Chapter 1333 ชายแขนขาด
"ใช่ เทพอสูรลำดับหก ต้องการควบคุมเขา ทำให้ทั้งคู่ต่อสู้และตกตายไปพร้อม ๆ กัน เขาที่ตายอย่างอนาถ หากแต่ก่อนที่เขาจะตายเขาก็สามารถลบเชาว์ปัญญาเทพอสูรลำดับที่หกได้ในที่สุด หากแต่ก็สายไปแล้ว!"เทียนเต๋าจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
ดวงตาของเทียนโจวจื่อที่สั่นไหวไปมา เผยท่าทางดีใจออกมา.
หลังจากที่เขาเห็นรากเทวะของจงซานแล้ว เทียนโจวจื่อก็คิดถึงเรื่องบางอย่างได้ เกี่ยวกับตัวเขาในอดีตเขาที่เคยเตรียมหลอมเทพอสูรให้เป็นรากเทวะเป็นของตัวเอง ต้องไม่ลืมว่ารากเทวะ คน ๆ หนึ่งนั้นสามารถหลอมขึ้นมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถึงจะเป็นปราชญ์เทพ ก็ไม่มีข้อยกเว้น.
ในอดีตหากเขาใช้เทพอสูรนำมาใช้หลอมเป็นรากเทวะ ในเวลาต่อมามันได้เพิ่มพลังให้กับเขาเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขาทำสำเร็จ.
ทว่าในครั้งนั้นเทียนโจวจื่อได้ใช้เทพอสูรลำดับ 11 ขณะที่เขาต้องการหลอมมันเป็นรากเทวะ แต่กลับพบว่ามันยากลำบากมาก เขาจำเป็นต้องทำให้มันเหมือนจริงทุกอย่าง ต้องหลอมให้มันสำเร็จก่อนที่มันจะตาย ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะไร้ประโยชน์ การหลอมสิ่งมีชีวิต ไม่สามารถสังหารได้ เขาเองก็ไม่สามารถลบเชาว์ปัญญามันได้ นอกจากนี้เทพอสูรที่ใช้ยังเป็นเทพอสูรที่เพิ่งเกิด ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สำเร็จแน่.
เขาได้ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ครุ่นคิดมันอย่างละเอียด การจะหลอมสิ่งมีชีวิตนั้น จะต้องทำเมื่อครั้งมันเพิ่งเกิด หรือลิขิตของมันอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด ถึงจะสามารถทำสำเร็จ.
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร จงซานนั้นต้องโชคดีขนาดใหนกัน.
แน่นอน เทียนโจวจื่อรู้สึกใจหาย ทว่าเขาที่พยายามที่จะหาวิธีต่าง ๆ กว่าจะสามารถหลอมมันเป็นรากเทวะได้ ทว่าคิดมาถึงตอนนี้ บรรพชนรุ่นแรกที่ทรงพลังยังต้องตกตายไปในท้ายที่สุด ตัวเขาเองต้องโชคดีเท่าใดกัน?
"เขาได้สติ ตอนนี้คงต้องการเทียนหลิงจือที่มีตราสวรรค์!"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ประมุข? บรรพชนรุ่นแรกได้สติเมื่อไหร่?"เทียนเต๋าจื่อที่เผยท่าทางสงสัย.
"เมื่อเจ้าออกไปครั้งล่าสุด!"เทียนเต๋าจื่อครุ่นคิดและเอ่ยออกมา.
"ในเวลานั้น? ไม่ใช่ว่าเป็นช่วงที่จงซานเดินทางไปยังทวีปกลาง เทียนหลิงจื่อตอนนี้ไม่ใช่ว่าถูกบรรพชนรุ่นที่หนึ่งครอบครองร่างไปแล้วรึ?"เทียนโจวจื่อที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ไม่!"เทียนเต๋าจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
"ไม่อย่างงั้นรึ?"เทียนโจวจื่อที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
เทียนเต๋าจื่อที่บิดม้วนขนนก ดวงตาหรี่เล็กลง "จงซานไม่ใช่คนธรรมดา!"
"หืม?"
"ข้าได้อ่านข้อมูลของจงซานแล้ว การดำเนินชีวิตของเขา แม้นว่าจงซานจะยังเยาว์ ทว่าการใช้ชีวิตนั้นแทบไร้ข้อบกพร่อง แทบไม่มีข้อผิดพลาด เต็มไปด้วยชัยชนะ เรื่องนี้ถึงจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก และเขายังเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ก้าวไปบนเส้นทางอันตรายแต่กลับผ่านไปได้โดยตลอด เขามีภรรยาหลายคน และให้ความสำคัญกับทุกคน ถึงเขาจะออกไปข้างนอก มีเหรอที่เขาจะประมาท? นอกจากนี้ ข้ายังสัมผัสได้ว่า เขายังไม่ได้ร่างของเทียนหลิงจื่อ!"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ได้ยินคำพูดของเทียนเต๋าจื่อชื่นชมจงซาน แม้นว่าเทียนโจวจื่อจะไม่ค่อยพอใจนัก ทว่าก็ต้องยอมรับเช่นกัน.
"ท่านประมุข ไม่รู้ว่ามีความลับใดในตราสวรรค์?"เทียนโจวจื่อสอบถาม.
ในเมื่อทุกอย่างเผยออกมาแล้ว เทียนโจวจื่อจึงได้สอบถามออกไป.
"ตราสวรรค์นะรึ?"เทียนเต๋าจื่อที่ดูลังเล.
เทียนโจวจื่อที่ชำเลืองมองเทียนเต๋าจื่อ.
"ชื่อเสียงวาสนาศาลสวรรค์ของเขา ลิขิต และพลังของเขาครึ่งหนึ่ง!"เทียนเต๋าจื่อที่เอ่ยออกมาในท้ายที่สุด.
ชื่อเสียงวาสนาทั้งหมด? ลิขิต? ดวงตาของเทียนโจวจื่อที่หวาดผวา มากมายขนาดใหนกัน? มีจำนวนมากมายขนาดใหนกัน? ต้องไม่ลืมว่าการจะเป็นศาลสวรรค์ได้นั้นต้องมีชื่อเสียงวาสนามหาศาล อีกทั้งตระกูลเทียนในเวลานั้นยังครอบครองโลกใบใหญ่ไปกว่าครึ่งอีกด้วย ไม่สงสัยเลยว่า ตราสวรรค์ สามารถสังหารคนทั่วหล้า ไม่มีใครกล้าขัด!
นอกจากนี้ยังมีพลังครึ่งหนึ่งของเทียนตี้อย่างงั้นรึ?
ไม่ต้องเอ่ยถึงเทียนเต๋าจื่อเลย แม้แต่เทียนโจวจื่อยังปรารถนาขึ้นมาเช่นกัน.
"ในเวลานี้ ข้าจะให้เจ้าเตรียมตัวเดินทางไปยังทวีปภาคเหนือ!"เทียนเต๋าจื่อเอ่ย.
---------------------------------------------------
หลังจากเสร็จสิ้นธุระในทวีปกลาง.
กลุ่มของจงซานที่เตรียมเดินทางกลับไปยังทวีปเหนืออย่างเป็นทางกลาง.
การเดินทางกลับนั้น นับว่าค่อนข้างเร็ว ซึ่งมีการหยุดจัดการบางเรื่องระหว่างทางด้วย.
"เหล่าเย่ คนของตำหนักกลางและวิหารกลางนำกลับไปด้วยหรือไม่!"เป่าเอ๋อเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ตำหนักกลางเป็นของเจ้า นอกจากนี้ยังมี เต๋าจวิน เจิ้นจวิน เจิ้นเหรินเป็นจำนวนมาก หากพวกเราไม่นำไปด้วย แล้วควรจะมอบให้กับคนอื่นอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"แน่นอนว่าไม่ ตำหนักกลางพวกเราจะต้องนำกลับต้าเจิ้ง เหมือนกับวิหารเทียนหยิน เพียงแค่คนจำนวนมากนั้น......!”เป่าเอ๋อที่เผยท่าทางแปลกประหลาด.
"คนจำนวนมากนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ปล่อยให้เซิ่งกงเป้าเป็นคนจัดการ!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม!"เป่าเอ๋อพยักหน้ารับ.
"เจ้าไม่ได้อยู่นานแล้ว ไม่รู้ว่าเวลานี้ตำหนักของเจ้าเปลี่ยนเป็นแบบใดบ้าง!"จงซานที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม.
"เหล่าเย่หลอกข้าอย่างงั้นรึ? ตำหนักของข้านั้นเป็นรูปแบบเดิม แน่นอนว่ายังคงอยู่ในสภาพดี เหล่าเย่ พวกเราคงต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย ข้าจำเป็นต้องคัดเลือกคนก่อนนำกลับไป!"เป่าเอ๋อครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"อืม แล้วแต่เจ้า!"เกี่ยวกับเรื่องนี้จะไม่ให้จงซานรับปากได้อย่างไร?
-----------------------------------------------------
ตลอดการเดินทางกลับไปยังทวีปภาคเหนือ ภายในสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียวไม่ได้มีเรื่องสำคัญใด ๆ เกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบ.
ส่วนเทือกเขาเทียนเซี่ยนั้นปิดเงียบไม่มีอะไรผิดสังเกต.
ในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งทิศตะวันออกของสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว ที่ด้านนอกเมือง เป็นที่อยู่ของปุถุชน.
ในหุบเขาแห่งหนึ่งพื้นที่รอบ ๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบ.
ในหุบเขาดังกล่าวมีทะเลสาบเล็ก ๆ และมีกระท่อมขนาดเล็กด้วย.
เด็กน้อยคนหนึ่ง ที่สะพายกระเป๋าด้านหลัง พร้อมกับใช้เชือกปีนป่ายภูเขา ก่อนที่ค่อย ๆ หย่อนร่างลงไปในหุบเขาดังกล่าว เด็กน้อยที่เริ่มบำเพ็ญ ทว่ากลับมีพลังฝึกตนแสนจะต่ำเป็นอย่างมาก เพียงแค่ปุถุชนในชั้นโห่วเทียนขั้นที่หก แม้แต่เซียนเทียนยังไปไม่ถึง ไม่ต้องเอ่ยถึงแกนทองหรือก่อตั้งวิญญาณเลย.
"ปัง!"
เด็กน้อยที่ลงไปยืนบนพื้น ก่อนที่จะล้มลงเกลือกกลิ้งคลุกฝุ่นเปื้อนไปทั่วร่าง.
ทว่าเด็กน้อยหาได้กลัวที่จะบาดเจ็บแม้แต่น้อย ขณะที่นางปัดฝุ่น ก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังกระท่อมขนาดเล็กในทันที.
"ปัง ปัง ปัง.....!”เด็กสาวที่เคาะไปที่ประตูไปมาเสียงดัง.
"ท่านลุงแขนขาด นี่ข้าเอง จื่อหยิงหยิง ท่านออกมาดูสิว่าข้านำอะไรมาให้ท่าน?"เด็กสาวที่เคาะไปที่ประตูกระท่อมไปมา.
"แอด ๆ ๆ !”
ประตูกระท่อมที่เปิดออก จากด้านใน ปรากฎชายคนหนึ่งที่แขนทั้งสองข้างขาด ใบหน้ามีบาดแผลยาว หน้าตาค่อนข้างอัปลักษณ์ แขนทั้งสองข้างที่ขาดออก ยังมีรอยโลหิตที่แห้งกรังติดอยู่ ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้.
"ลุงแขนขาด ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"เด็กสาวที่เอ่ยออกมาด้วยความกังวล.
เห็นท่าทางเป็นกังวลของจื่อหยิงหยิง ชายคนดังกล่าวที่เผยยิ้มออกมาเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยาก.
"ดีขึ้นมากแล้ว หลายวันมานี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก!"ชายคนดังกล่าวเผยยิ้มอย่างขมขื่น.
"ลุงแขนขาด ท่านร้ายกาจจริง ๆ ข้าได้รับฟังคำพูดของท่าน ด้วยการบำเพ็ญ หนึ่งเดือน เพียงแค่หนึ่งเดือน ข้ายกระดับจากขั้นที่สามไปยังขั้นที่หก หากว่าตระกูสายตรงรู้เรื่อง พวกเขาจะต้องหวาดผวาอย่างแน่นอน."จื่อหยิงหยิงที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"เจ้าบอกใครแล้วอย่างงั้นรึ?"ชายคนดังกล่าวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"แน่นอนว่าไม่ ข้าทำตามลุงแขนขาดทุกอย่าง นอกจากนี้ ท่านแม่ยังเคยเล่าให้ข้าฟัง บิดาของข้าในอดีตนั้นเป็นผู้เยาว์ตระกูลสาขา เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ดี ท้ายที่สุดเพราะความอิจฉาจึงถูกสังหาร แม้นว่าข้าจะไม่รู้รายละเอียดมากนัก ทว่าเรื่องนี้ข้าไม่มีทางบอกคนอื่นอย่างแน่นอน!"จื่อหยิงที่ขบริมฝีปากเล็ก ๆ แสดงถึงความสำคัญ.
"ดีแล้ว!"ชายคนดังกล่าวที่พยักหน้าลับ.
"เอาล่ะ ท่านดูนี้ ข้าไปพบสิ่งใดมา!"จื่อหยางจิงหงที่นำสัมภาระด้านหลังออกมา.
"ข้านำเสื้อผ้าของบิดาของข้ามา เลือดบนร่างของท่าน ข้าจะช่วยทำความสะอาดและเปลี่ยนให้เอง."
"ดูนี่ เป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน ท่านดูว่าเป็นประโยชน์กับท่านหรือไม่!"จื่อหยิงหยิงที่นำขวดหยกขนาดเล็กออกมา.
"เปิดขวด!"ชายคนดังกล่าวเอ่ย.
ชายคนดังกล่าวที่เปิดฝาขวด ทันใดนั้นกลิ่นที่หอมฟุ้งกระจายไปทั่ว.
"หอมจริง ๆ ข้ายังต้องการกินมันเลย!"ปากของจื่อหยิงหยิงที่กลืนน้ำลายลงคอ ทว่านางที่อดทนยื่นไปให้ชายคนดังกล่าว.
"เม็ดยาปู่หยวนระดับสอง?"ชายคนดังกล่าวที่ขมวดคิ้วไปมา จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา.
"เป็นอะไร? ไม่สามารถช่วยท่านได้อย่างงั้นรึ?"จื่อหยิงหยิงที่เผยท่าทางเศร้าใจ.
"ไม่ เม็ดยาปู่หยวนระดับสองเวลานี้ ดีที่สุดแล้ว แม้นว่าจะไม่สามารถรักษาแขนของข้าได้ ทว่าก็สามารถฟื้นฟูทำให้ข้ากลับมาอยู่ในสภาพดีที่สุด!.. เฮ้อ!"ชายคนดังกล่าวที่เอ่ยออกมาด้วยความขมขื่น.
"มีอะไรรึ? บอกข้าได้!"จื่อหยิงหยิงที่เผยท่าทางสงสัย.
"เฮ้ ไม่มีอะไร เกี่ยวกับยานี้ สองเดือนที่แล้ว ข้าแทบจะไม่เห็นมันอยู่ในสายตา และคร้านที่จะหลอมมันขึ้นมาด้วยซ้ำ เม็ดยามากมายที่ข้าหลอมขึ้นในอดีตนั้น แทบไม่สามารถจำชื่อมันได้!"ชายคนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความเสียงขื่นขม.
"ท่านลุงร้ายกาจขนาดนั้นเลยรึ? สามารถปรุงยาได้ด้วยรึ? ดีเลย ข้าไม่ต้องการกลับไปเรียนกับเจ้าแก่อมหิตนั่นแล้ว เจ้าแก่นั่นหวงวิชามากมาย ข้าขอเรียนกับท่านก็แล้วกัน."จื่อหยิงหยิงที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ชายคนดังกล่าวที่จ้องมองจื่อหยิงหยิงด้วยความลึกล้ำ "ข้าได้รับภัยพิบัติในทันทีทันใด โชคดีได้เจ้าช่วยเอาไว้ หากว่าผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ ทางตำหนักจะต้องมอบวาสนาให้กับเจ้าคืนอย่างดีแน่นอน!"
"ตำหนัก? ตำหนักอะไร?"จื่อหยิงหยิงที่เผยท่าทางแปลกประหลาด.
ชายคนดังกล่าวที่เผยยิ้มออกมา ส่ายหน้าไปมา "ป้อนยาให้กับข้า ช่วยข้าทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้า!"
"ได้!"จื่อหยิงหยิงที่รับคำในทันที.
นางที่ป้อนยาชายคนดังกล่าว ก่อนที่จะพาไปยังข้าง ๆ ทะเลสาบ ทำความสะอาดโลหิตให้กับเขา และชำระล้างร่างกายให้.
ชายคนคนดังกล่าวที่ดูดซับเม็ดยาอย่างรวดเร็ว.
ขณะที่จื่อหยิงหยิงชำระล้างโลหิตทั้งหมดให้เขา พร้อมกับเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าของบิดานางให้กับชายคนดังกล่าวเสร็จ.
"แปลก แปลกมาก!"จื่อหยางที่กำลังอ่านข้อมูลบางอย่าง.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"
"ลุงแขนขาด หลังจากใส่เสื้อผ้าแล้ว ทำไมท่านถึงได้ดูคล้ายกับขุนพลเทียนปิงล่ะ? ลุงแขนขาด หรือว่าท่านคือเทียนปิงกัน?"จื่อหยิงหยิงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"เทียนปิง? เจ้าเคยเห็นอย่างงั้นรึ?"ชายคนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย.
"ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้อะไรเช่นกัน ทว่าทางวังหลวงนั้นได้ส่งภาพออกมา มันได้กระจายไปทั่วเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับรูปของเทียนปิง ใช่ ขณะที่ท่านอยู่ที่นี่ ข้าก็รับมันมา ข้าได้นำกระดาษดังกล่าวมาใช้ ขณะที่ข้าจะเข้าห้องน้ำ มันไม่มีกระดาษชำระ ข้าจึงได้ใช้มันฉีกออกเป็นสองส่วน ใช้ไปแล้วส่วนหนึ่ง!"จื่อหยิงหยิงที่หัวเราะร่วน.
จากนั้น นางก็นำรูปที่มีครึ่งหนึ่งออกมา.
"เอ๊ะ? เหมือนจริง ๆ ลุงแขนขาด นี่มัน เป็นท่านอย่างงั้นรึ? ใบหน้าหากว่าไม่มีแผลเป็น ต้องเป็นท่านแน่นอน แต่เขามีแขนสองข้าง ท่านไม่มี! แต่ก็ดูเหมือนท่านจริง ๆ !"จื่อหยางหยิงหยิงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ชายแขนขาดที่จ้องมองดูรูป ที่ด้านล่างนั้นมีอักษรเขียนเป็นข้อความรางวัลนำจับ.
อักษรด้านล่างที่เขียนเกี่ยวกับรางวัลนำจับ:
ประกาศรางวัลนำจับกบฏต้าเจิ้ง หากใครเห็นบุคคลดังกล่าว ให้สังหาร นำศีรษะมาขึ้นรางวัลได้ทุกเมืองของทางการ เพื่อแลกเม็ดยาเซิ่งเซียนสิบเม็ด.
---------ศาลเทพต้าเจิ้ง ไท่จื่อจงเสวียน ประกาศ!
"สารเลว!"ชายแขนขาดที่ดวงตาแดงซาน.
เขาแทบไม่สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้ แต่ก็ต้องสูดหายใจลึก เก็บความโกรธนี้ไว้.