บทที่ 37 ได้โปรดดูแลข้าด้วย
บทที่ 37 ได้โปรดดูแลข้าด้วย
เมื่อโซล พบว่าไม่ว่าเขาจะหยิบวัสดุใดๆ ก็ตาม มันก็มีเพียงคำว่า "ตาย" ปรากฏขึ้นบนหนังสือปกแข็ง เขารู้ว่ามันมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่ใช่ว่าหนังสือปกแข็งมาถึงขีดจำกัด แต่เป็นเต้าหลอม
แม้จะมองด้วยตาเปล่า เขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงของเหลวสีม่วง ที่จับแน่นแม้ว่าเขาจะคอยกวนมัน แต่ของเหลวเหล่านั้นก็มันเริ่มเปลี่ยนรูปเป็นอวัยวะเป็นครั้งคราวและจมลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว
มันดูเหมือนคนจมน้ำที่กำลังดิ้นรน แต่สุดท้ายแล้วก็จมลงสู่ใต้น้ำกลายเป็นกองกระดูกใต้เต้าหลอม
โซล จบหูเต้าหลอมขึ้นมาและแล้วเทสิ่งที่อยู่ภายในลงในกล่องใบใหญ่ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
กล่องใบใหญ่ที่ใส่ศพนั้นมีผนึกที่แข็งแกร่ง
ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะถูกโยนลงไปมากแค่นั้น ของภายในนั้นก็จะถูกผนึกอย่างสมบูรณ์
โซล เริ่มเฝ้ามองของเหลวเหล่านั้นทำปฏิกิริยาที่ไม่สามารถอธิบายได้ภายในกล่อง เขารีบปิดปากกล่องก่อนที่ควันภายในนั้นจะกระจายออกมา
โซล ลุกขึ้นยืนมองไปที่กล่องใบใหญ่ เขาอดไม่ได้ที่จะสายหัวและถอนหายใจออกมา
"ดูเหมือนว่าด้วยความรู้อันน้อยนิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมด ของข้ามันยังคงยากเกินไปที่จะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว"
"อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาเหล่านั้นยังอยู่เหนือความเข้าใจของข้าในปัจจุบัน หรือว่ามันจะมีปัจจัยอื่นๆอีก?"
โซล หันกลับไปมองวัสดุที่ยังเหลืออยู่โต๊ะ เขาคิดว่าเขายังสามารถทำได้ทดลองได้อีก 2 3 ครั้ง
ตรงมุมโต๊ะมีหนังสือบันทึกเล่มหนึ่งที่บันทึกข้อความเอาไว้หลายหน้า
มันเป็นการแจ้งเตือนความตายที่อยู่บนหนังสือปกแข็ง ซึ่งถูกบันทึกด้วยภาษาจากโลกก่อนของโซล
ด้วยการวิเคราะห์จากสถิติการตายเหล่านี้ โซล จึงสรุปลักษะของวัสดุที่ใช้ในการทดลองและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
เขาจะหาทางแก้ไขและทิศทางในการทดลองต่อไป
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาได้มาระหว่างการทดลองในตอนนี้
นอกจากนี้ มันยังเป็นการทดลองที่ไม่มีพ่อมดคนไหนกล้าทำอีกด้วย
"ฟู่"
แสงเทียนที่สว่างขึ้นได้ขัดจังหวะการครุ่นคิดของโซล
เขาถอนหายใจออกมาพับแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง เพื่อตั้งสติ
แม้ว่าความคิดและแรงบันดาลใจของเขาจะถูกขัดจังหวะเอาไว้ด้วยงาน แต่การที่มีแขกเข้ามาก็หมายความว่าจะมีวัสดุให้ทดลองหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคต
การทดลองนั้นช่างน่าเบื่อหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกสิ่งยังคลุมเครือเกี่ยวกับวิธีการ
หลังจากผ่านไป 5 วัน อันน่าเบื่อหน่าย ในที่สุด โซลก็ได้รับแขกพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ในวันที่ 6
แขกผู้นี้ไม่ใช่พ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ แต่เป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาตายอย่างกระทันหันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่มองเหลือกขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาเหลือกขึ้นขึ้นไปในเปลือกตาด้านบน
มันดูเหมือนมีบางอย่างอยู่บนนั้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของเขา
ด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ดุเหมือนรุ่นพี่ เฮย์เดน ซึ่งดูแลในขั้นตอนก่อนหน้าจะทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา
สิ่งเหล่านี้จะทำให้โซลได้รับวัสดุน้อยลง
โซลลองตรวจสอบดูแล้วไม่พบอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปิดหัวของเขาดูเท่านั้น
เลือกชิ้นส่วนที่ดูมีประโยชน์ใส่ลงไปในกล่องให้เหมาะสม
โซล หยิบหนังสีเหลืองที่ได้รับมาจาก พี่หญิงคงชา ห่อกล่องทั้งหมดและวางเอาไว้ข้างๆ
ส่วนซากที่เหลือของแขกก็ใส่มันลงไปกล่องใบใหญ่
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน โซลก็หยิบกล่องที่ถูกห่อด้วยหนังสีเหลืองเอาไว้ มองมองไปนอกประตูเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
นี่เป็นครั้งแรกที่โซลนำชิ้นส่วนแขกออกนอกห้องเก็บศพ
แม้ว่าคงชาจะรับรอง แต่โซลก้ยังรู้สึกไม่สบายใจ
กฏของหอคอยพ่อมดบางข้อก็ไม่ได้สำคัญนัก
ตราบใดที่เขา สามารถมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถค้นพบได้
ด้วยความแข็งแกร่งของ พี่หญิงคงชา หากนางต้องการสมองของพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 จริงๆ นางไม่จำเป็นต้องนำออกมาจากศพ
นางสามารถหามาได้เองบางส่วนอย่างง่ายดาย
แต่นางกับต้องการให้ โซลส่งสมองของพ่อมดฝึกหัดจากห้องเก็บศพมาให้นางทุกเดือน
เห็นได้ชัดว่า หอคอยพ่อมด นั้นยังคงให้ความสำคัญกับเหล่าเด็กๆของพวกเขา
ดังนั้น การสังหาร คน 1 หรือ 2 คนอย่างลับๆ นั้นหรือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเขาสังหารมากเกินไป เขาจะต้องชดใช้ในราคาที่แพงแสนแพง
"ถ้าข้าไม่สามารถนำวัสดุออกมาได้ ให้เก็บพวกมันไว้ในห้องเก็บศพและรอให้พี่หญิงคงชามารับมันเอง อย่างไรก้ตาม ตั้งแต่ข้าทาสเหล่านั้นมาทำความสะอาด ก็ไม่เคยเห็นวัสดุตู้เก็บของขยับมาก่อน" โซลครุ่นคิดเรื่องนี้อีกครั้ง
เขาถือกล่องเดินออกจากห้องเก็บศพอย่างระมัดระวัง
เพื่อป้องกันไม่พบเจอกับเหล่ารุ่นพี่ โซลวางแผลออกจากห้องเก็บศพตอนที่เวลาใกล้จะ 2 ทุ่ม
แสงไฟบนทางเดินไม่ได้สว่างเท่าตอนบ่าย แสงเทียนสั่นไหวเป็นครั้งคราว ราวกับจะกระตุ้นให้ลงโซลรีบลงมือ
เมื่อโซลเดินไปจนสุดทางเดิน เขาก็เป็นชายคนหนึ่งที่ดูแข็งแกร่งยืนพิงกำแพงนิ่ง
โซลก้าวหน้าไปข้างหน้า 1 ก้าว
จมูกของชายคนนั้นกระตุกในทันที
โซลยืนกอดอกแน่น พร้อมที่จะหันหลังกลับทุกเมื่อ
ใบหน้าของชายคนนั้นหันมาทางโซล จมูกของเขากระตุกอีก 2 3 ครั้ง
เงียบ
เขาได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของตัวเอง
ทันใดนั้นชายคนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
จะบอกว่าเขายืนก็ไม่ถูก เพราะเขายืนขดตัวและหน้าอกเอาไว้เพราะกลัวว่าหัวของเขาจะแทกกับเพดานทางเดิน
"มันจบแล้ว"
โซล กอดหนังสีเหลืองและถอยออกไปช้าๆ จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาสัมผัสเข้ากับกำแพงที่เย็นเยียบ ความเย็นกระจายไปทั่วแผ่นหลังของเขาแทรกลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน
"ข้ากำลังจะถูกจับได้"
"หนังสือปกแข็งไม่มีคำเตือนงั้นหรือ? มันคงจะไม่ร้ายแรง นี่เป็นความผิดครั้งแรกของข้า ถ้าเอาของกลับเข้าไปในห้องเก็บศพ บางทีอาจจะยังพอทีโอกาสรอด ไม่ถูกลงโทษ"
โซล พูด ขณะที่เขามองไปยังประตูสีแดงที่อยู่ไม่ไกลจากเขา และสงสัยว่าเขาควรนำวัสดุเหล่านี้กลับเข้าไปตอนนี้หรือไม่?
เขาต่อสู้กับความคิดในหัวอย่างหนักหน่วง
แต่ในเวลานั้น ทิศทางของชายผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
นี้ทำให้ขาของโซลอ่อนแอลงอีกครั้ง
ชายคนนั้นค่อยๆ เข้าไปในห้องเก็บศพของโซล
โซลมองไปยังด้านข้าง เห็นชายคนนั้นแทบจะไม่สามารถเข้าประตูไปได้ เขายืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องมือและเอื้อมมือออกไปและดึงกล่องใบใหญ่ด้านล่างออกมา
กล่องหนักถูกยกขึ้นราวกับโฟม ด้วยมือของชายคนนั้น
จากนั้นชายคนนั้นก็ปิดประตูและออกไป โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ในห้อง
เมื่อออกไปแล้วเขาก็เลี้ยวขวา
โซลเพียงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ในขณะที่ชายคนนั้นถือกล่องใบใหญ่เดินลึกเข้าไปในทางเดินอันมืดมิด
เสียงฝีเท้าหนักๆของเขาค่อยๆ ลางหายไป
ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เส้นทางปลอดภัยแล้ว
ทันใดนั้นโซลก็รู้สึกตัว และตระหนักได้ว่านี่มันดึกแล้ว เขารีบวิ่งออกมาพร้อมกับของที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
หอคอยวันออกนั้น อันตรายมากสำหรับพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเขาในปัจจุบันที่รู้สึกเวทมนตร์ระดับ 0 เพียง 2 ซึ่งนับว่าไม่เลวเลย แต่ความสามารถในการป้องกันตัวก็ยังน่าเป็นห่วง
ทางเดินที่เชื่อมระหว่างหอคอยตะวันออกและหอคอยตะวันตกที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ชั้น 5
ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น จู่ๆ โซลก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกประหลาด
จากชั้นที่ 2 มาถึงชั้นที่ 5 เขาต้องวนบันไดเพียง 3 ชั้นเท่านั้น
แต่เขากับ ... รู้สึกว่าทำไมมันไม่ถึงซักที
โซลรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหยุด
เขาไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าหัวของเขาเริ่มหลักสมดุลย์เริ่มไม่มั่นคง ราวกับจะล้มลงเมื่อใดก็ได้
เหมือนมีบางอย่างออกจากปอยผมบนหัวของเขา โตจนกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่สั่นไหวไปมา ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวโซล
โซลอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่เมื่อคิดจะเงยหน้าขึ้น
เขาก็คิดถึงแขกที่เขาได้รับมาในวันี้
พ่อมดฝึกหัดรายนั้นดวงตาของเขาพยายามอย่างมากที่จะมองไปขึ้นบนหัว
โซลหยุดอย่างกระทันหัน
ทันใดนั้นเขาก็หยุดก้าวไปข้างหน้า มียางอย่างสั่นตกลงมาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
มันดูเหมือนหน้าผากเรียบๆ ที่มีคิ้วเล็กๆ ซึ่งยืนออกมาจากบนหัวเล็กน้อย และหัดตัวกลับไปตามแรงดีด
"มีอะไรอยู่ในหัวข้า"
แน่นอนว่า หอคอยพ่อมด ไม่อ่อนโยนกับเขาเลย
เขาจะเดินไปท่ามกลางแม่น้ำ โดยไม่ได้ทำให้รองเท้าเปรียกได้อย่างไร?
และตัวเขาเป็นคนเดียวที่ตกตกลงไปในแม่น้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ทุกคนที่เขาเดิมไปตามแม่น้ำ
พรสวรรค์ด้านพลังจิตนำพาตัวเขาเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อความอยู่รอด แต่มันก็ยังนำภัยพิบัติมาให้เขาด้วยเช่นกัน
โซลปล่อยมือของเขา และค่อยๆ ยกขึ้นไป
ปลายนิ้วสัมผัสขึ้นไปเหนือคิ้ว ค้างอยู่ในอากาศ
ถ้าเขาสัมผัสบางอย่างได้จริงๆละ
มือของโซลค่อยๆ หยุดนิ่ง
เขาก้มหน้าลงกับไปหนังสือปกแข็ง
"ข้าสามารถจับมันได้หรือไม่?"
หนังสือปกแข็งไม่ได้ตอบสนอง
โซลที่เคร่งเครียดก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
หนังสือปกแข็งไม่ได้ตอบสนอง สิ่งใด
เขายังคงกล่องวัสดุอยู่ในอ้อมแขน เขาไม่ได้ผ่อนคลายแม้ว่าจะเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่บนหัวของเขามาจากของสิ่งนี้
เขาเดินอย่างมั่นคงไปที่กำแพงทีละก้าวพลางคำนวณระยะทางไปด้วย
"นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกัน โปรดดูแลข้าด้วย"
เด็กหนุ่มกัดฟัน เขาหันหน้าไปทางกำแพงและโค้งลงมาตรงๆ
ร่างของเขาก่อตัวเป็นเงา
"บูมมม"
มีบางอย่าง... กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง
"แกร๊ง"
ตามมาด้วยเสียงบางอย่างที่แตกออก
โซลยืนขึ้น มีของเหลวข้น ไหลลงมาจากบนหัวของเขา
ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนบีบแชมพูใส่หัวเขาโดยตรง
ผสมน้ำแข็งเย็นๆ
ค่อยๆ ไหลลงมา
โซล ยกมือขึ้นเช็ดไปที่หน้าผากของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวที่ไม่รู้จักไหลเข้าตาของเขา
"เดินไปช้าๆ โดยไม่ต้องมองข้า"