Chapter 1175 คำดูแคลนของจงซาน.
"ม่อจื่อ เจ้าไม่ลงมืออีก คิดจะเฉยไปถึงเมื่อไหร่! เก็บหลิงซานไปซะ~~~~~~~~!”กงเชียนที่ตะโกนออกมาในทันที.
เสียงกงเชียนที่ดังก้องไปทั่วเข้าหูของทุกคน ทำให้ทุกคนกลายเป็นแปลกประหลาดเล็กน้อย พร้อมกับเผยท่าทางประหลาดใจจ้องมองไปยังกงเชียน.
ม่อจื่อ? ปราชญ์เทพ? มีปราชญ์เทพอยู่ที่นี่ด้วยรึ?
บนทวีปทิศเหนือ สามปราชญ์เทพเข้าล้อมศาลเทพต้าเจิ้ง ก่อนที่จะถูกไล่ออกไป เรื่องนี้ยังไม่ส่งมาถึงทวีปตะวันออก อย่างน้อยก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้.
ภาพของปราชญ์เทพต่อหน้าทุกคนนั้นยิ่งใหญ่นัก เซียนบรรพชนทั่วไปไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยอย่างแน่นอน.
ในอดีตเมื่อครั้งยูไลวิหารใต้เหล่ยหยินในสภาพสมบูรณ์ เขาที่กล้าท้าทายยอดฝีมือทั่วหล้า ทว่าก็ยากที่จะรับมือปราชญ์เทพได้.
กงเชียนบนอากาศ ไม่สามารถต้านเจิ้นหยวนจื่อได้ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ห่างปราชญ์เทพไม่ไกลแล้ว.
ที่นี่มีปราชญ์เทพอย่างงั้นรึ?
ทว่าทุกคนที่กวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างไม่ตั้งใจ แทบจะทันทีเช่นกัน สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังสองยอดเขา เพราะว่าเวลานี้ บนยอดเขาทั้งสอง มีคนสองกลุ่มที่ยังไม่เคลื่อนไหว.
กลุ่มแรก คนกลุ่มหนึ่งที่มีศาลาอยู่ตรงกลาง ที่ด้านในนั้นไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครลงมือทำอะไรตั้งแต่ต้นแล้ว.
ส่วนอีกกลุ่ม ที่จริงแล้วมีอยู่ 12 คน.
คนทั้งสิบสองคนนี้มาทีหลัง ทว่าก็แสดงพลังออกมา ผู้ใต้บังคับบัญชาขั้นสามที่ไล่เซียนบรรพชนที่แข็งแกร่งออกไปพร้อมกับเข้ายึดยอดเขาพำนักแทน.
ถึงแม้นว่าจะเป็นเซียนบรรพชนทั่วไป ทว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพ่ายแพ้ง่ายดายขนาดนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาระดับสาม?
คนทั้งสองกลุ่มนี้เป็นใคร?
ในเวลานี้ เจิ้นหยวนจื่อที่ใช้ตำราปฐพีขวางกงเชียนเอาไว้ ส่วนตัวเขาที่พุ่งมาด้านล่าง.
แสงเทวะห้าสีของกงเชียนที่ตวัดออกมา พร้อมกับดวงตาที่เผยจิตสังหารออกมาด้วย.
"ม่อจื่อ เจ้าไม่ต้องการหลิงซานแล้วจริง ๆ ~~~~?”
“~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ในเวลานั้นสวรรค์และปฐพีก็ปรากฎเสียงแตรที่ดังกึกก้องไปทั่ว แรงกดดันวิญญาณมหาศาลที่โถมทับพวยพุ่งออกไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหัวใจสั่นไหว ผู้ฝึกตนมากมายที่หยุดชะงัก.
กลิ่นอายปราชญ์เทพ? เป็นกลิ่นอายปราชญ์เทพจริง ๆ !
การต่อสู้มากมายหยุดลงทันที แทบทุกคนที่จ้องมองไปยังศาลาบนยอดเขาแห่งหนึ่ง.
ม่านไม้ไผ่ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ จากนั้นก็ปรากฎชายในชุดสีดำที่ผุดออกมาจากด้านใน.
ชายในชุดสีดำที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ ร่างกายที่เปล่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา จนทำให้ดวงวิญญาณคนที่จ้องมองสั่นสะท้าน.
ปราชญ์เทพ! ม่อจื่อ!
ม่อจื่อที่ก้าวออกไปหนึ่งก้าว เสียงแตรสวรรค์ก็หยุดลงช้า ๆ .
บนยอดเขาดังกล่าวคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่น่าเกรงขามอยู่.
"คารวะปราชญ์เทพ!"เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่แสดงความเคารพออกมา.
เหล่าเซียนบรรพชนระดับสูงแปดคนที่ล้อมหลิงซานใบหน้าที่บูดเบี้ยวจริงจัง แม้แต่เจิ้นหยวนจื่อยังหยุดกลางอากาศ ใบหน้าไม่น่ามอง.
การต่อสู้ของกงเชียนและเจิ้นหยวนจื่อที่หยุดลง พวกเขาที่จ้องมองไปยังปราชญ์เทพม่อจื่อ.
ในเวลานั้น ม่อจื่อกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในทันที.
เจี้ยนอ้าวที่จ้องมองไปยังปราชญ์เทพที่อยู่ไกลออกไปแววตาที่ไร้ซึ่งความเคารพ สายตาของเขาที่ยังคงแข็งกร้าว ปราชญ์เทพแล้วอย่างไร? เป้าหมายของเจี้ยนอ้าวคือเอาชนะคนทั่วหล้า ปราชญ์เทพ? ไม่ช้าก็เร็วก็จะกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขา.
ม่อจื่อที่ก้าวออกมาช้า ๆ นั้น จากนั้นก็กวาดตามองไปรอบ ๆ จ้องมองไปยังเจิ้นหยวนจื่อและกงเชียน.
"กงเชียน คาดไม่ถึงจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รู้ว่าเจ้าอยู่นี่ก็ไม่ยาก หลิงซาน ข้าไม่ต้องการ ทว่าข้าไม่หวังจะให้ตกในมือของใครบางคน กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับหงจวิน ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ไม่นำหลิงซานไปเลยล่ะ?"กงเชียนที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
ม่อจื่อมาเพื่อหลิงซานอย่างงั้นรึ? ภายในใจของทุกคนที่เปลี่ยนเป็นหดเกร็ง.
ม่อจื่อที่จ้องมองขึ้นไปบนอากาศ ก่อนที่จะเงียบเล็กน้อย.
"ม่อจื่อ!"ใบหน้าของเจิ้นหยวนจื่อที่เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม.
"เจิ้นหยวนจื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าไปซะ!"ม่อจื่อที่เอ่ยออกมาเบา ๆ .
ม่อจื่อที่แสดงท่าที่ว่าต้องการหลิงซานอย่างสมบูรณ์.
ใบหน้าของกงเชียนที่เผยท่าทางเหยียดหยัน ขณะที่เจิ้นหยวนจื่อจ้องมองม่อจื่อ.
ภายในผู้ฝึกตนรอบ ๆ รู้สึกมืดครึ้ม เพราะว่าเวลานี้กงเชียน เจิ้นหยวนจื่อและม่อจื่อ พวกเขาสามคนราวกับว่าเป็นคนตัดสินใจว่าหลิงซานจะเป็นของใคร.
หากพูดด้วยความแข็งแกร่ง พวกเขาทั้งสามย่อมเป็นตัวตนลำดับต้น ๆ ของโลกหล้า การที่พวกเขาทั้งสามกล่าวเช่นนี้ แปดเซียนบรรพชนระดับสูงเองก็คล้ายจะทำอะไรไม่ได้.
"บังอาจ ~~~~~~~~~~~~~~~!”
เสียงคำรามที่ดังขึ้นในอากาศ เป็นเหตุให้ทุกคนต้องหรี่ตาเล็กลง.
เป็นเสียงของเจี้ยนอ้าวนั่นเอง.
ใบหน้าของเจี้ยนอ้าวที่เต็มไปด้วยความโกรธ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่หายไปก่อนหน้านี้ ปรากฎขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวเศร้าใจ แม้แต่การต่อสู้กับยูไลก่อนหน้านี้ กับไม่มีใครมองเห็นหัวเขาเลยรึ? หลิงซานเป็นของข้า ในเวลานี้คนเหล่านี้กลับมาตกลงกันเองว่าใครจะนำไป ทุกคนต่างก็ต้องการแย่งสิ่งของ ๆ เขา ตอนนี้ยังตัดสินใจได้แล้วด้วยว่าใครจะนำมันไป?
"หลิงซานเป็นสมบัติของข้า แดนเทพอเวจี ปราชญ์เทพม่อจื่อ เจ้าต้องการชิงสิ่งของของข้าไปจริง ๆ รึ?"เจี้ยนอ้าวกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ม่อจื่อจ้องมองไปยังเจี้ยนอ้าว คนอื่น ๆ เองก็จ้องมองไปยังเขาด้วยความแปลกประหลาดเช่นกัน.
เจี้ยนอ้าวนั้นแข็งแกร่ง มีเพลงกระบี่ที่ผิดปรกติสวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ภายในใจของทุกคนเจี้ยนอ้าวนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ยังด้อยกว่ากงเชียนและด้อยกว่าม่อจื่อ.
ในเวลานี้เจี้ยนอ้าวเสียสติไปแล้ว? เข้ายุแหย่ม่อจื่อ แม้แต่ข่มขู่เลยอย่างงั้นรึ?
"หลิงซาน เจ้าไม่สามารถปกป้องมันได้!"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
"อ่าฮ่าฮ่าฮ่า ดี ไม่สามารถปกป้องได้!"เจี้ยนอ้าวที่หัวเราะออกมาเสียงดัง.
หลาย ๆ คนที่เผยท่าทางไม่เข้าใจ.
หลังจากหัวเราะเสร็จ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา "หากมีวันหนึ่ง มีใครบางคนบอกว่าตำแหน่งปราชญ์เทพของเจ้า เจ้าไม่สามารถปกป้องได้ ในเวลานั้นเจ้าจะยอมยกเลิกตำแหน่งปราชญ์เทพได้หรือไม่?"
เจี้ยนอ้าวที่กล่าวตำหนิม่อจื่อ.
ถึงกับกล้าสั่งสอปราชญ์เทพ?
"ไม่รู้ความ!"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"ไม่รู้ความอย่างงั้นรึ? ชิ หลิงซานเป็นของของข้า หากข้าป้องกันสิ่งของของข้าแล้วกลายเป็นไม่รู้ความ เช่นนั้นเจี้ยนอ้าวก็ขอเป็นคนไม่รู้ความ วันนี้ มีข้าอยู่ จะไม่มีใครแตะต้องสิ่งของของข้าได้!"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
เจี้ยนอ้าวและม่อจื่ออย่างงั้นรึ?
แทบทุกคนรู้สึกราวกับว่าไม่ใช่เรื่องจริง ๆ เจี้ยนอ้าวเสียสติไปแล้วจริง ๆ? เพียงเซียนโบราณอันกระจ้อยร่อย กล้ากล่าวเช่นนี้กับปราชญ์เทพ?
ที่ไกลออกมา บนยอดเขาของจงซาน.
"ตำแหน่งปราชญ์เทพ เจี้ยนอ้าวนับว่าไม่ธรรมดา!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมาด้วยความประหลาดใจ.
"อืม เขาเป็นคนไม่ธรรมดา! เจี้ยนอ้าวไม่ใช่คนดื้อรั้นไร้เหตุผล ในเวลานี้และคำพูดที่เอ่ยกับม่อจื่อนั้น บางทีหลิงซานคงจะสำคัญกับเขาจริง ๆ สิ่งสำคัญที่เขาไม่ลังเลที่จะปกป้องมันเอาไว้ด้วยชีวิต!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ใช่ หลิงซานนั้น เป็นของวิเศษจากโบราณกาล ครั้งหนึ่งข้าได้ยินมาว่า มันเป็นสมบัติตกทอดต่อกันมาหลายชั่วคน ทว่าข้าเองก็ไม่รู้ต้นกำเนิดมันมาเช่นกัน."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมาเช่นกัน.
"เซิ่งหวัง เรื่องของเจี้ยนอ้าว พวกเราจะ....!"เซิ่งกงเป้าที่จ้องมองไปยังจงซาน.
------------------------------------------------------
รอบ ๆ ร่างเจี้ยนอ้าว ปราณกระบี่ที่สาดกระจายปะทุขึ้นมาในทันที เจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง กระบี่สีฟ้าที่ชี้ออกไป เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ที่ทะลวงห้วงมิติให้ฉีกขาดเป็นรอย.
"ต้องการแย่งชิงสมบัติของข้าเจี้ยนอ้าว จะต้องชดใช้ด้วยราคาที่สาสม ถึงจะเป็นปราชญ์เทพ ข้าก็ไม่กลัว!"เจี้ยนอ้าวที่ดวงตาเคร่งขรึมจ้องมองเขม็งไปยังม่อจื่อ.
เซียนบรรพชนที่อยู่รอบ ๆ ในเวลานี้ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น นี่เจี้ยนอ้าวต้องการต่อสู้กับม่อจื่อจริง ๆ รึ?
บนท้องฟ้า กงเชียน เจิ้นหยวนจื่อที่ค่อย ๆ ร่อนลงบนพื้นช้า ๆ .
ทั้งสองคนที่เริ่มมองเจี้ยนอ้าวไม่ธรรมดา แม้แต่ให้ความสำคัญ เจตจำนงแห่งการต่อสู้รุนแรงมาก.
เขาที่ต้องกลายเป็นยอดฝีมือ เป็นคนที่ไร้คู่ต่อสู้ ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับปราชญ์เทพ ก็ไม่ขลาดเขลาแม้แต่น้อย แปดเซียนบรรพชนระดับสูงที่อยู่รอบ ๆ ได้แต่จ้องมองปราชญ์เทพ ไม่กล้าเข้าต่อสู้ ทว่าเจี้ยนอ้าวที่มีระดับเซียนโบราณกลับอาจหาญท้าทายปราชญ์เทพอย่างคาดไม่ถึง และนอกจากนี้ยังมีกงเชียนและเจิ้นหยวนจื่อที่ต้องการฉกฉวยมันตลอดเวลาอีกด้วย.
การให้ความสำคัญ ไม่ได้หมายความว่าให้ความชื่นชม คนทั้งสองเองก็ไม่ได้มีมิตรภาพอะไรกับเจี้ยนอ้าว แม้แต่เจิ้นหยวนจื่อที่จ้องมองเจี้ยนอ้าวราวจะกินเลือดกินเนื้อ.
คนทั้งสองที่ร่อนลงบนพื้นนั้น แปดเซียนบรรพชนระดับสูงที่จ้องมองหน้ากันและกัน เผยท่าทางแปลกประหลาดจริงจังออกมาด้วยเช่นกัน.
ม่อจื่อที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชน ทำให้ทุกคนกลายเป็นเงียบลงชั่วขณะ.
"เจ้า ยินดีที่จะรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
รับเป็นอาจารย์?
ผู้ฝึกตนมากมายที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับดวงตาเบิกกว้างกลมโต รู้สึกราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น ม่อจื่อกำลังคิดที่จะรับเขาเป็นศิษย์อย่างงั้นรึ?
"รับเป็นอาจารย์? เจ้ามีวิชากระบี่ที่จะส่งมอบให้ข้าอย่างงั้นรึ?"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
"ไม่ เพลงกระบี่ของนั้นแข็งแกร่งเกินพอแล้ว ทว่าหลิงซานนั้นเจ้าไม่สามารถครอบครองได้ หากเจ้ารับข้าเป็นอาจารย์ ข้าจะประทานหลิงซานให้กับเจ้า!"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
บังคับให้เป็นอาจารย์อย่างงั้นรึ? มีปราชญ์เทพที่จะทำเช่นนี้ด้วยรึ? แต่ว่าเจี้ยนอ้าวโชคดีขนาดใหนกัน? การที่ปราชญ์เทพพยายามที่จะให้เขาเป็นศิษย์? ในเวลานี้แทบทุกคนเผยท่าทางอิจฉาออกมา.
"ข้าเจี้ยนอ้าวมีวิถีกระบี่เป็นของตัวเอง กราบฟ้าดินเป็นอาจารย์ เรียนกระบี่ด้วยตัวเอง เจ้าคู่ควรที่จะให้ข้าคำนับให้อย่างงั้นรึ?"เจี้ยนอ้าวที่กล่าวออกมาอย่างดื้อรั้น.
เจ้าเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์ของข้าอย่างงั้นรึ? เหล่าผู้ฝึกตนรอบ ๆ ถึงกับหัวใจบีบรัดกับคำพูดของเจี้ยนอ้าว คนผู้นี้จะเถรตรงไม่รู้ความมากเกินไปแล้ว.
เจี้ยนอ้าวเถรตรง ยอมหักไม่ยอมงอ เป็นคนที่เต็มไปด้วยความอหังการ ไม่ยอมที่จะโค้งคำนับให้กับใคร.
"ข้าได้มอบโอกาสให้กับเจ้าแล้ว แต่กลับไม่รับ!"ม่อจื่อที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา.
"ปราชญ์เทพที่น่าเกรงขามของสวรรค์และปฐพี เป็นแบบอย่างให้กับคนทั่วหล้า กลับต้องการแย่งชิงสิ่งของกับเซียนโบราณ ทว่านี่กับแสดงเหมือนกับเป็นความเที่ยงธรรมอย่างงั้นรึ? ช่างเป็นอะไรที่น่าขันจริง ๆ ~~~~~~~~!”
จากบนอากาศที่ว่างเปล่า เสียงที่เหยียดหยันดูแคลนดังขึ้นมาในทันที.
คำพูดที่กล่าวหยัน ม่อจื่อ แม้แต่ท่าทางยังเผยท่าทางดูแคลนด้วย ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ เผยท่าทางประหลาดใจ.
ใครกันที่กล่าวหยันม่อจื่อ? ช่างอาจหาญขนาดนี้เลยรึ? ใบหน้าของทุกคนแทบเปลี่ยนเป็นซับซ้อนในทันที.
เจี้ยนอ้าวที่ยังคงกล่าวอ้อมค้อมต่อม่อจื่อ เพราะว่าสถานะของฝ่ายตรงข้าม ทว่าเสียงดังกล่าวนี้กลับเผยท่าทางดูแคลนม่อจื่อตรง ๆ เลยรึ? เรื่องนี้ ใครกันที่กล่าวทำเช่นนี้ต่อปราชญ์เทพ?
แทบจะในทันที สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังทิศทางของเสียงพร้อม ๆ กัน.
บนยอดเขาสุดท้าย คนที่อยู่ด้านหน้าของผู้ฝึกตนปริศนา 12 คน.
เขาเป็นใคร?
ก่อนหน้านี้คนทั้ง 12 คนได้แย่งชิงยอดเขาไปก็ทำให้ทุกคนจับจ้องมองแล้ว อีกอย่างใน 12 คนนั้น ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับสามที่เอาชนะเซียนบรรพชนได้?
พวกเขาเป็นใคร?
กงเชียนที่ดวงตาหดเกร็ง เจิ้นหยวนจื่อที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน เห็นชัดเจนว่าทวีปตะวันออกวุ่นวายยิ่งนัก ยังไม่เริ่มเท่าใด กลับดูเหมือนว่ามันจะระเบิดความรุนแรงออกมาแล้ว.
ไม่เคารพปราชญ์เทพ? ไม่เพียงแค่ไม่เคารพปราชญ์เทพเท่านั้น ยังกล่าวตำหนิ! กล่าวดูแคลนอีกด้วย!