Chapter 1346 ข่มขู่ปราชญ์เทพ.
"ภายในศาลเทพต้าเจิ้งของข้า เป็นแผ่นดินของข้า หากเจ้ายังวุ่นวาย ข้าสามารถที่จะสังหารปราชญ์เทพก่อตั้งศาลสวรรค์วันนี้เลย!"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
หากเจ้ายังวุ่นวาย ข้าสามารถสังหารปราชญ์เทพก่อตั้งศาลสวรรค์วันนี้เลย!
คำพูดของจงซาน ทำให้ทุกคนเงียบสงัด เปล่าประชาชนต้าเจิ้ง ขุนนางหลายร้อย แทบไม่สามารถกลืนน้ำลายลงคอได้ แทบหยุดหายใจ ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังตำหนักปู่ซือ.
นี่คือเซิ่งหวังของพวกเรา? เซิ่งหวังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้วอย่างงั้นรึ?
หากเป็นก่อนหน้านี้ เหล่าประชาชนบางคนคงจะเป็นกังวลและไม่เชื่อ ทว่าเวลานี้ทุกคนที่เทิดทูนจงซาน ย่อมเชื่อในทันที.
ล่าปราชญ์เทพก่อตั้งศาลสวรรค์อย่างงั้นรึ? เรื่องนี้ทำให้ทุกคนโลหิตสูบฉีดขึ้นมาในทันที.
ภายในใจของทุกคนที่พลุ่งพล่าน รู้สึกราวกับว่าวิญญาณกำลังสั่นไหว.
ในเวลาเดียวกัน กับคำพูดดังกล่าวนั้นกับทำให้ซือหยางเทียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา กับรอยยิ้มของจงซาน เขาถึงกับหัวเราะไม่ออก คำพูดหลาย ๆ คำสร้างความตื่นตกใจกับซือหยางเทียนเป็นอย่างมาก.
ภายในใจของซือหยางเทียนกำลังวุ่นวายสับสน ต้องรู้ด้วยว่าหลายปีมานี้เขาปิดด่านฝึกตน ไม่รับรู้เรื่องราวด้านนอกเลย จงซาน ในอดีตไม่ต่างจากมดปลวก กลายเป็นคนที่น่าเกรงขามไปได้อย่างไร?
เฉิงโห่ว? ปราชญ์เทพลำดับหนึ่งของโลกหล้า ถึงกับต้องหนีไปสองครั้งเลยรึ? ตบหน้าหยิงเห่าสองครั้ง? มีอะไรผิดพลาดหรือไม่? และจงซานยังบอกว่าเรื่องนี้ทุกคนต่างก็รู้กันดี คาดไม่ถึงเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ? เรื่องเช่นนี้? เป็นไปได้อย่างไร?
จงซานร้ายกาจจริง ๆ รึ? เขาร้ายกาจเพราะว่าเขาเป็นคนที่จุติกลับมาหรือไม่?
"ไม่จำเป็น จงซานเพิ่งเป็นเซียนบรรพชนขั้นต้น หยิงเห่าประมาทคู่ต่อสู้ เฉิงเห่าเองก็ประมาทคู่ต่อสู้ พวกเราสองคนหากจะสังหารจงซาน ง่ายนิดเดียว!"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาเบา ๆ .
สังหารจงซานง่ายนิดเดียวอย่างงั้นรึ? ประมาทคู่ต่อสู้อย่างงั้นรึ? ภายในใจของซือหยางเทียนที่สั่นไหว คำพูดนี้มันดูขัดกันชัดเจน ในเมื่อสังหารจงซานได้ง่าย ๆ ทำไมหยิงเห่าถึงถูกจงซานตบอีกล่ะ? อีกทั้งยังตบหน้าถึงสองครั้ง? อีกฝั่งเฉิงโห่ว ที่บาดเจ็บหนีไปถึงสองครั้ง? หากมันง่ายยังต้องหนีไปถึงสองครั้งเลยรึ?
ในภพหยินมีอสุรกายพรสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แน่นอน ซือหยางเทียนถูกเชิญโดยเทียนเต๋าจื่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีไปเฉย ๆ นอกจากนี้ปราชญ์เทพยังมีความภาคภูมิใจของตัวเอง การจะหนีไปเพราะหวาดกลัวจงซานเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ยังจะถูกเรียกว่าปราชญ์เทพอีกรึ? ชื่อเสียงของเขาล่ะ? นอกจากนี้ ครั้งนี้ยังนำร่างจริงมาด้วยซ้ำ.
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ซือหยางเทียนไม่สามารถประเมินจงซานต่ำเกินไป เขาที่สะบัดมือ ที่ฝ่ามือของเขาปรากฎขันบาตรขนาดเล็กขึ้น ขันบาตร ที่ดูกลมเกลี้ยงด้านในคล้ายมีดวงตะวันประทับอยู่.
นี่คือของวิเศษของซือหยางเทียน ของวิเศษดังกล่าวที่แผ่อำนาจสยบออกมาดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
"ของวิเศษปราชญ์เทพอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เผยยิ้มเล็กน้อยออกมา.
"มีปัญหาอะไร?"ซือหยางเทียนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ก่อนหน้านี้ของวิเศษของหยิงเห่า ข้าได้ทำลายของวิเศษปราชญ์เทพ เทียนกงไป ก่อนหน้านี้ปราชญ์เทพลู่หยามา ข้าได้ทำลายมีดบินพิฆาตเซียนของเขาไป ไม่รู้ว่าของวิเศษของเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดใหน? เทียบกับพวกเขาแล้วคงจะทรงพลังกว่าหรือไม่?"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
สิ้นเสียงคำพูดของจงซาน ขุนนางร้อยคนของต้าเจิ้ง พร้อมกับประชาชนที่กำหมัดแน่น ความกลัวที่มีต่อปราชญ์เทพหายไปหมดสิ้นทันที ต่อหน้าเซิ่งหวังที่เคยขับไล่สามปราชญ์เทพออกไป เซิ่งหวังน่าเกรงขามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
ผู้คนมากมายต่างก็คาดไม่ถึง เซิ่งหวัง คาดไม่ถึงเลยว่าจะยอดเยี่ยมทรงพลังถึงเพียงนี้?
"เซิ่งหวังทรงพลังเจริญ!"ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยออกมาคนแรก.
"เซิ่งหวังทรงพลังเจริญ!" "เซิ่งหวังทรงพลังเจริญ!"........................
เสียงตะโกนดังกระหึ่ม ราวกับตบหน้าของซือหยางเทียน ความเคารพที่มีต่อปราชญ์เทพ? เหล่าประชาชนเหล่านี้ไร้ซึ่งความเคารพต่อเขาอย่างสิ้นเชิง.
อย่างไรก็ตามคำพูดของจงซานทำให้ซือหยางเทียนสั่นไหว ในมือของเขาที่กำแน่น ของวิเศษปราชญ์เทพของเขาจะไปทรงพลังกว่าพวกเขาได้อย่างไร ขณะที่ซือหยางเทียนจ้องมองไปยังเทียนเต๋าจื่อ.
"พวกเขาแค่ประมาท!"เทียนเต๋าจื่อที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
เทียนเต๋าจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังซือหยางเทียน ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ที่จริงเข้ามาเป้าหมายอื่น เขาที่ทำการค้นทั่วเมืองซ่าง ส่วนจงซานในเวลานี้กำลังกล่าวกระตุ้นซือหยางเทียนไม่หยุด ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ในเวลานี้ปราชญ์เทพที่น่าเกรงขามรู้สึกหวั่นเกรง.
ในเวลานี้เทียนเต๋าจื่อถึงกับพูดไม่ออก ต้องเงยหน้าจ้องมองจงซานด้วยความลึกล้ำ เพราะว่าในเวลานี้ เทียนเต๋าจื่อที่จ้องมองจงซานด้วยความจริงจังแล้ว.
พวกเขาเพียงแค่ประมาท? ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ทำให้ซือหยางเทียนหวั่นไหว ราวกับคาดเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น.
ประมาทอย่างงั้นรึ? ปราชญ์เทพประมาทอย่างงั้นรึ? ของวิเศษปราชญ์เทพที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตหลอมขึ้นมา! เทียนกง มีดบินพิฆาตเซียน ซือหยางเทียนรับรู้ว่าของวิเศษดังกล่าวมีชื่อเสียงขนาดใหน แม้แต่ของวิเศษตัวเองยังเทียบไม่ได้ ซือหยางเทียนไม่อยากยอมรับเท่าใดนักว่าด้อยกว่าพวกเขา แต่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่ามันถูกจงซานทำลายไปอย่างงั้นรึ?
ซือหยางเทียนที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม หลายปีที่เขาปิดด่าน มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในโลกหล้ากัน?
"น้ำเชี่ยว เจ้าไม่ควรเอาตัวออกมาขวาง!"จงซานกล่าวออกมาเบา ๆ .
ซือหยางเทียนที่กำหมัดแน่น ในเวลานี้เพียงคำไม่กี่คำ ซือหยางเทียนกลับรู้ว่ามันไม่ธรรมดา จงซานที่เคยต่อสู้กับปราชญ์เทพสามคน และพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้อย่างงั้นรึ?
ซือหยางเทียนไม่รู้ กับคำว่าประมาทของเทียนเต๋าจื่อนั้นเป็นอย่างใด ทว่ากับคำคิดของเขาคิดว่าจงซานจงใจ เขายังไม่อยากเชื่อว่าจงซานจะทรงพลังขนาดนั้น.
ซือหยางเทียนที่สูดหายใจลึกจ้องมองมายังจงซาน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในความคิดของเขา การจะจับตัวเซิ่งหวัง ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทว่าตอนนี้เขาไม่รู้อะไรกับจงซานเลย แล้วเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?
"เจ้าไปซะ!"จงซานที่กล่าวออกมาตามตรง ด้วยท่าทางน้ำเสียงธรรมดา.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ใต้ใบหน้าที่เลือนลางปิดมิดนั้น กำลังแดงกล่ำ เขียวคล้ำ วันนี้มันแปลกเกินไปแล้ว.
ซือหยางเทียนที่กำลังสั่นไหว เทียนเต่าจื่อที่อยู่ด้านหลังไม่สามารถเฝ้ามองได้อีกต่อไป จงซานปากคอเราะราย คำพูดของเขาทรงพลังนัก ราวกับว่าจิ้งจอกและพยัคฆ์ได้มารวมในร่าง ๆ เดียว กับสถานการณ์เวลานี้ ปราชญ์เทพซือหยางเทียนกำลังตกหลุมพลางแล้ว.
ทว่า เทียนเต๋าจื่อยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จงซานกลับเอ่ยออกมาอีกครั้ง "ม่อจื่อ หมี่เทียน ข้าก็ไล่พวกเขาไปแล้วเช่นกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดว่ามันน่าขายหน้า!"
ม่อจื่อ? หมี่เทียน? ปราชญ์เทพอีกสองคน? นี่จงซานไล่ปราชญ์เทพอีกสองคนอีกด้วยอย่างงั้นรึ? นี่เขา หลายปีมานี้ทำอะไรไปบ้างกัน?
"ในภพหยางนั้น สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน พวกเขาถอยกลับไปเพื่อรอคอยโอกาสที่ดีกว่า จงซานเพียงแค่โชคดี!"เทียนเต๋าจื่อกล่าวตอบ.
"โชคดีอย่างงั้นรึ?”
แล้วจะให้ซือหยางเทียนเชื่อว่าเพราะโชคดีอย่างงั้นรึ? จงซานที่เอาชนะสามปราชญ์เทพ ขับไล่สองปราชญ์เทพไปอีก เพียงแค่โชคดีอย่างงั้นรึ? เรื่องตลกอย่างงั้นรึ?
"จงซาน เจ้าว่าข้ากล่าวถูกหรือไม่?"เทียนเต๋าจื่อกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เจ้าต้องการกล่าวอะไร? เทียนเต๋าจื่อ!"จงซานที่เผยยิ้มบางจ้องมองไปยังเทียนเต๋าจื่อ.
