บทที่ 109 ความบังเอิญ!
“ดี จงรีบไปเถิด! หากข้าไม่ได้ล้างความอัปยศครั้งนี้ ข้าคงไม่อาจนอนตายตาหลับได้!”
ลู่เหยียนกัดฟันขนาดเปล่าด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
แม้ตระกูลลู่จะไม่มีอำนาจเท่าตระกูลฉินในเมืองซวนเฟิง แต่ชื่อเสียงของสองตระกูลนี้ก็โด่งดังมิแพ้กันนัก
ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน!
“ช้าก่อน!”
ขณะที่คนรับใช้กำลังจะจากไป ฉินหยวนเฟิงก็เอ่ยขึ้นหยุดเขาไว้ก่อน
ฉินหยวนเฟิงกล่าวกับคนรับใช้คนอื่นๆ ว่า “พวกเจ้าจงรีบไปสืบหาที่อยู่ล่าสุดของเขา และสืบปลายทางที่เขากำลังจะไปมาด้วย”
“ขอรับ!”
คนรับใช้หลายคนแสดงความเคารพแล้วรีบจากไปในทันใด
“ฉินหยวนเฟิง ไฉนเจ้าจึงต้องการทราบเรื่องนี้ด้วยเล่า” ลู่เหยียนกล่าวถามอย่างฉงนสงสัย
ฉินหยวนเฟิงยกชาขึ้นจิบแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลู่เหยียน คงมิใช่ว่าเจ้าต้องการลงมือในเมืองนี้จริงๆ หรอกกระมัง ที่นี่มิใช่เมืองซวนเฟิงของเรา หากกระทำการใดไม่รอบคอบ เราจะต้องประสบปัญหาจากการที่ทำให้ศาลาหลิงอวิ๋นขุ่นเคือง”
“นี่……”
สีหน้าลู่เหยียนแข็งค้าง เขาติดนิสัยเคยชินคล้ายอยู่ในเมืองซวนเฟิง ดังนั้น เขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ฉินหยวนเฟิงกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้กังวลไป ตามความเห็นข้า เขาอาจจะมาที่นี่เพื่อทดสอบเข้าสามสำนักหลัก ตราบใดที่เขาไม่สามารถเป็นลูกศิษย์ของสามสำนักหลักได้ คนของตระกูลฉินข้าก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!”
แสงเย็นวาบทอประกายอยู่ในแววตาของฉินหยวนเฟิง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ องค์หญิงฮัวซึ่งนั่งจิบชาอยู่ข้างๆ อย่างสงบ ก็แอบทอดถอนใจเงียบๆ
นางรู้ดีแก่ใจว่าฉินหยวนเฟิงนั้นเย่อหยิ่งเพียงใด วันนี้เขาถูกเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน แม้นภายนอกจะมีท่าทางสงบ แต่ลึกๆ ในใจนั้นกลับคล้ายดั่งคลื่นที่ซัดสาดโหมกระหน่ำ เขาร้อนใจเสียยิ่งกว่าลู่เหยียนด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่แสดงออกมา
หลังจากนั้นไม่นานนัก คนรับใช้หลายคนก็กลับมาถึงอย่างรวดเร็ว
“รายงานนายน้อย เด็กหนุ่มคนนี้พักอยู่โรงเตี๊ยมเจียงเฟิงอีกเรื่องคือเขาได้ถามเจ้าของโรงเตี๊ยมเกี่ยวกับเรือสำเภาที่จะล่อง ข้ามฟากไปยังสำนักซวนหยวนพรุ่งนี้” หนึ่งในคนรับใช้ที่กลับมากล่าวอย่างรวดเร็ว
“โอ้?”
ฉินหยวนเฟิงเลิกคิ้ว
ลู่เหยียนที่อยู่ข้างๆ เหยียดยิ้มกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่สำนักซวนหยวนเช่นกัน! สวรรค์ช่างเป็นใจให้ข้ายิ่งนัก!”
“ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้…”
องค์หญิงฮัวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายศีรษะเล็กน้อย ประหนึ่งว่านางได้เห็นจุดจบอันน่าเศร้าของหลัวเฉิง
พวกนางเองก็จะไปยังสำนักซวนหยวน เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกลูกศิษย์ของสำนักเฉกเช่นเดียวกัน
ณ โรงเตี๊ยมเจียงเฟิง
หลังหลัวเฉิงส่งชายชราของศาลาหลิงอวิ๋นกลับไป ตัวเขาเองก็กลับไปที่ห้องของตน
“ป้ายหยกหลิงเซียวนี้ดีจริงๆ หากข้าได้พบกับลั่วเหยาอีกครั้ง คงต้องขอบคุณนางในเรื่องนี้เสียแล้ว”
เพียงการซื้อขายในวันนี้เพียงอย่างเดียว ป้ายหยกหลิงเซียวช่วยให้หลัวเฉิงประหยัดเงินได้เกือบหนึ่งล้านตำลึง!
เหตุผลที่ศาลาหลิงอวิ๋นดูแลเขาอย่างดี ก็อาจเป็นเพราะป้ายหยกหลิงเซียวนี้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น หลัวเฉิงยังได้ทราบจากชายชรา ว่าป้ายหยกหลิงเซียวนี้ ก็เป็นสมบัติที่สามารถเก็บของได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พื้นที่เก็บของภายในป้ายหยกหลิงเซียวจำเป็นต้องใช้ปราณแท้ในการเปิดใช้งาน
ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทะลวงจนถึงขั้นเขตแดนลึกลับแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถปลดปล่อยปราณแท้เปิดใช้งานมันได้
ทันใดเขาก็เก็บป้ายหยกหลิงเซียวเอาไว้ จากนั้นจึงชักกระบี่ของตนออกมา
“กระบวนท่าแรก สวรรค์ถล่มสายลมชะงัก!”
ปราณกระบี่อันแหลมคมส่องสว่างทั่วทั้งห้องอย่างกะทันหัน
วืด!
ครู่ต่อมา ก็มีเสียงสายลมถูกสะบั้นขาดดังขึ้น
“ดี!”
หลัวเฉิงพยักหน้าด้วยความพอใจ ระหว่างนั้นเขาก็อยากทดสอบพลังของกระบี่ทลายสวรรค์ จึงหยิบกระบี่เล่มเดิมที่เขาเคยพกไว้ก่อนหน้านำมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ฟาดฟันกระบี่ในมืออีกครั้ง
ประกายเปลวไฟแตกกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ กระบี่ยาวชั้นดีถูกปราณกระบี่ฟาดฟันลึกจนเกือบสะบั้นขาดครึ่ง!
“พลังแข็งแกร่งมาก แต่น่าเสียดายที่ความเร็วมันยังไม่พอ ดูเหมือนว่าข้าต้องฝึกใช้กระบี่นี้ให้คล่องแคล่วมากขึ้น และใช้มันพัฒนาความแข็งแกร่งให้เร็วกว่านี้”
หลัวเฉิงพอใจกับกระบี่ทลายสวรรค์เล่มนี้มาก ซึ่งข้อเสียมันมีเพียงอย่างเดียวคือความเร็วการเคลื่อนไหว มันยังไม่คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน
นี่อาจเป็นเพราะว่ากระบี่ทลายสวรรค์มีน้ำหนักมากเกินไป
แต่นั่นก็หาใช่ปัญหา ตราบใดที่เขาสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ ปัญหาก็จะหมดไปในทันที
ว่าแล้วก็เก็บกระบี่เข้าฝัก จากนั้นหลัวเฉิงก็นั่งลงบนเตียง แล้วหยิบโอสถหลอมอวัยวะออกมา
“ตอนนี้ยังไม่เหมาะ รอจนกว่าข้าจะเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวนก่อนค่อยทะลวงระดับก็ยังไม่สาย”
เดิมที หลัวเฉิงตั้งใจจะทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามในคราวเดียว
แต่หลังจากใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจเดิม
เช้าวันพรุ่งนี้ เรือสำเภาที่ล่องไปยังสำนักซวนหยวนก็จะเดินทางแล้ว เกรงว่าหากจะทะลวงในตอนนี้ เวลาคงไม่พออย่างแน่นอน
“เช่นนั้นข้าควรหลอมสมุนไพรเหล่านี้ก่อนจะดีกว่า”
ครั้งนี้ หลัวเฉิงซื้อสมุนไพรสามดาวแปดชนิดในคราวเดียว การจะพกมันติดตัวไปตลอดเวลานั้น ย่อมไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว
หลัวเฉิงนำสมุนไพรครั้งละชนิดมาวางไว้บนมือ แล้วเริ่มหลอมมันทันที