ตอนที่แล้วChapter 1168 คณะลิ่วล่อที่แส่หาความตาย.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1170 ทวีปตะวันออกที่เปลี่ยนไป เจียนอ้าวปรากฎ.

Chapter 1169 ด้านนอกวิหารใต้เหล่ยหยิง.


ภพหยาง ทวีปตะวันออก.

กลุ่มของจงซานที่เดินทางด้วยความเร็วสูงสุดต้องใช้เวลาหลายปีในการเดินทางมา ท้ายที่สุดก็มาถึงทวีปตะวันออก สถานที่กำลังเกิดความโกลาหล.

กลุ่มคน 12 คน ที่สวมชุดดำปกปิดกลิ่นอาย ทำให้ผู้คนรอบ ๆ ไม่สามารถสืบสวนได้ ยิ่งเป็นหวนจีด้วยแล้วที่ไม่ต่างจากความว่างเหล่า แทบไม่สามารถสัมผัสได้เลย.

หวนจี ที่ไม่ต่างจากเงาไร้รูป ติดตามมาด้วยตลอดทาง แม้ว่าจะเป็นความลับ ทว่าจงซานก็ไม่ได้กังวลอะไรนัก.

รากฐานของนางนั้น หากจะกล่าวล่ะก็ นางคือส่วนหนึ่งของอารมณ์ที่ทำให้เกิดตัวตนขึ้นในใจของทุกคน ทำให้ทุกคนสัมผัสและคิดว่านางมีชีวิต.

อีกอย่างหนึ่ง จงซานได้คิดดูแล้ว นับตั้งแต่เกิดการต่อสู้ในสวนสวรรค์ลอยฟ้าในครั้งนั้น จงซานก็สามารถบอกได้ แม้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นนางได้ ทว่าปราชญ์เทพสามารถมองเห็นและรับรู้ได้.

หยวนจีที่เป็นเหมือนกับคนทั่วไป สามารถเห็นได้ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะว่าหวนจีนั้นคล้ายดั่งแสงเงาสำหรับคนทั่วไป แม้แต่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดเวลา ทว่าปราชญ์เทพนั้นแตกต่างออกไป หากปราชญ์เทพพบพวกเขา ย่อมไม่ยินยอมแน่และจะต้องเล็งเป้ามายังนาง ซึ่งอาจจะทำให้นางได้รับอันตราย.

จงซาน ที่ให้หวนจีเผยรูปร่างให้คนอื่น ๆ ได้เห็น เพื่อที่จะสามารถป้องกันนางได้จากปราชญ์เทพ ในเมื่อนางมีตัวตนจะทำให้คนอื่น ๆ ไม่เห็นความผิดปรกติ และสามารถป้องกันปัญหาได้.

"เซิ่งหวัง พวกเรามายังทวีปตะวันออก จะไปที่ใดก่อน?"จินเผิงสอบถามออกไป.

"อาณาเขตซือหนิวเหอ วิหารใต้เหล่ยหยิน!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.

"ไปยังวิหารใต้เหล่ยหยิน?"จินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

คนอื่นที่จ้องมองไปยังจงซานพร้อม ๆ กัน.

"เซิ่งหวัง เกิดสิ่งใดขึ้น?"เซียนเซิงซือสอบถามออกไป.

"ใช่ ระหว่างทางนั้นหลายปีที่พวกเราเดินทาง ในทวีปตะวันออกเกิดเรื่องสำคัญขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีการต่อสู้หนึ่งเกิดขึ้น!"จงซานกล่าว.

"การต่อสู้อย่างงั้นรึ?

"ยูไลวิหารใต้เหล่ยหยิง กับ ซา ตำหนักไป่โหยว ต่อสู้กันอยู่!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ซา?เขาคือศพปราชญ์เทพจากโลกใบเล็กครั้งนั้น?ศพของทงเทียน?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ยูไลต่อสู้กับซา?"จินเผิงที่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ.

แม้นว่าจินเผิงจะเคยถูกเทพอรหันต์ยูไลกำราบ เขาที่เป็นวิหคยักษ์ปีกทองในตำนาน ที่เต็มไปด้วยความอหังการ ทว่าก็เคยอาศัยในวิหารใต้เหล่ยหยิน ดังนั้นเวลานี้ย่อมมีความรู้สึกเช่นกัน.

"ไม่สามารถบอกได้ หลายปีมานี้ การต่อสู้ในทวีปตะวันออกเกิดขึ้นเรื่อย ๆ  บุญคุณความแค้นที่เหมือนว่ามันได้ปะทุขึ้นในทันที มีการต่อสู้หลายแห่ง จนมาถึงเทพอรหันต์ยูไลและซา ก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"ผลเป็นอย่างไรบ้าง?"จินเผิงที่สอบถามออกไป.

"ซานั้นทรงพลังมาก ยูไลได้รับบาดเจ็บและหลบเข้าไปในวิหาร ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"แฮก ๆ !"จินเผิงที่สูดหายใจลึก แววตาที่เผยท่าทางตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งของยูไลนั้น จินเผิงรับรู้ดี แม้นว่าจะตัวคนเดียว ความแข็งแกร่งของเขาก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน.

ยูไลที่แข็งแกร่งทรงพลังถึงเพียงนั้น คาดไม่ถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้! ทำให้ยูไลบาดเจ็บหนีกลับไปรักษาตัวอย่างงั้นรึ?

"ซาอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่สอบถามออกไป.

"ซา? ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย!"จงซานที่กล่าวออกมาเบา ๆ .

จินเผิงที่เอ่ยปากค้าง ไม่อยากเชื่อว่าซาจะทรงพลังขนาดนั้น?

"ซานั้น ผิดปรกติมากนัก!"เซียนเซิงซือที่ครุ่นคิดและส่ายหน้าไปมา.

"ผิดปรกติ? ผิดปรกติอย่างไร?"ทุกคนที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"เกี่ยวกับข้าที่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับศพ หลังจากที่พวกมันเปิดเชาว์ปัญญาได้ ก็จะไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งได้เท่าเดิม ถึงจะเป็นศพปราชญ์เทพก็ตาม ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่มันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น เทพอรหันต์ยูไล แม้นว่าจะไม่เห็นด้วยตัวเอง แต่ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง การจะพ่ายแพ้ แม้แต่ได้รับบาดเจ็บทั้งที่ซาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรกลับไปเลย ซาคนนี้ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ควรจะเป็น!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.

"ซานั้นแปลกไปจริง ๆ  ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเนตรเทียนชูปรากฎ เหล่าปราชญ์เทพที่ร่วงหล่นจากสวรรค์ที่จุติกลับมา ควรที่จะตกตายไปหมดแล้ว ไท่ซ่าง จุนถี เจี่ยหยิน ทุกคนต่างก็ถูกทำลายสิ้น ทว่าซาเป็นเพียงศพของทงเทียน กลับยังปลอดภัยไร้รอยขีดขวด มีเล่ห์กลอันใดกัน!"จินเผิงที่พยักหน้ารับ.

"ในครั้งนี้มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในทวีปตะวันออกแห่งนี้ เกี่ยวพันธ์กับเรื่องที่ใหญ่โตอย่างแน่นอน ซาเองก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน เราควรที่จะเริ่มสืบจากเขา!"จงซานพยักหน้ารับและกล่าว.

"รับทราบ!"ทุกคนที่พยักหน้ารับ.

จื่อหยางจิงหงเองก็ไม่มีความคิดเห็นเช่นกัน ดูเหมือนว่า คงจะเป็นเช่นนั้น?

แม้นว่าจะเพิ่งมาถึง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อย เรื่องราวต่าง ๆ ในทวีปตะวันออกนั้น จงซานรับรู้อย่างดีอย่างงั้นรึ? เขาได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว? น่าเหลื่อเชื่อ แม้นว่าจะยังไปไม่ถึง แต่ก็สามารถวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว? หากเป็นคงอื่นคงยากที่จะทำได้.

จื่อหยางจิงหงยิ่งรู้จักยิ่งจ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ.

"เช่นนั้น เซิ่งหวัง พวกเราเดินทางไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินเวลานี้เพื่ออะไรอย่างงั้นรึ?"หวังคูที่เผยท่าทางสงสัย.

"วิหารใต้เหล่ยหยิน? ตอนนี้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน!"จงซานเอ่ย.

"หืม?"ทุกคนที่ไม่เข้าใจ.

"ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต้องการสังหารพวกเขาให้สิ้น!"จงซานกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.

"มีบางคนต้องการสังหารทุกคนของวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

วิหารใต้เหล่ยหยิน นับตั้งแต่ในอดีตก็ไม่ได้สร้างความขัดแย้งกลับใครอย่างชัดเจนนัก วันนี้กลับมีคนต้องการสังหารพวกเขาให้สิ้นอย่างงั้นรึ? เป็นใครกัน?

"หากไม่รีบไป ทุกคนคงถูกสังหาร!"จงซานที่กล่าวออกมา.

สังหาร ทุกคนจะถูกสังหารอย่างงั้นรึ?

"บุกเข้าไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"ดวงตาของจินเผิงที่สั่นไหวไปมา ยังมีคนที่อหังการเช่นนี้อยู่อีกรึ?

"เดินทาง ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมือมากมายที่มารวมตัวกัน จินเผิงนำทาง!"จงซานที่กล่าวออกมา.

"รับทราบ!"

กลุ่มคนทั้ง 12 คน ในเวลานั้นพุ่งตรงไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินด้วยความเร็วสูง.

เป้าหมายสถานที่แรกของทวีปตะวันออก คือวิหารใต้เหล่ยหยิน!

ความเร็วของพวกเขานั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ภายใต้การนำของจินเผิง จึงใช้เวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น พวกเขาก็สามารถเดินทางไปถึงอาณาเขตซือหนิวเหอ ทวีปซือตาปู่.

กลับมาอีกครั้งแล้ว.

หลังจากผ่านมาหลายร้อยปี กลุ่มของจงซานก็กลับมาที่นี่อีกแล้ว ทว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ พวกเขากลายเป็นกลุ่มที่ทรงพลังมากแตกต่างจากเดิมลิบลับ.

เหมือนดังที่จงซานกล่าว มียอดฝีมือมากมายจากทั่วทุกสารทิศ ประจำเต็มไปหมดบนเทือกเขาต่าง ๆ รอบ ๆ .

การสังหารที่ไม่หยุดหย่อน! กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า.

วิหารใต้เหล่ยหยิน คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้มาเยือนมากมายขนาดนี้.

ในนั้นมีคนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนที่สวมชุดสีขาวล้วน ถือกระบี่ยาวสีฟ้า กระบี่ดังกล่าวเพียงแค่ตวัด ฟ้าดินก็เปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยปราณกระบี่ มากมายปกคลุมท้องฟ้า ราวกับพายุแห่งปราณกระบี่ มากมายน่าตื่นตะลึง.

กลุ่มมือกระบี่ในชุดสีขาวนั้นกำลังบุกเข้าไปในวิหารใต้เหล่ยหยิน ทว่าที่ด้านหน้าวิหารใต้เหล่ยหยินก็มีบางคนช่วยวิหารใต้เหล่ยหยินเอาไว้ ขวางพวกเขาที่ด้านนอก.

ที่ด้านนอกนั้นมีราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนาขนาดใหญ่ และยังมียอดฝีมืออีกหลายคน ที่กำลังต้านกลุ่มมือกระบี่ขวางเอาไว้ด้านนอก.

ทว่าก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ยังคงจ้องมองอยู่รอบ ๆ  ไม่เร่งรีบรุกเข้าไป.

