Chapter 1312 แผนการร้ายของเจ้าตำหนักกลาง.
พื้นที่ดินแดนเสวียนหวง มีค่ายกลชีวิตปกปิดอยู่.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายนับไม่ถ้วนที่มาใหม่ ต่างก็มารอคอยอยู่ชายขอบของดินแดนเสวียนหวง เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน.
ดินแดนเสวียนหวงเปิดค่ายกลแล้ว งานชุมนุมใต้หว่านฝูผ่านกำลังจะเปิดแล้ว เหล่านักบวชจากหลากหลายนิกายที่มากมายหลากกลาย ต่างเดินทางมามืดฟ้ามัวดิน เหล่าหลวงจีนสวมจีวร พวกเขาที่พุ่งตรงไปยังนิกายใต้เสวียนหวง.
ดินแดนเหล่ยหยิน.
หุบเขาแห่งหนึ่งของเทียนโจวจื่อ.
"ปราชญ์เทพจู่ ตอนนี้พวกเราเดินทางเลยหรือไม่?"เซียนบรรพชนตระกูลเทียนเอ่ยถาม.
"ยังไม่ถึงเวลา!"เทียนโจวจื่อส่ายหน้าไปมา.
"ไม่ใช่เวลาอย่างงั้นรึ?"
"เมื่อพิธีใต้หว่านฝูผานเริ่มขึ้น พวกเราจำเป็นต้องมองหาผู้ฝึกตนของนิกายใต้เสวียนหวง.
"รับทราบ!"
จงซานในหุบเขาแห่งหนึ่ง.
จงซานที่นำเป่าเอ๋อและจงเทียนมายืนที่ด้านหน้าตำหนักที่แห่งหนึ่ง.
ด้านหน้าพวกเขานั้น มีร่างของสตรีในชุดสีแดงทั้งร่าง ใบหน้าที่เหมือนกับเป่าเอ๋อเป็นอย่างมาก.
"เจ้าตำหนักกลาง? คาดไม่ถึงเลยว่าจะหาพวกเราเจอ?"จงซานที่ขมวดคิ้วกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ไม่ได้ยากที่จะหาเจอ นี่คืออรหันต์วิหารเทียนหยินอย่างงั้นรึ? ท่านเองก็จะเข้าร่วมงานชุมนุมใต้หว่านฝูผานอย่างงั้นรึ?"เจ้าตำหนักกลางที่เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ใช่ พวกเราแน่นอนว่าจะไปที่นั้น ที่เจ้าตำหนักกลางมาถึงที่นี่ มีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?"จงซานเอ่ยออกมาเบา ๆ .
"ข้าเพียงแวะมาดูเท่านั้น ได้ยินมาว่าดินแดนเหล่ยหยินนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายตลอดสองปี ข้ากลัวว่าเป่าเอ๋อจะได้รับบาดเจ็บ!"เจ้าตำหนักกลางเอ่ย.
"โปรดวางใจ มีข้าอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครทำร้ายเป่าเอ๋อ เพียงแต่เจ้าตำหนักกลาง ท่านเองก็จะเข้าร่วมอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่ ในเมื่อพวกเราต่างก็เข้าร่วม! ทำไมไม่เดินทางไปยังดินแดนเสวียนหวงพร้อมกันเลยล่ะ?"เจ้าตำหนักกลางที่เผยยิ้มบาง.
"ไม่จำเป็น พวกเรามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องจัดการ เมื่องานชุมนุมใต้หว่านฝูผานมาถึง ค่อยพบกันก็แล้วกัน!"จงซานเอ่ย.
"ก็ดี!"เจ้านิกายกลางที่จ้องมองจงซานเป็นนัย ท้ายที่สุดก็พยักหน้ารับ.
จากนั้น เจ้านิกายกลางที่ก้าวบินออกไป.
เจ้านิกายกลางไปแล้ว ทว่าจงซานที่พบนางขมวดคิ้วเล็กน้อย เซียนเซิงซือและเซียนเซียนที่เดินเข้ามา.
"จงซาน มีอะไรอย่างงั้นรึ?"ตี้เซียนเซียนที่เผยท่าทางสงสัย.
เป่าเอ๋อเวลานี้ที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเผยท่าทางแปลก ๆ
"เข้ามาก่อนค่อยพูด!"จงซานที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .
ทุกคนที่เข้ามาในห้องโถง จงซานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร.
"เป่าเอ๋อ เจ้า!"จงซานเอ่ย.
"อืม!"เป่าเอ๋อพยักหน้ารับ.
"เจี่ยเจี๋ยเป่าเอ๋อ มีอะไรเกิดขึ้นรึ?"
เป่าเอ๋อขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ครุ่นคิดและกล่าวออกมาว่า "ที่ตำหนักกลางนั้น พวกเราได้ทิ้งศิษย์เอาไว้ ซึ่งพวกเขาได้แจ้งหนูสัญญาณหยกชีพมา มีคนสองคนหายไป!"
"สองคน? สองคนใหน?"ตี้เซียนเซียนที่เผยท่าทางไม่เข้าใจ.
"สตรีสองคนที่เหมือนกับตัวข้า ร่างแยกของเจ้าตำหนักกลาง!"เป่าเอ๋อเผยท่าทางเป็นกังวล.
"หายไป? หายไปมีความหมายอะไร?"ตี้เซียนเซียนที่เผยท่าทางสงสัย.
"มีบางคนที่เห็นพวกนางและเจ้าตำหนักกลางเข้าไปในห้องโถงแห่งหนึ่งด้วยกัน จากนั้น ก็ไม่สามารถพบเห็นพวกนางได้แล้ว แต่ว่าเมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าตำหนักกลางนั้นทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!"เป่าเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมา.
"เจี่ยเจี่ยเป่าเอ๋อกำลังจะบอกว่าเจ้าตำหนักกลางแข็งแกร่งขึ้นอย่างงั้นรึ?"เซียนเซียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"อืม!"
"ปรกติไม่ว่าพวกนางจะไปใหน ข้าก็จะสัมผัสถึงพวกนางได้! หากแต่ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถบอกได้!"เป่าเอ๋อที่เผยท่าทางเป็นกังวลออกมา.
"เรื่องนี้......?"ตี้เซียนเซียนไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดออกมาเช่นกัน.
"หวงโหว บางทีท่านอาจจะคิดมากไปก็เป็นได้!"เซียนเซิงซือที่อยู่ข้าง ๆ เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
"คิดมากไปอย่างงั้นรึ?"ทุกคนที่จ้องมองมายังเซียนเซิงซือ.
แต่ว่าเป่าเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมา ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา.
"ร่างแยกทั้งสองของเจ้าตำหนักกลาง บางทีอาจจะปิดด่านฝึกตนก็เป็นได้ ส่วนพลังของเจ้าตำหนักกลางที่เพิ่มขึ้น นางนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว บางทีก่อนหน้านี้ นางก็ปกปิดพลังของนางเอาไว้ เวลานี้ใกล้ถึงงานชุมนุมใต้หว่านฝูผานแล้ว จึงไม่คิดจะระงับเก็บเอาไว้ จึงได้เผยพลังทั้งหมดออกมา!"เซียนเซิงซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม.
"แต่ว่า?"เป่าเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมา.
เป่าเอ๋อที่ต้องการเอ่ยอะไรบางอย่าง จงซานที่อยู่อีกฝั่งจึงเอ่ยออกมา "อืม เป่าเอ๋อ ช่วงนี้บางทีเจ้าอาจจะเหนื่อยไปหน่อย?"
"ข้า!"เป่าเอ๋อที่ต้องการโต้แย้ง หากแต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร.
"เป็นเพราะว่าเจ้า กับเซียนเซียนพูดคุยกันไม่หยุดตลอดหลายวันมานี้!"จงซานที่หันหน้าไปยังเซียนเซียนเซียน.
"ข้า?"เซียนเซียนที่งงงวยเลิกลัก ไหนต้องลากข้าไปยุ่งด้วยเล่า?
"ใช้ หลายวันมานี้ เจ้าได้ชักชวนเป่าเอ๋อพูดคุยแต่เรื่องราวมากมายในทวีปกลางมากมายอยู่ทุกวัน จะมีใครทนได้เล่า!"จงซานที่เผยยิ้มออกมา.
"?"เซียนเซียนเผยท่าทางแปลกประหลาด.
"เป่าเอ๋อที่ดูแลทำข้าวต้มแปดดอกให้กับเจ้า ต้องลงโทษเจ้าด้วยการทำข้าวต้มแปดดอกคืนให้เป่าเอ๋อ ดูแลนางให้ดี!"จงซานเอ่ยออกมาจริงจัง.
"?ใช่ ทำข้าวต้มแปดดอกไม้ สูตรปรับปรุงของเจี่ยเจี่ยเป่าเอ๋อ หลายวันมานี้ ทำให้ข้ามีความสุขมาก เซียนเซียนไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร ไปเถะ พวกเราไปเก็บดอกไม้สดกัน คราวนี้เซียนเซียนจะทำข้าวต้มดอกไม้ให้กินเอง!"เซียนเซียนที่เอ่ยอย่างสดใสกล่าวออกมาในทันที.
"? ทำข้าวต้มรึ? ไม่เป็นไร!"เป่าเอ๋อที่เผยยิ้มแปลก ๆ
"ต้องสิ ไปเถอะ!"เซียนเซียนที่เอ่ยและลากเป่าเอ๋อไปในทันที.
"ไปเถอะ! ข้าเองก็ไม่ได้กินนานแล้ว เจ้าไปเลือกดอกไม้ให้ข้า ให้เซียนเซียนทำ ฝีมือของนางจะใช้ได้หรือไม่!"จงซานที่เผยยิ้มออกมา.
"อืม ก็ได้!"เป่าเอ๋อที่ต้องก้าวตามเซียนเซียนไป.
เป่าเอ๋อและเซียนเซียนจากไปแล้ว.
ในเวลานี้ในห้องโถงที่กลายเป็นเงียบในทันที.
รอยยิ้มไร้กังวลของจงซานก่อนหน้านี้ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วแน่น.
"เซียนเซิงซือ เจ้ารู้อะไรรึ? เล่ามา!"จงซานที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .
"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้ารับ.
จงซานที่เผยท่าทางจริงยัง ไม่ต้องบอกได้ถึงอารมณ์ของจงซานที่ไม่ใครดีนัก ด้วยเป็นห่วงหวงโหวนั่นเอง.
"หวงโหว บางทีคงอยู่ในอันตรายแล้ว!"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"หืม? หมายความว่าอย่างไร?"จงซานเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง.
"เฉินเพียงคิดว่าก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักกลางนั้นได้ใช้วิชาช่วงชิงชะตาแยกเติบโต ฟังจากรายละเอียดที่หวงโหวเล่าแล้ว เฉินรู้ว่า เจ้าตำหนักกลางไม่เพียงแต่ใช้วิชาช่วงชิงชะตาแยกเติบโต ร่างสามร่างที่เหมือนกับนางเป็นอย่างมากนั้น ไม่ใช่ร่างแยกของนาง!"เซียนเซิงซือเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หมายความว่าอย่างไร?"จงซานที่กล่าวอย่างจริงจัง.
"เซิ่งหวังเคยได้ยิน ตัดผ่านสามศพหรือไม่?"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ตัดผ่านสามศพ?"จงเทียนที่อยู่ห่างออกมาเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ครับ ในอดีตนั้นปราชญ์เทพซานชิง เคยใช้วิชานี้ ตัดผ่านสามศพ จะใช้ศพที่เข้ากันได้ เป็นวิชามารที่กลืนกินศพอีกฝ่าย ตัดผ่านสามศพ หนึ่งศพเมตา หนึ่งศพชั่วร้าย หนึ่งศพยึดครอง ตัดผ่านดูดกลืน เป็นหนึ่งพิธี ในการยกระดับพลังฝึกตนให้สูงขึ้น ด้วยการผสานศพทั้งสามเข้ามา เพื่อให้ตัวเองตระหนักรู้ ไม่เพียงทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งขึ้น ยังทำให้พลังฝึกตนตัดผ่านไปยังระดับที่สูงขึ้นได้อีกด้วย!"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างจริงจัง.
"เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าตำหนักกลางนั้นกำลังใช้วิชาตัดผ่านสามศพอยู่อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ครับ เจ้าตำหนักกลางนั้น เฉินได้เห็นสตรีสองคนที่เหมือนกับนางแล้ว หนึ่งเมตา หนึ่งชั่วร้าย ซึ่งคราแรกไม่ได้คิดอะไรนัก จึงไม่ได้เอ่ย จนกระทั่งหวงโหวเอ่ยเมื่อสักครู ทำให้เฉินต้องนำเรื่องดังกล่าวมาคิดอีกครา!"เซียนเซิงซือขมวดคิ้วไปมา.
"กล่าวต่อ!"จงซานที่เผยท่าทางจริงจัง.
"ครับ!"
"สามศพ ศพเมตตา ศพชั่วร้าย พอจะเข้าใจได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อฟังร่างหลักเป็นอย่างมาก หรือบอกได้ว่าซื่อสัตย์ต่อร่างหลัก หากแต่ศพครอบครองนั้นแตกต่าง ศพครองครองนั้นผิดปรกติ เป็นส่วนที่ต่างจากร่างหลัก ดังนั้น เมื่อถูกแยกออกมาจากร่างหลักแล้ว จะไม่สามารถควบคุมร่างได้เลย ฮวงโฮวที่แยกออกมาจากเจ้าตำหนักกลาง เป็นร่างหลักของศพครอบครอง!"เซียนเซิงซือเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง.
"เหลวไหล มู่โห่วนั้นชัดเจนว่าเป็นคนที่กำเนิดที่โลกใบเล็ก ไม่ใช่คนในยุคเดียวกับเจ้าตำหนักกลาง จะเป็นศพครอบครอง ๆ ได้อย่างไร?"จงเทียนที่เผยท่าทางไม่อยากเชื่อในทันที.
"เทียนเอ๋อ!"จงซานที่กล่าวหยุดจงเทียนเอาไว้.
จงเทียนที่ขมวดคิ้วไม่เอ่ยอะไรต่อไป.
"เป็นดั่งที่ไท่จื่อเอ่ย หวงโหวจะเป็นศพครองครองด้วยวิธีใด นอกจากนี้เฉินเองก็ไม่คิดว่าเป็นวิชาตัดแยกสามศพ หากแต่การทีเจ้าตำหนักกลางตัดผ่านสามศพ ไม่ใช่วิธีธรรมดา นอกจากจะตัดชีวิตและความตาย นางยังให้ผ่านวัฏจักรสังสารวัฏ เพื่อเพิ่มชะตาวิถีอีกด้วย การตัดศพครอบครองนี้ สามารถทำให้จุติกลับมาอีกหลายครั้ง!"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างจริงจัง.
"หืม? ”
"จากคำพูดของหวงโหว เฉินพอคาดเดาร่างเมตตา กับร่างชั่วร้ายได้ ดูเหมือนว่าเจ้าตำหนักกลางจะผสานเข้าร่างหลักแล้ว พวกนางไม่มีอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าตำหนักกลางไปแล้ว! จึงทำให้พลังฝึกตนของเจ้าตำหนักกลางเพิ่มขึ้น!"เซียนเซิงซือเอ่ย.
"เช่นนั้นนางก็ต้องการเป่าเอ๋ออีกอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
"ครับ เมื่อนางคิดว่าความแข็งแกร่งของนางยังไม่พอ นางย่อมต้องคิดถึงหวงโหวง หากว่าสามารถหลอมอีกร่างเข้าไป ความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง!"เซียนเซิงซือขมวดคิ้วไปมา.
"นอกจากนี้ ในเวลานี้เจ้านิกายกลางไม่เหมือนเดิม นางแข็งแกร่งขึ้นมาก สัมผัสของนางก็แข็งแกร่งขึ้นมากด้วย แม้แต่ เฉินยังพอคาดเดาได้ กับสิ่งที่หวงโหวเอ่ย เจ้าตำหนักกลางสามารถสัมผัสได้ถึงนางตลอดเวลา ดังนั้นนางกำลังวางแผนเล็งมาที่หวงโหว เรื่องนี้ที่แจ้งช้าไป ขอเซิ่งหวังอภัย!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาทันที.
"เจ้าไม่ผิด!"จงซานที่สูดหายใจลึก.
"เซียนเซิงซือ ในเวลานี้ควรจะทำอย่างไร? มู่โห่วจะต้องถูกเจ้าตำหนักกลางผสานเข้ามาแน่ หากพวกเราจัดการเจ้าตำหนักกลาง มู่โห่วจะเป็นอะไรหรือไม่?"จงเทียนสอบถาม.
"หากร่างหลักตาย ร่างตัดผ่านสามศพก็จะตกตายไปทั้งหมดเช่นกัน!"เซียนเซิงซือเอ่ย.
"ใบหน้าของจงซานที่เผยท่าทางไม่ค่อยดีนัก.
"เซียนเซิงซือ มีแผนอะไรจัดการหรือไม่?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"หากอนุญาต เฉินสามารถสร้างค่ายกลขบถได้ ในเมื่อหวงโหวเป็นเป้าหมาย เจ้าตำหนักกลางที่ต้องการกำราบหวงโหว ก็ให้เป็นหวงโหวกำราบและหลอมนางเข้ามาแทน!"เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเย็นชา.
"ค่ายกลขบถ?"
"เป็นวิชาลับของตระกูลเฉิน เป็นการพลิกลิขิตหลักเป็นลิขิตรอง เพื่อที่จะให้หวงโหวและเจ้าตำหนักกลางเป็นแก่นกำเนิดกัน ทำให้หวงโหวกลายเป็นร่างหลัก เจ้าตำหนักกลางกลายเป็นร่างยึดครอง ด้วยค่ายกลกบฏนี้ จะสามารถหลอมร่าง ผสานเป็นหนึ่ง ในเมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยงอันตรายได้ ก็ทำได้แค่เพียงหลอมเจ้านิกายกลางเข้ามาก็พอ!"เซียนเซิงซือกล่าวด้วยความเคารพ.
"เป็นค่ายกลขบถที่ยอดเยี่ยม!"จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
เปลี่ยนหลักเป็นรอง นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนมิติและเวลา แต่นี่เป็นอะไรที่ยากมาก ๆ การเปลี่ยนลิขิตชะตา ของร่างทั้งสอง พลิกกลับสับเปลี่ยนกัน ต้องบอกเลยว่านี่คือค่ายกลที่น่าสะพรึงกลัวมา เซียนเซิงซือเป็นใครจากใหนกัน?
"ต้องจัดการอย่างไร ขอให้บอกข้า!"จงซานที่จ้องมองเซียนเซิงซือด้วยความลึกล้ำ.
จงซานที่ไม่ถามเกี่ยวกับรายละเอียดของค่ายกลขบถ เพราะเป็นเรื่องดีที่จะไม่ถาม เพราะว่าจงซานจำได้ที่ตี้เสวียนชาบอกกล่าวก่อนหน้านี้ เซียนเซิงซือไม่สะดวกที่จะบอก มันเกี่ยวข้องกับชะตาลิขิตด้วยแล้ว ไม่สามารถที่จะกระทำการโดยไม่ระวังได้ อีกอย่างเรื่องเร่งด่วนที่สุด เวลานี้ ก็คือการช่วยเหลือเป่าเอ๋อ.
"ครับ!"เซียนเซิงซือกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.