ตอนที่ 55 กฎ

ตอนที่ 55 กฎ

หลัวถงเพิ่งประกาศชัยชนะของหลินมู่ เยวี่ยซิงลุกขึ้นจากพื้น และเดินจากไปอย่างยากลำบาก

ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างน่าอัดอั้นตันใจ

เขายังมีท่าไม้ตายอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ใช้ แต่กลับพ่ายแพ้ต่อหลินมู่อย่างไม่คาดฝัน ทำให้เขารู้สึกไม่ยอมรับ

แน่นอนว่าเขาไม่มีสีหน้าที่ดีนักต่อหลินมู่

หลินมู่มีสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ได้ใส่ใจกับสายตาเย็นชาของเยวี่ยซิง การแข่งขันย่อมมีแพ้มีชนะ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

หลัวถงมองหลินมู่ด้วยความชื่นชม เขาเห็นการต่อสู้หลายครั้งติดต่อกันของหลินมู่ และรู้สึกประทับใจหลินมู่เป็นอย่างมาก

เขาก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้เมื่อหลายปีก่อน เข้าใจความรู้สึกของหลินมู่ในตอนนี้

หลัวถงตบบ่าหลินมู่อย่างเบามือพร้อมกับปลอบโยนว่า “อย่าใส่ใจ ทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ นั่นไม่ใช่เรื่องผิด”

หลินมู่มีสีหน้าผ่อนคลายลง เขาโค้งคำนับหลัวถงและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำสอนของศิษย์พี่ ข้าจะจดจำไว้ในใจ”

หลัวถงหัวเราะและกล่าวว่า “พยายามเข้าร่วมการประลองต่อไป นี่คือบททดสอบสำหรับเจ้า” จากนั้นเขาก็จากไป

กู่เฉินเดินเข้ามาหาหลินมู่และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกครั้ง การได้เป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว”

หลินมู่กลับมามีสีหน้าสงบและตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างยังไม่แน่นอน ผู้ใดจะทราบว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”

กู่เฉินหัวเราะแห้ง และกล่าวว่า “ด้วยความสามารถของศิษย์พี่ แม้แต่เยวี่ยซิงยังยากที่จะทนต่อท่านได้ถึงห้ากระบวนท่า การได้เป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกนั้นแน่นอนว่าอยู่ในกำมือของศิษย์พี่แล้ว ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย”

สีหน้าของหลินมู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าประมาทใคร เยวี่ยซิงแข็งแกร่งมาก การที่ข้าสามารถชนะเขาได้นั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”

กู่เฉินยิ้มเพราะรู้ว่าหลินมู่เป็นคนรอบคอบและระมัดระวังในการพูด และการกระทำ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหลินมู่มากนัก

ถ้าเยวี่ยซิงแข็งแกร่งจริง เขาจะอ่อนแอเหมือนกระดาษที่ถูกแทงทะลวงได้ง่าย ๆ ได้อย่างไร?

การประลองของหลินมู่จบลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่หลินมู่ชนะ เซียงอี้ก็ผ่านเข้ารอบได้อย่างราบรื่นสมกับเป็นผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง ตามมาด้วยหลัวอวิ๋นที่ชนะอย่างรวดเร็ว เอาชนะผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบได้โดยที่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

แต่แตกต่างจากหลินมู่และอีกสองคน การประลองคู่อื่น ๆ ต้องใช้เวลานานกว่าจะตัดสินผลแพ้ชนะได้

เมื่อมาถึงจุดนี้ ความสามารถของผู้ฝึกตนแต่ละคนใกล้เคียงกันมาก ทำให้ยากที่จะตัดสินผลแพ้ชนะ มีผู้เข้าแข่งขันสองคนที่แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าหลังจากการประลองครั้งนี้จะมีเวลาพักสิบวัน แต่อาการบาดเจ็บก็ยากที่จะหายดี

หลังจากที่ได้แปดอันดับแรกแล้ว ยังเหลืออีกสามตำแหน่งสำหรับสิบเอ็ดอันดับแรก

สามตำแหน่งนี้จะถูกเลือกจากผู้ที่พ่ายแพ้แปดคน

การแข่งขันเพื่อเลือกสามคนจากแปดคนนั้นดุเดือดมาก ทุกคนต่างงัดวิชาความสามารถทั้งหมดออกมา เพื่อให้ได้หนึ่งในสามตำแหน่งที่เหลืออยู่

การต่อสู้จึงดุเดือดและโหดร้ายอย่างยิ่ง!

คำพูดของหลินมู่กลายเป็นจริง

ในบรรดาแปดคนนี้ เยวี่ยซิงแข็งแกร่งที่สุดจริง ๆ

แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้สองคนติดต่อกันด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ และผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ

แต่คู่ต่อสู้สองคนที่เขาเผชิญหน้า ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น

เยวี่ยซิงระบายความแค้นที่พ่ายแพ้ต่อหลินมู่ทั้งหมดใส่คนทั้งสองโดยออกมืออย่างโหดเหี้ยม และไร้ความปราณี

คนหนึ่งถูก “กระสุนเพลิง” เผาจนบาดเจ็บสาหัส อีกคนถูก “เคล็ดคงกระพัน” แทงทะลุท้องน้อย คนทั้งสองเห็นเยวี่ยซิงได้รับบาดเจ็บ จึงอดไม่ได้ที่จะประมาท แต่พวกเขาต้องจ่ายราคาแพงสำหรับความประมาทนั้น ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองเดือนกว่าจะลุกจากเตียงได้

ในตอนนี้กู่เฉินจึงเข้าใจว่าสิ่งที่หลินมู่พูดนั้นเป็นความจริง เขาเชื่อมั่นในคำพูดของหลินมู่อย่างไม่มีข้อสงสัย เยวี่ยซิงผู้นี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

เป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่งที่สามคนที่ได้รับเลือกในท้ายที่สุดคือคู่ต่อสู้เดิมของหลินมู่ หลัวอวิ๋น และเซียงอี้ ได้แก่ เยวี่ยซิง ฉีหมิง และซาเหอ

ผลลัพธ์นี้ทำให้ศิษย์ชั้นในสองคนที่ทำการจับฉลากตื่นเต้นมาก

ก่อนการประลองจะมาถึง การจับฉลากของพวกเขาได้นำมาซึ่งการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกยินดี และรู้สึกว่าไม่ได้ทำให้ความคาดหวังของศิษย์ชั้นนอกหลายพันคนผิดหวัง

หลังจากที่ได้สิบเอ็ดอันดับแรกของกลุ่มผู้ชนะแล้ว สี่ผู้แข็งแกร่งแห่งกลุ่มผู้แพ้ก็ได้รับการคัดเลือกอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ทั้งสี่คนนี้ล้วนเป็นตัวละครที่เก่งกาจ เพียงแต่ในช่วงเริ่มต้นพวกเขาโชคร้ายไปเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า

แต่หลังจากที่พยายามอย่างหนัก พวกเขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสิบห้าอันดับแรก และสามารถแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งห้าอันดับสุดท้ายได้

บางคนถึงกับมองไปที่สามอันดับแรก

รางวัลสำหรับสามอันดับแรกคืออาวุธวิเศษระดับสูง เพียงแค่คิดก็ทำให้เลือดลมสูบฉีด

อาวุธวิเศษระดับสูงมีมูลค่าอย่างน้อยหลายพันก้อนหินวิญญาณระดับต่ำ ผู้ฝึกตนหลายคนต้องดิ้นรนทั้งชีวิตก็ยังหาหินวิญญาณได้ไม่มากขนาดนี้

แต่เพียงแค่ได้เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้ ก็จะได้รับอาวุธวิเศษระดับสูงไปครอง

นี่คือเหตุผลที่หลายคนพยายามอย่างสุดกำลัง แม้จะต้องบาดเจ็บสาหัสก็ยังยอมเสี่ยง

ในบรรดาผู้ที่ได้รับเลือกสิบห้าคน มีสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการผ่านเข้ารอบ แต่ก็เป็นชัยชนะที่เจ็บปวด ความหวังในการเข้าร่วมการประลองขั้นสุดท้ายริบหรี่

การประลองขั้นสุดท้ายกำหนดไว้ในอีกสิบวันข้างหน้า ภายใต้การตัดสินของจ้าวสำนักและสี่ผู้อาวุโส

กฎของการประลองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แตกต่างจากการจับฉลากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

ในการประลองครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะมีสิทธิ์เลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

การประลองจะแบ่งออกเป็นห้าเวที แต่ละเวทีจะถูกดูแลโดยจ้าวสำนักและสี่ผู้อาวุโสอย่างละหนึ่งคน

เมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้น จ้าวสำนักและสี่ผู้อาวุโสจะเลือกผู้เข้าแข่งขันห้าคนจากสิบห้าคนเพื่อขึ้นไปยืนบนเวที

ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออีกสิบคน แต่ละคนจะมีโอกาสท้าทายสองครั้ง สามารถเลือกผู้ที่ยืนอยู่บนเวทีเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างอิสระ หากสามารถเอาชนะผู้ที่ยืนอยู่บนเวทีได้ ก็จะได้ขึ้นไปแทนที่

ผู้ที่ถูกโค่นลงมาจากเวทีก็ยังมีโอกาสท้าทายอีกสองครั้ง สามารถโต้กลับได้

ในท้ายที่สุดเมื่อทุกคนใช้โอกาสหมดแล้ว ศิษย์ที่ยังคงอยู่บนเวทีก็คือห้าอันดับแรก

กฎการประลองนี้อาจดูเหมือนยุติธรรม แต่จริง ๆ แล้วเต็มไปด้วยหลุมพราง หากไม่ระมัดระวังก็อาจจะแพ้ราบคาบได้

ห้าคนที่ถูกเลือกให้ขึ้นไปบนเวทีตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้โชคดีเสมอไป

หลังจากการต่อสู้แบบพบกันหมดของสิบคนที่อยู่ข้างล่าง จะมีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงอยู่บนเวทีได้

ยิ่งไปกว่านั้น กฎนี้ยังทำให้จำนวนครั้งในการประลองไม่เท่าเทียมกัน

บางคนอาจแข็งแกร่งเกินไป จนไม่มีใครกล้าท้าทายเพราะกลัวจะเสียโอกาสไปเปล่า ๆ

ในขณะที่บางคนอาจถูกมองว่าอ่อนแอ ก็จะถูกรุมโจมตีด้วยการใช้กลยุทธ์แบบรถไฟเหาะ เพื่อให้เขาลงจากเวทีให้ได้

ดังนั้นกฎนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่แข็งแกร่ง สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้มากมาย

แต่สำหรับผู้ที่อ่อนแอกว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น

ในบรรดาสิบห้าคนนี้ กฎนี้ไม่เป็นผลดีต่อหลินมู่มากที่สุด

หากเขากลายเป็นผู้ยืนบนเวที เขาจะเป็นคนที่ถูกรุมโจมตีมากที่สุด

ด้วยขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดของเขา ในบรรดาสิบห้าอันดับแรก เขาเป็นเหมือนไก่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงนกกระเรียน ทุกคนต่างอยากจะลองมาท้าทายเขา

แม้ว่าหลินมู่จะมีความสามารถที่จะเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรก แต่ภายใต้การโจมตีแบบรถไฟเหาะของทุกคน เขาก็อาจจะไม่สามารถต้านทานได้

หลังจากฟังศิษย์ภายในอ่านกฎการประลองจบ หลินมู่ก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาใช้ “วิชาควบคุมลม” ลอยกลับไปยังเรือนเล็กของเขา