เหล่าคนที่มีพลังฝึกตนอ่อนแอจะถูกต้านเอาไว้ด้านนอก ส่วนมือกระบี่ที่มีฝีมือสูงกำลังรุกเข้าไปด้านใน.

จงซานไม่ได้เข้าร่วมความขัดแย้งนี้แต่อย่างใด ขณะที่บินไปหยุดที่เทือกเขาแห่งหนึ่ง.

บนเทือกเขาดังกล่าว มีผู้ฝึกตนผมสีแดง ดวงตาสีแดงเข้ม เห็นชัดเจนว่าเป็นคนที่ดุร้ายมาก ที่ด้านหลังมีศิษย์ของเขาอยู่หลายคน เวลานี้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีจับจ้องมองลงไปยังด้านล่าง.

"ไปให้พ้น!"เต้าเหรินถูที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"หืม?"ผู้ฝึกตนผมสีแดงที่ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองด้วยความเย็นชากลับกลุ่มคนที่มาใหม่.

ใครคือผู้ฝึกตนผมแดง? ในเขตแดนแห่งนี้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฉายา ดาวปิศาจ สังหารเซียนบรรพชนมาหลายคนเมื่อไม่นานมานี้ มีกระบี่โลหิตที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ใครกันที่แส่หาความตายหาเรื่องเขา?

ขณะทีเขาหันหน้าไปมอง มีคนชุดดำ 12 คน ที่ไม่พูดไม่จาบุกเข้ามา เห็นชัดเจนว่าคนที่เอ่ยปากเมื่อกี้นี้เป็นเพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่คิดเลยว่าแค่ผู้ใต้บังคับบัญชากลับกล้าหาเรื่องเขา?

"แส่หาความตาย!"

ผู้ฝึกตนผมแดงชักกระบี่ออกมา ก่อนที่จะตวัดออกไป กลายเป็นริ้วแสงสีแดงพุ่งออกไปด้านหน้าในทันที.

"ซี่!!!"เสียงชักกระบี่พร้อมกับโจมตีออกไป ส่วนเต้าเหรินถูเองก็ชักดาบออกมาฟาดฟันออกไปเช่นเดียวกัน.

ดาบโลหิตที่ทำให้พื้นที่รอบ ๆ กลายเป็นสีโลหิต ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นคาวโลหิต เป็นกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงไปถึงแก่นพุ่งตรงไปยังชายในชุดสีแดง.

"ตูมมมมมมมมม!"

กระบี่ที่ลอยกระดอนออกไป ผู้ฝึกตนผมแดงถึงกับลอยละลิ่วกระเด็นออกไป เหล่าศิษย์ของเขาที่เร่งรีบบินตามไปในทันที.

"อาจารย์!"ศิษย์ของเขาที่เร่งรีบบินตามมาด้วยความตื่นตกใจ.

ตกใจ? ชายผมแดงรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงจิตวิญญาณ.

กลิ่นอายจิตสังหารนั่น ทรงพลังมากกว่าเขาหลายเท่า แม้แต่กระแทกเขาลอยออกมาหลายพันจั้ง?

นี่เพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างงั้นรึ?

ชายในชุดสีแดงที่มือสั่นสะท้าน จดจ้องมองขึ้นบนบนท้องฟ้าหวาดตาไปรอบ ๆ  ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป.

หากแต่คนกลุ่มดังกล่าวกลับไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เพียงแค่หยุดอยู่บนยอดเขาดังกล่าว จ้องมองออกไปยังพื้นที่ไกลออกไป.

บุรุษผู้หนึ่งที่เป็นหัวหน้า มีชายสามคนและหญิงสาวหนึ่งคนที่ยืนด้านข้าง ส่วนคนอื่น ๆ ที่ยืนห่างออกไปด้านหลัง ไม่กล้าเข้าไปใกล้ คอยอารักษ์ขาความปลอดภัยของคนทั้งสี่ ดูเหมือนว่าคนสามคนด้านหน้าจะมีสถานะสูงกว่าอย่างชัดเจน ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีสถานะสูงสุด ส่วนชายสามคนและสตรีหนึ่งคนคงมีสถานะรองลงมา และมีคนอีกเจ็ดคนที่คอยปกป้องมีสถานะลำดับสาม.

อีกทั้งคนที่ล้มเขาก่อนหน้านี้ กลับเป็นเพียงกลุ่มคนที่มีสถานะเพียงลำดับสาม.

ผู้ใต้บังคับบัญชาลำดับสาม ล้มเขาด้วยกระบวนท่าเดียว.

ชายผมแดงที่เผยท่าทางหวาดหวั่น คนกลุ่มนี้เป็นใครกัน? ผู้ใต้บังคับบัญชาลำดับสามยังเอาชนะเขาได้อย่างงั้นรึ?

"อาจารย์ ฆ่ามันเลยไหม คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลอบโจมตีพวกเรา!"

"อาจารย์ พวกมันข่มเหงสำนักปิศาจโลหิตของพวกเรา แสดงให้มันได้เห็นว่าสำนักปิศาจโลหิตของพวกเราไม่ใช่ว่าใครจะยุแหย่ได้."

"อาจารย์ พวกเราร่วมมือสังหารพวกมันเลย!"

........................

..................

......

คนกลุ่มดังกล่าวที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ชัดเจนพวกเขาคิดว่าเต้าเหรินถูก่อนหน้านี้ลอบโจมตี.

"หุบปาก!"ชายผมแดงที่ตะคอกออกไปเสียงดัง.

"อา อาจารย์?"เหล่าศิษย์ที่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย.

"พวกเราไป!"ชายผมแดงที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา.

"?"เหล่าศิษย์ที่เผยท่าทางประหลาดใจ ก่อนที่จะเร่งรีบจากไป.

กลุ่มคนของสำนักปิศาจโลหิต ที่จากไปเงียบ ๆ .

ทว่าภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความสนใจให้กับคนรอบ ๆ เช่นเดียวกัน ทุกคนที่คิดว่าชายผมแดงถูกลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ทว่าหลังจากนั้นชายผมแดงกลับจากไป ทว่าหลายคนเองก็รับรู้ว่านี่ไม่ใช่การลอบโจมตี ทว่าคนกลุ่มดังกล่าวทรงพลังอย่างแท้จริง.

สำหนักปิศาจโลหิตนับว่าถูกลูบคมตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ทว่ากลับเร่งรีบจากไปไม่คิดที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย เห็นชัดเจนว่าคนกลุ่มนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก.

อีกทั้ง จื่อหยางจิงหงที่ใช้สวรรค์ลี้ลับปกปิดมันเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้ พวกเขาเป็นใคร มาจากใหน ทำให้ได้แต่มองด้วยความสนใจ.

ที่ไกลออกไป บนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ซึ่งมีศาลาที่งดงามตั้งอยู่ ที่ด้านนอกนั้นมียอดฝีมือคอยป้องกัน ศาลาดังกล่าวนั้นมีม่านไม้ไผ่ปิดกั้น ทำให้สามารถมองจากด้านในออกมาด้านนอก ด้านนอกไม่สามารถมองเข้าไปด้านในได้.

ที่ด้านในนั้น มีชายในชุดสีดำที่หรูหรา ใบหน้าที่ดูประณีต กำลังดื่มชาอยู่.

หากจงซานได้เห็นแน่นอนว่าจะต้องประหลาดใจออกมา คนผู้นี้ก็คือปราชญ์เทพม่อจื่อ.

"จงซาน? คาดไม่ถึงเขาจะมาทวีปตะวันออก จริง ๆ ....."ม่อจื่อที่วางถ้วยชาเบา ๆ  ไม่กล่าวสิ่งใด.

ทว่าจงซานในเวลานี้ ไม่ได้สนใจที่จะมองม่อจื่อ ยังคงจ้องมองไปยังด้านหน้า จ้องมองไปยังสนามรบบนวิหารใต้เหล่ยหยิน.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด