหญ่ของต้าเจิ้งในเวลานี้ ทำให้ภายในใจของประชาชนภายในสวนสวรรค์ลอยฟ้าย่อมมีความอหังการ ความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถึงจะเป็นปราชญ์เทพ ก็ไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจของพวกเขาได้ ในเวลานี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมาหาเรื่องต้าเจิ้ง? ประชาชนต้าเจิ้งที่รู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก หลาย ๆ คนที่ก้าวออกมาจากที่พัก ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า.

มังกรทองขีดชาดและเหล่าประชาชนต่างก็จ้องมองไปบนท้องฟ้า จดจ้องมองไปยังคนสิบคนที่ลอยอยู่บนอากาศ.

เทียนโจวจื่อและเก้าเซียนบรรพชน.

กลิ่นอายที่น่าเกรงขามทรงพลังของเทียนโจวจื่อส่งออกมา ก่อนที่จะถูกผลักกลับไป และจากนั้นเทียนโจวจื่อที่เริ่มลงมือ.

ฝ่ามือจากบนอากาศที่ฟาดลงมาด้านล่าง เป้าหมายก็คือตำหนักซ่างเฉิน พลังที่น่าสะพรึงโถมทับลงมา ค่ายกลของหนานกงเซิ่งมากมายทำงานในทันที ป้องกันการโจมตีดังกล่าวเอาไว้.

เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ค่ายกลหลากหลายอันที่พังทลาย ทว่าพลังดังกล่าวก็ส่งไปไม่ถึงตำหนักส่วนใน.

อย่างไรก็ตาม อำนาจสยบคลื่นพลังที่ส่งผลไปถึงด้านในตำหนักซ่างเฉินเช่นกัน.

"ครืนนนน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

ตำหนักซ่างเฉินที่ส่ายไปมา เหล่าเสนาธิการที่ล้มระเนระนาด.

"พุ!"ทันใดนั้นจงเสวียนที่พ่นโลหิตออกมาคำโต ด้วยแรงอัดที่เกิดขึ้น ทำให้เขาได้รับผลกระทบ ก่อนจะฟุบลงเล็กน้อย.

"สารเลว เทียนโจวจื่อ!"จงเทียนที่อยู่ข้าง ๆ จงเสวียนกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว.

จงเทียนที่ก้าวออกไปหายจากห้องโถง กลายเป็นลำแสงสีทอง รอบ ๆ ร่างกายมีอักขระหว่าน卍พวยพุ่งออกไปรอบ ๆ  ก่อนที่จะไปรากฎที่บนท้องฟ้า.

"ตูมมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

จงเทียนที่ฟาดฝามือออกไปยังทิศทางของเทียนโจวจื่อ.

ฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น เมฆชื่อเสียงวาสนาของต้าเจิ้งที่ไหลบ่าผสาน ห้วงอากาศบนท้องฟ้าที่แตกสะบั้น.

เทียนโจวจื่อที่เห็นฝ่ามือของจงเทียนโจมตีมา ก่อนที่เขาจะฟาดฝ่ามือออกไปรับในทันที.

สองปราชญ์เทพที่ลงมือ ฝ่ามือยักษ์ที่ปรากฎขึ้นบนอากาศ เข้าปะทะกันบนท้องฟ้าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.

"ตูมมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

อากาศรอบ ๆ ที่แตกสะบั้น การต่อสู้ที่รุนแรงได้เริ่มขึ้นแล้ว.

ทว่าภายในตำหนักซ่างเฉิน เมื่อเกิดเรื่องสำคัญขึ้น เหล่าขุนนางทั้งหมดที่ก้าวออกไป จงซานเองก็ก้าวออกมาเตรียมเข้าไปสมทบเช่นกัน.

"เจ้าเป็นไรหรือไม่!"จงซานที่กล่าวสอบถามจงเสวียนที่กำลังอ่อนแรง.

"ข้าปวดหัวเล็กน้อย!"จงเสวียนที่ปาดโลหิตออกจากมุมปาก.

"ดวงวิญญาณของเจ้ายังอ่อนแอมาก!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมาไม่ได้สนใจนัก ก่อนที่จะก้าวออกไปด้านนอก.

ทว่าเพราะจงเสวียนบาดเจ็บไม่ได้มากมายนัก ดังนั้นเขาจึงได้จ้องมองเพียงเล็กน้อย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด