ตอนที่แล้วกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 129 ห้ามลงมือในเมืองต้าฮวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 131 ยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้ คุ้มครองเจ้าได้ชั่วชีวิตหรือ

กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 130 การต่อสู้ที่ดุเดือด


กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 130 การต่อสู้ที่ดุเดือด

“หืม?”

ได้ยินเสียง

ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไป รีบเก็บพลังวิเศษ

นี่คือเสียงของเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์!

จินเฉินใจสั่น เขามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาลอย่างไม่พอใจ

ในที่สุดก็ได้พบกับคู่มือ

วันนี้กลับต้องพลาดโอกาส การกระทำเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่เมื่อเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เอ่ยออกมา เขาก็ต้องเชื่อฟัง

“เจ้ากล้าต่อสู้กันนอกเมืองหรือไม่”

จินเฉินดวงตาเต็มไปด้วยความดุดัน จิตต่อสู้พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ทะลวงผ่านเมฆมากมาย

“เหตุใดข้าจะไม่กล้าเล่า”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาลตอบกลับ

เขาเป็นถึงอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์ ไม่เชื่อว่าตนเองจะด้อยกว่าอีกฝ่าย

คนที่อยู่ในรายนามอัจฉริยะล้วนไม่ใช่คนที่อ่อนแอ

“ดี!”

จินเฉินผมสีทองปลิวไสว เขากลายเป็นแสงสีทอง พุ่งทะยานออกไปนอกเมือง บุตรศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาลพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนหลังกิเลนหยกขาว

ตามจินเฉินไปติด ๆ

หลังจากทั้งสองจากไป

ผู้คนมากมายในเมืองต้าฮวง

ต่างก็แสดงความสนใจ

นี่เป็นโอกาสอันดี

การต่อสู้ครั้งนี้ หากคาดการณ์ไม่ผิด จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะฐานะของทั้งสองยิ่งใหญ่มาก

คนหนึ่งเป็นถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาล อนาคตจะขึ้นเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาล อีกคนหนึ่งเป็นนายน้อยแห่งเผ่าพญาเผงปีกทอง

อนาคตจะเป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์

ผลงานของพวกเขาในช่วงวัยเยาว์

จะต้องถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

“การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่อาจพลาด!”

มีคนกล่าวขึ้นมา

“ใช่แล้ว!”

คนข้างกาย ตอบรับ

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว” เสียงลมพัดผ่าน แสงวาบมากมายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ตามอัจฉริยะทั้งสองออกไปนอกเมือง

ภายในหอคอยกลไกสวรรค์

หลี่อวิ๋นมองเงาร่างทั้งสองจากไปก็โล่งใจ

เขาเพิ่งจะพบเจอกับค่ายกลสังหาร ไม่อยากให้เมืองต้าฮวงถูกทำลายอีกครั้ง พลังของทั้งสองคนนี้ แม้จะเป็นเพียงอัจฉริยะรุ่นเยาว์ก็ไม่อาจประมาท

หากพวกเขาต่อสู้กันจริง ๆ

การทำลายเมืองต้าฮวง เป็นเรื่องง่ายดาย

แม้จะมีค่ายกลระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ปกป้อง เจ้าเมืองต้าฮวงคงไม่กล้าเปิดใช้งาน

เขาคงยอมให้เมืองต้าฮวงถูกทำลาย

ดีกว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับอัจฉริยะทั้งสอง

หากทำให้อีกฝ่ายตายที่นี่

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด โทสะของพวกเขา ก็ทำให้เขารับมือได้ยาก

“ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าใครจะชนะ”

เป่ยเฉินเหิงเอ่ยถาม

“หืม?”

หลี่อวิ๋นมองเป่ยเฉินเหิงแวบหนึ่ง

ไม่ตอบคำถาม

ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป วางไว้เบื้องหน้าเป่ยเฉินเหิง

“เอ่อ...”

เป่ยเฉินเหิงมีสีหน้าตะกุกตะกัก

เขากล่าวอย่างเขินอาย “ข้าแค่สงสัย ไม่ต้องบอกก็ได้”

ทั้งสองกำลังจะต่อสู้กัน

เขาไม่อยากเสียเงิน

รออีกสักพัก คงจะรู้ผลลัพธ์

“เหอะ”

หลี่อวิ๋นเย้ยหยัน ไม่กล่าวสิ่งใด

จิตสำนึกของเขาแผ่ออกไปตามเงาร่างของทั้งสอง

เพราะว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็สนใจ

แต่เมื่อทั้งสองเดินทางไปไกลเรื่อย ๆ หลี่อวิ๋นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ตอนนี้เขาเป็นเพียงระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ระยะต้น จิตสำนึกสามารถแผ่ออกไปได้เพียงพันลี้

หากเกินกว่านั้น

ก็จะไม่สามารถสัมผัสได้

“พวกเขานี่มัน...”

“ต่อสู้กันห่างออกไปห้าร้อยลี้ก็พอแล้ว เหตุใดต้องบินไปไกลถึงพันลี้”

หลี่อวิ๋นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

เขาเอ่ยในใจว่า “ระบบ เพิ่มตบะของข้าไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์!”

[ติ๊ง ใช้แต้มกลไกสวรรค์สองแสนหกหมื่นแต้ม เพิ่มตบะของเจ้าภาพไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์ระยะต้น!]

ทันทีที่สิ้นเสียง

หลี่อวิ๋นก็รู้สึกว่าตบะของตนเองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จิตสำนึกแผ่ออกไป ราวกับคลื่นยักษ์ ปกคลุมพื้นที่โดยรอบหมื่นลี้

ทุกสิ่งทุกอย่างภายในหมื่นลี้ปรากฏขึ้นในใจของเขาราวกับภาพวาด

จากระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ระยะต้น

ไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์

กลับใช้แต้มกลไกสวรรค์มากมายเช่นนี้ ต่อไปแต่ละระดับ คงต้องใช้แต้มกลไกสวรรค์หลายเท่า

หลี่อวิ๋นใจหาย

แต้มกลไกสวรรค์ที่เพิ่งจะสะสมได้สามแสนห้าหมื่นแต้ม

หายไปมากกว่าครึ่ง

แม้จะยังไม่หมด

แต่ก็ไม่ต่างกัน

“ดูการต่อสู้ ต้องเพิ่มตบะ มิมีสิ่งใดแปลกไปกว่านี้แล้ว”

หลี่อวิ๋นบ่นในใจ

ห่างจากเมืองต้าฮวงพันลี้

บนท้องฟ้า ผู้บำเพ็ญมากมายยืนอยู่ พวกเขามองไปยังเงาร่างสองร่างที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจ

การต่อสู้วันนี้

คือการต่อสู้ที่สำคัญ

ตอนนี้มีคนนำแผ่นหยกออกมาบันทึกภาพการต่อสู้ เตรียมจะนำไปขายให้อัจฉริยะคนอื่น ๆ ภาพการต่อสู้ที่ล้ำค่าเช่นนี้

อัจฉริยะคนอื่น ๆ คงต้องสนใจ

เพราะว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ใครบ้างจะสละโอกาสในการทำความรู้จักกับคู่ต่อสู้

ในสนามรบ

แสงแดดส่องสว่าง จินเฉินเปล่งประกาย ราวกับสร้างจากทองคำ ผมสีทองสว่างไสว ราวกับทางช้างเผือก

เขาลืมตาขึ้น

ปล่อยแสงเย็นวาววับ ราวกับจะดูดกลืนจิตวิญญาณของผู้คน

จิตสังหารราวกับทะเล

“อืม!”

ง้าวยักษ์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น สีดำสนิท ยาวหนึ่งจั้ง ปลายง้าวเปล่งประกาย จิตสังหารแผ่ออกไป ทำให้ภูเขามากมายสั่นสะเทือน

อีกด้านหนึ่ง

บุตรศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาลยืนสงบนิ่ง

เขายืนอยู่บนท้องฟ้า

ผมยาวสลวย เสื้อผ้าสะบัดพลิ้วไหว เหนือศีรษะ โถงโบราณสีม่วง ปล่อยแสงวาบมากมาย

แม้ทั้งสองจะยังไม่ได้ลงมือ

แต่จิตสังหารก็เริ่มปะทะกัน ผู้ที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็รู้สึกหนาวสั่น ขนลุกซู่ ราวกับตกอยู่ในเหวน้ำแข็ง

“แคร็ก แคร็ก แคร็ก”

เบื้องล่าง

ต้นไม้โบราณมากมาย ล้มลง

ถูกจิตสังหารที่มองไม่เห็น ฉีกขาดกลายเป็นผุยผง แม้แต่พื้นดินก็ยังแตกสลาย

ปรากฏรอยร้าวมากมาย

“ตู้ม!”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ภูเขาขนาดใหญ่ พังทลายลงมา

ก้อนหินมากมายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ปกคลุมท้องฟ้า เสียงดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ภาพเช่นนี้ ทำให้หลายคนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ภูเขาโดยรอบ

สัตว์ร้ายมากมายต่างวิ่งหนีไปทุกสารทิศ สถานการณ์วุ่นวายอย่างยิ่ง

“การต่อสู้ที่ดุเดือดอีกครั้งหนึ่ง”

มีคนกล่าวอย่างแผ่วเบา

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้หลายคนนึกถึงการต่อสู้ระหว่างเฟิ่งหนีชาง และบุตรศักดิ์สิทธิ์ประกายแสง

แม้ว่าทั้งสองคนนี้จะไม่อยู่ในรายนามอัจฉริยะเดียวกัน

แต่จากพลังที่ปลดปล่อยออกมา พลังของทั้งสอง ใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง

5 2 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด