ตอนที่ 21 ดาบตัดสวรรค์
ตอนที่ 21 ดาบตัดสวรรค์
แม้แต่ในยุคโบราณ มังกรก็ยังเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ และความหวาดกลัว
ตามตำนาน มังกรเหล่านั้นทรงพลังพอที่จะผู้ฝึกฝนยุทธ์ขอบเขตหลุดพ้นตั้งแต่แรกเกิด ทันทีที่พวกมันเติบโตเต็มที่ พวกมันจะสามารถเทียบเคียงกับอมตะ และครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่เจ้าเหนือหัวของโลกนี้
หลังจากนั้นก็เกิดหายนะครั้งใหญ่ซึ่งทำให้มังกรเกือบจะสูญพันธุ์
แม้ว่าอี้ซิงจะไม่เคยเห็นมังกรมาก่อน แต่เขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตมากมายที่มีสายเลือดมังกร และแรงกดดันที่พวกมันแผ่ออกมานั้นมีด้อยกว่ามังกรที่อยู่ตรงหน้าเขามาก
มันเป็นแรงกดดันทางสายเลือด ไม่เกี่ยวข้องกับฐานพลังยุทธ์หรือความแข็งแกร่ง แต่เหมือนกับความแตกต่างในระดับชีวิต ในฐานะเผ่าพันธุ์ที่สูงส่ง
“หืม? ดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกๆ ทำไมมังกรตัวนี้ถึงอ่อนแอถึงขนาดนี้?” จู่ๆ อี้ซิงก็ค้นพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แม้ว่ามังกรที่อยู่ตรงหน้าเขาจะน่าสะพรึงกลัว แต่มันก็ยังไม่ทรงพลังถึงขนาดอยู่ยงคงกระพัน
ในโลกของเฟิงหยุน มังกรนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง ทรงพลังมากจนเกือบจะอยู่ยงคงกระพันในโลกนั้น แต่เมื่อมันปรากฏกายในโลกนี้ ฐานพลังยุทธ์ของมันอยู่ที่กึ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
"ฆ่า!" ลู่เหยาไม่คิดว่ามังกรหยวนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แข็งแกร่งจนสามารถแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญกึ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจ
"โฮกกกก!"
มังกรเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และปล่อยเสียงคำรามยาว สะกดข่มอี้ซิงด้วยแรงกดดันที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
“ฮ่าๆๆ ถ้าเป็นมังกรที่อยู่ในจุดสูงสุด บางทีข้าอาจจะกลัวมากกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ แล้วพวกเจ้าก็อย่าลืมสิว่าที่นี่คือ สำนักดาราของข้า!” อี้ซิงหัวเราะ หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงแล้วเหยียดฝ่ามือออก และทำสัญลักษณ์บางอย่างที่คนนอกไม่มีทางเข้าใจ
พลังวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกรวบรวมมาจากทุกทิศทุกทาง และค่ายกลขนาดใหญ่มากก็ปรากฏขึ้นในทันที และปกคลุมทั่วทั้งสำนักดารา
มีดาวจำนวนนับไม่ถ้วนส่องแสงพร่างพราวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน สาดส่องลงมาบนพื้นโลกด้วยแสงสีเงินนวล
ไม่ว่าศิษย์ของสำนักดาราจะหย่อนยานแค่ไหน พวกเขาก็รู้ว่าในขณะนี้ว่ามีการรุกรานจากศัตรูภายนอก และพวกเขาก็รีบเร่งไปที่ห้องโถงหลักของนิกาย
“รีบจบการต่อสู้เร็วเข้า ไม่งั้นเราจะต้องตายอยู่ที่นี่!” ผู้อาวุโสหนึ่งสูดหายใจลึกแล้วพูด
“จะหนีงั้นรึ? มันสายเกินไปแล้ว!” อี้ซิงเยาะเย้ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่โหมกระหน่ำ
ด้วยการเสริมพลังจากค่ายกล อี้ซิงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เขาได้ทะลวงผ่านคอขวดแห่งขอบเขตหลอมวิญญาณ และเข้าขอบเขตศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์!
ในสำนักดารา พลังของอี้ซิงไม่ต่างไปจากผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง และด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกล เขาจึงแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้อีกเล็กน้อย
ในการต่อสู้ อี้ซิงทำร้ายมังกรหยวนได้หลายครั้ง เลือดมังกร และเกล็ดมังกรจำนวนมากตกลงมาจากอากาศ และในเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงร้องอันน่าสมเพชของมัน
ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ และขอบเขตหลอมวิญญาณเป็นสองขอบเขตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้แต่สำหรับอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่อยู่ในขอบเขตหลอมวิญญาณ
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องทุ่มสุดตัวแล้ว!” ลู่ซวนกัดฟัน มีวิชาดาบหนึ่งที่เขาไม่เคยใช้มากก่อนเนื่องจากราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไป
“ดาบตัดสวรรค์!” ลู่ซวนหลับตาลงช้าๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง
เมื่อคนอื่นเห็นสิ่งนี้อีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดก็ขยับเข้าใกล้ลู่ซวนมากขึ้น และปกป้องเขาไว้ตรงกลางอย่างมั่นคง
ทันใดนั้น โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ในสำนักดาราขนาดใหญ่เหลือเพียงความเงียบสงัด ศิษย์หลายคนที่พยายามเข้ามาใกล้ห้องโถงหลัก หยุดนิ่งอยู่กับที่ สูญเสียประกายแห่งชีวิตในดวงตาของพวกเขา
มิติเวลาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ และเหล่าศิษย์ที่มีฐานพลังยุทธ์ต่ำกว่าขอบเขตหลอมวิญญาณก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย และถูกแช่แข็งอยู่กับที่โดยตรง
ร่างกายของอี้ซิงก็แข็งทื่อ และขยับเขยื้อนไม่ได้ ราวกับถูกจับจ้องด้วยดวงตาของสัตว์ร้าย
“หรือจะเป็นการโจมตีวิญญาณ? คนเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน ทำไมพวกเขาถึงเชี่ยวชาญวิชาลับแบบนี้ได้!” ใบหน้าของอี้ซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็สาปแช่งด้วยความโกรธ
แม้จะมีพลังที่เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์แล้ว อี้ซิงก็ยังไม่สามารถต้านทานเจตจำนงดาบของดาบตัดสวรรค์ได้ เขาถูกตรีงไว้อยู่กับที่
วินาทีต่อมา ร่างๆ หนึ่งแยกออกจากร่างของลู่ซวน และพุ่งเข้าหาอี้ซิงด้วยท่วงท่าที่สง่างามอย่างยิ่ง
เจตจำนงดาบที่ไร้ที่สิ้นสุดปะทุออกมาจากร่างกายของลู่ซวน ทำให้สีหน้าของอี้ซิงเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว
“แยกวิญญาณออกจากร่าง? ชายคนนี้อยู่ในขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มเท่านั้น! เขาไม่กลัวว่าทั้งร่างกาย และวิญญาณจะถูกทำลายหรอกเหรอ?” อี้ซิงกำหมัดแน่น และพูดเสียงเย็นชา
แม้แต่อี้ซิงซึ่งอยู่ในขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่กล้าที่จำเช่นนี้ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ
หากไม่มีวิญญาณ ร่างกายจะเปราะบาง และอ่อนแอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับการนำวิญญาณออกจากร่าง และคนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น
ยิ่งกว่านั้น วิญญาณถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกยุทธ์
หากผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหลอมวิญญาณคนใดต้องการทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต้องแน่ใจว่าวิญญาณของตนจะสมบูรณ์ และไม่เคยได้รับความเสียหายใดๆ เลย
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาสามารถสร้างร่างอวตารขึ้นมาช่วยต่อสู้ได้ และวิญญาณของพวกเขาก็ทรงพลังพอที่จะใช้การโจมตีศัตรูได้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ต้องกลัวดาบตัดสวรรค์
“ให้ตายเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่าชายคนนี้จะวิชาที่โจมตีวิญญาณโดยตรงได้ แม้ว่าข้าจะทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ด้วยความช่วยเหลือจากพลังแห่งค่ายกล แต่ก็ยังค่อนข้างแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!”
ใบหน้าของอี้ซิงกลายเป็นน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็ทำได้เพียงจ้องมองอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นลู่ซวนเข้ามาใกล้ทีละก้าว เขารู้สึกเหมือนกำลังตกเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง
“ตาย!!!”
เสียงที่เย็นชาของลู่ซวนดังมาถึงหูของอี้ซิง ดาบนั้นแทงตรงมาอย่าดุดัน และแทงไปที่ระหว่างคิ้วของอี้ซิง
โดยธรรมชาติแล้ว อี้ซิงจะไม่นั่งนิ่ง และรอความตาย
แต่ทันทีที่คมดาบปะทะเข้าใส่ วิญญาณของอี้ซิงครึ่งหนึ่งก็ถูกตัดขาด ทำให้เขาเกือบตกตะลึง!
เมื่ออี้ซิงรู้สึกสิ้นหวังถึงขีดสุด ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนก้องดังมาจากระยะไหล
“เจ้าสำนักอดทนไว้ก่อน ข้าอยู่นี่แล้ว!”
จากนั้น ชายชราที่มีเครา และผมสีขาวก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
“ผู้อาวุโสสูงสุด รีบฆ่าเขาเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นจะเป็นข้าที่ต้องตายแทน!” อี้ซิงดีใจมาก เขาตะโกนด้วยความรู้สึกกังวล
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสขอบเขตหลอมวิญญาณหลายคนของสำนักดาราก็มาถึงพร้อมกัน!
"ข้าเข้าใจ!" ผู้อาวุโสสูงสุดตอบรับ เขาสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมุ่งตรงไปหาลู่ซวน
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของสำนักดาราก็เริ่มมุ่งตรงไปหาสมาชิกตระกูลลู่ เพื่อสังหารศัตรู
ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดารา มีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่ง และเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญกึ่งศักดิ์สิทธิ์
โชคดีที่ลู่เหยาเรียกมังกรกลับมาแล้ว ไม่เช่นนั้น มันคงไม่ใช่คู่มือของผู้อาวุโสสูงสุด
แต่ถึงกระนั้น ตระกูลลู่ก็ตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ ผู้อาวุโสขอบเขตหลอมวิญญาณคนอื่นๆ จะไม่ยืนเฉย และดูการแสดง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาผนึกกำลังกันโจมตี
ยกเว้นลู่เหยา และผู้อาวุโสทั้งสาม คนที่เหลือในตระกูลลู่ไม่คุณสมบัติที่จะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณ พวกเขาจึงอยู่เคียงข้างลู่ซวนอย่างใจจดใจจ่อ เพราะกลัวว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับผู้นำตระกูล
แม้ว่าลู่เหยา และผู้อาวุโสทั้งสามจะทรงพลังมาก แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่ม พวกเขาจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถต้านทานศัตรูได้นานนัก