ตอนที่แล้วChapter 1114 ตระหนักรู้ด้วยตัวเอง กับพลังอำนาจจากของวิเศษ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1116 พลังอำนาจของเนตรเทียนฟา.

Chapter 1115 เนตรเทียนฟา เปิด!


หางกระบี่จูเซียน แม้นว่าจะยังเทียบไม่ได้กับพลังของปราชญ์เทพทงเทียน ทว่าก็นับเป็นอุปกรณ์เซียนบรรพชน จิตสังหารที่รุนแรงนั้นสั่นคลอนจิตใจทุกคน.

กระบี่ที่สะบั้นห้วงอากาศ พุ่งตรงไปยังเทียนฉู่!

ใบหน้าของเทียนฉู่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน ร่างกายสั่นไหว ผสานวิถีสวรรค์ทันทีในมือเหวี่ยงตำราโลหะขึ้นรับกระบี่จูเซียน.

"ตูมมม!”

หลังจากเกิดการระเบิดแล้ว กระบี่จูเซียนที่สะบัดกลับไม่มีผลอะไร ทว่าวิถีสวรรค์ของเทียนฉู่ที่สั่นไหวเล็กน้อย!

จงซานที่ยืนอยู่บนหัวของแปดหางสวรรค์ ที่มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่ารับรู้อะไรบางอย่าง.

จงซานที่เป็นยอดนักคำนวณวางแผน การต่อสู้เองก็ด้วย ทุกอย่างล้วนมีการวางแผนที่เกี่ยวเนื่องหลายอย่าง แม้แต่การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ก็ไม่เคยหยุดวางแผน เพราะว่าจงซานเข้าใจดีว่าการที่จินเผิงและคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้หืดขึ้นคอ แม้นว่าคู่ต่อสู้จะด้อยกว่า ทว่ากลับมีประสบการและวิชาที่ลึกล้ำกว่า จึงถูกศัตรูที่ด้อยกว่ากำราบไปในที่สุด.ห

การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งนั้นแยกได้หลายรูปแบบ.

การต่อสู้ที่ไม่ต้องสู้ ก่อนหน้านี้จงซานเองก็ใช้บ่อย ๆ  ทำให้คู่ต่อสู้ยอมรับความพ่ายแพ้ แม้แต่ก้มหัวให้ หากแต่ต้องใช้แผนการ.

การต่อสู้นั้นไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือสมอง ในการวางแผนในการต่อสู้ ใช้หลาย ๆ อย่างให้เกิดประโยชน์ในการต่อสู้ นำหลาย ๆ สิ่งเข้ามาสนับสนุนพลัง ควบคุมการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม.

ในเวลานี้พลังของเทียนฉู่นั้น ถึงมีพลังแข็งแกร่งกว่าก็ใช้ไม่ได้ผล ทำให้จงซานต้องลงมือด้วยตัวเอง นับตั้งแต่แรกจงซานก็พอจะคาดเดาผลได้แล้ว.

แม้นว่าก่อนหน้านี้จะไม่ได้สู้ ทว่าสมองก็คำนวณครุ่นคิดวางแผนหลายอย่าง วิธีการรับมือฝ่ายตรงข้าม แม้แต่การควบคุมจิตใจ จงซานที่เคยใช้มาหลายครั้ง.

แน่นอนหากว่าไม่มีแผนการ จงซานคงก้าวมาไม่ถึงตอนนี้.

เพียงแค่กระบี่จูเซียนเล่มเดียว ทว่าเทียนฉู่ก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน ก่อนที่จะเขาจะปล่อยดัชนี ลำแสงสี่เส้นพุ่งตรงไปยังร่างของจงซาน.

"ปัง!"

รอบ ๆ ร่างของแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบนั้น มีปราณกระบี่มากมายปะทุขึ้นมา อำนาจของปราณกระบี่ ที่รวมตัวขึ้นเป็นรูปลักษณ์กระบี่เล่มหนึ่ง ความเร็วของมันนั้นเกินพรรณนาและทรงพลังเป็นอย่างมาก.

กระบี่จูเซียน ที่เหวี่ยงออกไปหลังจากทำลายลำแสงแล้ว โจมตีเทียนฉู่ในทันที.

ถัดจากนั้น กระบี่จูเซียน กระบี่ลู่เซียนและกระบี่จิวเซียนสามคมกระบี่ที่โจมตีไปยังเทียนฉู่.

ใบหน้าของเทียนฉู่เทียนเปลี่ยนเป็นซับซ้อนเพราะว่าคมกระบี่นั้นมาจากสามทิศทาง และยังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว.

