Chapter 1169 ด้านนอกวิหารใต้เหล่ยหยิง.
ภพหยาง ทวีปตะวันออก.
กลุ่มของจงซานที่เดินทางด้วยความเร็วสูงสุดต้องใช้เวลาหลายปีในการเดินทางมา ท้ายที่สุดก็มาถึงทวีปตะวันออก สถานที่กำลังเกิดความโกลาหล.
กลุ่มคน 12 คน ที่สวมชุดดำปกปิดกลิ่นอาย ทำให้ผู้คนรอบ ๆ ไม่สามารถสืบสวนได้ ยิ่งเป็นหวนจีด้วยแล้วที่ไม่ต่างจากความว่างเหล่า แทบไม่สามารถสัมผัสได้เลย.
หวนจี ที่ไม่ต่างจากเงาไร้รูป ติดตามมาด้วยตลอดทาง แม้ว่าจะเป็นความลับ ทว่าจงซานก็ไม่ได้กังวลอะไรนัก.
รากฐานของนางนั้น หากจะกล่าวล่ะก็ นางคือส่วนหนึ่งของอารมณ์ที่ทำให้เกิดตัวตนขึ้นในใจของทุกคน ทำให้ทุกคนสัมผัสและคิดว่านางมีชีวิต.
อีกอย่างหนึ่ง จงซานได้คิดดูแล้ว นับตั้งแต่เกิดการต่อสู้ในสวนสวรรค์ลอยฟ้าในครั้งนั้น จงซานก็สามารถบอกได้ แม้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นนางได้ ทว่าปราชญ์เทพสามารถมองเห็นและรับรู้ได้.
หยวนจีที่เป็นเหมือนกับคนทั่วไป สามารถเห็นได้ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะว่าหวนจีนั้นคล้ายดั่งแสงเงาสำหรับคนทั่วไป แม้แต่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดเวลา ทว่าปราชญ์เทพนั้นแตกต่างออกไป หากปราชญ์เทพพบพวกเขา ย่อมไม่ยินยอมแน่และจะต้องเล็งเป้ามายังนาง ซึ่งอาจจะทำให้นางได้รับอันตราย.
จงซาน ที่ให้หวนจีเผยรูปร่างให้คนอื่น ๆ ได้เห็น เพื่อที่จะสามารถป้องกันนางได้จากปราชญ์เทพ ในเมื่อนางมีตัวตนจะทำให้คนอื่น ๆ ไม่เห็นความผิดปรกติ และสามารถป้องกันปัญหาได้.
"เซิ่งหวัง พวกเรามายังทวีปตะวันออก จะไปที่ใดก่อน?"จินเผิงสอบถามออกไป.
"อาณาเขตซือหนิวเหอ วิหารใต้เหล่ยหยิน!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.
"ไปยังวิหารใต้เหล่ยหยิน?"จินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
คนอื่นที่จ้องมองไปยังจงซานพร้อม ๆ กัน.
"เซิ่งหวัง เกิดสิ่งใดขึ้น?"เซียนเซิงซือสอบถามออกไป.
"ใช่ ระหว่างทางนั้นหลายปีที่พวกเราเดินทาง ในทวีปตะวันออกเกิดเรื่องสำคัญขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีการต่อสู้หนึ่งเกิดขึ้น!"จงซานกล่าว.
"การต่อสู้อย่างงั้นรึ?
"ยูไลวิหารใต้เหล่ยหยิง กับ ซา ตำหนักไป่โหยว ต่อสู้กันอยู่!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ซา?เขาคือศพปราชญ์เทพจากโลกใบเล็กครั้งนั้น?ศพของทงเทียน?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ยูไลต่อสู้กับซา?"จินเผิงที่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ.
แม้นว่าจินเผิงจะเคยถูกเทพอรหันต์ยูไลกำราบ เขาที่เป็นวิหคยักษ์ปีกทองในตำนาน ที่เต็มไปด้วยความอหังการ ทว่าก็เคยอาศัยในวิหารใต้เหล่ยหยิน ดังนั้นเวลานี้ย่อมมีความรู้สึกเช่นกัน.
"ไม่สามารถบอกได้ หลายปีมานี้ การต่อสู้ในทวีปตะวันออกเกิดขึ้นเรื่อย ๆ บุญคุณความแค้นที่เหมือนว่ามันได้ปะทุขึ้นในทันที มีการต่อสู้หลายแห่ง จนมาถึงเทพอรหันต์ยูไลและซา ก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ผลเป็นอย่างไรบ้าง?"จินเผิงที่สอบถามออกไป.
"ซานั้นทรงพลังมาก ยูไลได้รับบาดเจ็บและหลบเข้าไปในวิหาร ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"แฮก ๆ !"จินเผิงที่สูดหายใจลึก แววตาที่เผยท่าทางตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งของยูไลนั้น จินเผิงรับรู้ดี แม้นว่าจะตัวคนเดียว ความแข็งแกร่งของเขาก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน.
ยูไลที่แข็งแกร่งทรงพลังถึงเพียงนั้น คาดไม่ถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้! ทำให้ยูไลบาดเจ็บหนีกลับไปรักษาตัวอย่างงั้นรึ?
"ซาอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่สอบถามออกไป.
"ซา? ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย!"จงซานที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
จินเผิงที่เอ่ยปากค้าง ไม่อยากเชื่อว่าซาจะทรงพลังขนาดนั้น?
"ซานั้น ผิดปรกติมากนัก!"เซียนเซิงซือที่ครุ่นคิดและส่ายหน้าไปมา.
"ผิดปรกติ? ผิดปรกติอย่างไร?"ทุกคนที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"เกี่ยวกับข้าที่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับศพ หลังจากที่พวกมันเปิดเชาว์ปัญญาได้ ก็จะไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งได้เท่าเดิม ถึงจะเป็นศพปราชญ์เทพก็ตาม ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่มันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น เทพอรหันต์ยูไล แม้นว่าจะไม่เห็นด้วยตัวเอง แต่ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง การจะพ่ายแพ้ แม้แต่ได้รับบาดเจ็บทั้งที่ซาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรกลับไปเลย ซาคนนี้ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ควรจะเป็น!"เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.
"ซานั้นแปลกไปจริง ๆ ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเนตรเทียนชูปรากฎ เหล่าปราชญ์เทพที่ร่วงหล่นจากสวรรค์ที่จุติกลับมา ควรที่จะตกตายไปหมดแล้ว ไท่ซ่าง จุนถี เจี่ยหยิน ทุกคนต่างก็ถูกทำลายสิ้น ทว่าซาเป็นเพียงศพของทงเทียน กลับยังปลอดภัยไร้รอยขีดขวด มีเล่ห์กลอันใดกัน!"จินเผิงที่พยักหน้ารับ.
"ในครั้งนี้มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในทวีปตะวันออกแห่งนี้ เกี่ยวพันธ์กับเรื่องที่ใหญ่โตอย่างแน่นอน ซาเองก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน เราควรที่จะเริ่มสืบจากเขา!"จงซานพยักหน้ารับและกล่าว.
"รับทราบ!"ทุกคนที่พยักหน้ารับ.
จื่อหยางจิงหงเองก็ไม่มีความคิดเห็นเช่นกัน ดูเหมือนว่า คงจะเป็นเช่นนั้น?
แม้นว่าจะเพิ่งมาถึง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อย เรื่องราวต่าง ๆ ในทวีปตะวันออกนั้น จงซานรับรู้อย่างดีอย่างงั้นรึ? เขาได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว? น่าเหลื่อเชื่อ แม้นว่าจะยังไปไม่ถึง แต่ก็สามารถวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว? หากเป็นคงอื่นคงยากที่จะทำได้.
จื่อหยางจิงหงยิ่งรู้จักยิ่งจ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ.
"เช่นนั้น เซิ่งหวัง พวกเราเดินทางไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินเวลานี้เพื่ออะไรอย่างงั้นรึ?"หวังคูที่เผยท่าทางสงสัย.
"วิหารใต้เหล่ยหยิน? ตอนนี้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน!"จงซานเอ่ย.
"หืม?"ทุกคนที่ไม่เข้าใจ.
"ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต้องการสังหารพวกเขาให้สิ้น!"จงซานกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
"มีบางคนต้องการสังหารทุกคนของวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
วิหารใต้เหล่ยหยิน นับตั้งแต่ในอดีตก็ไม่ได้สร้างความขัดแย้งกลับใครอย่างชัดเจนนัก วันนี้กลับมีคนต้องการสังหารพวกเขาให้สิ้นอย่างงั้นรึ? เป็นใครกัน?
"หากไม่รีบไป ทุกคนคงถูกสังหาร!"จงซานที่กล่าวออกมา.
สังหาร ทุกคนจะถูกสังหารอย่างงั้นรึ?
"บุกเข้าไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"ดวงตาของจินเผิงที่สั่นไหวไปมา ยังมีคนที่อหังการเช่นนี้อยู่อีกรึ?
"เดินทาง ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมือมากมายที่มารวมตัวกัน จินเผิงนำทาง!"จงซานที่กล่าวออกมา.
"รับทราบ!"
กลุ่มคนทั้ง 12 คน ในเวลานั้นพุ่งตรงไปยังวิหารใต้เหล่ยหยินด้วยความเร็วสูง.
เป้าหมายสถานที่แรกของทวีปตะวันออก คือวิหารใต้เหล่ยหยิน!
ความเร็วของพวกเขานั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ภายใต้การนำของจินเผิง จึงใช้เวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น พวกเขาก็สามารถเดินทางไปถึงอาณาเขตซือหนิวเหอ ทวีปซือตาปู่.
กลับมาอีกครั้งแล้ว.
หลังจากผ่านมาหลายร้อยปี กลุ่มของจงซานก็กลับมาที่นี่อีกแล้ว ทว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ พวกเขากลายเป็นกลุ่มที่ทรงพลังมากแตกต่างจากเดิมลิบลับ.
เหมือนดังที่จงซานกล่าว มียอดฝีมือมากมายจากทั่วทุกสารทิศ ประจำเต็มไปหมดบนเทือกเขาต่าง ๆ รอบ ๆ .
การสังหารที่ไม่หยุดหย่อน! กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า.
วิหารใต้เหล่ยหยิน คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้มาเยือนมากมายขนาดนี้.
ในนั้นมีคนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนที่สวมชุดสีขาวล้วน ถือกระบี่ยาวสีฟ้า กระบี่ดังกล่าวเพียงแค่ตวัด ฟ้าดินก็เปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยปราณกระบี่ มากมายปกคลุมท้องฟ้า ราวกับพายุแห่งปราณกระบี่ มากมายน่าตื่นตะลึง.
กลุ่มมือกระบี่ในชุดสีขาวนั้นกำลังบุกเข้าไปในวิหารใต้เหล่ยหยิน ทว่าที่ด้านหน้าวิหารใต้เหล่ยหยินก็มีบางคนช่วยวิหารใต้เหล่ยหยินเอาไว้ ขวางพวกเขาที่ด้านนอก.
ที่ด้านนอกนั้นมีราชวงศ์ชื่อเสียงวาสนาขนาดใหญ่ และยังมียอดฝีมืออีกหลายคน ที่กำลังต้านกลุ่มมือกระบี่ขวางเอาไว้ด้านนอก.
ทว่าก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ยังคงจ้องมองอยู่รอบ ๆ ไม่เร่งรีบรุกเข้าไป.
เหล่าคนที่มีพลังฝึกตนอ่อนแอจะถูกต้านเอาไว้ด้านนอก ส่วนมือกระบี่ที่มีฝีมือสูงกำลังรุกเข้าไปด้านใน.
จงซานไม่ได้เข้าร่วมความขัดแย้งนี้แต่อย่างใด ขณะที่บินไปหยุดที่เทือกเขาแห่งหนึ่ง.
บนเทือกเขาดังกล่าว มีผู้ฝึกตนผมสีแดง ดวงตาสีแดงเข้ม เห็นชัดเจนว่าเป็นคนที่ดุร้ายมาก ที่ด้านหลังมีศิษย์ของเขาอยู่หลายคน เวลานี้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีจับจ้องมองลงไปยังด้านล่าง.
"ไปให้พ้น!"เต้าเหรินถูที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หืม?"ผู้ฝึกตนผมสีแดงที่ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองด้วยความเย็นชากลับกลุ่มคนที่มาใหม่.
ใครคือผู้ฝึกตนผมแดง? ในเขตแดนแห่งนี้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฉายา ดาวปิศาจ สังหารเซียนบรรพชนมาหลายคนเมื่อไม่นานมานี้ มีกระบี่โลหิตที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ใครกันที่แส่หาความตายหาเรื่องเขา?
ขณะทีเขาหันหน้าไปมอง มีคนชุดดำ 12 คน ที่ไม่พูดไม่จาบุกเข้ามา เห็นชัดเจนว่าคนที่เอ่ยปากเมื่อกี้นี้เป็นเพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่คิดเลยว่าแค่ผู้ใต้บังคับบัญชากลับกล้าหาเรื่องเขา?
"แส่หาความตาย!"
ผู้ฝึกตนผมแดงชักกระบี่ออกมา ก่อนที่จะตวัดออกไป กลายเป็นริ้วแสงสีแดงพุ่งออกไปด้านหน้าในทันที.
"ซี่!!!"เสียงชักกระบี่พร้อมกับโจมตีออกไป ส่วนเต้าเหรินถูเองก็ชักดาบออกมาฟาดฟันออกไปเช่นเดียวกัน.
ดาบโลหิตที่ทำให้พื้นที่รอบ ๆ กลายเป็นสีโลหิต ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นคาวโลหิต เป็นกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงไปถึงแก่นพุ่งตรงไปยังชายในชุดสีแดง.
"ตูมมมมมมมมม!"
กระบี่ที่ลอยกระดอนออกไป ผู้ฝึกตนผมแดงถึงกับลอยละลิ่วกระเด็นออกไป เหล่าศิษย์ของเขาที่เร่งรีบบินตามไปในทันที.
"อาจารย์!"ศิษย์ของเขาที่เร่งรีบบินตามมาด้วยความตื่นตกใจ.
ตกใจ? ชายผมแดงรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงจิตวิญญาณ.
กลิ่นอายจิตสังหารนั่น ทรงพลังมากกว่าเขาหลายเท่า แม้แต่กระแทกเขาลอยออกมาหลายพันจั้ง?
นี่เพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างงั้นรึ?
ชายในชุดสีแดงที่มือสั่นสะท้าน จดจ้องมองขึ้นบนบนท้องฟ้าหวาดตาไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป.
หากแต่คนกลุ่มดังกล่าวกลับไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เพียงแค่หยุดอยู่บนยอดเขาดังกล่าว จ้องมองออกไปยังพื้นที่ไกลออกไป.
บุรุษผู้หนึ่งที่เป็นหัวหน้า มีชายสามคนและหญิงสาวหนึ่งคนที่ยืนด้านข้าง ส่วนคนอื่น ๆ ที่ยืนห่างออกไปด้านหลัง ไม่กล้าเข้าไปใกล้ คอยอารักษ์ขาความปลอดภัยของคนทั้งสี่ ดูเหมือนว่าคนสามคนด้านหน้าจะมีสถานะสูงกว่าอย่างชัดเจน ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีสถานะสูงสุด ส่วนชายสามคนและสตรีหนึ่งคนคงมีสถานะรองลงมา และมีคนอีกเจ็ดคนที่คอยปกป้องมีสถานะลำดับสาม.
อีกทั้งคนที่ล้มเขาก่อนหน้านี้ กลับเป็นเพียงกลุ่มคนที่มีสถานะเพียงลำดับสาม.
ผู้ใต้บังคับบัญชาลำดับสาม ล้มเขาด้วยกระบวนท่าเดียว.
ชายผมแดงที่เผยท่าทางหวาดหวั่น คนกลุ่มนี้เป็นใครกัน? ผู้ใต้บังคับบัญชาลำดับสามยังเอาชนะเขาได้อย่างงั้นรึ?
"อาจารย์ ฆ่ามันเลยไหม คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลอบโจมตีพวกเรา!"
"อาจารย์ พวกมันข่มเหงสำนักปิศาจโลหิตของพวกเรา แสดงให้มันได้เห็นว่าสำนักปิศาจโลหิตของพวกเราไม่ใช่ว่าใครจะยุแหย่ได้."
"อาจารย์ พวกเราร่วมมือสังหารพวกมันเลย!"
........................
..................
......
คนกลุ่มดังกล่าวที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ชัดเจนพวกเขาคิดว่าเต้าเหรินถูก่อนหน้านี้ลอบโจมตี.
"หุบปาก!"ชายผมแดงที่ตะคอกออกไปเสียงดัง.
"อา อาจารย์?"เหล่าศิษย์ที่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย.
"พวกเราไป!"ชายผมแดงที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา.
"?"เหล่าศิษย์ที่เผยท่าทางประหลาดใจ ก่อนที่จะเร่งรีบจากไป.
กลุ่มคนของสำนักปิศาจโลหิต ที่จากไปเงียบ ๆ .
ทว่าภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความสนใจให้กับคนรอบ ๆ เช่นเดียวกัน ทุกคนที่คิดว่าชายผมแดงถูกลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ทว่าหลังจากนั้นชายผมแดงกลับจากไป ทว่าหลายคนเองก็รับรู้ว่านี่ไม่ใช่การลอบโจมตี ทว่าคนกลุ่มดังกล่าวทรงพลังอย่างแท้จริง.
สำหนักปิศาจโลหิตนับว่าถูกลูบคมตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ทว่ากลับเร่งรีบจากไปไม่คิดที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย เห็นชัดเจนว่าคนกลุ่มนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก.
อีกทั้ง จื่อหยางจิงหงที่ใช้สวรรค์ลี้ลับปกปิดมันเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้ พวกเขาเป็นใคร มาจากใหน ทำให้ได้แต่มองด้วยความสนใจ.
ที่ไกลออกไป บนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ซึ่งมีศาลาที่งดงามตั้งอยู่ ที่ด้านนอกนั้นมียอดฝีมือคอยป้องกัน ศาลาดังกล่าวนั้นมีม่านไม้ไผ่ปิดกั้น ทำให้สามารถมองจากด้านในออกมาด้านนอก ด้านนอกไม่สามารถมองเข้าไปด้านในได้.
ที่ด้านในนั้น มีชายในชุดสีดำที่หรูหรา ใบหน้าที่ดูประณีต กำลังดื่มชาอยู่.
หากจงซานได้เห็นแน่นอนว่าจะต้องประหลาดใจออกมา คนผู้นี้ก็คือปราชญ์เทพม่อจื่อ.
"จงซาน? คาดไม่ถึงเขาจะมาทวีปตะวันออก จริง ๆ ....."ม่อจื่อที่วางถ้วยชาเบา ๆ ไม่กล่าวสิ่งใด.
ทว่าจงซานในเวลานี้ ไม่ได้สนใจที่จะมองม่อจื่อ ยังคงจ้องมองไปยังด้านหน้า จ้องมองไปยังสนามรบบนวิหารใต้เหล่ยหยิน.