ตอนที่แล้วบทที่ 36 ไม่ช้าก็เร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 ค้นพบจุดอ่อน

บทที่ 37 ได้โปรดดูแลข้าด้วย


บทที่ 37 ได้โปรดดูแลข้าด้วย

เมื่อโซล พบว่าไม่ว่าเขาจะหยิบวัสดุใดๆ ก็ตาม มันก็มีเพียงคำว่า "ตาย" ปรากฏขึ้นบนหนังสือปกแข็ง เขารู้ว่ามันมาถึงขีดจำกัดแล้ว

ไม่ใช่ว่าหนังสือปกแข็งมาถึงขีดจำกัด แต่เป็นเต้าหลอม

แม้จะมองด้วยตาเปล่า เขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงของเหลวสีม่วง ที่จับแน่นแม้ว่าเขาจะคอยกวนมัน แต่ของเหลวเหล่านั้นก็มันเริ่มเปลี่ยนรูปเป็นอวัยวะเป็นครั้งคราวและจมลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว

มันดูเหมือนคนจมน้ำที่กำลังดิ้นรน แต่สุดท้ายแล้วก็จมลงสู่ใต้น้ำกลายเป็นกองกระดูกใต้เต้าหลอม

โซล จบหูเต้าหลอมขึ้นมาและแล้วเทสิ่งที่อยู่ภายในลงในกล่องใบใหญ่ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง

กล่องใบใหญ่ที่ใส่ศพนั้นมีผนึกที่แข็งแกร่ง

ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะถูกโยนลงไปมากแค่นั้น ของภายในนั้นก็จะถูกผนึกอย่างสมบูรณ์

โซล เริ่มเฝ้ามองของเหลวเหล่านั้นทำปฏิกิริยาที่ไม่สามารถอธิบายได้ภายในกล่อง เขารีบปิดปากกล่องก่อนที่ควันภายในนั้นจะกระจายออกมา

โซล ลุกขึ้นยืนมองไปที่กล่องใบใหญ่ เขาอดไม่ได้ที่จะสายหัวและถอนหายใจออกมา

"ดูเหมือนว่าด้วยความรู้อันน้อยนิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมด ของข้ามันยังคงยากเกินไปที่จะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว"

"อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาเหล่านั้นยังอยู่เหนือความเข้าใจของข้าในปัจจุบัน หรือว่ามันจะมีปัจจัยอื่นๆอีก?"

โซล หันกลับไปมองวัสดุที่ยังเหลืออยู่โต๊ะ เขาคิดว่าเขายังสามารถทำได้ทดลองได้อีก 2 3 ครั้ง

ตรงมุมโต๊ะมีหนังสือบันทึกเล่มหนึ่งที่บันทึกข้อความเอาไว้หลายหน้า

มันเป็นการแจ้งเตือนความตายที่อยู่บนหนังสือปกแข็ง ซึ่งถูกบันทึกด้วยภาษาจากโลกก่อนของโซล

ด้วยการวิเคราะห์จากสถิติการตายเหล่านี้ โซล จึงสรุปลักษะของวัสดุที่ใช้ในการทดลองและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้

เขาจะหาทางแก้ไขและทิศทางในการทดลองต่อไป

นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาได้มาระหว่างการทดลองในตอนนี้

นอกจากนี้  มันยังเป็นการทดลองที่ไม่มีพ่อมดคนไหนกล้าทำอีกด้วย

"ฟู่"

แสงเทียนที่สว่างขึ้นได้ขัดจังหวะการครุ่นคิดของโซล

เขาถอนหายใจออกมาพับแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง เพื่อตั้งสติ

แม้ว่าความคิดและแรงบันดาลใจของเขาจะถูกขัดจังหวะเอาไว้ด้วยงาน แต่การที่มีแขกเข้ามาก็หมายความว่าจะมีวัสดุให้ทดลองหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคต

การทดลองนั้นช่างน่าเบื่อหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกสิ่งยังคลุมเครือเกี่ยวกับวิธีการ

หลังจากผ่านไป 5 วัน อันน่าเบื่อหน่าย ในที่สุด โซลก็ได้รับแขกพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ในวันที่ 6

แขกผู้นี้ไม่ใช่พ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ แต่เป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาตายอย่างกระทันหันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่มองเหลือกขึ้นด้วยความหวาดกลัว

ดวงตาเหลือกขึ้นขึ้นไปในเปลือกตาด้านบน

มันดูเหมือนมีบางอย่างอยู่บนนั้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของเขา

ด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ดุเหมือนรุ่นพี่ เฮย์เดน ซึ่งดูแลในขั้นตอนก่อนหน้าจะทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา

สิ่งเหล่านี้จะทำให้โซลได้รับวัสดุน้อยลง

โซลลองตรวจสอบดูแล้วไม่พบอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปิดหัวของเขาดูเท่านั้น

เลือกชิ้นส่วนที่ดูมีประโยชน์ใส่ลงไปในกล่องให้เหมาะสม

โซล หยิบหนังสีเหลืองที่ได้รับมาจาก พี่หญิงคงชา ห่อกล่องทั้งหมดและวางเอาไว้ข้างๆ

ส่วนซากที่เหลือของแขกก็ใส่มันลงไปกล่องใบใหญ่

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน โซลก็หยิบกล่องที่ถูกห่อด้วยหนังสีเหลืองเอาไว้ มองมองไปนอกประตูเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่โซลนำชิ้นส่วนแขกออกนอกห้องเก็บศพ

แม้ว่าคงชาจะรับรอง แต่โซลก้ยังรู้สึกไม่สบายใจ

กฏของหอคอยพ่อมดบางข้อก็ไม่ได้สำคัญนัก

ตราบใดที่เขา สามารถมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถค้นพบได้

ด้วยความแข็งแกร่งของ พี่หญิงคงชา หากนางต้องการสมองของพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 จริงๆ นางไม่จำเป็นต้องนำออกมาจากศพ

นางสามารถหามาได้เองบางส่วนอย่างง่ายดาย

แต่นางกับต้องการให้ โซลส่งสมองของพ่อมดฝึกหัดจากห้องเก็บศพมาให้นางทุกเดือน

เห็นได้ชัดว่า หอคอยพ่อมด นั้นยังคงให้ความสำคัญกับเหล่าเด็กๆของพวกเขา

ดังนั้น การสังหาร คน 1 หรือ 2 คนอย่างลับๆ นั้นหรือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเขาสังหารมากเกินไป เขาจะต้องชดใช้ในราคาที่แพงแสนแพง

"ถ้าข้าไม่สามารถนำวัสดุออกมาได้ ให้เก็บพวกมันไว้ในห้องเก็บศพและรอให้พี่หญิงคงชามารับมันเอง อย่างไรก้ตาม ตั้งแต่ข้าทาสเหล่านั้นมาทำความสะอาด ก็ไม่เคยเห็นวัสดุตู้เก็บของขยับมาก่อน" โซลครุ่นคิดเรื่องนี้อีกครั้ง

เขาถือกล่องเดินออกจากห้องเก็บศพอย่างระมัดระวัง

เพื่อป้องกันไม่พบเจอกับเหล่ารุ่นพี่ โซลวางแผลออกจากห้องเก็บศพตอนที่เวลาใกล้จะ 2 ทุ่ม

แสงไฟบนทางเดินไม่ได้สว่างเท่าตอนบ่าย แสงเทียนสั่นไหวเป็นครั้งคราว ราวกับจะกระตุ้นให้ลงโซลรีบลงมือ

เมื่อโซลเดินไปจนสุดทางเดิน เขาก็เป็นชายคนหนึ่งที่ดูแข็งแกร่งยืนพิงกำแพงนิ่ง

โซลก้าวหน้าไปข้างหน้า 1 ก้าว

จมูกของชายคนนั้นกระตุกในทันที

โซลยืนกอดอกแน่น พร้อมที่จะหันหลังกลับทุกเมื่อ

ใบหน้าของชายคนนั้นหันมาทางโซล จมูกของเขากระตุกอีก 2 3 ครั้ง

เงียบ

เขาได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของตัวเอง

ทันใดนั้นชายคนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

จะบอกว่าเขายืนก็ไม่ถูก เพราะเขายืนขดตัวและหน้าอกเอาไว้เพราะกลัวว่าหัวของเขาจะแทกกับเพดานทางเดิน

"มันจบแล้ว"

โซล กอดหนังสีเหลืองและถอยออกไปช้าๆ จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาสัมผัสเข้ากับกำแพงที่เย็นเยียบ ความเย็นกระจายไปทั่วแผ่นหลังของเขาแทรกลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน

"ข้ากำลังจะถูกจับได้"

"หนังสือปกแข็งไม่มีคำเตือนงั้นหรือ? มันคงจะไม่ร้ายแรง นี่เป็นความผิดครั้งแรกของข้า ถ้าเอาของกลับเข้าไปในห้องเก็บศพ บางทีอาจจะยังพอทีโอกาสรอด ไม่ถูกลงโทษ"

โซล พูด ขณะที่เขามองไปยังประตูสีแดงที่อยู่ไม่ไกลจากเขา และสงสัยว่าเขาควรนำวัสดุเหล่านี้กลับเข้าไปตอนนี้หรือไม่?

เขาต่อสู้กับความคิดในหัวอย่างหนักหน่วง

แต่ในเวลานั้น ทิศทางของชายผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน

นี้ทำให้ขาของโซลอ่อนแอลงอีกครั้ง

ชายคนนั้นค่อยๆ เข้าไปในห้องเก็บศพของโซล

โซลมองไปยังด้านข้าง เห็นชายคนนั้นแทบจะไม่สามารถเข้าประตูไปได้ เขายืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องมือและเอื้อมมือออกไปและดึงกล่องใบใหญ่ด้านล่างออกมา

กล่องหนักถูกยกขึ้นราวกับโฟม ด้วยมือของชายคนนั้น

จากนั้นชายคนนั้นก็ปิดประตูและออกไป โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ในห้อง

เมื่อออกไปแล้วเขาก็เลี้ยวขวา

โซลเพียงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ในขณะที่ชายคนนั้นถือกล่องใบใหญ่เดินลึกเข้าไปในทางเดินอันมืดมิด

เสียงฝีเท้าหนักๆของเขาค่อยๆ ลางหายไป

ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

เส้นทางปลอดภัยแล้ว

ทันใดนั้นโซลก็รู้สึกตัว และตระหนักได้ว่านี่มันดึกแล้ว เขารีบวิ่งออกมาพร้อมกับของที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

หอคอยวันออกนั้น อันตรายมากสำหรับพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเขาในปัจจุบันที่รู้สึกเวทมนตร์ระดับ 0 เพียง 2 ซึ่งนับว่าไม่เลวเลย แต่ความสามารถในการป้องกันตัวก็ยังน่าเป็นห่วง

ทางเดินที่เชื่อมระหว่างหอคอยตะวันออกและหอคอยตะวันตกที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ชั้น 5

ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น จู่ๆ โซลก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกประหลาด

จากชั้นที่ 2 มาถึงชั้นที่ 5 เขาต้องวนบันไดเพียง 3 ชั้นเท่านั้น

แต่เขากับ ... รู้สึกว่าทำไมมันไม่ถึงซักที

โซลรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหยุด

เขาไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าหัวของเขาเริ่มหลักสมดุลย์เริ่มไม่มั่นคง ราวกับจะล้มลงเมื่อใดก็ได้

เหมือนมีบางอย่างออกจากปอยผมบนหัวของเขา โตจนกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่สั่นไหวไปมา ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวโซล

โซลอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่เมื่อคิดจะเงยหน้าขึ้น

เขาก็คิดถึงแขกที่เขาได้รับมาในวันี้

พ่อมดฝึกหัดรายนั้นดวงตาของเขาพยายามอย่างมากที่จะมองไปขึ้นบนหัว

โซลหยุดอย่างกระทันหัน

ทันใดนั้นเขาก็หยุดก้าวไปข้างหน้า มียางอย่างสั่นตกลงมาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

มันดูเหมือนหน้าผากเรียบๆ ที่มีคิ้วเล็กๆ ซึ่งยืนออกมาจากบนหัวเล็กน้อย และหัดตัวกลับไปตามแรงดีด

"มีอะไรอยู่ในหัวข้า"

แน่นอนว่า หอคอยพ่อมด ไม่อ่อนโยนกับเขาเลย

เขาจะเดินไปท่ามกลางแม่น้ำ โดยไม่ได้ทำให้รองเท้าเปรียกได้อย่างไร?

และตัวเขาเป็นคนเดียวที่ตกตกลงไปในแม่น้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ทุกคนที่เขาเดิมไปตามแม่น้ำ

พรสวรรค์ด้านพลังจิตนำพาตัวเขาเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อความอยู่รอด แต่มันก็ยังนำภัยพิบัติมาให้เขาด้วยเช่นกัน

โซลปล่อยมือของเขา และค่อยๆ ยกขึ้นไป

ปลายนิ้วสัมผัสขึ้นไปเหนือคิ้ว ค้างอยู่ในอากาศ

ถ้าเขาสัมผัสบางอย่างได้จริงๆละ

มือของโซลค่อยๆ หยุดนิ่ง

เขาก้มหน้าลงกับไปหนังสือปกแข็ง

"ข้าสามารถจับมันได้หรือไม่?"

หนังสือปกแข็งไม่ได้ตอบสนอง

โซลที่เคร่งเครียดก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

หนังสือปกแข็งไม่ได้ตอบสนอง สิ่งใด

เขายังคงกล่องวัสดุอยู่ในอ้อมแขน เขาไม่ได้ผ่อนคลายแม้ว่าจะเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่บนหัวของเขามาจากของสิ่งนี้

เขาเดินอย่างมั่นคงไปที่กำแพงทีละก้าวพลางคำนวณระยะทางไปด้วย

"นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกัน โปรดดูแลข้าด้วย"

เด็กหนุ่มกัดฟัน เขาหันหน้าไปทางกำแพงและโค้งลงมาตรงๆ

ร่างของเขาก่อตัวเป็นเงา

"บูมมม"

มีบางอย่าง... กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง

"แกร๊ง"

ตามมาด้วยเสียงบางอย่างที่แตกออก

โซลยืนขึ้น มีของเหลวข้น ไหลลงมาจากบนหัวของเขา

ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนบีบแชมพูใส่หัวเขาโดยตรง

ผสมน้ำแข็งเย็นๆ

ค่อยๆ ไหลลงมา

โซล ยกมือขึ้นเช็ดไปที่หน้าผากของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวที่ไม่รู้จักไหลเข้าตาของเขา

"เดินไปช้าๆ โดยไม่ต้องมองข้า"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด