Chapter 1109 ชีพจรฟ้า.
"ผู้น้อยหงซาน การต่อสู้ครั้งนี้ขอยอมแพ้!"
ชายในชุดสีแดงที่กล่าวยอมแพ้ ทำให้ผู้คนรอบ ๆ ตื่นตะใจเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งเสียงอื้ออึงขึ้นในทันที.
"ยอมแพ้? ยอมแพ้ได้อย่างไร?"เหล่าศิษย์ของกงซูจื่อที่เผยความโกรธออกมาในทันที.
"ไม่ใช่ว่าหงซานเป็นเซียนบรรพชนรึ? ไม่ต่อสู้กับยอมแพ้? ขี้ขลาดตาขาว?"
"ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ยอมแพ้อย่างงั้นรึ? อาจารย์ไปหาขยะเช่นนี้มาได้อย่างไร!"
..............................
..................
......
บนสนามต่อสู้เวลานี้เสียงดังกึกก้องด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ ทั้งโกรธ ดูแคลน กล่าวเย้ยหยันดังออกมา แต่ละคนต่างก็ด่าว่าหงซานอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย.
จะไม่ให้ส่งเสียงเซ็งแซ่ได้อย่างไร เพราะนี่คือการเดิมพันของกงซูจื่อและเนี่ยฟ่านเฉิน ยอมรับความพ่ายแพ้เองอย่างงั้นรึ? ทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
เหล่าผู้เยาว์ตระกูลเทียนเองก็เช่นกันจ้องมองตาขวาง! เหล่าศิษย์ของกงซูจื่อเองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นกัน.
กงซูจื่อที่ราวกับไม่แยแสเท่าใดนัก เหมือนจะรับรู้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว.
เซียนบรรพชนอีกสามคนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมครั้งนี้ แม้จะยังไม่ปรากฎตัวออกไป ทว่าเมื่อเห็นคำพูดเหยียดหยันของคนกงซูจื่อ แม้นจะไม่ได้ไปยืนอยู่ในจุดเช่นกับหงซาน แต่ก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นกัน.
เจ้าหมิง ผู้เข้าร่วมการต่อสู้รอบที่ห้า จ้องมองหงซานที่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ได้ใส่ใจนัก การต่อสู้นี้ไม่ว่าจะสู้หรือยอมแพ้ ผลสุดท้ายก็เหมือน ๆ กัน.
ฝ่ายตรงข้ามเองก็เป็นเซียนบรรพชนที่มีชื่อมานานแล้ว เจ้าหมิงรู้จักฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน แม้นว่าจะเทียบตนไม่ได้ ทว่าก็ไม่คิดว่าหงซานจะยอมแพ้เช่นนี้?
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเนี่ยฟ่านเฉิน ที่ส่งเสียงเฮดังลั่น การต่อสู้รอบที่ห้า ชนะโดยที่ไม่ต้องสู้ด้วยซ้ำ!
จงซานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวเอง เคาะนิ้วไปที่พนักพิงเบา ๆ ริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นมาบาง ๆ .
"จงซาน คาดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นจะยอมแพ้!"เทียนหลิงเอ๋อที่เอ่ยออกมาด้วยตื่นเต้น.
"จงซาน คงเห็นคู่ของเจ้าเลยไม่กล้า!"เห่าเม่ยลี่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ข้าคิดว่าเพราะว่าพวกเราชนะมาสามรอบแล้ว อีกฝั่งเลยหวาดกลัว!"เนี่ยชิงชิงที่ดวงตาเป็นประกาย.
"กล่าวได้ถูกต้อง การต่อสู้ก่อนหน้านี้ ได้โจมตีไปยังจิตใจของพวกเขา ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเราลดลง และพวกเขาไม่คิดที่จะทุ่มไปด้วยชีวิต ทำให้เป็นไปตามแผนการ เรื่องนี้ต้องชื่นชมหวังจิงเหวิน!"จงซานที่กล่าวยกย่องหวังจิงเหวิน.
"เซิ่งหวังยกย่องเกินไป เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ยังด้อยกว่าหลุมพลางของเซิ่งหวังวางไว้!"หวังจิงเหวินที่กล่าวถ่อมตัว.
ที่ไกลออกไป หงซานที่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก่อนที่จะหันหน้ามาทิศทางของกงซูจื่อและเอ่ยออกมาเล็กน้อย "กงซูจื่อ ข้าได้ทำลายความไว้ใจ หงซานรู้สึกละอายนัก ไว้วันหลังค่อยชดใช้คืนก็แล้วกัน!"
คำพูดของหงเซียวทันทีที่เปล่งออกมา สายตาของทุกคนที่จดจ้องมองด้วยความดูแคลน ก่อนที่จะหันหน้าไปมองกงซูจื่อพร้อม ๆ กัน.
กงซูจื่อที่รับรู้ว่างานสำคัญของเขาถูกหงเซียวทำลาย ควรจะโกรธถึงจะถูก ทว่าในเวลานี้กงซูจื่อกับไม่มีอารมณ์เช่นนั้น เขาเพียงส่ายหน้าไปมา "เป็นข้าเองที่ไม่รอบคอบ ทำให้ทุกคนเสียหาย! เจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง!"
"หงซานขอถอนตัว!"หงซานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"อืม!"กงซูจื่อพยักหน้ารับ.
จากนั้นเซียนบรรพชนหงเซียวก็จ้องมองคนอื่น ๆ ที่ไม่เข้าใจในตัวเขา ก่อนที่จะหายไปจากสายตาของทุกคนในทันที.
ส่วนเจ้าหมิงที่แสดงท่าทางงงงวยเช่นกัน ก่อนที่จะบินกลับไปบนเมฆใหญ่ ไม่ได้กล่าวอะไรอีก.
เนี่ยฟ่านเฉินที่โบกมือ การต่อสู้ที่หกบินออกไป เป็นชายในชุดสีดำเช่นกัน.
หากแต่ฝ่ายตรงข้าไม่มีใครออกมา.
เหลือเซียนบรรพชนที่ถูกเชิญมาสามคน หนึ่งคนในชุดสีเขียว ขณะที่ก้าวออกมาและกล่าวออกมาว่า "ลู่โหยวทำให้กงซูจื่อขายหน้า ลู่โหยวทำให้วุ่นวายแล้ว ไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ ภายในใจรู้สึกละอาย ไว้วันข้างหน้าจะชดเชยให้!"
เซียนบรรพชนลู่โหยวที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง เหล่าศิษย์ของกงซูจื่อต่างส่งเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง.
นี่มันอะไร?สู้ไม่ได้?กล่าวยอมแพ้อย่างงั้นรึ? นี่ไม่เท่ากับตบหน้ากงซูจื่อหรอกรึ? สายตาของทุกคนที่แสดงท่าทางดูแคลนออกมา.
"อืม ข้าเข้าใจทั้งหมด เจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง."กงซูจื่อเอ่ยออกมาเบา ๆ .
"ลู่โหยวขอถอนตัว!"
"อืม!"
ส่วนเซียนบรรพชนอีกสองคนก็เริ่มเอ่ยปากออกมาเช่นกัน "ข้าและอีกคนก็ขอถอนตัวเช่นกัน!"
"อืม!"
เมื่องกงซูจื่อพยักหน้า สามเซียนบรรพชนก็หายไปจากพื้นที่ดังกล่าวในทันที.
ทุกคนในเวลานี้กลายเป็นเงียบงันหยุดนิ่งในทันที.
แม้นว่าผลการต่อสู้ของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยยังไม่ออกมา ทว่าในเวลานี้การแข่งขันของกงซูจื่อและเนี่ยฟ่านเฉินจบลงแล้วอย่างคาดไม่ถึง เจ็ดการต่อสู้ แพ้สาม ยอมแพ้อีกสอง ผลลัพธ์มันชัดเจนแล้ว.
กงซูจื่อที่สูดหายใจลึก กงซูจื่อที่ลุกขึ้นช้า ๆ จ้องมองไปยังเนี่ยฟ่านเฉินที่อยู่ไกลออกไป.
"ชะตาของข้าด้อยกว่าเจ้า และการมองคนเองก็ยังด้อยกว่าเจ้ามาก เจ้านับว่าแข็งแกร่งจริง ๆ ครั้งนี้ข้าพ่ายแพ้แล้ว ทว่าข้าก็ยังต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน!"กงซูจื่อเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ได้ยินคำพูดของกงซูจื่อ ศิษย์แดนเทวะของกงซูจื่อได้แต่ก้มหน้า ภายในใจที่รู้สึกโศกเศร้า ทุกคนเต็มไปด้วยความหดหู่ พวกเขายากที่จะยอมรับได้ ทว่าเหล่าตัวแทนล้วนแต่ยอมรับความพ่ายแพ้ไปหมดแล้ว.
ฝ่ายตรงข้ามเนี่ยฟ่านเฉินลุกขึ้นเบา ๆ ไขว้แขนเอาไว้ด้านหลังจ้องมองไปยังกงซูจื่อ.
"แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ? ข้าเองก็ต้องการเห็นมหาวิถีกงซูของเจ้าเช่นกัน หลายแสนปีที่ข้าไม่อยู่นี้ ตระกูลจี้ได้ก้าวมาถึงขั้นใดแล้ว!"เนี่ยฟ่านเฉินที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม แววตาทีส่องประกายแสงวับวาว เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.
กงซูจื่อพยักหน้า ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อ! บนลานต่อสู้ ทุกคนที่ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว.
กงซูจื่อที่ลอยออกไป เมฆกรรมวาสนามากมายส่งเสียงคำรามดังลั่นในทันที ก่อนที่มันจะกระจายสลายเข้ามาในร่างของกงซูจื่อ ทำให้ร่างกายของกงซูจื่อขยายออกมาสามเท่าในทันที.
ตำหนักกงซูปรากฏ แสงสีเขียวที่ส่องประกายทะลวงไปบนชั้นฟ้า.
พื้นที่รอบ ๆ ที่ถูกปิดกั้น วิถีสวรรค์ขนาดใหญ่ทะลวงค้ำยันสวรรค์.
ไม่ นี่ไม่ใช่วิถีสวรรค์ นี่คือมหาวิถีของกงซูจื่อ มันมีขนาดรัศมีหมื่นจั้ง ยืดยาวออกไป อำนาจมหาวิถีที่ทำให้ผืนปฐพีสั่นไหว ห้วงมิติสั่นไปมา.
เสียงดังกึกก้องของมหาวิถีกงซู มหาวิถีนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีหัวเป็นเทพอสูรตนหนึ่ง.
"นี่มันอะไร?"จินเผิงที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
มหาวิถี? มหาวิถีของกงซูจี่อ เป็นรูปของเทพอสูรอย่างงั้นรึ?
เนี่ยชิงชิงที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวอธิบาย "ได้ยินมาว่ามหาวิถีของกงซูจื่อนั้น มีมหาวิถีเป็นหุ่นเชิด ภายในนั้นซ่อนหุ่นเชิดเทพอสูรที่มีความแข็งแกร่งของเซียนบรรพชนร้อยตน การต่อสู้นี้ก็เหมือนกับเขามีหุ่นเชิดบรรพชนร้อยตัวคอยสนับสนุน เป็นพลังที่เกินกว่าจะคาดเดาได้!"
"หนึ่งร้อยเซียนบรรพชน?"เห่าเม่ยลี่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"หุ่นเชิดสุดท้ายก็คือหุ่นเชิด เป็นไปไม่ได้ที่จะเทียบกับเซียนบรรพชน!"จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
ที่ไกลออกไปนั้น ร่างกายของกงซูจื่อที่รวมมหาวิถี ลอยอยู่บนฟ้า เต็มไปด้วยความอหังการ พลังอำนาจที่เหลือล้ำไม่ยอมใคร.
กงซูจื่อและเนี่ยฟ่านเฉิน.
เนี่ยฟ่านเฉินที่ลอยออกไป จากเมฆขนาดใหญ่ จ้องมองมหาวิถีที่ใหญ่โต ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาว่า "ทรงพลัง ยอดเยี่ยม!"
ในเวลานี้ คาดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยฟ่านเฉินกลับเอ่ยชมมหาวิถีของกงซูจื่อ?
เนี่ยฟ่านเฉินกล่าวชมเสร็จ มือของเขาที่ยื่นออกไปในอากาศ.
"พรึดดดด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
สวรรค์และปฐพีที่ถูกดึงกระชาก.
เมื่อฟ้าดินถูกกระชาก มหาวิถีของกงซูจื่อก็สั่นไหว ห้วงมิติรอบ ๆ ที่สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น.
มหาวิถีของกงซูจื่อที่สั่นไหวไปมาเล็กน้อย ทว่าคลื่นที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ทั่วทั้งอาณาเขตน้ำพุเหลือง สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง.
พื้นที่น้ำพุเหลืองนั้นเดิมที่เป็นพื้นที่ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ในเวลานี้คลื่นจากมหาสมุทรที่กำลังสูงใหญ่ ปรากฎสึนามิที่ใหญ่โตพวยพุ่งสาดซัดออกไปรอบ ๆ.
เกิดการสั่นไหวที่รุนแรงมาก ถึงกับกวาดผ่านแรงกดดันของกงซูจื่อออกไป.
รอบ ๆ เนี่ยฟ่านเฉินนั้น ปรากฎวิถีสวรรค์ วิถีสวรรค์ที่มีขนาดหมื่นจั้ง ดูทรงพลังน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
วิถีสวรรค์ ที่ทะลวงลงไปใต้พื้นดิน พร้อมกับค้ำยันท้องฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าปรกติ มีสีเขียวอีกด้วย และที่สำคัญที่สุด วิถีสวรรค์นี้ยังกลายเป็นของแข็ง!
วิถีสวรรคควบแข็ง!
สามพันวิถีสวรรค์ในโลกใบนี้ ในภพหยางนั้นมีเพียงวิถีสวรรค์เก้าเส้นเท่านั้นที่เป็นของแข็ง หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเก้าชีพจรฟ้า!
หลิน ปิง โต้ว เจ๋อ เจี่ย เจิ้น เลี่ย เฉียน
เก้าชีพจรฟ้า! คาดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยฟ่านเฉินจะครอบครองหนึ่งในนั้น?
จงซานที่เผยจ้องมองด้วยความประหลาดใจ รับรู้ว่าเนี่ยนฟ่านเฉินมีไพ่ในมือ แต่ไม่คิดเลยว่าที่อยู่ในมือนั้นจะเป็นหนึ่งในชีพจรฟ้า?
ข่าวลือกล่าวว่า ชีพจรฟ้าหนึ่งล้านปีถึงจะมีสักคน!
หงจวินที่ครอบครองชีพจรฟ้าหลิน! ส่วนจงซานเองก็พอสามารถใช้งานชีพจรฟ้าปิงได้บ้างเล็กน้อย แล้วนี่คือ?
เหล่าเสนาธิการหลายคนที่เผยความตื่นเต้นออกมา ชัดเจนว่าพวกเขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก ไม่มีใครคิดว่าเซิ่งหวังครอบครองชีพจรฟ้า.
กัวซือฝูและเจียงซ่าง ไม่ได้เผยท่าทางอะไรออกมาเช่นกัน ชัดเจนว่ารับรู้เรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว
"ชีพจรฟ้า? กงเชียนเคยกล่าวในเวลานั้นเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ?!"ดวงตาของจินเผิงที่สั่นไหวไปมา.
"เป็นชีพจรฟ้าอย่างงั้นรึ?"จงซานเอ่ย.
"เวลานั้นกงเชียนเคยบอกข้า ข้ากลับไม่เชื่อ หลายล้านปีถึงจะเห็นผู้ครอบครองชีพจรฟ้า เขากล่าวว่าหงจวินครองครองชีพจรฟ้าหลิน ทว่าจี้กงหนี่เองก็ครอบอครองชีพจรฟ้าด้วยเช่นกัน!"จินเองเอ่ย.
จงซานพยักหน้า เป็นความจริง ตั้งแต่แรกแล้วจี้กงหนี่ก็ครอบครองมันอยู่แล้ว ทำให้เขาสามารถยกระดับตัวเองเทียบเท่าหงจวินได้อย่างงั้นรึ?
"เจียงซ่าง!"เนี่ยฟ่านเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"เฉินอยู่นี่แล้ว!"เจียงซ่างที่เอ่ยรับในทันที.
"เตรียมจุดไฟสงคราม!"เนี่ยฟ่านเฉินที่กล่าว.
เจียงซ่างที่เงยหน้า เผยแววตาตื่นเต้น "รับทราบ!"
เจียงซ่างที่โค้งคารวะเนี่ยฟ่านเฉิน พร้อมกับนำคนกลุ่มหนึ่งบินออกไปจากเมฆยักษ์ ตรงไปยังทิศทางเขตแดนหงส์เพลิง.
"กัวซือฝู ปกป้องคนอื่น ๆ เอาไว้!"เนี่ยฟ่านเฉินกล่าว.
"รับทราบ!"กัวซือฝูเอ่ยตอบรับในทันที.
ในเวลาเดียวกันนี้ เนี่ยฟ่านเฉินที่จ้องมองไปยังกงซูจื่อ.
"สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะสู้ ตามข้ามา!"เนี่ยฟ่านเฉินเอ่ย.
กงซูจื่อพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็กลายเป็นริ้วแสงพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็หายขึ้นไปบนอวกาศ.
มหาวิถีขนาดใหญ่ยักษ์บนเขตแดนน้ำพุเหลืองและชีพจรฟ้าก็หายไปในทันที.
บนอวกาศที่ไกลออกไป ทุกคนสามารถมองเห็นริ้วแสงที่ทรงพลังสองเส้นเข้าปะทะกัน.
เนื่องจากอยู่ไกลมาก ทำให้มองเห็นได้เพียงแค่จุด และยังรวดเร็วยิ่งนัก ความเร็วของทั้งสองนั้นน่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ .
แม้นว่าจะไม่ได้ยินเสียงดังจากในอวกาศ ทว่าการเข้าปะทะกันเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ประกายแสงสว่างเจิดจ้าเป็นระยะ ๆ ไม่ยากที่จะบอกว่ามันรุนแรงขนาดใหน?
อดีตเทียนตี้ ปราชญ์เทพ ยอดฝีมือทั้งสอง ต้องออกไปต่อสู้บนอวกาศ ไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องทำลายอาณาเขตแม่น้ำเหลืองแห่งนี้ สร้างความวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน.
จงซานที่จ้องมองขึ้นไปบนอวกาศ พร้อมกลับลอบมองไปยังเทียนฉู่ที่อยู่ตรงข้ามเป็นระยะเช่นกัน.
เทียนฉู่ผู้นี่ซ่อนแววตาที่น่าเกรงขามเอาไวั เขาที่จ้องมองจงซานและเทียนหลิงเอ๋อเป็นระยะ ขณะที่นั่งบนบัลลังก์ นิ้วของเขาที่เคาะไปบนพนักพิงเบา ๆ ราวกับว่ามีแผนการร้ายกาจได้เตรียมเอาไว้.
ปรัชญาเก้าคำของลัทธิเต๋า
• หลิน(เผชิญ) - คือ การมุ่งใจที่ไม่หวั่นไหว เรียกว่า ปางพื้นฐานไม่เคลื่อน เพื่อไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากทั้งปวงและมีพลังกายที่เข้มแข็ง
• ปิง(ทัพ) - คือ การทำให้มีอายุยืน ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ และเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เรียกว่า ปางวัชระ
• โต่ว(สู้) - คือ ความกล้าหาญที่จะยืนหยัดต่อสู้ เรียกว่า ปางราชสีห์นอก
• เจ๋อ(ผู้) - คือ การช่วยเยียวยา รักษา หรือบำบัดผู้อื่น เรียกว่า ปางราชสีห์ใน
• เจีย(ล้วน) - คือ การเข้าใจจิตใจของผู้อื่น เรียกว่า ปางร้อยรัดนอก
• เจิ้น(เรียง) - คือ การรู้จักชะตากรรมของตนเองและเปลี่ยนแปลงมันได้ เรียกว่า ปางร้อยรัดใน
• เลี่ย(แถว) - คือ การมุ่งช่วยเหลือผู้อื่นเป็นหลักเพราะสำเร็จกิจของตนแล้ว เรียกว่า ปางหมัดปัญญา
เฉียน(อยู่) - คือ การดิ่งลึกลงในการช่วยเหลือผู้อื่น เรียกว่า ปางดวงสูรย์