"เจ้ามีสองร่าง ภพหยางร่างหนึ่ง ภพหยินอีกร่างหนึ่ง ชื่อเสียงที่มากมายของเจ้าเป็นร่างภพหยาง แล้วร่างภพหยินของเจ้าล่ะ? เหมือนกับภพหยางหรือไม่?"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาเบา ๆ .
"สองร่างอย่างงั้นรึ?"ซือหยางเทียนที่ตกใจเล็กน้อย.
ทันใดนั้น จิตใจของซือหยางเทียนที่กลับมามั่นคง.
"แท้จริงเป็นภพหยาง? ข้าคิดว่าเจ้าได้ล่วงเกินปราชญ์เทพภพหยางไว้มากมาย และเป็นร่างภพหยางอีกอย่างงั้นรึ? ล่วงเกินปราชญ์เทพจำนวนมากขนาดนี้ เจ้าไม่หวาดกลัวเลยอย่างงั้นรึ? หากปราชญ์เทพร่วมมือกันเข้ามาล้อมกรอบเจ้า คิดว่ายังจะมีที่ใหนให้เจ้าหลบหนีได้อีก!"ซือหยางเทียนที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"บางทีข้าคงทำให้เจ้าผิดหวัง!"จงซานกล่าวออกมาเบา ๆ .
"หืม?"
"ต้าเจิ้งของข้านั้นมีข้าราชบริพารเป็นปราชญ์เทพอยู่ด้วย!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
ต้าเจิ้งมีข้าราชบริพารเป็นปราชญ์เทพอยู่อย่างงั้นรึ? ทันใดนั้น ประชาชนเมืองซ่างที่อุทานออกมาเสียงดัง จริงหรือเท็จกัน? ต้าเจิ้งมีปราชญ์เทพด้วยอย่างงั้นรึ? ข้าราชบริพาร? ทำไมข้าไม่รู้ล่ะ?
ไม่ใช่แค่ประชาชน เหล่าขุนนางก็จ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจ ข้าราชบริพารเป็นปราชญ์เทพอย่างงั้นรึ? จริง ๆ รึ?
ใบหน้าของซือหยางเทียนที่เพิ่งดีขึ้น กลับกลายเป็นอัปลักษณ์อีกครั้ง ขณะที่จ้องมองไปยังเทียนเต๋าจื่อ.
"เทียนเต๋าจื่อ เขาพูดจริงอย่างงั้นรึ?"ซือหยางเทียนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"อืม ปราชญ์เทพจงเทียนที่เพิ่งถูกแต่งตั้ง เป็นบุตรชายของเขา!"เทียนเต๋าจื่อไม่ได้ปิดบังอะไร.
จงเทียน? ไท่จื่อจงเทียน?
ทันใดนั้น ประชาชนเมืองซ่างที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาที่ดีใจจนตัวสั่น เดิมที่ไท่จื่อกลายเป็นปราชญ์เทพอย่างงั้นรึ?
ทว่าใบหน้าของซือหยางเทียนที่แข็งค้างไปในทันที บุตรชาย? บุตรของจงซาน?
"เจ้าไม่คิดจะบอกข้าก่อนเลยอย่างงั้นรึ?"ซือหยางเทียนที่กล่าวด้วยความเศร้าใจ.
"ข่าวที่กระฉ่อนไปทั่วหล้า เจ้าเป็นปราชญ์เทพไม่รู้อย่างงั้นรึ?"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาเบา ๆ .
ซือหยางเทียนถึงกับพูดไม่ออก! ยังมีอะไรที่ข้าไม่รู้อีกกัน? เขาที่เพิ่งออกมาจากปิดด่าน ไม่รู้อะไรเลยสักนิด.
ทว่าผลลัพธ์ทั้งหมดที่จงซานต้องการก็ปรากฎผลแล้ว ไม่ใช่ว่าจงซานหวั่นเกรง ไม่ใช่ว่าจงซานไม่ต้องการปะทะ ทว่าการทำเช่นนี้ เป็นเพราะว่าจงซานต้องการป่วนใจของซือหยางเทียน.
เทียนเต๋าจื่อที่ปรากฎขึ้นนี้ จงซานบอกได้ว่าเทียนเต๋าจื่อนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แน่นอน เทียนเต๋าจื่อคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ เวลานี้ยังมีปราชญ์เทพอีก หากพวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ย่อมกลายเป็นปัญหาแน่.
การมีซือหยางเทียนมาเพิ่ม หากเขาลงมือเต็มที่ การรับมือที่เขาเตรียมไว้คงลำบาก ดังนั้นจงซานจึงจงใจทำลายความมั่นใจของซือหยางเทียน อย่างน้อยที่สุดให้เขาได้แบ่งปันความเกลียดชัง ด้วยการกล่าวข่มขู่ ไม่คิดว่าซือหยางเทียนจะหวั่นไหวจริง ๆ.
จิตใจของอีกฝ่าย! หากจงซานสามารถสร้างเงาแห่งความหวั่นเกรงได้ หากเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายขาดความมั่นใจ ในระหว่างสู้หากเขาเสียเปรียบเขาจะต้องตัดสินใจหนีไปในทันทีแน่นอน ถึงแม้นว่าจะรู้ว่าหลงกลในภายหลัง และกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเขาที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีทางหวาดกลัวอย่างแน่นอน.
"ไม่จำเป็นต้องกังวล ทั้งภพหยางและภพหยิน ถึงจะเป็นถิ่นของอีกฝ่าย แต่ทว่าในภพหยางเวลานี้ไม่ได้สงบ! ถึงจะมีจงเทียนในเวลานี้ ก็ไม่ได้เปรียบนัก!"เทียนเต๋าจื่อกล่าวออกมาเบา ๆ .
"หืม?"ซือหยางเทียนถึงกับต้องขมวดคิ้วครุ่นคิด.
ในเวลานี้ ซือหยางเทียนไม่ต้องการเชื่อคำพูดของเทียนเต๋าจื่อสักนิด.
"เจ้าคือปราชญ์เทพ!"เทียนเต๋าจื่อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
กับคำพูดของเทียนเต๋าจื่อ ทำให้ซือหยางเทียนใบหน้าเปลี่ยนสี ใช่ ปราชญ์เทพ! ข้าคือปราชญ์เทพ!
ซือหยางเทียนที่หันหน้ากลับมามองจงซานด้วยความเย็นชา ความภาคภูมิใจของปราชญ์เทพ เกียรติของปราชญ์เทพใต้หล้านี้ยิ่งใหญ่นัก เขาต้องหวาดกลัวเซิ่งหวังเล็ก ๆ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ซือหยางเทียนที่กระตุ้นหัวใจของเขาปัดเป่าความหวั่นเกรงออกไป ทำไมเขาต้องกลัว?หากว่าเพียงแค่ถูกจงซานข่มขู่ หากเขาจากไป ไม่น่าขายหน้าอย่างงั้นรึ?
ในเวลานี้ซือหยางเทียนที่พยายามทำตัวให้สงบ แม้นว่าภายในใจจะสั่นไหวอยู่ก็ตาม.
ทว่าจงซานรู้ดีว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว แม้นว่าภายนอกซือหยางเทียนจะแข็งแกร่ง ทว่าภายในนั้นกำลังวุ่นวายสับสน เมล็ดแห่งความกลัวบางทีที่ปลูกไปนั้นเริ่มงอกขึ้นมาแล้ว.
"หวังคู!"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"เฉินอยู่นี่แล้ว!"หวังคูที่ก้าวออกมาด้านหน้า.
"เจ้านำเผ่าโครงกระดูก ไปรับมือซือหยางเทียนให้กับข้า!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"รับทราบ!"หวังคูที่ก้าวออกมาด้านหน้า ทันใดนั้นที่ด้านในห้องโถง ปรากฎเผ่าโครงกระดูก 12 ร่าง ที่ถูกปล่อยออกมารับมือกับปราชญ์เทพซือหยางเทียน.
"เซียนบรรพชนเผ่าโครงกระดูก? นี่เจ้ากำราบเผ่าโครงกระดูกไปแล้วอย่างงั้นรึ?"ซือหยางเทียนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวอีกครั้งแล้ว.