บทที่ 5 ปล่อยสกิลไม่หยุด! ปืนกลเวทมนตร์เคลื่อนที่ได้!
หลินอี้พักผ่อนสักครู่ กินอาหารและดื่มน้ำเล็กน้อย ก่อนจะออกเดินทางต่อ
ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังคงระวังตัว หยิบขวดยาปรุงที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าส่วนตัว
ขวดยานี้เรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ดูสวยงาม
หลินอี้ดื่มยารวดเดียวหมด
อืม... รสชาติแย่มาก
ไม่รู้ว่าใช้สมุนไพรแปลกๆ อะไรมาปรุง
มีกลิ่นผักชีด้วย...
แต่หลินอี้ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นนัก เขาสนใจสถานะที่เพิ่มขึ้นมาและคงอยู่ 1 ชั่วโมงมากกว่า
[ยาบำรุงจิตขั้นกลาง: เพิ่มค่าพลังจิตของคุณ 30 แต้ม และเพิ่มค่าพลังเวทสูงสุด 300 แต้ม]
ด้วยการเสริมพลังของสกิลติดตัว [พายุเวทมนตร์] ค่าพลังจิต 30 แต้มนี้ เทียบเท่ากับการเพิ่มค่าพลังเวทสูงสุดถึง 2,100 แต้ม และผลของการเพิ่มค่าพลังเวทสูงสุดเองก็ให้โบนัสเพิ่มอีก 2,100 แต้ม
ด้วยสถานะนี้ ค่าพลังเวทของหลินอี้จึงเพิ่มจาก 100 แต้มอันน้อยนิด พุ่งขึ้นเป็น 4,300 แต้ม!
ในสภาวะที่ลดการใช้พลังเวท 70% หลินอี้คำนวณว่าตัวเองสามารถใช้เวทมนตร์ระดับ 3 ได้อย่างต่อเนื่องนับร้อยครั้ง
ส่วนเวทมนตร์ระดับ 4 และ 5 ถ้าใช้อย่างประหยัดหน่อย ก็ยังคงใช้ได้บ่อยๆ
นี่คือความมั่นใจที่ทำให้หลินอี้ที่อยู่ในเลเวล 1 กล้ามาท้าทายป่าคร่ำครวญ ซึ่งเป็นพื้นที่ฝึกฝนสำหรับผู้เล่นเลเวล 10!
เมื่อเข้าสู่ป่า บรรยากาศหนาวเย็นโอบล้อมหลินอี้ทันที
พืชพรรณในป่าหนาทึบมาก แม้จะเป็นเวลากลางวัน แสงแดดที่ลอดผ่านเรือนยอดลงมาก็เหลือเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น
ตอนนี้แทบไม่มีผู้เล่นคนอื่นอยู่แถวนี้แล้ว
พิธีปลุกอาชีพของแต่ละโรงเรียนในเมืองเจียงเฉิงจัดไม่พร้อมกัน อาจจะมีต่างกันสองถึงสามวัน
หลินอี้อยู่บ้านเฉยๆสามวัน ก็ไม่ได้ตามหลังคนอื่นมากนัก
เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่า หลินอี้ได้ยินเสียงคำรามและกรีดร้องคล้ายสัตว์ร้าย
จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เสียงของสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเสียงลมพายุที่พัดออกมาจากถ้ำลึกในป่าตลอดทั้งปี
เมื่อลมพัดผ่านป่า ก็ก่อให้เกิดเสียงครวญครางน่าขนลุกนี้
นี่คือที่มาของชื่อป่าแห่งนี้
“ฟู่ๆๆ...”
จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังมาจากเหนือศีรษะหลินอี้ เขาจึงเริ่มระแวดระวัง
เมื่อเงยหน้ามอง
ก็เห็นงูยักษ์ตัวใหญ่เท่าถังน้ำ ดวงตาโตเท่าไข่ห่าน จ้องมองเขาอย่างไม่วางสายตา
ในชั่วพริบตา งูยักษ์ส่งเสียงฟู่ อ้าปากกว้างงับเข้าใส่หลินอี้
หลินอี้นึกในใจ เตรียมจะใช้ทักษะสังหารมันในทีเดียว
ในวินาทีคับขัน
ความมืดในป่าถูกแสงสว้างสีส้มแดงสาดส่องทันที!
หลินอี้รู้สึกถึงคลื่นความร้อนคุ้นเคยจากด้านหลัง จากนั้นลูกไฟลูกหนึ่งก็พุ่งมากระแทกหัวงูยักษ์!
งูยักษ์เจ็บปวด มันความโกรธและพลันเปลี่ยนเป้าหมายทันที มันพุ่งร่างใหญ่ออกจากลำต้นไม้ กระโจนไปทางที่มาของการโจมตี
แต่ระหว่างทาง มันก็เห็นลูกไฟอีกลูกที่ใหญ่กว่าเดิม ขนาดเท่าอ่างล้างหน้า พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว!
โครม!
ลูกไฟขนาดใหญ่กระแทกเข้ากับตัวงูยักษ์ เกิดประกายไฟกระจายไปทั่วทิศทาง
หลังจากมันโดนโจมตีอย่างหนัก ร่างของงูยักษ์ไหม้เกรียม ตัวบิดเล็กน้อย ก่อนจะสิ้นใจตาย
ในตอนนี้เอง หลินอี้ถึงได้เห็นที่มาของลูกไฟสองลูกนั้น
เป็นเด็กหนุ่มอายุราวๆ เดียวกับหลินอี้ ข้างๆ มีจอมเวทวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีเทายืนอยู่
ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มกำลังมองหลินอี้ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
"ลุงลู่ ผมทำได้ดีไหมครับ?”
เด็กหนุ่มดูภูมิใจกับลูกไฟที่ยิงออกไปมาก กำลังขอคำชม
จอมเวทวัยกลางคนที่ยืนข้างๆ พยักหน้า "หลานทำได้ดีมาก ลูกไฟที่ยิงออกไปแม่นยำมาก ถ้าฝึกฝนต่อไป อีกไม่นานก็จะสามารถฝึกฝนในป่าคร่ำครวญนี้ได้อย่างสบายๆเลย”
ไม่รู้ทำไม หลินอี้คิดว่าแม้คนสองคนนี้จะมีเลเวลสูงกว่าเขามาก
แต่เขากลับมองทะลุถึงแก่นแท้ของพลังของพวกเขาได้
อาจเป็นเพราะทั้งสองแผ่คลื่นพลังเวทและธาตุไฟอ่อนๆ ออกมา
พลังของเด็กหนุ่มนั้นอ่อนกว่าตัวเองหลายเท่านัก
ส่วนจอมเวทวัยกลางคน ก็แค่แข็งแกร่งกว่าตัวเองหนึ่งขั้นเท่านั้น
ทั้งสองคนเป็นจอมเวทไฟ
ทักษะระเบิดเพลิงระดับ 2 เมื่อครู่ เป็นฝีมือของจอมเวทวัยกลางคน
ในสายตาของหลินอี้ หากไม่มีจอมเวทวัยกลางคนช่วย เด็กหนุ่มคนนั้นคงต้องเจ็บตัวกับงูยักษ์สักหน่อย ก่อนจะเอาชนะได้อย่างทุลักทุเล
ไม่มีทางที่จะใช้แค่ลูกไฟระดับ 3 เดินเข้ามาในป่าคร่ำครวญนี้ได้อย่างที่จอมเวทวัยกลางคนเป็นแน่
ได้รับคำชมจากผู้อาวุโส เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจ
เขามองหลินอี้แล้วพูดว่า "ฉันช่วยชีวิตนายเมื่อกี้ นายไม่คิดจะขอบคุณฉันหน่อยเหรอ?”
หลินอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดประโยคที่ทำให้เด็กหนุ่มและจอมเวทวัยกลางคนประหลาดใจ
“ทำไมมาแย่งมอนสเตอร์ของผม?”
เด็กหนุ่มไม่คิดว่าหลินอี้จะพูดแบบนี้
ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณ แต่ยังบอกว่าเขาแย่งมอนสเตอร์?
หมายความว่า เขาคนเดียวสามารถจัดการงูยักษ์ระดับ 9 ได้งั้นเหรอ?
เพราะความแตกต่างของเลเวล
เขาที่อยู่เลเวล 7 มองออกในแวบเดียวว่า หลินอี้มีแค่เลเวล 1
พวกมือใหม่มาในป่าแบบนี้ ขืนตายไปก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
กล้าคุยโวขนาดนี้เลยเหรอ!
แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร
จอมเวทเสื้อคลุมสีเทาข้างๆ ก็พูดขึ้นว่า "พ่อหนุ่ม ฉันเห็นว่าเลเวลนายไม่สูง พื้นที่ฝึกฝนนี้อันตรายมาก นายรีบออกไปเถอะ”
พูดจบ เขาก็พาเด็กหนุ่มข้างๆ เดินจากไป
หลินอี้มองสองคนที่เดินห่างออกไป พลางส่ายหน้า
แม้จะไม่พอใจที่โดนแย่งมอนสเตอร์
แต่คิดว่าสองคนนั้นอาจจะเห็นว่าตัวเองเลเวลต่ำ จึงออกมือช่วย ก็เลยปล่อยไปแล้วกัน
แต่มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้ง
หลินอี้ลืมเหตุการณ์เล็กๆ นี้ ไปอย่างรวดเร็ว
เพราะเมื่อเขาเดินลึกเข้าไปในป่าคร่ำครวญมากขึ้น ก็แทบไม่เจอผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ อีกเลย
และมอนสเตอร์ก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ฟู่ฟู่ฟู่...”
คราวนี้ งูยักษ์เจ็ดถึงแปดตัวที่มีเกล็ดเป็นประกายสีทองไต่ลงมาจากเรือนยอดไม้
แต่ก่อนที่พวกมันจะเข้าใกล้หลินอี้
หลินอี้ยกมือขึ้น ในทันใดนั้น ลูกไฟสิบกว่าลูกขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก็พุ่งออกมา แผดเผาทุกอย่างโดยรอบ ก่อนจะกระแทกใส่ร่างของงูยักษ์เหล่านั้น
ระเบิดเพลิง!
ถ้าจอมเวทวัยกลางคนเมื่อกี้ได้เห็นภาพนี้ คงจะตาโตด้วยความตกใจ!
ถึงกับพูดไม่ออก!
สกิลระดับ 2 เหมือนกัน แต่เมื่อหลินอี้ใช้ กลับดูไหลลื่น
เขาไม่ต้องร่ายเวทมนต์ หรือแม้กระทั่งเตรียมการ
และยังแม่นยำอย่างมาก มันเคลื่อนไหวตามที่เขาต้องการ เพียงแค่หลินอี้คิดเท่านั้น
ก็จะกลายเป็นเวทมนตร์สำเร็จรูป สังหารมอนสเตอร์ระดับสูงพวกนี้ในพริบตา!
ตอนนี้หลินอี้เป็นเหมือนปืนกลเวทมนตร์เคลื่อนที่ได้!
เมื่อเบื่อกับระเบิดเพลิงระดับ 2 หลินอี้ก็เริ่มใช้เวทมนตร์ระดับ 3
"คร่าาาา!" หมีสองตัวโผล่ออกมาจากป่าทึบด้านหลังหลินอี้ ส่งเสียงคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่
หมีเป็นสัตว์ที่แม้จะดูตัวใหญ่ก็จริง แต่มันไม่ได้วิ่งช้าเลย
อย่างไรก็ตาม การโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวของหมีสีน้ำตาลสองตัวนี้ ถูกตัดหน้าด้วยหอกเพลิงสามชั้นที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน!
โครม!
โครม!
หอกเพลิงสามชั้นปักเข้าที่หัวของหมีทั้งสอง พร้อมทั้งสังหารพวกมันในทันที!
หมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างตายพร้อมกันในคราเดียว
(จบบท)