ตอนที่แล้วChapter 1193 การไล่ล่าสั่งหารทั่วทุกสารทิศ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1195 ดูดพลังตำหนักจื่อเซียว.

Chapter 1194 เซอคงที่จ้องมองตำหนักจื่อเซียว.


ภายในประตูศักดิ์สิทธิ์!

มหาวิถีสีคราม เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลบ่าเชี่ยวกราก ทว่าพริบตาเดียวก็กลายเป็นไอฟุ้งกระจายไปทั่ว.

อีกหนึ่งมหาวิถีสีทอง เป็นเปลวเพลิงที่รุนแรงกำลังทำให้น้ำกลายเป็นไอ และนอกจากนี้ปราณหยางที่อยู่ในบรรยากาศยังหนักรุนแรงเป็นอย่างมาก.

มหาวิถีทั้งสองที่เข้าปะทะกันเสียงดังสนั่นไหวไหว.

หนึ่งคือปราชญ์เทพเจียงยวี มหาวิถีอักขระแม่น้ำ.

อีกหนึ่งคือราชันย์เทพตะวันออกไท่อี้ มหาวิถีเพลิง ด้วยวันเต๋าหยาง ทำให้ฟ้าดินเวลานี้เต็มไปด้วยเปลวเพลิง.

หลุมดำขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั้งสองด้วยการปะทะกันของพลังสองสาย ห้วงมิติที่หลุมดำกลืนกินกว่าหนึ่งล้านลี้ กลืนพลังทุกอย่างเข้าไป รอบ ๆ ขอบหลุมดำที่แตกเป็นรอยกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง.

"ตูมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

หลุมดำที่ขยายออกไปอีกนับสิบเท่า มหาวิถีทั้งสองที่ระเบิดออกมา.

ราชันย์เทพตะวันออกที่ต่อสู้กับปราชญ์เทพเจียงยวีหยุดลงชั่วขณะ.

ชุดคลุมสีเหลืองของไท่อี้ที่เป็นรูเล็กน้อย ส่วนฝั่งของเจียงยวีที่เส้นผมกระเซอกระเซิง.

สายตาของไท่อี้ที่เผยความเกลียดชัง ทว่าดูเหมือนว่า ไท่อี้จะได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.

เจียงยวีที่เงยหน้า จ้องมองไปยังแท่นบูชาฟ้าดินที่อยู่ไกลออกไป.

แท่นบูชาฟ้าดิน ตำแหน่งมรรคาชีวิต และที่บนนั้นมีคนผู้หนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับไท่อี้ สวมชุดของราชา ที่ด้านหน้านั้น มีปราณราชันย์เทพมากมายแผ่ออกมา.

"ในอดีต ราชันย์เทพจวินถูกเทียนชูกำจัด เจ้าไม่ลังเลที่จะแบ่งแยกตัวเองออกมาอย่างคาดไม่ถึง ทำให้สูญเสียจิตใจไป ในเวลานี้เจ้าคิดจะปลุกร่างอีกร่างตัวเองขึ้นมา กลายเป็นราชันย์เทพจวินคนใหม่!"เจียงยวีที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"แล้วอย่างไร?"ไท่อี้ที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ช่างน่าเสียดายเจ้าคิดจะต่อสู้กับข้า ทว่าเจ้าก็ต้องใช้พลังมหาศาล เจ้าคิดว่าจะเป็นคู่มือข้าได้อย่างงั้นรึ? ข้าเคลื่อนย้ายอำนาจฟ้าดินเพียงเล็กน้อย เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ เซียนบรรพชนก็ยังคงเป็นเซียนบรรพชน ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงของเจ้า เจ้าไม่สามารถสู้กับข้าได้!"เจียงยวีที่เอ่ยออกมาด้วยความอหังการ.

"จริง ๆ รึ?"ราชันย์เทพตะวันออกไท่อี้กล่าวหยัน.

ดวงตาทั้งสองข้างของไท่อี้ในเวลานั้นมีร่องรอยของเปลวเพลิงที่ลูกโชน ดูคล้ายกับวิชาเนตรที่ไม่ธรรมดา ด้วยวิชาเนตรที่เขาใช้ออกมา ทำให้ไท่อี้สามารถมองเห็นใบหน้าของเจียงยวีได้.

เจียงยวีที่จ้องมองไปยังไท่อี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดมน.

ทำไมการต่อสู้หยุดทันที? เพื่อที่จะให้ราชันย์เทพไท่อี้ได้หาวิธีอย่างงั้นรึ? เจียงยวีไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ที่หยุดนั้นเพราะว่าเจียงยวีพบว่ามีเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเกินขึ้น.

ลิขิต! ลิขิตของเขาเวลานี้กำลังลดลงด้วยความเร็วน่าสะพรึง!

การลดลงของลิขิต? ลดลงอย่างไม่มีเหตุผลอย่างงั้นรึ?

ใบหน้าของเจียงยวีที่บิดเบี้ยว หากจะกล่าวล่ะก็ ลิขิตของปราชญ์เทพนั้นเป็นเทียนชูประทานให้ มันควรจะมากมายไร้ที่สิ้นสุดถึงจะถูก อยู่ ๆ กับหายไปอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ว่าเทียนชูไม่ได้สนับสนุนเขาในเวลานี้.

ทว่า ในเวลานี้ ลิขิตของเจียงยวีที่กำลังลดลงอย่างบ้าคลั่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะประตูศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ความเป็นความตายได้มาเยือน เทียนชูในเวลานี้ไม่ได้สนับสนุนเขาอีกแล้ว.

เมื่อเทียนชูไม่ได้สนับสนุน ทำให้ลิขิตของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว.

ลิขิตคืออะไร? ลิขิตคือวิถีของชะตาชีวิต ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนแต่ต้องมีลิขิตเป็นของตัวเอง ซึ่งมีวิถีที่แตกต่างกันไป ทว่าเมื่อใดที่คนนั้นไร้ซึ่งลิขิต ก็หมายความว่า คนผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ไม่มีเส้นทางชีวิตให้เดินต่อไป.

นี่คือเหตุแห่งความตาย เมื่อไม่มีลิขิตชะตาให้เดินต่อไปก็หมายถึงได้ก้าวมาถึงความตายแล้ว.

ปรกติคนที่ตายไปแล้ว บางทีก็ยังมีลิขิต เพื่อที่จะจุติกลับมาเกิดใหม่ ข้ามผ่านวัฏจักรสังสารวัฏ จะไม่ถูกเจตภูตกลืนกินร่างไป ทว่าหากใครก็ตามที่ลิขิตหมดไป หมายถึงสิ้นสุดตกตายสูญสลายไป.

สำหรับปราชญ์เทพแล้วย่อมหวั่นเกรงว่าลิขิตจะหายไป ลิขิตหายไป ก็หมายความว่าความตายได้มาเยือนแล้ว.

ในเวลานี้เขาที่หยุด เพื่อมากล่าวโอ้อวดอย่างงั้นรึ?

การที่เจียงยวีหยุดต่อสู้นั้น เป็นเพราะเขากำลังต้องการค้นหาเหตุผล หาสาเหตุที่กำลังเกิดขึ้นนี้ต่างหาก.

ราชันย์เทพตะวันออกไท่อี้ที่จ้องมองเจียงยวีพร้อมกับแค่นเสียงดูแคลน.

ภายในใจของเจียงยวีที่เริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย เกิดอะไรขึ้น?

เจียงยวีที่เริ่มนับนิ้วคำนวณเพื่อพยากรณ์.

"วูซซซซ!"

เจียงยวีเงยหน้า จ้องมองไปยังทิศทางของแท่นบูชาฟ้าดิน ในเวลานี้ราชันย์เทพจวินที่ลุกขึ้น.

"เป็นเขา!"เจียงยวีที่พบอะไรที่ผิดปรกติ.

"วูซซซ!"

เจียงยวีที่ลอยออกไปด้วยความเร็ว มุ่งตรงไปยังทิศทางที่ราชันย์เทพจวินที่ลุกขึ้น แน่นอนราชันย์เทพตะวันออกที่บินตามไปในทันที.

เจียงยวีที่จ้องมองด้วยความประหลาดใจไม่แน่ใจไปยังราชันย์เทพจวิน หมายความว่าอย่างไร?

ขณะที่ราชันย์เทพตะวันออกไท่อี้แค่นเสียง ราชันย์เทพจวินที่ลืมตาที่ดุร้ายออกมา.

"ครืนนน ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

เพียงแค่มอง ห้วงมิติรอบ ๆ ที่สั่นไหว กลิ่นอายที่รุนแรงหนักหน่วงกำลังแผ่ออกมาจากร่างของราชันย์เทพจวิน พลังที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั่วทั้งประตูศักดิ์สิทธิ์กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง.

"เคร้ง! เคร้ง! ........................!”

ระฆังราชันย์เทพตะวันออก 361 ชีพจร 361 อัน ที่ส่งเสียงดังสนั่น.

กลิ่นอายของราชันย์เทพจวินที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก เพียงแค่กลิ่นอายสยบก็กำราบทุกคนได้แล้ว.

เป็นพลังกดดันวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งนัก เจียงยวีพบว่าตัวเองที่มีร่างปราชญ์เทพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายอำนาจฟ้าดินไม่สามารถเทียบได้เลย พลังนี้ ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด แข็งแกร่งมากขึ้นและก็มากขึ้น.

"เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?"เจียงยวีที่เผยท่าทางประหลาดใจ.

ร้ายกาจยิ่งนัก เจียงยวีที่ก้มหน้าลง จ้องมองไปยังค่ายกลที่ปกคลุมอาณาเขตหนานจานปู่ด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ.

"เจ้า ทำสำเร็จอย่างงั้นรึ?"เจียงยวีที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ.

"เจ้ารู้ด้วยอย่างงั้นรึ?"ไท่อี้ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.

"เป็นความจริงรึ? ตำนานเป็นความจริง ในอดีตเจ้าถูกเรียกว่าผู้ฝึกตนค่ายกลอันดับหนึ่งของใต้หล้า ท้ายที่สุดก็สามารถสร้างมันได้สำเร็จ เดิมที ค่ายกลนี้คือค่ายกลที่ต่อต้านสวรรค์ สร้างมันขึ้นมาได้จริง ๆ รึ? รวบรวมพลังมาจากบาดแผลและความตาย?"ใบหนาของเจียงยวีถึงกับกระตุกบิดเบี้ยว.

ไท่อี้เผยยิ้มอย่างเย็นชา "ถือว่ามีความรู้ดี ถูกอย่างที่เจ้ากล่าว แปดล้านค่ายกลรวมสร้างเป็นค่ายกลใหญ่ที่มีนามว่าสุสาน ภายในค่ายกลสุสาน ตราบเท่าที่ใครได้รับบาดเจ็บหรือตกตายไป พลังทั้งหมดจะถูกรวบรวมมา พร้อมกับเพิ่มพลังให้กับราชันย์เทพจวิน."

"จริง ๆ รึ?!"เจียงยวีที่เผยน้ำเสียงสั่นด้วยความหวาดหวั่น.

"เจ้าสามารถเคลื่อนย้ายอำนาจฟ้าดิน ราชันย์เทพจวินกลับสามารถดูดซับพลังจากผู้ฝึกตนที่ตายไป เจ้าควรจะรู้ว่าทั่วทั้งอาณาเขตหนานจานปู่นั้นมีผู้ฝึกตนหลายร้อยล้านคน และเพื่อตำหนักจื่อเซียวที่ปรากฎขึ้น ย่อมมีผู้ฝึกตนมากมาย มีเซียนนับไม่ถ้วน แม้แต่เซียนบรรพชนยังมีจำนวนไม่น้อย เจียงยวี วันนี้ ถึงคราวที่เจ้าต้องร่วงหล่นจากสวรรค์แล้ว!"ราชันย์เทพตะวันออกไท่อี้ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

ราชันย์เทพจวินที่จ้องมองไปยังเจียงยวี จิตสังหารที่หนักหน่วงแผ่ออกมา ทั่วท้องฟ้าเวลานี้เต็มไปด้วยหมอกสีทอง มีมังกรทองเก้าตนที่คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องมองไปยังทิศทางของเจียงยวี.

“!”

ในเวลานี้ เจียงยวีที่รู้สึกขนทั่วร่างลุกตั้งชัน ด้วยการสร้างค่ายกลที่ต่อต้านสวรรค์ นี่ก็เพื่อจัดการกับเขาโดยเฉพาะอย่างงั้นรึ?

เจียงยวีที่กลายเป็นหวาดหวั่น ไม่ว่าอย่างไรเขาย่อมไม่สามารถปล่อยเวลาให้นานไปได้อีก ยิ่งผ่านไปเท่าใดราชันย์เทพจวินยิ่งทรงพลังขึ้นเรื่อย และผู้คนด้านล่างเองก็เริ่มตกตายไปอย่างรวดเร็ว.

ส่วนเรื่องตำหนักจื่อเซียว เจียงยวีไม่คิดถึงมันเลยแม้แต่น้อย.

ทันใดนั้นแท่นบูชาฟ้าดินก็ปรากฎขึ้น รอบ ๆ ห้วงมิติ ปราณสวีที่ปะทุขึ้นทันที พลังของปราชญ์เทพที่ถูกใช้ออกมาไม่มีออมเอาไว้.

เจียงยวีที่ยื่นมือออกไป ฟ้าดินรอบ ๆ ทั้งสี่ทิศกลายเป็นมืดลง แม้แต่ดวงดารายังกลายเป็นมืดครึ้ม พลังมากมายมหาศาลถึงดึงมาใช้.

อำนาจของสวรรค์และปฐพี!

"ชิ!"ราชันย์เทพจวินที่แค่นเสียงเย็นชา ทั่วร่างของเขาที่ระเบิดพลังออกมา.

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนแม้แต่ฟ้าดินรอบ ๆ ยังเกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว.

"ตูมมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

-------------------------------------------------------

ทวีปซือต้าปู่ ต้าฉิน.

หยิงที่พาเหล่าข้าราชบริพารออกมายืนอยู่บนลานตำหนัก.

ขณะนั้นทุกคนทีเงยหน้าจ้องมองไปยังทิศทางของท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้.

แม้นว่าจะอยู่ไกลออกไป ทว่าก็สามารถมองเห็นดวงตะวันอีกหนึ่งดวงขึ้นที่บนท้องฟ้า.

ตำแหน่งดวงตะวัน ปรากฎความร้อนจนเปลวเพลิงที่ลุกโชนไม่หยุด และบนอวกาศที่เวลานี้กลายเป็นมืดครึ้ม เพราะถูกเคลื่อนย้ายพลังไปใช้.

หยิงที่สูดหายใจลึก แววตาที่เผยท่าทางเย็นชา.

ที่ด้านหลังหยิง ปรากฎกุยกูซือในชุดสีดำขึ้น.

"เทียนตี้ ราชันย์เทพตะวันออกและเจียงยวี ดูเหมือนว่าเป้าหมายของราชันย์เทพตะวันออก จะไม่ใช่ตำหนักจื่อเซียว หรือไม่ก็เป็นตำหนักจื่อเซียวด้วย!"กุยกู่ซือที่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"ข้าประเมินไท่อี้ต่ำเกินไป."หยิงที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ไท่อี้ เป็นคนจากยุคโบราณ เขาเป็นหนึ่งในร่างของเทียนตี้โบราณ เป็นเทียนตี้เผ่าอสูร ยากที่จะประเมินเขาได้ ข้าคิดว่าพวกเราทุกคน คงไม่คิดว่าไท่อี้จะโอหังขนาดนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะไล่ล่าสังหารปราชญ์เทพด้วยตัวคนเดียว คิดจะสังหารปราชญ์เทพโดยไม่พึ่งใคร!"กุยกูซือที่สูดหายใจลึก.

"เทียนตี้ พวกเราจะรอคอยเฝ้ามองจนจบอย่างงั้นรึ?"ลู่ปู่เหว่ยที่ขมวดคิ้วไปมา.

"จนจบอย่างงั้นรึ? มีแต่ต้องรอคอยอย่างใจเย็นเท่านั้น!"หยิงที่กล่าวอย่างไม่แยแส.

"ครับ!"ทุกคนที่ตอบรับ.

-------------------------------------------------------------------------

บนอาณาเขตหนานจานปู่ ภายในค่ายกล สุสาน.

นี่คือค่ายกลที่ทรงพลังน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ทุก ๆ คนที่สูญเสียสติพร้อมกับต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ตกตายไปอย่างรวดเร็ว.

เพียงแค่สามวันเท่านั้น ปุถุชนที่ตายไปทั้งหมด.

กับผู้คนที่สูญเสียสติ พวกเขาที่ไล่ล่าสังหารกันและกัน หนึ่งเมืองเพียงแค่วันเดียวก็ตายทั้งหมด.

ทั้งปุถุชนและเซียน ไม่ต่างกัน ทันทีที่พวกเขาตายไป เลือดเนื้อแม้แต่วิญญาณก็ถูกสูบไป ตกตายไม่มีอะไรเหลือ.

สามวันทั่วอาณาเขตหนานจานปู่ คนตายไปสามร้อยล้านชีวิตแล้ว ทุกคนถูกสังหารไม่มีเหลือ ตกตายไปทั้งหมด.

ตำหนักจื่อเซียวที่ยังอยู่ที่เดิม การสังหารกันยังไม่หยุด.

ปราชญ์เทพหมี่เทียนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง เฝ้ามองเหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังบ้าคลั่ง ภายในใจของเขาที่กระตุกเช่นกัน รู้สึกหวาดหวั่นกับคนที่อยู่เบื้องหลังครั้งนี้.

62 เซียนบรรพชน พวกเขาทั้งหมดร่วงหล่นจากสวรรค์.

เซียนโบราณ มหาเซียนที่ตายไปนับไม่ถ้วน.

คนมากมายที่ตกตายไปเกือบหมดแล้ว รอบ ๆ ตำหนักจื่อเซียวยังคงเหลือแค่ 20 คน ที่ตะเกียกตะกาย มีชีวิตริบหรี่แล้ว.

ปราชญ์เทพหมี่เทียนขณะที่กำลังจะออกมา เพื่อชิงตำหนักจื่อเซียว คาดไม่ถึงเลยว่าปรากฎดอกบัวที่อำนาจพลังแห่งความเที่ยงธรรมโจมตีมายังเขา ขณะนั้นยังมีผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่บินมายังเขา หมี่เทียนที่ไม่มีทางเลือก ตัดสินใจสังหารพวกเขาในทันที ทำให้เขาไม่สามารถชิงตำหนักจื่อเซียวได้ชั่วคราว.

ไม่ต้องบอกว่าผู้ฝึกตนที่เหลือมากมายบินมาไม่หยุดหย่อน พริบตาเดียวในเวลานั้น หมี่เทียนที่รู้สึกประหลาดใจ ดอกบัวนี้คล้ายว่าจะมีส่วนสัมพันธ์กับค่ายกลทั้งหมด หากว่าทำลายดอกบัวได้ ก็จะทำให้ผลกระทบของค่ายกลทั้งหมดหยุดลงหรือไม่?

หมี่เทียนที่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเขาเป็นคนที่ระมัดระวัง ดังนั้น หมี่เทียนที่สามารถรอคอยได้ เขาที่หลบไปเพื่อรอคอยโอกาส.

ทว่าขณะที่เขารอคอยอยู่นั้น หมี่เทียนที่เห็นร่างสีขาวที่ดูแปลกประหลาดโผล่ออกมา.

คนผู้นี้ดูแปลกประหลาดมาก ดูเหมือนพลังค่ายกลจะไม่ส่งผลกับเขา เขาไม่สูญเสียเหตุผล ร่างในชุดสีขาวที่ทั่วร่างมีแสงสีเรืองรองเปล่งรัศมีแสงออกมา ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นปราณเส้นเลือดมังกรปฐพี ดูเหมือนว่าด้วยพลังดังกล่าวนั่นจะทำให้สามารถเคลื่อนไหวในค่ายกลได้อย่างอิสระ.

หมี่เทียนที่ดวงตาหดเกร็ง จดจ้องมองซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง.

แน่นอนคนที่มานี้ก็คือเซอคงนั่นเอง.

เซอคงที่มายืนอยู่ไม่ไกลออกไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภจ้องมองตำหนักจื่อเซียวที่ลอยบนอากาศ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด