Chapter 1122 เทียนเต๋าจื่อ.
"เป๋าซือ?"จี้กงหนี่ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
"ใช่แล้ว เมื่อหลายร้อยปีก่อนความจริงจงซานได้พบกับเป๋าซือ นางอยู่ในอาณาเขตเฟิงจง ซึ่งทุกคนรู้ว่าไม่ได้ปรากฎตัวออกมาบ่อยนัก!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"เป๋าซืออยู่ที่ใหน?"จี้กงหนี่ที่แสดงท่าทางร้อนใจ.
"เป๋าซือได้ตายแล้ว!"จงซานที่แสดงท่าทางหนักอึ้งจริงจังออกมา.
เหล่าขุนนางต้าโจวที่อ้าปากเล็กน้อย เผยใบหน้าที่หวาดผวา.
"หมายความว่าอย่างไร?"ท่าทางของจี้กงหนี่ที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา.
"ข้าคิดว่านางควรจะตายแล้ว ส่วนจะมีชีวิตอีกครั้งหรือไม่ ข้าไม่อาจรู้!"
"นางอยู่ที่ใหน? เจ้าเห็นนางได้อย่างไร? ตายอย่างไร?ศพนางล่ะ?"จี้กงหนี่เอ่ยด้วยเสียงที่เย็นยะเยือบ.
"เป๋าซือนั้น ใช้นามหม่ากู๋ ปกป้องโลกนวีหวา ตกตายในการต่อสู้ กับปราชญ์เทพหมี่เทียน ปราชญ์เทพหมี่เทียนนั้น ต้องการสร้างสี่ภูตวิถีสวรรค์ขึ้นมา จำเป็นต้องรวบรวม ซือ เหม่ย หวังและเหลียง เป่าซือก็คือเหม่ย ที่ถูกปราชญ์เทพหมี่เทียนหลอมขึ้นเป็นหุ่นเชิด! ข้าเห็นมันด้วยตาตัวเอง! ในเวลานั้นไม่มีความสามารถใด ๆ ช่วยได้!"จงซานเอ่ย.
"เหม่ย? ซือ เหม่ย หวัง เหลียง? หมี่เทียน?"ดวงตาของจี้กงหนี่ที่กลายเป็นสีแดงขึ้นมาในทันที.
จากท่าทางของจงซานแล้ว จี้กงหนี่เห็นว่าจงซานไม่ได้โกหก และไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหก ไม่ว่าอย่างไรเขาในเวลานี้รู้สึกขุ่นเคืองจงซาน จงซานไม่มีทางที่จะใช้เล่ห์กลใด ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็โกรธเคืองขึ้นมาอยู่แล้ว.
แต่มันคือความจริงอย่างงั้นรึ?
"โฮกกก ~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
จี้กงหนี่ที่คำรามลั่นดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า สายลมและเมฆที่บิดม้วนแยกออกจากกัน แท่งไฟรอบ ๆ ที่กำลังสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง.
"เป็นไปไม่ได้ นางไม่ตาย!"จี้กงหนี่ที่ค่อย ๆ ระงับความเจ็บช้ำในหัวใจเอาไว้.
จากนั้นจงซานที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างในอดีตให้กับเนี่ยฟ่านเฉินฟัง.
---------------------
"ข้ารู้ว่าวันนี้ไม่สามารถผ่านเคราะห์กรรมไปได้ และไม่คิดที่จะหลบเลี่ยง หมี่เทียน เจ้าจงรอ รอให้มีใครบางคนมาล้างแค้นให้กับข้า วันนี้เจ้าหลอมข้าเป็นหุ่นเชิด วันข้างหน้า ก็จะมีคนหลอมเจ้าเป็นหุ่นเชิดเช่นกัน! เจ้าจงรอ รอคอยได้เลย!"
........................
............
"เขาจะต้องล้างแค้นให้กับข้า!"
---------------------
กับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น แม้แต่จงซานยังรู้สึกหนักอึ้งในใจ แล้วจี้กงหนี่ที่เป็นคู่ความจะเป็นเช่นไร?
จี้กงหนี่ที่ต่อยหมัดไปยังฝ่ามือตัวเอง ร่างกายสั่นเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้เสียภาพพจน์ราชา เขาที่กำหมัดแน่นซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ แววตาที่ดุร้ายเย็นชา แม้แต่กงซูจื่อยังประหลาดใจ.
"ขอบคุณ!"จี้กงหนี่ที่กัดฟันเอ่ยออกมาสองคำ ที่หน้าผากยังมีเส้นโลหิตที่บวมปูด.
จงซานที่พ่นลมหายใจยาว ก่อนที่จะหันหน้ามายังเนี่ยชิงชิง.
"กงจูชิงชิง!"
เนี่ยชิงชิงที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนจนจ้องมองจงซานด้วยแววตาที่อ่อนไหว.
"จงซานนั้นติดหนี้ท่านมากมาย ทว่าจงซานคงต้องไปแล้ววันนี้ วันข้างหน้า กงจูชิงชิง เพียงแค่ส่งสารไปยังต้าเจิ้ง ขอเพียงไม่ผิดหลักการของข้า ไม่ว่าจะเป็นคำขอใดข้าก็จะทำ จงซานขอให้คำสัญญา!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"อืม!"เนี่ยชิงชิงพยักหน้า แววตาที่เผยท่าทางซับซ้อนไม่ต้องการแยกจาก.
"เซิ่งหวังจี้ นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่ข้ารู้ ขอแสดงความเสียใจด้วย จงซานขอลา!"จงซานที่กล่าวต่อจี้กงหนี่.
[节哀顺变 jié āi shùn biàn เจี๋ย ไอ สุ้น เปี้ยน วลีนี้ไว้ใช้ในการปลอบใจหรือแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต แปลเป็นไทยก็คือ “ขอแสดงความเสียใจด้วย”]
"อืม!"จี้กงหนี่ที่รับคำ อารมณ์ที่สั่นไหวราวกับจะเสียการควบคุมได้ทุกขณะ เขาที่กักเก็บความโกรธมากมายเอาไว้ ไม่ได้ต้องการจะกล่าวสิ่งใดออกมาอีก.
จงซานที่สะบัดแขนเสื้อนำพาทุกคนบินออกไปพุ่งตรงไปยังทิศตะวันออก หายไปลับสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว.
เหล่าขุนนางต้าโจวได้แต่จ้องมองกลุ่มของจงซานที่ค่อย ๆ หายไป แววตานั้นไม่ได้เผยท่าทางไม่พอใจอีกแล้ว ทว่าไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาต่อเซิ่งหวังเวลานี้เช่นกัน.
"เซิ่งหวัง!"กัวซือฝูที่เอ่ยออกมาเ กัวซือฝูเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของจี้กงหนี่ดี.
"เรื่องเฉลิมฉลองทั่วแผ่นดินนั้น เจ้าและเจี่ยงซ่างเป็นคนจัดการ ข้าต้องการอยู่คนเดียว ห้ามใครมารบกวนข้า!"จี้กงหนี่ที่พ่นลมหายใจยาว ระงับความโศกเศร้าอย่างที่สุดเอาไว้.
จากนั้นร่างกายของเขาก็ก้าวออกไปหายไปต่อหน้าของทุกคน.
กงซูจื่อที่ได้แต่จ้องมองไปยังจี้กงหนี่ด้วยความประหลาดใจ.
สายตาของจี้กงหนี่ที่ดุร้ายเย็นชา เขากำลังวางแผนที่จะต่อกรกับหมี่เทียนหรือไม่?
--------------------------------------------------------
เมื่อออกมาจากอาณาเขตหงส์เพลิง กลุ่มของจงซานที่ไปหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่งจ้องมองเสาเปลวเพลิงที่อยู่ไกลออกไป จงซานที่พ่นลมหายใจยาว.
"เป๋าซือที่เซิ่งหวังเอ่ย กล่าวความจริงอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย.
"แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เจ้าไม่เคยเห็นหมี่เทียนอย่างงั้นรึ? ที่ทวีปซือต้าปู่ เจ้าก็เห็นภูตวิถีสวรรค์ เหลียง ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภูตวิถีสวรรค์ ไม่ต้องบอกเลยว่าหุ่นเชิดของหมี่เทียนนั้นร้ายกาจแค่ใหน ทรงพลังยิ่งกว่าหุ่นเชิดของกงซูจื่อสะอีก!"จงซานเอ่ย.
"เรื่องที่โลกนวีหวามีคนมากมายที่รู้ ทำไมจี้กงหนี่ไม่รู้?"จินเผิงที่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ.
"มีคนมากมายที่เข้าไปในโลกนวีหวาในครั้งนั้น ทว่ามีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่รอดออกมา ในเวลานั้นจี้กงหนี่วุ่นวายเกี่ยวกับเขตแดนหงส์เพลิง ไม่ได้ส่งคนออกมา ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องนี้!"หวังจิงเหวินที่กล่าวตอบ.
"จี้กงหนี่ เป๋าซือ? ทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกล้ำทั่วหล้าต่างรู้ดีว่านางคือคู่บำเพ็ญของเขาในอดีต การที่เห็นเป๋าซือตายไป โดยที่เขาไม่รู้อะไรเลยก็อีกเรื่องนี้ ทว่าการที่จี้กงหนี่แสดงท่าทีก่อนหน้าก็เกินไปจริง ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องการข่มเหงเซิ่งหวัง!"จินเผิงเอ่ย.
หวังจิงเหวินส่ายหน้าไปมา "ข้าเองก็มีเพียงหัวเดียว ถึงแม้นว่าจะไม่มีข้า จี้กงหนี่ก็คงไม่ยอมปล่อยพวกเราง่าย ๆ เซิ่งหวังฉลาดหลักแหลม ใช้ข่าวเรื่องเป๋าซือทำให้หัวใจจี้กงหนี่โกลาหล ทำให้พวกเราออกมาได้อย่างปลอดภัย!"
"เจ้าบอกว่าเนี่ยฟ่านเฉินจะหาเรื่องพวกเราอย่างงั้นรึ? เขาจะไม่ทำเช่นนั้น!"เทียนหลิงเอ๋อที่โพลงออกมา.
หวังจิงเหวินที่โค้งคารวะให้เทียนหลิงเอ๋อ และไม่กล่าวสิ่งใด.
จงซานลูบศีรษะของเทียนหลิงเอ๋อและกล่าวออกมาว่า "เขาไม่ใช่เนี่ยฟ่านเฉินอีกแล้ว ตอนนี้เขาคือจี้กงหนี่ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากนี้คำพูดของเขาไม่สามารถเชื่อได้!"
เทียนหลิงเอ๋อที่เบ้ปาก โอดครวญออกมา แสดงท่าทางราวกับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนที่จะพยักหน้ารับ."อืม!"
"เซิ่งหวัง พวกเราจะกลับต้าเจิ้งทันทีเลยหรือไม่?"เต้าเหรินถูเอ่ย.
"ไม่ พวกเราจะต้องแวะสถานที่หนึ่งก่อน!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"หืม?"
"แดนเทวะซือเทียน!"
--------------------------------------------------------
ภพหยาง ทวีปเทียน ตระกูลเทียนใหญ่! วิหารชีพจรสวรรค์!
ตำหนักชีพจรสวรรค์นั้น เป็นที่พำนักของประมุข ซึ่งเป็นตำหนักที่สำคัญที่สุด โครงสร้างของตระกูลเทียนที่โลกใบเล็กและโลกใบใหญ่เหมือน ๆ กัน แน่นอนว่าตำหนักชีพจรสวรรค์จึงเป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของตระกูลเทียน.
ภายในตำหนักที่ปิดแน่น.
ภายในห้องโถงใหญ่นั้น มีคนแปดคน แต่ละคนสวมชุดสีขาว อยู่ด้านล่างตั้งแถวเป็นสองแถว ฝั่งล่ะสี่คน ด้านซ้ายคนแรก แม้นว่าจะเก็บกลิ่นอายเอาไว้ก็ดูน่าเกรงขาม เป็นคนที่สำคัญไม่น้อย และไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน คนผู้นี้คือปราชญ์เทพของตระกูลเทียน เทียนโจวจื่อ!
ทั้งแปดคนไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใด จดจ้องมองไปยังชายผู้หนึ่งที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด.
ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นค่อนข้างเยาว์วัย ทว่าดวงตานั้นเต็มไปด้วยเชาว์ปัญญา ใบหน้าที่ค่อยละเอียด เผยแววตาที่ดูสะกดข่มน่าเกรงขามออกมา.
นี่ก็คือประมุขตระกูลเทียน เทียนเต๋าจื่อ!
เทียนเต๋าจื่อสวมมงกุฎขนนกขนาดเล็ก มีสองริ้วขนลู่ออกไปด้านหลัง ขณะที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง นิ้วของเขาที่เคาะไปยังพนักพิงเบา ๆ .
"ประมุข!"
แถวด้านขวามีคนหนึ่งที่เอ่ยปากออกมา.
"ตราสวรรค์ ผู้ถือครอง สามารถออกคำสั่ง ที่ไม่มีใครกล้าขัด!"เทียนโจวจื่อที่เอ่ยปากออกมา.
"เกี่ยวกับข่าวลือ เจ้าได้บันทึกเอาไว้หรือไม่!"เทียนเต๋าจื่อที่เอ่ยปากออกมา แม้นว่าจะเป็นน้ำเสียงเบา ๆ แต่ดูจริงจังเคร่งขรึม.
"ข้าและคนอื่นไม่มีทางลืม!"อีกคนที่รีบเอ่ยออกมาในทันที.
เทียนเต๋าจื่อที่แววตาที่เคร่งขรึมดุดัน แววตาที่ราวกับอำนาจสวรรค์กดลงมา ทำให้ทุกคนที่จ้องมองประมุข จิตใจสั่นไหวก้มหน้าลงเล็กน้อย ถึงเทียนโจวจื่อจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ ทว่าก็ไม่กล้าที่จะสบตาเช่นกัน.
"ข่าวที่ข้าเพิ่งได้ยินมา ข้าไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ รู้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาได้!"เทียนเต๋าจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"ทุกคนที่ตอบรับในทันที.
"ท่านประมุข พวกเรายินดีที่จะเดินทางไปชิงตราสวรรค์กลับมา!"
"ท่านประมุข ข้ายินดีอาสา!"
"ท่านประมุข ..................!”
..................
............
......
มีคนหลายคนที่อาสา ทว่าเทียนเต๋าจื่อนั้นกวาดตามองไปยังคนผู้หนึ่ง.
"เทียนโจวจื่อ!"เทียนเต๋าจื่อที่เอ่ยออกมาในทันที.
"อยู่นี่แล้ว!"
"เจ้ารับหน้าที่นี่ด้วยตัวเอง!"เทียนเต๋าจื่อกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"เทียนโจวจื่อรับคำในทันที.
"เจ้าเป็นคนเตรียมคนด้วยตัวเอง การเดินทางครั้งนี้ไม่ง่าย เจ้าจัดการได้ทุกอย่าง ข้าจะไม่ถามวิธีการ ข้าต้องการเพียงผลลัพธ์!"เทียนเต๋าจื่อเอ่ยออกมาเบา ๆ .
"รับทราบ!"เทียนโจวจื่อที่รับคำ.
"ส่วนพวกเจ้า? ระหว่างนี้ ปกป้องทวีปเทียน ห้ามออกไปใหน!"เทียนเต๋าจื่อกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"คนอื่น ๆ ที่เร่งรีบรับคำในทันที.
เห็นชัดเจนว่า ตราสวรรค์นั้นมีความสำคัญมาก ๆ เทียนเต๋าจื่อที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ให้เทียนโจวจื่อเดินทางไปด้วยตัวเอง เพราะว่าเทียนโจวจื่อคือปราชญ์เทพ สามารถที่จะขัดขืนอำนาจของตราสวรรค์ได้ ทว่าคนอื่นนั้นต่างออกไป.
เทียนเต๋าจื่อที่ลุกขึ้น กวาดตามองทุกคน ก่อนที่จะหายไป.
เมื่อประมุขไปแล้ว ใบหน้าของทุกคนที่เปลี่ยนไป.
ภายในห้องโถงทุกคนที่อยู่ในความเงียบงัน.
"นี่มัน ก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่ร่างแยกของท่านประมุขอย่างงั้นรึ?"หนึ่งในนั้นเผยท่าทางประหลาดใจ.
"พวกเราที่อยู่ในระดับเซียนบรรพชน ยังไม่สามารถเทียบกับร่างแยกของท่านประมุขเลย ท่านประมุขแข็งแกร่งยิ่งนัก!"คนผู้หนึ่งที่เอ่ยปากออกมา.
"ประมุขแข็งแกร่ง ยากที่จะประเมินได้จริง ๆ !"
ขณะที่ทุกคนกำลังเอ่ยนั้น เทียนโจวจื่อที่สูดหายใจเบา ๆ ชัดเจนว่าเทียนโจวจื่อเองก็ตื่นตระหนกตกใจกับความแข็งแกร่งของเทียนเต๋าจื่อเช่นกัน.
ประมุขตระกูลเทียน เทียนเต๋าจื่อ ไม่มีใครรู้ว่าแข็งแกร่งขนาดใหน ทว่าเขาที่ปกครองตระกูลเทียน ได้อย่างสงบสุข ใต้หล้าแห่งนี้ คนที่ทำได้ ไม่ได้มีมากนัก ถึงแม้นว่าจะเป็นเช่นนั้นเทียนเต๋าจื่อยังให้ความสำคัญต่อตราสวรรค์เป็นอย่างมาก เห็นชัดเจนว่าตราสวรรค์นั้นไม่ธรรมดา.
ตราสวรรค์ เป็นดั่งคำสั่งสวรรค์ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขัดขืน ไม่กล้าขัดคำสั่งได้!