บทที่ 27 เหตุการณ์ก็อบลินคลั่ง
บทที่ 27 เหตุการณ์ก็อบลินคลั่ง
ก็นะ มันชวนให้รู้สึกไม่น่าเชื่อจริงๆ ที่สาวสวยหุ่นดีอย่างหยางอี้อี้ จะเป็นถึงนักรบคลั่ง!
ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่านั้นไม่ค่อยยอมรับในตัวหยางอี้อี้เท่าไร คิดจะใช้ความเป็นผู้ชายเข้าสู้
แต่พอได้เห็นหยางอี้อี้ยยกขวานเหล็กยาวสองเมตรขึ้นด้วยมือข้างเดียวเท่านั้นล่ะ…
ต่างจากอู๋เทียน หยางอี้อี้อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี และได้เข้าเรียนในห้องเรียนผู้ตื่นรู้มาตั้งแต่ปีก่อน แถมยังได้เข้าร่วมกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งอีกด้วย
ด้วยความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม ทำให้ตอนนี้ในฐานะนักรบคลั่ง เธอมีเลเวลไปไกลถึง 15 แล้ว
ทักษะที่เรียนรู้นอกจากที่โรงเรียนแจกมาให้เป็นพื้นฐานแล้ว ก็ยังมีที่ได้จากการผจญภัยในต่างโลก และจากเพื่อนสนิทของเธออีกด้วย
แน่นอน หยางอี้อี้ยังไม่มีทักษะสีม่วง
เช่นเดียวกับผู้ตื่นรู้คนอื่นๆ สีขาวและสีเขียวถือเป็นที่นิยมเพราะหาง่าย ส่วนสีฟ้านั้นถือว่าเป็นของหายากระดับหนึ่งแล้ว
ส่วนหนังสือทักษะสีม่วงน่ะเหรอ? พวกเธอในระดับเลเวลนี้ไม่มีทางเอื้อมถึงหรอก
“โอเคน้องชาย งั้นจดเบอร์โทรศัพท์ไว้…”
…
หลังจากเดินออกจากศูนย์รับฝากของ อู๋เทียนก็เดินเล่นไปรอบๆ อย่างเบื่อหน่าย เห็นคนมาตั้งแผงขายของเยอะแยะไปหมด มีอุปกรณ์ทุกเลเวล
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะต่ำกว่าเลเวล 20
คาดว่าคนที่เลเวล 20 อัพ น่าจะออกจากเมืองเฉิงสุ่ยไปกันหมดแล้ว
แต่เขาอยากจะลองเสี่ยงโชคดู เผื่อเจอของดีราคาถูก แต่หลังจากเดินวนไปรอบหนึ่งก็ยังไร้วี่แวว สุดท้ายก็ได้แต่กลับบ้านไปแบบเซ็งๆ
…
สามวันต่อมา
ในห้องชั้น 6/1 อาจารย์วัยกลางคนหน้าตาดุดัน กำลังยืนชี้นิ้วไปที่โปรเจคเตอร์พลางพูดอย่างฉะฉานว่า
“ท่ามกลางมิตินับหมื่นแสน ขณะที่เรากำลังรุกรานโลกอื่น โลกอื่นก็กำลังรุกรานเราเช่นกัน!”
“โชคดีที่โลกของเราเป็นอารยธรรมที่แข็งแกร่ง ไม่เคยหวั่นเกรงสงครามจากอารยธรรมอื่น ถึงกระนั้น ต่อให้เป็นสงครามที่สยบได้ง่ายๆ ก็มักจะเกิดเรื่องน่าเศร้าอยู่เสมอ”
“เหตุการณ์ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ เหตุการณ์ก็อบลินคลั่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ช่องว่างมิติที่ไม่เสถียรได้เปิดออก กองทัพก็อบลินได้กรูกันออกมาจากข้างใน สังหารและกวาดต้อนผู้คนไปกว่าหมื่นคน”
“สุดท้ายแล้ว ท่านผู้นำเมืองสุ่ยเฉิงและท่านอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมปลายของเรา ได้ข้ามมิติกลับมา และเป็นผู้นำในการก้าวเข้าไปในช่องว่างมิติด้วยตัวเอง จึงสามารถช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกกวาดต้อนกลับมาได้”
“อย่างไรก็ตาม ในบรรดาคนนับหมื่น… มีผู้รอดชีวิตเพียงพันกว่าคนเท่านั้น”
…
อาจารย์วัยกลางคนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “สงครามระหว่างอารยธรรมนั้นโหดร้าย ไร้ซึ่งความดีงาม”
“หลังจากนั้น ช่องว่างมิติก็พังทลายลง ตัดขาดประตูเชื่อมระหว่างสองโลก แต่ก็มีผู้ตื่นรู้ที่แข็งแกร่งได้รับไอเทมพิกัดจากโลกนั้น และเปิดเผยข้อมูลออกมาไม่น้อย”
“โลกใบนั้นเป็นโลกระดับสีฟ้า เรียกว่า มิติก็อบลินคลั่ง!”
…
ที่ด้านล่างสุดของห้องเรียน อู๋เทียนซึ่งกำลังหยอกล้อกับหลินเฉียนเฉียนอยู่พลันยืดหลังตรง ก่อนจะหันมองไปยังแท่นบรรยาย
มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?
อาจารย์วัยกลางคนยังคงพูดต่อไปว่า “โลกใบนั้นเต็มไปด้วยบาป เผ่าพันธุ์ก็อบลินไม่ใช่มอนสเตอร์กระจอกอย่างในโลกอื่น แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนั้น ตีเผ่าพันธุ์อื่นจนราบคาบ!”
“แม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เอลฟ์ ยักษ์ และคนแคระ จะร่วมมือกัน ก็ยังถูกก็อบลินยึดครองดินแดนไปถึง 80% ต้องหนีไปกองกันอยู่ที่แดนเหนืออย่างอัปยศอดสู”
“ว่ากันว่า เผ่าพันธุ์ก็อบลินที่แปลกประหลาดนั้น ล้วนเป็นเพศชาย ก้าวร้าว และชั่วร้าย พวกมันจงใจไม่กวาดล้างเผ่าพันธุ์อื่น แต่จะล้อมพวกเขาเอาไว้ แล้วคอยจับตัวหญิงสาวจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ มาเพื่อให้กำเนิดก็อบลิน โดยที่ก็อบลินที่เกิดใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็นเพศชาย!”
“ในสงครามครั้งนั้น ชาวเมืองสุ่ยเฉิงที่เสียชีวิต บางส่วนถูกกิน ถูกทรมานจนตาย และก็มีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่ทนต่อความอัปยศอดสูไม่ไหว จึงเลือกปลิดชีพตัวเอง”
…
ทันทีที่พูดจบ นักเรียนหลายคนก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
แม้แต่อู๋เทียนเองก็ตกตะลึงไม่น้อย
เขาไม่คิดว่าค่ายก็อบลินที่ดู “ธรรมดา” นั้น จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าขยะแขยงเช่นนี้
แต่พอนึกดูดีๆ ก็อบลินที่เขาเห็นก็ล้วนเป็นเพศชายทั้งหมด!
“ข้ามมิติไปครั้งหน้าคงต้องตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้หน่อยแล้ว สงสัยค่ายนั้นต้องมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นแน่ๆ”
อู๋เทียนขมวดคิ้ว
เผ่าพันธุ์ที่เต็มไปด้วยพวกชอบใช้กำลังข่มขืนแบบนี้ เขาก็รู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด
ต้องฆ่าพวกมันให้หมดสิ้นซะ จะได้เลิกสร้างความเดือดร้อน!
“เพราะทั้งสองโลกเคยเชื่อมต่อกัน ดังนั้นการสุ่มข้ามมิติที่เมืองสุ่ยเฉิง จึงมีโอกาสที่จะเข้าไปในโลกใบนั้นได้!”
อาจารย์วัยกลางคนพูดต่อ “จำไว้ว่า ถ้าพวกเธอข้ามมิติไปยังโลกใบนั้น อย่าลังเล รีบออกมาทันที!”
“สมาคมผู้ตื่นรู้ได้ประเมินไว้แล้วว่า โลกใบนั้นเป็นโลกที่ผู้ตื่นรู้ต้องมีเลเวลอย่างน้อยขั้น 10 ถึงจะสำรวจได้!”
…
อู๋เทียนตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์พูดต่อจากนั้นอย่างตั้งใจ
ส่วนสาวน้อยข้างๆ พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา บนใบหน้าขาวเนียนปรากฏร่องรอยของความหวาดหวั่น
“กลัวเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางของหลินเฉียนเฉียน อู๋เทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า “จะบอกให้ฟังอย่างนึงนะ ฉันเนี่ยแหละ ก็อบลินสเลเยอร์ตัวจริงเสียงจริง!”