Chapter 1136 ตี้เสวียนชาหรือตี้ซือเทียน.
"พวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอก!"จงซานที่หันหน้าไปมองคนของเขา.
"รับทราบ!"หวังจิงเหวินและคนอื่น ๆ เองรับคำในทันที.
เทียนหลิงเอ๋อเบ้ปากเล็กน้อย มีอะไรต้องปิดบังอย่างงั้นรึ? แม้แต่นางก็ไม่สามารถบอกได้อย่างงั้นรึ?
จงซานไม่ได้อธิบาย ทว่าหวังจิงเหวินและเซียนเซิงซือเข้าใจดี เรื่องที่ต้องการพูดคุยกับตี้เสวียนชา จงซานจึงให้หลิงเอ๋อคนอื่น ๆ รออยู่ด้านนอก.
จงซานที่ให้จินเผิงเฝ้าระวังให้ดีไม่ให้ทุกคนเข้าไป จินเผิงที่ตกใจเล็กน้อย เผยท่าทางงงงวย จากนั้นก็ราวกับตระหนักอะไรได้ ก่อนที่จะพยักหน้ารับ.
จงซานและตี้เสวียนชาที่ก้าวเข้าไปในตำหนักเต๋าหลี่เทียนช้า ๆ .
ตี้เสวียนชาที่ไม่กล่าวสิ่งใดปล่อยให้ผู้ฝึกตนช่วงชิงชะตาต้องอ้าปากค้างด้วยความเศร้าใจ จงซานต้องการทำอะไร? หมายความว่าอย่างไร? ตี้ซือเทียน ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเลยรึ?
“!”
ประตูตำหนักเต๋าหลี่เทียนที่ปิดเสียงดัง.
ภายในห้องโถงตี้เสวียนชาโบกมือ ก่อนที่จะปรากฎโต๊ะเก้าอี้ขึ้นมา พร้อมกับอาหารและกาน้ำชาที่หอมกรุ่น.
"เชิญนั่ง!"ตี้เสวียนชาเอ่ย.
จงซานที่ไม่เกรงใจ พยักหน้ารับ พร้อมกับนั่งลงในทันที.
ภายใต้อำนาจวิเศษ ชาที่หอมก็ถูกเสิร์ฟต่อหน้าคนทั้งสอง.
"เจ้าใช้วิชาของกุย กายาเทพอสูร ชาถ้วยนี้เป็นประโยชน์กับเจ้า!"ตี้เสวียนชาที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจ ทว่าก็ยกน้ำชาขึ้นดื่ม น้ำชาที่อุ่นชโลมไปทั่วร่างกาย หลังจากที่ใช้วิชากายาเทพอสูร จะทำให้เขาอ่อนแอไปชั่วขณะ ไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทว่าชาถ้วยนี้กลับทำให้ความอ่อนแอเหล่านั้นสลายหายไป.
ราวกับว่าชาถ้วยนี้มีผลต่อวิชากายาเทพอสูรทำให้ผลสะท้อนในร่างกายหายไป.
ทันใดนั้น จงซานก็กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีก.
"เจ้ารู้จักกุย?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
ไม่น่าจะใช่ ผู้ฝึกตนของตระกูลจื่อหยางเองก็บอกว่า กุยเอ๋อร่วงหล่นจากสวรรค์ เช่นนี้ตี้เสวียนชาจะพบกับกุยได้อย่างไร ส่วนตี้ซือเทียนก็มีอายุเมื่อ 90 ล้านปีที่แล้วและอยู่ในค่ายกล แน่นอนว่าไม่มีทางพบกับกุย! หมายความว่าอย่างไร นี่เป็นตี้เสวียนชาพบอย่างงั้นรึ?
"พบสองครั้ง....!"ตี้เสวียนชาพยักหน้า.
เคยพบ?สองครั้ง? ภายในใจที่สั่นไหว ตี้เสวียนชาเคยพบ?
"เจ้าเคยเห็น? ที่ใหน?"จงซานที่ไม่เข้าใจ.
"ใช่ ไม่รู้ที่ใหน!"ตี้เสวียนชาที่ส่ายหน้าไปมา.
เป็นความจริง ตี้เสวียนชาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ตี้เสวียนชาในอดีต.
แน่นอนว่าหลายเรื่องที่เขาไม่สามารถถาม และตี้เสวียนชาก็ไม่มีทางตอบด้วยเช่นกัน.
"เซียนเซียนสบายดีอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่จ้องมองไปยังจงซาน.
เซียนเซียน? จงซานที่ค่อย ๆ วางถ้วยน้ำชาลง แววตาจ้องมองตี้เสวียนชาด้วยความเย็นชา.
"เซียนเซียน เจ้าคือปู่ของนางอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมในทันที.
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร!"ตี้เสวียนชาที่เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เซียนเซียนนั้นเป็นหลานสาวของตี้เสวียนชา ทว่าจากความเห็นของข้า เจ้าคือตี้เสวียนชาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ได้ยินคำพูดของจงซาน ตี้เสวียนชาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ต้องไม่ลืมว่าจงซานที่เป็นผู้ดูแลเซียนเซียน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เชื่อใจเหมือนดังเช่นในอดีต.
"เซียนเซียนนั้นตี้เสวียนชามอบให้ข้าดูแล เรื่องของเซียนเซียนข้าย่อมบอกกล่าวต่อตี้เสวียนชาเท่านั้น ทว่าเจ้าเวลานี้ คือตี้เสวียนชาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปอีกครั้ง.
"ข้าดูไม่เหมือนตี้เสวียนชาอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ไม่ ข้าสามารถมองเห็นได้ ว่าเจ้าจดจำหลานสาวเซียนเซียนได้ ทว่ายังมีสิ่งอื่นอีก บางสิ่งที่ไม่ดีต่อเซียนเซียน ดังนั้นข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
ตี้เสวียนชาที่ดวงตาหดเกร็ง กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม "เซียนเซียนเป็นหลานสาวของข้า ข้าจะคิดไม่ดีต่อนางได้อย่างไร?"
"แล้วตี้ซือเทียน สามารถคิดไม่ดีต่อนางได้ไหม?"จงซานที่จ้องมองไปยังตี้เสวียนชา.
ตี้เสวียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา เงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าไปมา "ข้าไม่ใช่ทั้งตี้เสวียนชาและตี้ซือเทียน มีนิสัยใหม่ ทว่าเกี่ยวกับเซียนเซียน นางจะเป็นหลานสาวของข้าตลอดกาล ข้าไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายนางได้ ข้าไม่ดีตรงใหน!"
จงซานที่ส่ายหน้าเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล "เจ้ารู้ว่าข้าต้องการสื่อความหมายอะไร เจ้าบอกว่าไม่ดี กับไม่ทำร้ายนาง แม้นว่าความหมายคล้าย ๆ กัน ทว่าจิตสำนึกของเจ้า ตี้ซือเทียนยังส่งผลต่อเจ้า เซียนเซียนนั้นมีสายโลหิตที่เหนือกว่าเจ้า และใกล้เคียงสายโลหิตของบรรพชน ข้าไม่รู้ว่ามันมีผลต่อบรรพชนตี้ซือเทียนขนาดใหน ทว่าข้ารู้ว่าตี้ซือเทียนนั้นต้องการร่างนางเป็นอย่างมากแน่!"
ตี้เสวียนชาหรี่ตาจ้องมองจงซาน.
"ข้าไม่มีทางทำร้ายเซียนเซียน!"ตี้เสวียนชาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม.
"เป็นเจ้าหรือตี้ซือเทียนที่กำลังบอกกับข้า เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องเตรียมการ หากเจ้าเป็นตี้ซือเทียน ข้าย่อมต้องช่วยเหลือตี้เสวียนชาปกป้องเซียนเซียน ข้าไม่มีทางที่จะให้ตี้ซือเทียนทำร้ายนางได้!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.
ตี้เสวียนชาที่จ้องมองจงซาน "ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่มีทางเข้าใจนิสัยในเวลานี้ของข้าได้ ข้าบอกแล้ว ข้าไม่ใช่ทั้งตี้เสวียนชาและตี้ซือเทียน เป็นคนอีกคนหนึ่ง!"
จงซานที่โบกมือเบา ๆ พร้อมกับรินน้ำชาอีกถ้วย.
ในเวลานั้น จงซานที่จ้องมองตี้เสวียนชาด้วย "เจ้าควรจะรู้สถานะการณ์ ข้ารับรู้มาจากเซียนเซิงซือได้บอกกล่าวต่อข้า นิสัยใหม่อย่างงั้นรึ? เฮ้เฮ้ ทว่าข้าไม่เชื่อว่าทั้งสองจะสามารถยึดครองร่างเดียวกันได้ สายลมสองสายสองทิศทาง การผสานรวมกันมีแต่จะพังพินาศไปพร้อม ๆ กัน จากสิ่งที่ข้าเห็นจำเป็นต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ต้องเป็นฝ่ายครอบครองร่าง!"
ตี้เสวียนชาที่ดวงตาหดเกร็ง.
"บางที ภายในจิตสำนึกของเจ้า มีทั้งตี้เสวียนชาและตี้ซือเทียน ทว่า ตัวเจ้านั้นคิดว่าไม่มี เจ้าคิดว่ามันเป็นนิสัยจิตใจใหม่นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าไม่ฉลาดอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าขอกล่าวตามเหตุผล หากเจ้าเป็นตี้ซือเทียน วิญญาณเทวะที่เข้าไปในร่าง จะยอมแบ่งปันร่างกับคนอื่นหรือไม่ และมันสามารถที่จะเปลี่ยนนิสัยคนอื่นได้อย่างงั้นรึ? เว้นแต่เจ้าไม่ใช่ตี้ซือเทียน แต่ว่า การที่นิสัยใหม่ควบคุมร่างกายเจ้าได้ เจ้าต้องการอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ตี้เสวียนชาที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"ใช่ ในเวลานี้ เจ้าไม่ใช่ตี้ซือเทียน ทว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดของจิตสำนึกใหม่ที่ควบคุม ทว่าจิตสำนึกใหม่นี้ กำลังทำลายความทรงจำร่างใหนร่างหนึ่ง อาจเป็นตี้ซือเทียน? หรือไม่ก็ตี้เสวียนชา?"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
ตี้เสวียนชาที่ดวงตาหรี่เล็กลง.
"นิสัยของข้า ข้าตัดสินใจที่จะเป็นตี้เสวียนชาไม่มีเปลี่ยนและนิสัยของตี้ซือเทียนเอง ก็ไม่เปลี่ยน!"ตี้เสวียนชาที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จงซานที่ยกชาขึ้นจิบ ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า "บางครั้ง เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว!"
"ข้าไม่รู้ตัว? ใครบอกว่าข้าไม่รู้ตัว?"ตี้เสวียนชาที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เจ้า!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"หืม?"
"เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ เหล่าหมาป่าทั่วหล้ารับรู้ว่าเจ้าคือตี้ซือเทียน ใครรู้ว่าเจ้าคือตี้เสวียนชา? เผ่าหมาป่าจดจำได้แต่ตี้ซือเทียนเมื่อ 90 ล้านปีที่แล้ว เผ่าหมาป่ามีใครบ้างที่รู้จักตี้เสวียนชา?แม้แต่ เปลี่ยนชื่อเจ้าเป็นตี้ซือเทียน แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนแข็งแกร่ง ทว่าในโลกหล้านี้ย่อมมีคนแข็งแกร่งกว่า? เมื่อเจ้าใช้นามตี้ซือเทียน นามตี้เสวียนชาก็จะค่อย ๆ จางหายไปเรื่อย ๆ นับวันก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนามตี้เสวียนชาจะไม่มีผลกระทบต่อร่างกายอีก เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะเป็นตี้ซือเทียนอย่างสมบูรณ์ ทว่าตี้เสวียนชานั้นก็จะสลายหายไป และทุกอย่างก็จะเหลือเพียงตี้ซือเทียน!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"เครง!"ตี้เสวียนชาที่ทำถ้วยน้ำชาหล่น จดจ้องมองไปยังจงซาน.
"เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเป็นตี้ซือเทียน เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเป็นตี้เสวียนชา ข้าคือข้า!"ตี้เสวียนชาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา.
"ในท้ายที่สุด ก็ยากที่จะบอกได้ เจ้าในเวลานี้อาจจะมีจิตสำนึกของตี้เสวียนชา บอกข้าสิ เจ้าจะไม่มีวันจัดการเซียนเซียนจริง ๆ รึ?"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ตี้เสวียนชาที่จ้องมองจงซาน! ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเงียบงัน.
"เจ้าคิดว่ารวมกันได้อย่างงั้นรึ? หากเป็นตี้เสวียนชา เจ้าจะต้องบอกกับข้าว่าให้ช่วยดูแลหลานสาวของเจ้าให้ และเจ้าจะไม่ยินดีที่จะพูดกับข้าเช่นนี้ ตี้ซือเทียนนั้นมีผลกระทบต่อเจ้า ตี้ซือเทียนนั้นต้องการร่างของเซียนเซียน และได้ยึดครองจิตสำนึกส่วนหนึ่งแล้ว ทำให้เจ้าบอกว่านี่ไม่ใช่นิสัยของเจ้า ทว่าจิตสำนึกทั้งสองนั้นจะต้องเหลือเพียงหนึ่งเท่านั้น คิดว่าต้องมีร่างหนึ่งร่างใดต้องสลายไป เจ้าว่าจริงไหม?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา.
ตี้เสวียนชาที่เผยเหงื่อที่เย็นเยือบหลั่งออกมา.
หากเปลี่ยนเป็นนิสัยใหม่ ยังจะมีความทรงจำของตี้เสวียนชาและตี้ซือเทียนอย่างงั้นรึ? ทั้งจิตสำนึกต้องถูกกำจัดออกไปจากร่าง หรือหากต้องเป็นหนึ่งในทั้งคู่ล่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ดูน่าหวาดกลัว นอกจากนี้การพูดคุยกับจงซานยังทำให้สามารถพิสูจน์อะไรบางอย่างได้.
เปลี่ยนเป็นตี้เสวียนชา หรือเปลี่ยนเป็นตี้ซือเทียน? ตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ ต้องบอกว่าไม่รู้ตัวต่างหาก.
ตี้เสวียนชาที่ตระหนักอะไรบางอย่างได้ ทว่าตี้ซือเทียนกลับมีผลกับเขา ทำให้เกิดการโต้แย้งในใจ เขาที่จ้องมองจงซาน ท้ายที่สุดก็เผยความซับซ้อนออกมา.
"ตี้เสวียนชาหรือตี้ซือเทียน เจ้ากำลังเลือกเป็นใคร เจ้าต้องการที่จะเป็นใคร?"จงซานที่จ้องมองเขม็งไปยังตี้เสวียนชา.
จากนั้น จงซานที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ รอคอยตี้เสวียนชาอย่างใจเย็น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน ตี้เสวียนชาต้องคิดอะไรได้อย่างแน่นอน ต้องไม่ลืมว่าตี้ซือเทียนนั้นต้องมีไพ่อะไรบางอย่างในมือ ไม่มีทางที่จะบอกคำอื่น.
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ตี้เสวียนชาที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"ข้าต้องการต่อสู้ หากเจ้าชนะข้าได้ ข้าจะบอกวิธีเอาชนะข้า หากเจ้าไม่สามารถชนะข้าได้ ข้าก็จะไม่บอกสิ่งใดกับเจ้า!"ตี้เสวียนชาที่กล่าวออกมาอย่างยากลำบาก.
ต่อสู้รึ?
จงซานที่จ้องมองตี้เสวียนชาด้วยความจริงจัง ผลลัพธ์ จงซานพอจะคาดเดาได้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า ร่างกายย่อมต้องมีเจตจำนงของตัวเอง ต้องสามารถควบคุมได้ทั้งหมด การที่เขาบอกว่าหากชนะจะบอกวิธีในการจัดการกับเขา ในโลกใบนี่เป็นเรื่องใหญ่แน่ที่จะบอกจุดอ่อนกับคนอื่น ทว่าด้วยวิธีดังกล่าวนี้ ก็จะทำให้จงซานสามารถคาดเดาความถูกต้องได้มากขึ้น.
"ดี!"จงซานที่กล่าวตอบรับ.
ตี้เสวียนชาที่พ่นลมหายใจ ทว่าในเวลานั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อน เห็นชัดเจนว่าความรู้สึกของตัวเองเกิดการต่อต้าน ว่าจะใช้คำพูดของตี้เสวียนชาหรือตี้ซือเทียน ในเมื่อตกลงแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง.
"ข้าจะต่อสู้ หากว่าเจ้าเป็นตี้ซือเทียน ข้าคิดว่าจะต่อสู้ด้วยทักษะเทวะ? ตัดสินแพ้ชนะในครั้งเดียว!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ดี!"ตี้เสวียนชากล่าวหยัน.
ทักษะเทวะรึ? ทักษะเทวะตี้ซือเทียนที่มีมาหลายสิบล้านปี มีเหรอที่จะอ่อนด้อย.