เทียนฉู่ไม่กล้าใช้ตำราปฐพีอย่างเดียวป้องกันเพราะตำราของเขานั้นป้องกันได้เพียงแค่ทิศทางเดียว.

ตำราปฐพีใช้ป้องกันร่างกาย ส่วนมือซ้ายเขานำโล่ออกมาป้องกัน ส่วนมือขวาเป็นดาบยาวเล่มหนึ่งป้องกันกระบี่จิวเซียน.

"ปัง!"

หลังจากรับการโจมตีแล้ว เทียนฉู่ที่แขนของเขาสั่นสะท้าน เผยท่าทางประหลาดใจ.

เป็นอุปกรณ์เซียนบรรพชนจริง ๆ !

ทว่าที่ไกลออกไปนั้น จงซานเผยยิ้มออกมาบาง ๆ  เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว จงซานต้องการไม่ให้เทียนฉู่นั้นนำตำราปฐพีเข้าไปในร่างกาย.

เพราะว่าจงซานสามารถมองเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่เทียนฉู่ถูกโจมตีนั้น เขาจะผสานมันเข้ากับตำราปฐพีเพื่อใช้วิชาฟื้นฟู.

หากไม่มีตำราปฐพี เทียนฉู่ก็ไม่สามารถใช้ทักษะฟื้นฟูได้ หากไม่ผสานมันเข้ากับร่างกายก็ไม่สามารถเป็นอมตะได้!

การเผชิญหน้ากับกระบี่เทวะสามเล่มด้วยกัน หากว่าเทียนฉู่ผสานตำราปฐพีเข้ารวมกับร่างกาย ก็ไม่สามารถคุกคามจงซานได้ ทว่าหากไม่ผสานก็ยากที่จะต้านทานป้องกันการโจมตีของจงซานได้ทั้งหมด.

แน่นอนว่าเป้าหมายหลักนั้นไม่ใช่ให้เทียนฉู่และตำราปฐพีผสานร่างกัน ทว่าในตอนท้ายพวกเขาต้องแยกกัน ทว่าจำเป็นต้องมีแผนการบางอย่าง ที่ทำให้เทียนฉู่ลดความระมัดระวังตัว มากขึ้นจนหลุดการควบคุมตัวเอง.

ตอนนี้จงซานบังคับให้เทียนฉู่ผสานตำราปฐพีเข้าในร่างกาย แต่ก็เป็นการล่อลวงให้เทียนฉู่ กำลังพบความพ่ายแพ้ เป้าหมายหลักไม่สามารถเผยให้เห็นได้จนกว่าจะจบ มีหลากหลายวิธี ที่จะทำให้เทียนฉู่นั้นไม่สามารถที่จะอดใจได้.

การต่อสู้นี้ยังคงดำเนินต่อไป กระบี่จูเซียน กระบี่ลู่เซียนและกระบี่จิวเซียน สามกระบี่ที่เข้าโจมตีไม่หยุดโจมตีเทียนฉู่ ทว่าก็ปล่อยให้เข้าโจมตีเข้ามาอย่างเฉียดฉิวเช่นกัน.

จงซานที่ยืนอยู่บนแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบที่ไม่เร่งรีบ ยังคงมองอย่างสงบ.

แม้นว่าแผนการของจงซานจะยังไม่ประสบผล ทว่าเทียนฉู่ก็ถูกล่อลวงให้เดินไปตามแผนของจงซานช้า ๆ  จงซานที่ค่อย ๆ กุมความได้เปรียบ..

การต่อสู้แต่เพียงฝ่ายเดียว จับจ้องมองอีกฝั่งราวกับเป็นการแสดงให้ความสนุก.

"ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกัน เจ้าตัวน้อยน่ารักยังไม่สามารถจัดการเจ้าสารเลวนั่นได้อีก!"เทียนหลิงเอ๋อที่เผยท่าทางร้อนใจ.

เนี่ยชิงชิงที่คอยปลอบโยนเทียนหลิงเอ๋อ.

ส่วนเห่าเม่ยลี่ที่คอยบริกรรมคำสาปอยู่เนือง ๆ .

ทว่าจินเผิงและหวังจิงเหวินที่เผยท่าทางจริงจังเป็นอย่างมาก.

"พลังของเซิ่งหวัง ข้ารู้สึกด้อยนัก!"หวังจิงเหวินที่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"เซียนเซิงหวังมีความเห็นใดอย่างงั้นรึ?"จินเผิงที่เผยท่าทางแปลกประหลาด.

ถ้าจะให้กล่าวตามจริง หวังจิงเหวินที่เพิ่งมีระดับเซียนสวรรค์ ย่อมไม่สามารถเข้าใจการต่อสู้ระดับนี้ของจงซานได้.

"ข้าไม่สามารถเข้าใจได้ ทว่าข้าสามารถมองเห็นได้บางจุด หลังจากที่เซิ่งหวังใช้กระบี่เข้าโจมตีแต่ล่ะครั้ง ระหว่างที่เทียนฉู่โต้กลับมานั้น มีช่องว่างเล็ก แต่ก็แทบจะเท่ากัน แม้นว่าจะไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดได้ ทว่าข้าสัมผัสได้ว่าเซิ่งหวังนั้นมีแผนอะไรบางอย่าง เทียนฉู่ที่เหมือนว่าจะเหนือกว่าเซิ่งหวัง แต่ก็ไม่เคยห่าง เขาคงไม่รู้ว่าการต่อสู้นี้อยู่ในการควบคุมของเซิ่งหวัง!"หวังจิงเหวินที่กล่าวพลางถอนหายใจ.

"จินเผิงก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเซิ่งหวังด้อยกว่า ทว่าลองคิดถึงพลังในอดีตกับตอนนี้ กลับเห็นว่ามันผิดปรกติ เซิ่งหวังที่ดูผิวเผินด้อยกว่า ทว่าการโจมตีแต่ละครั้งกลับมุ่งเน้นให้ฝ่ายตรงข้ามใช้พลัง หวังให้พิชิตและกินแรงไปเรื่อย ๆ  อีกทั้งดูเหมือนว่าเทียนฉู่เริ่มนำตำราออกมาโจมตีหวังพิชิตศึก ทว่ากลับไม่สามารถจัดการได้ จินเผิงชื่นชมนัก!"จินเผิงกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

หวังจิงเหวินที่พยักหน้า หากแต่ไม่กล่าวอะไรต่อ.

การต่อสู้ที่ยังคงดำเนินต่อไป จงซานที่ค่อย ๆ ควบคุมการต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามที่เริ่มโจมตีหนักหน่วงเรื่อย ๆ  ทว่าวิถีสวรรค์ของเทียนฉู่เองก็ถูกกระบี่ของจงซานลดพลังลงไม่น้อย.

เทียนฉู่นั้นไม่หวาดกลัวที่จะโดนสับ และยังหลาย ๆ ครั้งที่เกือบพิชิตชัยได้ เทียนฉู่นั้นไม่กลัวที่จะถูกสับ เพราะว่าเขามีทักษะฟื้นฟู ทว่าสัมผัสความเป็นความตาย ความเจ็บจากการถูกสังหารก็มากขึ้นเรื่อย ๆ สะสมยกระดับขึ้นไม่น้อย จิตใจของเขาในเวลานี้ถูกกดดันแม้แต่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ.

ส่วนจงซานไม่สามารถสังหารเทียนฉู่ได้ ส่วนเทียนฉู่ก็ไม่สามารถสังหารจงซานได้เช่นกัน เพราะกระบี่จูเซียนนั้นเป็นองค์รักษ์ที่ทรงพลังให้กับจงซาน.

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด ความหวาดกลัวความเจ็บปวดสะสมขึ้นเรื่อย ๆ  เริ่มทำให้เทียนฉู่มีจิตใจที่กระวนกระวาย.

การต่อสู้ที่กระวนกระวายใจ สูญเสียความเยือกเย็น แน่นอนว่าย่อมเสียเปรียบในทันที.

ส่วนฝั่งจงซานในเวลานี้ยังคงสุขุม กระบี่ที่ยังคงตวัดไปมาอยู่เป็นระยะ ทว่าบนท้องฟ้านั้นเมฆสีดำมากมายที่เริ่มขยับ พายุสายฟ้าที่บ้าคลั่ง คลื่นพลังที่รุนแรง ฟาดลงมายังวิถีสวรรค์ของเทียนฉู่ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเช่นกัน เกิดการระเบิดใหญ่ เป็นเหตุให้ท้องฟ้าส่องประกายวับวาวทอแสงแสบตา.

เห็นเพียงแค่ปราณกระบี่และปราณดาบเข้าปะทะกัน และยังมีสายฟ้ามากมายส่องประกายแป๊บ ๆ  ทำให้ระดับของการต่อสู้เพิ่มขึ้นในทันที.

ช่างน่าเสียดายอำนาจสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่แต่กลับไม่สามารถทะลวงวิถีสวรรค์ได้ เพียงแค่ทำให้ท้องฟ้าส่องสว่างเจ้าเท่านั้น.

แต่กระนั้นแรงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวนั้น กับทำให้เทียนฉู่กระวนกระวายมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม.

ในสายตาของเทียนฉู่นั้น คิดว่าจงซานมีความแข็งแกร่งทั่ว ๆ ไป ที่น่าเกรงขามก็คือแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ พลังของจงซานเอง ไม่มีทางที่จะทำร้ายตัวเองได้แน่นอน แม้นว่าเขาจะไม่อยากประมาท แต่ก็มั่นใจในกระบวนท่าเดียวไม่ทางสังหารเขาได้  นอกจากนี้จงซานยังถูกตัวเองกำราบซะอยู่หมัด.

ความมั่นใจของเทียนฉู่มากขึ้นเรื่อย ๆ  และยังคิดว่าสายฟ้านี้ไร้ประโยชน์ มีแต่ทำให้เขาเสียสมาธิเท่านั้น!

สิ่งที่เทียนฉู่คิดเวลานี้ กบบนกระทะไม่กลัวน้ำร้อน น้ำที่ค่อยร้อนขึ้นช้า ๆ นั้น แม้ว่าจะไม่สามารถเผาไหม้ได้ในทันที ทว่ากว่าจะรู้ว่ามันร้อนคิดอยากหนีก็ทำไม่ได้แล้ว หากไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ กบอาจจะรู้ตัวก็ได้.

สายฟ้ามากมายที่กลายเป็นมังกรโจมตีอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ จากนั้นมันได้กระจายไปทุกทิศทุกทางเข้าโจมตีโลกเขตแดนของเทียนฉู่ ทำลายท้องฟ้าของเทียนฉู่ กระจายไปทั่วเพื่อสั่นคลอนสัมผัสเทวะของโลกเขตแดน.

ในเวลานี้ ฟ้าดินที่เต็มไปด้วยสายฟ้าที่ไหลไปทั่วทุกสารทิศ ทว่าเทียนฉู่เวลานี้ไม่มีเวลาสนใจสายฟ้า เพราะว่าสายฟ้าเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้.

เทียนฉู่ที่มุ่งสมาธิเพื่อสังหารจงซาน เพียงแค่หนึ่งการโจมตีจะต้องสังหารจงซานได้แน่.

ทว่าในเวลานี้ในพายุสายฟ้าที่สาดสายฟ้าไปทั่วทิศในเมฆสีดำเวลานี้ปรากฎอะไรบางอย่างแยกออกมา รอยแยกที่โผล่ออกมาจากเมฆที่มืดดำที่เวลานี้ได้เปลี่ยนเป็นสีม่วง.

หากเป็นเวลาปรกติ เทียนฉู่ต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเกิดความผิดปรกติขึ้น ทว่าเวลานี้จิตใจของเขากำลังกระวนกระวายอยู่ แม้แต่ปรากฎรอยแยกขึ้นบนท้องฟ้าแผ่อำนาจสวรรค์ออกมาเทียนฉู่ก็ยังไม่รู้ ทว่ายังคงตั้งสมาธิเพื่อสังหารจงซานให้ได้.

รอยแยกที่แยกออกมาไม่หยุด ที่มุมปากของจงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

มือขวาของจงซานที่ยกขึ้น.

เป็นการยกขึ้นเพื่อให้เป็นสัญญาณคล้ายกำลังใช้ทักษะต่อสู้ ทว่ากลับเป็นหวังจิงเหวินที่จ้องมองอย่างจริงจัง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้สั่งการเอาไว้ก่อนแล้ว.

หวังจิงเหวินที่นำหนูออกมา เป็นหนูสัญญาณชีพที่จะส่งไปยังเต้าเหรินถูที่อยู่ไกลออกไปนั่นเอง.

หวังจิงเหวินที่เตรียมการ ที่ไกลออกไปนั้นสายตาของจงซานที่จดจ้องมองรอจังหวะเวลา.

"วูซซซ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~! „

บนท้องฟ้าเกิดเสียงดังกระหึ่มแตกแยกออกไปด้วยความเร็ว.

บนรอยแยกของท้องฟ้าเผยให้เห็นดวงตาขนาดหนึ่งแสนลี้ ดวงตาสีม่วงที่เปิดออกมา ที่ใครก็ตามที่จ้องมองต้องสั่นสะท้านถึงดวงวิญญาณ.

เหล่าเจตภูตมากมายที่อยู่ใกล้เคียงเร่งรีบหนีตายแม้แต่แตกสลายกลายเป็นควันอย่างรวดเร็ว.

เนตรเทียนฟา เปิด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด