Chapter 1339 เริ่มวางแผน
ตำหนักเทียนหยวน จงซานและเหล่าเสนาธิการจำนวนหนึ่งกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับอสูรเปลี่ยนร่าง ภายในใจของทุกคนที่รับรู้เกี่ยวกับความร้ายกาจของอสูรเปลี่ยนร่างแล้ว.
"เซิ่งหวัง เงาเทวะของไท่จื่อ บนทะเลชื่อเสียงวาสนาเวลานี้จะเป็นอย่างไร?"หลินอู๋ซ่างที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
สายตาของทุกคนที่เผยท่าทางแปลกประหลาดออกมาในทันที ก่อนที่จะจ้องมองไปยังศพของจงเสวียนที่อยู่กลางห้องในทันที.
"อสูรเปลี่ยนร่างนั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เขาที่ทำร้ายดวงวิญญาณของอีกฝั่ง แม้นว่าจะสังหารฝ่ายตรงข้าม ทว่าดวงวิญญาณจะไม่สลายหายไปในทันที ดังนั้นภาพเงาเทวะจึงยังอยู่ ในเวลาเดียวกัน ชื่อเสียงวาสนาต้าเจิ้งที่ยังคงรักษาดวงวิญญาณจึงยังไม่สลายหายไปในทันที ทว่าก็คงอยู่ได้ไม่นาน ก่อนที่ทุกอย่างจะสลายหายไป อีกไม่นานเงาเทวะก็คงสลายหายไป!"จงเทียนที่ส่ายหน้าไปมา.
"เรียนเซิ่งหวัง ไท่จื่อตัวปลอมนั้นแม้ว่าจะใช้ชื่อเสียงวาสนารวมวิญญาณเอาไว้ ขณะดวงวิญญาณแตกสลาย หากแต่เฉินนั้นสามารถที่จะรักษาฟื้นคืนกลับมาได้!"เซียนเซิงซือที่เป็นคนเอ่ยกล่าวออกมา.
"หืม?"ทุกคนที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"ช่วยได้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาตามตรง.
"ครับ!"เซียนเซิงซือที่พยักหน้ารับ.
ในเวลาเดียวกันเหล่าเสนาธิการต่างก็จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือด้วยความจริงจัง แน่นอนว่าในเวลานี้ทุกคนต่างก็ต้องระวังกันและกันเอาไว้.
ศัตรูอยู่ในที่มืด พวกเขาย่อมจำเป็นต้องมองหาทางรอดเอาไว้ด้วย.
สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ ทว่าเซียนเซิงซือที่นำระฆังเล็กออกมา.
"แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง!"
เสียงของระฆังที่ส่งเสียงแปลก ๆ ก่อนที่จะปล่อยแสงสีฟ้าไปยังศพของไท่จื่อ ปกคลุมเอาไว้ ทุกคนที่จ้องมองเงียบ ๆ .
"รวม!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาเสียงดัง.
"วูซซซ!"ร่างไท่จื่อตัวปลอมลืมตาขึ้นในทันที.
"มีชีวิตอย่างงั้นรึ?"เหล่าเสนาธิการที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"วิชาของเซียนเซิงซือช่างลึกล้ำนัก จงเทียนชื่นชม!"จงเทียนที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
แม้แต่ปราชญ์เทพยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทว่าเซียนเซิงซือกลับสามารถใช้เพียงระฆังเล็กชุบชีวิตได้อย่างงั้นรึ? ช่างเป็นวิชาที่ลึกล้ำเป็นอย่างมาก.
ทุกคนที่จ้องมองเซียนเซิงซือพลางถอนหายใจ.
สายตาของไท่จื่อปลอมที่กวาดตามองทุกคน ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นช้า ๆ แววตายังคงงงงวยอยู่.
"เจ้าเป็นใคร?"จงซานสอบถามออกไป.
ไท่จื่อปลอมที่กุมศีรษะเอาไว้ ราวกับว่าไม่รู้จักและจำอะไรได้.
"เซิ่งหวัง ดวงวิญญาณของเขาเพิ่งรวมตัวกัน จำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟู!"เซียนเซิงซือกล่าว.
"อืม ดี!เซียนเซิงซือเจ้าช่วยเขาฟื้นฟูความทรงจำ!"จงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.
"ข้าได้บอกทุกอย่างกับพวกเจ้าแล้ว จากนี้ให้ระวังตัวกันด้วย!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"เสนาธิการทุกคนที่ตอบรับพร้อม ๆ กัน.
"เลิกประชุม!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"ทุกคนที่ค่อยถอยจากไปช้า ๆ .
จากนั้นไม่นาน ภายในตำหนักเทียนหยวน เหลือคนเพียงสี่คน จงเทียน เซียนเซิงซือและไท่จื่อปลอม.
ขณะที่ทุกคนถอยไป ดวงตาของไท่จื่อปลอมที่ไร้ประกาย ก่อนที่จะฟุบสลบไปอีกครั้ง.
"เซิ่งหวัง โชคดีที่เฉินไม่ได้ทำภารกิจผิดพลาด!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
จงซานที่ขมวดคิ้วแน่น ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปยังตำแหน่งของไท่จื่อปลอม.
"เทียนเอ๋อ เจ้าตรวจสอบทุกคนก่อนหน้านี้พบอะไรบ้าง?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หืม ไม่พบอะไรเลย!"จงเทียนที่ส่ายหน้าไปมา.
"เซียนเซิงซือ นี่ไม่ใช่ไท่จื่อปลอมไม่ใช่รึ? สามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยรึ?"จงเทียนที่สอบถามออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"เป็นคำสั่งของเซิ่งหวังที่สั่งเฉินก่อนหน้านี้ ด้วยการใช้วิชาควบคุมศพ ใช้เศษวิญญาณที่แตกสลายในการควบคุม ท่านเป็นปราชญ์เทพยังไม่สามารทำได้ แล้วเฉินจะชุบชีวิตกลับมาได้อย่างไร?"เซียนเซิงซือที่ฝืนยิ้มกล่าวออกมา.
จงเทียนที่จ้องมองไปยังจงซาน ภายในใจที่ราวกับเขาใจว่าฟู่หวงนั้นจงใจที่จะสร้างความเข้าใจให้ทุกคนรับรู้ว่าสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้.
มีชีวิตอย่างงั้นรึ?
ส่วนจงซานในเวลานี้เต็มไปด้วยความจริงจัง.
"เซียนเซิงซือ ศพชีวิตนี้ มอบให้เจ้าเป็นคนควบคุม เมื่อถึงเวลามันจะช่วยพวกเราได้มาก!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.
กระดิ่งที่สั่นอีกครั้ง ไท่จื่อปลอมที่ลุกขึ้นเดินตามเซียนเซิงซือไป.
"เทียนเอ๋อ นับจากวันนี้ จงระวังให้ดี อสูรเปลี่ยนร่าง บางทีอาจจะเล็งเจ้าอยู่!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ท่านพ่อโปรดวางใจ ยิ่งบุตรเป็นปราชญ์เทพ ฝ่ายตรงข้ามเองก็ต้องระวังบุตรเช่นกัน!"จงเทียนพยักหน้ารับ.
"อืม!"
คนทั้งสองที่จากไป จงซานที่นั่งอยู่คนเดียวในตำหนักเทียนหยวน.
"ออกมา!"จงซานเอ่ยออกมาเบา ๆ .
"วูซซซซ!"เงาร่างหนึ่งปรากฎขึ้น.
"หยิงเหว่ย หมายเลข 1917 คารวะเซิ่งหวัง!"องค์รักษ์เงาที่เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"อืม มีใครบ้างที่หายไป?"จงซานสอบถาม.
"ครับ ในตำหนักใน องค์รักษ์สี่คนหายไป ไม่สามารถหาศพเจอได้ ดูเหมือนว่าอสูรเปลี่ยนร่าง จะใช้พวกเขาเปลี่ยนร่างไปทั้งหมด!"องค์รักษ์เงาเอ่ย.
"เปลี่ยนร่างมากมายขนาดนั้นเลยรึ? ถูกลบหายไปไร้ซึ่งร่องรอย?ร้ายกาจจริง ๆ ออกไปได้!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครับ!"ร่างเงาที่หายไปไม่เห็นร่องรอย.
องค์รักษ์เงาที่จากไป จงซานที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะจัดการกับอสูรเปลี่ยนร่าง เชาว์ปัญญาของอสูรเปลี่ยนร่างไกลเกินที่จงซานประเมิน ไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แน่.
จงซานยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะ เคาะนิ้วเบา ๆ คำนวนแผนการหลากหลายอย่าง.
ในเวลาเดียวกัน ที่ตำหนักด้านนอก ปรากฎเสียง ๆ หนึ่งที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้นที่ด้านนอกตำหนักในทันที.
"คิดจะไปที่ใหน ~~~~~~~~~~~~!”
"ตูมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
เสียงของจงเทียนอย่างงั้นรึ? ใบหน้าของจงซานที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนในทันที ก่อนที่จะเร่งรีบออกมาจากตำหนักเทียนหยวน.
"เซิ่งหวัง!"ที่ด้านนอกตำหนักเทียนหยวนนั้น องค์รักษ์ที่เร่งรีบเข้ามาคุ้มกัน.
ส่วนจงซานเวลานี้จดจ้องมองไปยังประตูสวรรค์ทิศใต้.
"ตูมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ที่ด้านนอกตำหนักเทียนหยวนนั้น เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น พลังที่กระแทกกันจนทำให้ห้วงมิติสะบั้นแตกเป็นทาง กลิ่นอายที่หนักหน่วงพวยพุ่งกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
"วูซซซซซ!"
ค่ายกลสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวถูกเปิดการใช้งาน ทันใดนั้นกลิ่นอายที่ถูกขวางกันเอาไว้ด้านนอก กลิ่นอายดังกล่าวไม่สามารถผ่านเข้ามาได้เลย.
ทว่าสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวในเวลานี้ สายตาของทุกคนต่างก็จดจ้องมองไปยังด้านนอก.
หนักฝ่ามือที่กระแทกเข้าหากัน ห้วงมิติที่แตกสะบั้น ใครกันที่มาหาเรื่องต้าเจิ้ง?
ที่ไกลออกไปนั้นหลังจากฝ่ามือเข้าปะทะกัน การต่อสู้ก็ไม่ได้ดำเนินต่อไปแต่อย่างใด.
รอบ ๆ ร่างของจงเทียนที่เปล่งประกายแสงสีทองสว่างจ้า อักษรหว่าน’卍’ ที่ล่องลอยกระจายไปรอบ ๆ .
ฝ่ายตรงข้าม ปรากฎคนกลุ่มหนึ่ง ฝ่ามือของใครบางคนที่มีใบหน้าเลือนลางเข้าปะทะกับจงเทียน ชัดเจนว่าคือปราชญ์เทพอีกคน.
จงซานที่ก้าวออกไป รอบ ๆ นั้นมีข้าราชบริพารเป็นจำนวนมากล้อมรอบ.
"เทียนโจวจื่อและเก้าเซียนบรรพชน?"เซียนเซิงซือที่ดวงตาหรี่เล็กลง.
"เป็นพวกเขาเองรึ?"ใบหน้าของจงซานที่กลายเป็นซับซ้อนเคร่งขรึม.
ที่ด้านนอกประตูสวรรค์ทิศใต้ จงเทียนที่จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังเทียนโจวจื่อ.
"ยินดีกับปราชญ์เทพจงเทียนที่ได้เป็นปราชญ์เทพ!"เทียนโจวจื่อกล่าวออกมาเบา ๆ .
จงเทียนยังคงจ้องมองไปยังเทียนโจวจื่ออย่างเย็นชา ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด.
"ปราชญ์เทพจงเทียนอย่าได้ตำหนิ ข้าและพวกเดินทางมายังต้าเจิ้ง หาได้ต้องการมาหาเรื่องแต่อย่างใด!"เทียนโจวจื่อที่กล่าวออกมาในทันที.
"ไม่อย่างงั้นรึ? คงไม่มีปิศาจร้ายที่ใหนจะยอมรับหรอกว่าจะไม่เดินทางมาทำร้ายต้าเจิ้ง!"จงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"ข้าคิดว่าคงจะเข้าใจผิดกันอยู่ ข้าและพวกไม่ได้ต้องการที่จะสู้"เทียนโจวจื่อที่ส่ายหน้าไปมา!
"คิดว่าข้าใส่ร้ายเจ้าอย่างงั้นรึ?"จงเทียนกล่าวเสียดสี.
ไม่ว่าอย่างไร จงเทียนเองหาได้มีความประทับใจใด ๆ กับเทียนโจวจื่อ สถานที่นี่เป็นเมืองหลวงราชวงศ์ต้าเจิ้ง จงเทียนย่อมไม่กลัวเทียนโจวจื่อ ถึงแม้นว่าจะต้องต่อสู้ ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้เทียนโจวจื่อแน่นอน.
ต้าเจิ้งในเวลานี้ ไม่ใช่ต้าเจิ้งในอดีตแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเทียนโจวจื่อที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน อักอ่วน ขณะที่เขาหันหน้ากับไปมองเซียนบรรพชนของตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของจงเทียนเมื่อสักครู่.
ในเวลาเดียวกันเหล่าเซียนบรรพชนที่เขานำมาใบหน้าบิดเบี้ยวและกล่าวออกมาว่า "ปราชญ์เทพจู่ ให้พวกเราลงมือ!"
ต้องให้เทียนโจวจื่อทำอย่างไร? กับคำที่เขานำมา.
เหล่าคนที่เขานำมานั้นไม่ยินยอมที่จะยอมให้จงเทียน เทียนโจวจื่อที่กระอักกระอ่วนใจ ขณะที่เขาหันหน้าจดจ้องมองไปยังพื้นที่ลึกเข้าไป กลุ่มของจงซานที่อยู่บนพื้นที่ไกลออกไป.
"เซิ่งหวังจงไม่คิดที่จะพูดคุยกันอย่างงั้นรึ?"เทียนโจวจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จงซานที่อยู่ไกลออกมา กล่าวออกมาเบา ๆ "เป็นการมาเยือนเป็นการส่วนตัวหรือตัวแทนของตระกูลเทียน?"
"ตัวแทนของตระกูลเทียน!"เทียนโจวจื่อกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จงซานที่ส่ายหน้าไปมา เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวออกมาเบา ๆ "ในเมื่อเป็นตัวแทนของทวีปเทียน ก็ต้องทำตามธรรมเนียมของต้าเจิงไม่สามารถที่จะรุกเข้ามาอย่างไรซึ่งกฎเกณฑ์!"
กระทำการตามธรรมเนียมอย่างงั้นรึ? ใบหน้าของเทียนโจวจื่อที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ เทียนโจวจื่อที่เผยแววตาขุ่นเคืองอยู่เหมือนกัน.
"ธรรมเนียมของต้าเจิ้ง การที่ทูตจะเข้าพบเซิ่งหวัง จะต้องอยู่ห่างหนึ่งล้านลี้ส่งสารแนะนำตัว เพื่อขออนุญาตเข้าพบเซิ่งหวัง ถึงจะได้เข้าไปด้านใน! เพียงแค่เป็นปราชญ์เทพเลยไม่ต้องการปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างงั้นรึ?!"จงเทียนที่กล่าวออกไป.
จงเทียนกล่าวไม่ผิด เป็นธรรมเนียมของต้าเจิ้งจริง ๆ อีกทั้งเวลานี้อยู่ในช่วงศึกสงคราม การปล่อยให้ปราชญ์เทพเข้ามาโดยที่ไม่มีเหตุผล อาจะทำให้ขวัญกำลังใจทหารลดต่ำลงได้.
กลุ่มเซียนบรรพชนที่อยู่ด้านหลังเทียนโจวจื่อที่เต็มไปด้วยความกระอักอ่วนใจ หากแต่เทียนโจวจื่อที่ไม่ต้องการที่จะสร้างความแค้นกับจงซาน ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่มีโอกาสได้เจรจา อาจถูกผลักใสออกไปได้เลย แม้นภายในใจจะไม่พอใจอยู่ก็ตาม.
เทียนโจวจื่อที่ได้แต่เงียบงัน แผนการตระกูลเทียนนั้นมีความสำคัญที่ตัวเขาจำต้องอดทน.
"ถอยออกไป!"เทียนโจวจื่อเอ่ย.
กลุ่มคนของตระกูลเทียนจึงทำได้แค่เพียงต้องถอยออกไปหนึ่งแสนลี้.
สายตาของเหล่าผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมต้าเจิ้งในเวลานี้ต่างก็ตื่นตะลึง ในเวลานี้พวกเขาที่แอบสั่นไปมา คนของศาลเทพต้าเจิ้งน่าเหลือเชื่อมา เกินจริงขนาดนี้เลยรึ? ผ่านมาพันกี่ปีกว่าเท่านั้น นับตั้งแต่แยกสวรรค์สะบั้นปฐพี ในคราแรกทุกคนต่างก็ดูแคลน ทว่าในเวลานี้แม้แต่ปราชญ์เทพยังต้องทำตามธรรมเนียมของต้าเจิ้งอย่างงั้นรึ? มีอะไรผิดพลาดอย่างงั้นรึ?
ก่อนหน้านี้ เทียนโจวจื่อที่ต้องการสังหารจงซานหลายครั้ง แน่นอนว่าจงซานไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขา แม้นว่าจะยอมให้เขากระทำตามธรรมเนียม ทว่าก็ยังนับว่าเสี่ยงอยู่ดี.
จากพื้นที่ไกลออกไป เทียนโจวจื่อที่ให้คนส่งจดหมายแนะนำตัวเข้ามา สงสารผ่านให้กับจงเทียน แม้นว่าเขาจะไม่ต้องการทำ ทว่าเพื่อที่จะเจรจาของจงซาน จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียม.
จงซานที่จ้องมองไปยังจดหมายแนะนำตัว! จ้องมองจากพื้นที่ไกลออกไป จงซานที่ต้องขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ต้าเจิ้งที่กำลังพบกับปัญหา ทันใดนั้นเทียนโจวจื่อก็มาปรากฎอย่างงั้นรึ? นอกจากนี้ท่าทางของเทียนโจวจื่อที่แปลก ๆ ไปเช่นนี้?
จงซานไม่ได้ปฏิเสธในทันที ทว่าเขาที่ครุ่นคิดอย่างละเอียด และกล่าวออกมาว่า "
"ให้ทูตทวีปเทียนเข้าพบได้~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ที่ไกลออกไปนั้น เสียงของขันทีต้าเจิ้งเอ่ยกล่าวออกมาเสียงดัง ทำให้ใบหน้าของเทียนโจวจื่อเปลี่ยนเป็นดำมืด ไม่ยินดีแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องนำเซียนบรรพชนทั้งเก้าเดินทางเข้าไปพบกับจงซานในทันที.